1
อื่น ๆ / ธุรกิจสตาร์ทอัพก็สามารถขอ “สินเชื่อธุรกิจ SME” ได้จริง
« เมื่อ: ธันวาคม 13, 2025, 06:05:50 AM »
สำหรับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพจำนวนมาก คำว่า “กู้สินเชื่อsme
” มักถูกมองว่าเหมาะกับร้านค้าเดิม ๆ หรือโรงงานที่ทำมานาน แต่ในความเป็นจริง ธนาคารหลายแห่งเริ่มออกแบบ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ แบบระยะยาว (Term Loan / Investment Loan) เพื่อรองรับธุรกิจรุ่นใหม่ที่ต้องการเงินก้อนไปลงทุนระบบ แพลตฟอร์ม หรือเครื่องจักร ตั้งแต่ช่วงกำลังขยายกิจการ
เมื่อเข้าใจให้ชัดว่า สินเชื่อ SME คืออะไร ใช้อย่างไร และธนาคารไหนมีผลิตภัณฑ์ที่พอจะเข้าทางสตาร์ทอัพ การวางแผนขอ เงินกู้ SME ก็จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
1. Term Loan / Investment Loan คืออะไร และเหมาะกับสตาร์ทอัพแบบไหน
Term Loan / Investment Loan คือแหล่งเงินทุนแบบ “เงินก้อนผ่อนระยะยาว” ที่ออกแบบมาเพื่อการลงทุน เช่น
• ลงทุนระบบหลังบ้าน / ระบบไอที / แพลตฟอร์ม
• ลงทุนเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ใช้สร้างรายได้
• ปรับปรุงสถานที่ เปิดสาขาใหม่ หรือขยายไลน์การผลิต
แตกต่างจากวงเงินหมุนเวียนหรือเงินกู้ด่วนที่ใช้จ่ายระยะสั้น เพราะ Term Loan จะมี
• วงเงินและระยะเวลาผ่อนที่กำหนดชัด
• แผนผ่อนชำระรายเดือนที่ค่อนข้างคงที่ (หรือมี Step-up ตามที่ตกลง)
• ใช้ข้อมูลรายได้–กระแสเงินสดของกิจการเป็นฐานพิจารณาหลัก
สำหรับสตาร์ทอัพ ถ้าธุรกิจเริ่มมี รายได้สม่ำเสมอ หรือมี สัญญางาน / PO จากลูกค้าองค์กร การใช้ Term Loan เพื่อขยายระบบหรือเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการ มัก “สมเหตุสมผล” มากกว่าการใช้แค่ เงินกู้ด่วน หรือรูดบัตร/ลากวงเงินระยะสั้นซ้ำ ๆ จนภาระดอกเบี้ยบาน
ในมุมคำอธิบายง่าย ๆ
• ถ้าต้องลงทุนก้อนใหญ่ แต่สินทรัพย์นั้นสร้างรายได้ต่อเนื่องหลายปี → เหมาะกับ กู้ SME แบบ Term Loan / Investment Loan
• ถ้าต้องหมุนระยะสั้น ระหว่างรอเงินจากลูกค้าเข้า → ใช้วงเงินหมุนเวียน/แฟคตอริ่งจะเหมาะกว่า
2. ขอ Term Loan มาใช้ในกิจการสตาร์ทอัพได้อย่างไร
แม้บางคนจะกังวลว่าธนาคาร “ไม่ค่อยปล่อยกู้ให้สตาร์ทอัพ” แต่ในทางปฏิบัติ ถ้าเตรียมข้อมูลดีพอ การขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประเภท Term Loan ก็มีโอกาสผ่านได้ โดยทั่วไปธนาคารจะดู 3 เรื่องใหญ่ ๆ
2.1 รูปแบบธุรกิจและรายได้ (Business Model & Revenue Proof)
• มีลูกค้าจริง รายได้เริ่มนิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่ไอเดีย
