รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้รับเหมาจะใช้ทรัพย์อะไรค้ำสินเชื่อดี? 3 ตัวเลือกหลักประกันที่ช่วยให้เงินหมุน  (อ่าน 16 ครั้ง)

easycashflows

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 87
    • ดูรายละเอียด


ช่วงนี้โครงการก่อสร้างภาครัฐและเมกะโปรเจกต์ต่าง ๆ ยังเดินหน้าต่อเนื่อง หลายสำนักคาดว่า มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐปี 2568 จะยังขยายตัวต่อ โดยมีการเปิดประมูลโครงการด้านคมนาคมเพิ่มขึ้น ถือเป็นโอกาสของผู้รับเหมาก่อสร้างทั้งรายใหญ่และรายกลาง–เล็กในการต่อยอดรายได้และเพิ่มงานในมือ
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ภาพรวม สินเชื่อเงินกู้sme
 ของไทยยังไม่ฟื้นเต็มที่ สินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์เคยหดตัวจากการที่ธนาคารระมัดระวังการปล่อยกู้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม SME ที่เผชิญความเสี่ยงด้านเครดิตสูงขึ้น แม้ล่าสุดภาครัฐจะออกแพ็กเกจซอฟต์โลนและค้ำประกันสินเชื่อวงเงินราว 2.67 แสนล้านบาท เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องให้ธุรกิจขนาดเล็กที่ “เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง” แล้วก็ตาม
ในสภาพแบบนี้ ถ้าผู้รับเหมาอยากใช้ สินเชื่อเพื่อเจ้าของธุรกิจ
 เป็น แหล่งเงินทุน เสริมหน้างาน สิ่งหนึ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือคำถามว่า
“จะใช้ทรัพย์อะไรค้ำดี ถึงจะได้วงเงินพอหมุนงาน ดอกเบี้ยไม่โหด และไม่ไปบีบเงินสดเกินจำเป็น?”
บทความนี้จึงหยิบเฉพาะหัวข้อ “เลือกทรัพย์ค้ำอะไรดี สำหรับผู้รับเหมา” จากหน้า สินเชื่อสำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง บน EasyCashFlows มาขยายให้เห็นภาพง่ายขึ้น แยกเป็น 3 กลุ่มทรัพย์ค้ำหลัก พร้อมมุมมองเชิงวิเคราะห์ว่าทรัพย์แต่ละแบบเหมาะกับสถานการณ์ไหนของผู้รับเหมา และส่งผลอย่างไรต่อวงเงินและ เงินทุนหมุนเวียน ของกิจการ

ทำไม “ทรัพย์ค้ำ” ถึงสำคัญกับสินเชื่อผู้รับเหมา

สำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง สินเชื่อที่ใช้กันบ่อยมักเป็น
    • สินเชื่อ ผู้รับ เหมา แบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
    • วงเงินกู้ที่ใช้เป็น เงินทุนหมุนเวียน สำหรับค่าแรง ค่าวัสดุ และค่าใช้จ่ายหน้างาน
    • สินเชื่อเพื่อลงทุนซื้อเครื่องจักรหรือทรัพย์สินถาวร
การมี “ทรัพย์ค้ำ” ที่เหมาะสมมีผลอย่างน้อย 3 เรื่อง
    1. วงเงินสูง–ต่ำ
ธนาคารจะดู “มูลค่าหลักประกัน” เป็นฐานในการกำหนดวงเงิน เช่น 60–80% ของราคาประเมิน (ที่หลายคนเรียกกันว่า LTV ในสินเชื่อบ้าน)
    2. ระดับดอกเบี้ย
ยิ่งหลักทรัพย์มีความเสี่ยงต่ำ (ขายต่อได้ง่าย มูลค่าค่อนข้างคงที่) ดอกเบี้ยของ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ก็มักอยู่ในระดับที่เป็นธรรมกว่า เมื่อเทียบกับสินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์
    3. ผลต่อสภาพคล่อง
ถ้าใช้ “เงินสดหรือเงินฝาก” ไปค้ำมากเกินไป สภาพคล่องอาจตึงตัว แม้ดอกเบี้ยจะถูกก็ตาม เพราะเงินก้อนนั้นถูกล็อกไว้กับธนาคาร
ดังนั้น การเลือกทรัพย์ค้ำให้เหมาะ จึงไม่ใช่แค่ “มีอะไรก็เอาไปค้ำ” แต่คือการออกแบบสมดุลระหว่าง วงเงิน ดอกเบี้ย และความคล่องของ แหล่งเงินทุน ในภาพรวมของกิจการ