• สามารถดึงข้อมูลจากระบบ POS, แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือบัญชีธนาคาร มาแสดงยอดขายย้อนหลัง
• กรณีเป็นงาน B2B มีสัญญาจ้าง / ใบสั่งซื้อ / ใบเสนอราคา ที่พอจะพิสูจน์ “เงินที่จะเข้ามาในอนาคต”
สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ธนาคารมั่นใจว่า การปล่อย สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่ใช่เสี่ยงกับโปรเจกต์ที่ยังไม่มีเคสจริงรองรับ
2.2 ความสามารถผ่อนชำระ (Cash Flow & Repayment Ability)
แม้บทความนี้จะไม่ลงลึกสูตร DSCR/DSR เท่าบทความเชิงเทคนิค แต่หลักคิดง่าย ๆ คือ
• ดู “เงินสดเหลือจากการดำเนินงานต่อเดือน” หลังหักต้นทุนและค่าใช้จ่ายแล้ว
• เปรียบเทียบกับ “ค่างวดที่ต้องจ่ายต่อเดือน” เมื่อขอ สินเชื่อเงินกู้ ก้อนใหม่
• เผื่อกรณีรายได้ตกลง 20–30% แล้วธุรกิจก็ยังพอจ่ายไหว
ถ้าตัวเลขเหล่านี้จัดเรียงได้ดี ธนาคารย่อมมองว่าคำขอ กู้ SME ชุดนี้อยู่ในโซนที่รับความเสี่ยงได้
2.3 หลักประกัน / หลักฐานประกอบ
แม้บางผลิตภัณฑ์เปิดให้กู้เกือบเหมือน “กู้เงินด่วนสำหรับ SME” แต่สำหรับ Term Loan ส่วนใหญ่ยังต้องใช้หลักประกัน เช่น
• อสังหาริมทรัพย์ อาคารพาณิชย์ ที่ดิน โรงงาน
• เครื่องจักร/อุปกรณ์ที่มีเอกสารครบ และใช้งานได้จริง
• บางกรณีใช้ บสย. ค้ำเสริม เพื่อช่วยให้วงเงินและโอกาสอนุมัติสูงขึ้น
เมื่อเตรียมข้อมูลครบทั้ง “รายได้–กระแสเงินสด–หลักประกัน” คำขอ สินเชื่อธุรกิจ SME จะดูน่าเชื่อถือขึ้นมากในสายตาเจ้าหน้าที่สินเชื่อ
3. ธนาคารไหนบ้างที่มี Term Loan สำหรับ SME และสตาร์ทอัพ
ปัจจุบันทั้งธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐมีผลิตภัณฑ์ที่สตาร์ทอัพสามารถพิจารณาได้ (เงื่อนไขจริงควรตรวจสอบจากเว็บไซต์ทางการอีกครั้งก่อนยื่น)
3.1 ธนาคารออมสิน (GSB) – สินเชื่อ GSB SMEs Start-Up
ธนาคารออมสินมีโครงการ GSB SMEs Start-Up ที่เปิดให้กู้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือเพื่อลงทุนในทรัพย์สินถาวร เหมาะกับผู้ประกอบการรายใหม่และสตาร์ทอัพ วงเงินต่อรายสูงสุดประมาณ 10 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับความจำเป็นและความสามารถในการชำระหนี้ของกิจการ โดยครอบคลุมทั้งเงินกู้ระยะสั้นและเงินกู้ระยะยาวสำหรับลงทุนจริงในธุรกิจ
สำหรับสตาร์ทอัพที่มีโมเดลธุรกิจชัด มีแผนการใช้เงินพร้อม และต้องการ เงินกู้ SME แบบ “ผ่อนเป็นงวด” เพื่อสร้างระบบ/อุปกรณ์ในระยะยาว โครงการกลุ่มนี้ถือว่าน่าศึกษาเป็นพิเศษ
3.2 SME D Bank – สินเชื่อปลุกพลัง SME / Boost Up และสินเชื่อเพื่อการลงทุนอื่น ๆ