เลือกทรัพย์ค้ำอะไรดี สำหรับผู้รับเหมา: 3 กลุ่มหลักที่ควรรู้
จากบทความหลักของ EasyCashFlows มีการแบ่งทรัพย์ค้ำที่เหมาะกับผู้รับเหมาออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ อสังหาริมทรัพย์ เครื่องจักรงานก่อสร้าง และเงินฝาก/ตราสาร ตัวอย่างและข้อคิดของแต่ละกลุ่ม มีดังนี้
1) อสังหาริมทรัพย์: ที่ดิน โกดัง สำนักงาน – ตัวเลือกพื้นฐาน วงเงินดี ดอกเบี้ยสวย
เหมาะกับ:
    • ผู้รับเหมาที่มีที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โกดังเก็บของ หรืออาคารสำนักงานเป็นของตัวเอง
    • ต้องการวงเงินค่อนข้างสูง เพื่อรองรับโครงการระยะกลาง–ยาว
ข้อดีหลัก
    • มูลค่าประเมินค่อนข้างชัด ธนาคารสามารถส่งประเมินราคาได้ง่าย ทำให้เจรจาวงเงินได้ตรงไปตรงมา
    • มักได้อัตราส่วนวงเงินต่อมูลค่าทรัพย์ (คล้าย ๆ LTV) ที่ดีกว่า และดอกเบี้ยต่ำกว่าการใช้ทรัพย์ประเภทอื่น
    • เหมาะกับการใช้เป็นหลักประกันทั้งสินเชื่อแบบผ่อนระยะยาว และวงเงินกึ่ง เงินทุนหมุนเวียน สำหรับงานก่อสร้างหลายโครงการต่อเนื่อง
ข้อควรระวัง
    • ถ้าเอา “ทรัพย์หลักของครอบครัว” เช่น บ้านพักอาศัยไปค้ำ ต้องวางแผนการผ่อนให้รอบคอบกว่าปกติ เพราะหากบริหารหนี้พลาด ผลกระทบจะสูง
    • ควรทำความเข้าใจเงื่อนไขค่าปรับกรณีปิดบัญชีก่อนกำหนด หรือการรีไฟแนนซ์ในอนาคตด้วย
สำหรับผู้รับเหมาที่มีฐานทุนอยู่บ้าง การใช้ที่ดินหรืออสังหาฯ เป็นทรัพย์ค้ำ มักทำให้โครงสร้าง สินเชื่อเพื่อธุรกิจ มีต้นทุนดอกเบี้ยรวมต่ำกว่าในระยะยาว และช่วยให้ขยับวงเงินได้ตามการเติบโตของกิจการ

2) เครื่องจักรงานก่อสร้าง: ปั้นจั่น รถโฟล์คลิฟท์ เครื่องเจาะ–ตัด – หนุนวงเงินเสริม เพิ่มศักยภาพไซต์งาน
จากรายงานภาวะธุรกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย มีการสะท้อนว่า ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภาครัฐจำนวนหนึ่งเริ่มลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่ม เพื่อรองรับงานภาครัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป
เครื่องจักรที่มีตลาดมือสองชัดเจน เช่น
    • ปั้นจั่น รถโฟล์คลิฟท์
    • เครื่องเจาะเสาเข็ม เครื่องตัด–ดัดเหล็ก
    • รถโฟล์คลิฟท์ รถเครนขนาดต่าง ๆ
มักถูกใช้เป็นหลักประกันเสริมให้กับ สินเชื่อ ผู้รับ เหมา ได้เช่นกัน
ข้อดีหลัก
    • ช่วย “เพิ่มเพดานวงเงิน” เมื่ออสังหาฯ ที่ใช้ค้ำมีมูลค่าไม่พอ
    • เป็นทรัพย์ที่ใช้สร้างรายได้โดยตรง ทำให้ธนาคารมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างหลักประกันกับรายได้ของกิจการ
    • เหมาะกับการขอสินเชื่อเพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่ (สินเชื่อเพื่อการลงทุน) ควบคู่กับวงเงิน สินเชื่อsme ที่ใช้หมุนเวียนหน้างาน
ข้อควรระวัง
    • มูลค่าของเครื่องจักร “เสื่อมตามเวลา” และขึ้นกับสภาพการใช้งาน
    • ถ้าเป็นรุ่นที่ตลาดมือสองไม่ค่อยมี หรืออะไหล่หายาก ธนาคารอาจให้วงเงินไม่สูงเท่าที่คาด
    • ต้องดูแลด้านประกันภัยและการบำรุงรักษาให้ดี เพราะมีผลต่อ “มูลค่าจริง” ที่ธนาคารประเมิน
สำหรับผู้รับเหมาที่เริ่มขยับจากรายเล็กไปสู่รายกลาง การใช้เครื่องจักรเป็นทรัพย์ค้ำช่วยให้แบกรับงานใหญ่ขึ้นได้ โดยไม่ต้องพึ่งแต่สินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันเพียงอย่างเดียว