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) มีหลายโครงการที่ช่วยผู้ประกอบการรายเล็กเข้าถึง แหล่งเงินทุน ดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ เช่น สินเชื่อ “ปลุกพลัง SME” หรือ “Boost Up” ซึ่งเปิดกว้างให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหม่และรายเดิมนำเงินไปลงทุนหรือเสริมสภาพคล่อง โดยมักเป็นเงินกู้ระยะยาว วงเงินสูง และใช้ บสย. ค้ำประกันได้ในบางโครงการ
แม้จะไม่ระบุคำว่า “สตาร์ทอัพ” ชัดทุกผลิตภัณฑ์ แต่ถ้าธุรกิจอยู่ในเกณฑ์ SME ตามที่ธนาคารกำหนด และมีแผนลงทุนที่ชัดเจน ก็สามารถใช้ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ กลุ่มนี้เป็นฐานในการขยายกิจการได้
3.3 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ (เช่น SCB, กรุงไทย ฯลฯ)
• SCB มีผลิตภัณฑ์ กู้เงินลงทุนระยะยาว (Long Term Loan) สำหรับลงทุนในสินทรัพย์ถาวร โดยเน้นให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนกระแสเงินสดจากตารางผ่อนที่แน่นอน เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการขยายโรงงาน สาขา หรือระบบไอทีอย่างจริงจัง
• ธนาคารกรุงไทย มีสินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME แบบวงเงินลงทุนและวงเงินหมุนเวียนสำหรับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีประสบการณ์ธุรกิจและมีรายได้ผ่านบัญชีที่ชัดเจน ซึ่งเจ้าของกิจการสามารถใช้เพื่อขยายกิจการหรือเสริมสภาพคล่องควบคู่กันไป
ในทางปฏิบัติ สตาร์ทอัพที่มีรายได้เติบโตต่อเนื่อง สามารถใช้โปรไฟล์เดียวกันกับ SME ทั่วไปในการยื่นขอ กู้ SME ประเภท Term Loan ที่ธนาคารพาณิชย์เหล่านี้มีอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องเตรียมเอกสาร “เชิงสตาร์ทอัพ” ให้เล่าเรื่องรายได้และศักยภาพการเติบโตได้ชัดเจน
4. มุมมองเชิงกลยุทธ์: เมื่อไรควรใช้ Term Loan แทนเงินกู้ด่วนหรือวงเงินหมุนเวียน
จากประสบการณ์ให้คำปรึกษา เจ้าของธุรกิจจำนวนไม่น้อยเริ่มต้นจาก เงินกู้ด่วน หรือวงเงินหมุนเวียนที่ขอได้เร็ว แต่เมื่อต้องลงทุนโครงสร้างระยะยาว เช่น ระบบคลังสินค้า เครื่องจักร หรือศูนย์กระจายสินค้า หากยังใช้วงเงินสั้น ๆ อยู่ ภาระดอกเบี้ยต่อปีมักสูงเกินจำเป็น และกระทบเสถียรกระแสเงินสด
มุมมองเชิงกลยุทธ์ที่แนะนำคือ
1. ใช้ Term Loan กับสิ่งที่ “สร้างรายได้หลายปี”
◦ เช่น ระบบที่ช่วยเพิ่มกำลังผลิต หรือทำให้มาร์จิ้นดีขึ้นในระยะยาว
◦ ผ่อนยาว 3–7 ปี ตามอายุการใช้งานของทรัพย์
2. ใช้วงเงินหมุนเวียนกับสิ่งที่ “หมุนจบในไม่กี่รอบบิล”
◦ เช่น วัตถุดิบรอบสั้น ค่าแรงรอวางบิลลูกค้า
◦ จ่ายแล้วปิด ยืดหยุ่น แต่ไม่ควรใช้ลากยาวเหมือนเงินกู้ลงทุน
3. แยกเงินส่วนตัวออกจากเงินธุรกิจให้ชัดเจน