3) เงินฝากหรือตราสารการเงิน: อนุมัติไว ดอกเบี้ยต่ำ แต่ต้องยอมล็อกเงิน
ทรัพย์กลุ่มสุดท้ายที่มักถูกใช้ค้ำกับ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ คือ
    • เงินฝากประจำ
    • ตราสารหนี้หรือตราสารทางการเงินที่ธนาคารรับค้ำ
จุดเด่น
    • การอนุมัติส่วนใหญ่จะค่อนข้างเร็ว เพราะความเสี่ยงธนาคารต่ำ
    • ดอกเบี้ยสินเชื่อมักอยู่ในระดับ “ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย” ของสินเชื่อธุรกิจทั่วไป
    • เหมาะกับใช้เป็นหลักประกันเสริมระยะสั้น เพื่อดันวงเงินให้พอใช้ในช่วงจังหวะสำคัญ เช่น เข้าประมูลงานใหญ่
ข้อเสียสำคัญ
    • เงินฝากหรือกองทุนที่นำไปค้ำจะถูก “ล็อก” ทำให้สภาพคล่องลดลง
    • ถ้าเอาเงินสดไปค้ำมากเกินไป วงเงินสินเชื่อที่ได้อาจไม่ได้ช่วยสภาพคล่องเท่าที่คิด เพราะเงินสดที่ควรใช้หมุน กลับไปนอนอยู่ในหลักประกัน
ดังนั้น ทรัพย์กลุ่มนี้เหมาะจะใช้เป็น “ตัวช่วยชั่วคราว” มากกว่าการค้ำหลักระยะยาว โดยเฉพาะสำหรับผู้รับเหมาที่ต้องการดันดีลเฉพาะช่วง เช่น เปิดวงเงินยื่นประมูลงาน หรือเสริมวงเงินหมุนเวียนระหว่างรอเงินงวดใหญ่เข้า

เปรียบเทียบสั้น ๆ: ทรัพย์ค้ำแบบไหนตรงกับโจทย์ของคุณ
ถ้าสรุปให้เห็นภาพง่าย ๆ สำหรับเจ้าของกิจการรับเหมา:
    • มีที่ดิน/โกดัง/สำนักงานอยู่แล้ว → ใช้เป็นหลักค้ำหลัก
        ◦ จุดเด่น: วงเงินดี ดอกเบี้ยต่ำ เหมาะกับการวางโครงสร้าง สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ระยะกลาง–ยาว
        ◦ เหมาะกับ: ผู้รับเหมาที่เริ่มลงหลักปักฐาน มองการเติบโตต่อเนื่อง
    • มีเครื่องจักรจำนวนหนึ่ง และต้องการซื้อเพิ่ม
        ◦ ใช้เครื่องจักรบางส่วนค้ำสินเชื่อซื้อเครื่องใหม่ หรือเสริมวงเงินหมุนโครงการ
        ◦ เหมาะกับ: ผู้รับเหมาที่โฟกัสงานภาครัฐหรืองานโครงการใหญ่ มีงานต่อเนื่อง และต้องการเพิ่มศักยภาพหน้างาน
    • มีเงินฝาก/ตราสารที่ไม่ได้ใช้ระยะสั้น
        ◦ ใช้ค้ำเพื่อให้อนุมัติไวขึ้น หรือดอกเบี้ยถูกลง
        ◦ เหมาะกับ: ผู้รับเหมาที่อยากใช้ สินเชื่อsme เป็น แหล่งเงินทุน เสริมแบบไม่ต้องใช้หลักทรัพย์อื่นเพิ่ม แต่ยอมล็อกเงินบางส่วนแลกกับความเร็วและต้นทุนดอกเบี้ยที่ถูกลง
สิ่งสำคัญคือ การไม่มองแค่ “ทรัพย์ชิ้นเดียว” แต่ออกแบบเป็น “พอร์ตหลักประกัน” เช่น
    • ใช้อสังหาฯ เป็นหลัก
    • เสริมด้วยเครื่องจักรบางส่วน
    • ใช้เงินฝากเล็กน้อยช่วยปิดช่องว่างวงเงินที่ขาดอยู่
เพื่อให้โครงสร้างหนี้และหลักประกันไม่หนักไปด้านใดด้านหนึ่งเกินไป และยังเหลือพื้นที่ให้ธุรกิจหายใจได้ในระยะยาว

ข่าวและบริบทเศรษฐกิจ: ยิ่งเข้ม ยิ่งต้องออกแบบดี
ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยและหลายสำนักวิจัยสะท้อนภาพว่า ระบบธนาคารยังแข็งแรง แต่การปล่อยสินเชื่อธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม SME เคยอยู่ในช่วงหดตัวจากมาตรฐานการปล่อยกู้ที่เข้มงวดขึ้น ขณะที่หนี้เสียเดิมต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
ด้านภาครัฐเองก็เริ่มตระหนักว่าหากไม่เติมสภาพคล่องให้ธุรกิจขนาดเล็ก เศรษฐกิจภาพรวมจะฟื้นตัวได้ยาก จึงออกแพ็กเกจซอฟต์โลนและค้ำประกันวงเงินหลายแสนล้านบาท เพื่อช่วยเจ้าของกิจการเข้าถึงสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่รับได้มากขึ้น
สำหรับผู้รับเหมาก่อสร้าง ภายใต้โอกาสจากโครงการภาครัฐที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงแผนงานเมกะโปรเจกต์ด้านคมนาคมที่เตรียมเปิดประมูลใหม่ ๆ การเตรียมตัวด้านการเงินให้พร้อมตั้งแต่วันนี้จึงเป็นเรื่องจำเป็น
    • รู้ว่าตัวเองมีทรัพย์อะไรอยู่ในมือ
    • วางแผนว่าจะใช้ทรัพย์ไหนค้ำ สินเชื่อ ผู้รับ เหมา
    • กำหนดวงเงินและระยะเวลาให้สอดคล้องกับรอบรายได้จริง
ทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณใช้ เงินทุนหมุนเวียน จากธนาคารเป็นตัวช่วยเร่งธุรกิจ ไม่ใช่กลายเป็นภาระหนักในอนาคต

อยากลงลึกเรื่องโครงสร้างสินเชื่อสำหรับผู้รับเหมา อ่านต่อที่บทความหลัก
บทความนี้ตั้งใจช่วยให้มองภาพ “การเลือกทรัพย์ค้ำ” สำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างได้ชัดขึ้น ว่าทรัพย์แต่ละแบบส่งผลต่อวงเงิน ดอกเบี้ย และสภาพคล่องอย่างไร ในสถานการณ์ที่การแข่งขันสูง และการเข้าถึงสินเชื่อของ SME ยังไม่ง่ายนัก
ถ้าคุณอยากลงลึกมากกว่าเรื่องทรัพย์ค้ำ เช่น
    • โครงสร้างวงเงินแบบเบิกเป็นงวด (Drawdown) ที่เข้าจังหวะไซต์งาน
    • เอกสารเฉพาะทางที่ช่วยให้การขอ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ผ่านง่ายขึ้น
    • วิธีออกแบบวงเงินกู้ให้สอดคล้องกับงวดงานและกระแสเงินสดของโครงการ
แนะนำให้เข้าไปอ่านบทความหลักบน EasyCashFlows ได้ที่
“สินเชื่อสำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง”
ให้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของคุณเดินหน้าตามจังหวะงานจริงอย่างมั่น
บันทึกการเข้า