◦ ทำให้ประวัติ สินเชื่อเงินกู้ ของธุรกิจดูสะอาด ธนาคารอ่านสเตทเมนต์ง่าย
◦ เป็นพื้นฐานสำคัญของคำขอ สินเชื่อธุรกิจ SME ในรอบถัดไป
เมื่อออกแบบโครงสร้างแบบนี้ ทั้งสตาร์ทอัพและ SME ทั่วไปจะใช้ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ได้คุ้มค่า ไม่ดึงภาระผ่อนเกินตัว และไม่พึ่ง “เงินกู้ด่วน” ระยะสั้นในเรื่องที่ควรใช้ Term Loan
5. ข้อสังเกตเวลาเลือกธนาคาร: ไม่ได้มีแค่ “ดอกเบี้ยถูก–แพง”
เวลาเปรียบเทียบคำขอ สินเชื่อธุรกิจ SME หรือ เงินกู้ SME สำหรับลงทุนระยะยาว เจ้าของกิจการมักมองที่ดอกเบี้ยเป็นหลัก แต่ในมุมที่ปรึกษา อยากชวนดูปัจจัยอื่นเพิ่มเติม เช่น
• ความยืดหยุ่นเรื่อง Grace Period (ช่วงผ่อนเบา หรือพักต้น)
• ความสะดวกในการเบิกจ่ายเงินกู้ (บางธนาคารให้แบ่งเบิกตามงวดการติดตั้ง/ก่อสร้าง)
• ความเร็วในการอนุมัติ และความเข้าใจในธุรกิจรูปแบบสตาร์ทอัพ
• การมีทีมที่ปรึกษาหรือโครงการพัฒนาผู้ประกอบการควบคู่กับการปล่อยสินเชื่อ
บางครั้งธนาคารเฉพาะกิจของรัฐอาจให้ดอกเบี้ยต่ำกว่า และมีโปรแกรมเสริม เช่น อบรมการบริหารการเงินและการตลาดสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์อาจเด่นเรื่องเครื่องมือดิจิทัลและความคล่องตัวในการใช้วงเงิน ทั้งสองฝั่งจึงเป็นตัวเลือก แหล่งเงินทุน ที่ควรพิจารณาไปพร้อมกัน
6. สรุป และชวนอ่านต่อ: วางโครงสร้างสินเชื่อให้เหมาะกับเส้นทางธุรกิจ
โดยสรุปแล้ว Term Loan / Investment Loan เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับสตาร์ทอัพที่กำลังก้าวจาก “ทดลองตลาด” ไปสู่ “ขยายขนาดธุรกิจ” หากใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์อื่นอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตบนฐานเงินทุนที่มั่นคงขึ้น
• เข้าใจให้ชัดว่า สินเชื่อ SME คือ อะไร ใช้เมื่อใดควรเลือกเงินกู้ระยะยาว แทนการพึ่งเงินกู้ด่วนเสมอ
• เตรียมข้อมูลรายได้ กระแสเงินสด และแผนการลงทุนให้ดี เพื่อเพิ่มโอกาสอนุมัติ
• เลือกธนาคารและโครงการที่เหมาะกับสเตจของธุรกิจ ทั้งจากธนาคารพาณิชย์และธนาคารภาครัฐ
หากต้องการลงลึกเรื่องการวางโครงสร้างเงินกู้ การผสม Term Loan กับวงเงินหมุนเวียน และเทคนิคเตรียมเอกสารให้ธนาคารเข้าใจง่าย สามารถอ่านต่อได้ที่บทความหลักบนเว็บไซต์ EasyCashFlows:
👉 อ่านต่อ: สินเชื่อสตาร์ทอัพแหล่งเงินทุนที่น่าสนใจ
ที่หน้า คู่มือสินเชื่อเพื่อธุรกิจ บน easycashflows.com
ใช้เวลาเตรียมตัวให้พร้อมก่อนยื่นกู้สักนิด จะช่วยให้การ กู้ SME ครั้งนี้ใกล้เคียงคำว่า “สินเชื่ออนุมัติง่าย” มากขึ้น และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตระยะยาวที่ยั่งยืนสำหรับธุรกิจของคุณค่ะ/ครับ












