
เช้าวันรับงานติดตั้งระบบPOSให้เชนคาเฟ่ 12 สาขา ลูกค้า เจ้าของเอเจนซีบริการ installation & after-sales เปิดสเปรดชีตดูรอบเงินสด—ทีมช่างต้องลงพื้นที่หลายวัน, ค่าแรงต้องจ่ายทุกศุกร์, อุปกรณ์บางส่วนต้องสำรองไว้ล่วงหน้า แต่ ลูกค้าปลายทางจ่ายปลายเดือนถัดไปตามเครดิตเทอม 30–45 วัน ระหว่าง “เงินออกถี่–เงินเข้าช้า” จึงเคยใช้ OD รับทุกอย่างจนค้างเกือบเต็มเพดาน ดอกบาน และเวลาขอเพิ่มวงเงินมักโดนถามว่า “ใช้เงินถูกงานหรือยัง”
เราเข้าไปช่วย รื้อใหม่ทั้งชุด แล้วเล่าให้ธนาคาร “เห็นภาพเร็ว” แบบภาษาคนทำธุรกิจ จุดหมายคือแปลงรูปแบบบริการให้เป็น โครงสร้างวงเงินพอดีมือ ที่ขยับได้ในปี 2568 เพื่อเข้าเกณฑ์
สินเชื่อแบบไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ดันสู่ สินเชื่อsme ที่มีเพดานสูงขึ้น (เมื่อฐานนิ่ง) โดยยึดหลักว่าเงินแต่ละชนิดถูกออกแบบมาแก้ “คนละปัญหา”—อย่าเอาเงินสั้นไปอุดงานยาว และอย่าเอาเงินยาวมาจ่ายรายจ่ายถี่
ทำไม “บริการ” ต้องจัดชั้นวงเงินไม่เหมือนค้าปลีก/โรงงาน
ธุรกิจบริการมีต้นทุนหลักเป็น “คน + เวลา” มากกว่า “สต็อกสินค้า” วงจรเงินสดจึงมักเป็นแบบ: เงินออกถี่ (ค่าแรง, เบี้ยเลี้ยง, เดินทาง, ค่าเช่าเครื่องมือ, ค่าอะไหล่ยิบย่อย) แต่ เงินเข้าเป็นรอบ ตามงวดงาน/ใบแจ้งหนี้ ทำให้ OD (วงเงินเบิกเกินบัญชี) กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยม เพราะคิดดอกเฉพาะยอดที่ใช้จริงและคิดเป็นรายวัน—เหมาะมากกับการ “ข้ามหลุมสั้น ๆ” ระหว่างรอเงินเข้า
อย่างไรก็ดี “สะดวก” ไม่เท่ากับ “คุ้ม” เสมอไป ยุคนี้สถาบันการเงินเน้น Responsible Lending: ดู “ความสามารถจ่ายจริง + วินัยปัจจุบัน” ผู้กู้ที่ ใช้ OD อย่างมีวินัย (ดึงเท่าที่ขาด–โปะวันเงินเข้า) และ จับคู่เงินให้ถูกงาน จะได้เครดิตพฤติกรรมสูง เวลารีวิววงเงินหรือขอ
สินเชื่อในปี2568 โอกาสจึงเปิดกว่าผู้ที่ใช้เงินปนกันไปหมด
ข่าวดีฝั่ง “เข้าถึงเงิน” คือ ภาครัฐยังเดินเครื่องซอฟต์โลน/กลไกค้ำประกัน เพื่อช่วย SME ที่ เอกสารพร้อม + วินัยดี ให้เข้าถึงทุนในระบบง่ายขึ้น—แต่จุดเริ่มต้นคือ โครงสร้างวงเงินของตัวเองต้องถูกงานก่อน
เล่าเคส: จัด “สามชั้นวงเงิน” ให้ตรงจังหวะบริการ
ชั้นที่ 1 — OD (วงเงินเบิกเกินบัญชี) สำหรับรายจ่ายถี่
โจทย์: ค่าแรงรายสัปดาห์, ค่ารถ/น้ำมัน, ค่าเช่าเครื่องมือ, ค่าอะไหล่จิปาถะ
กติกาทอง: “ดึงเท่าที่ขาด–โปะทันทีในวันเงินเข้า” เพราะ OD คิดดอกตามยอดคงค้างรายวัน ตั้งเป้า ใช้จริงเฉลี่ย ≤ ~70% ของเพดาน และ ปิดรอบ OD อย่างน้อยไตรมาสละครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่าใช้เป็น “สะพานสั้น” จริง ๆ ภาพนี้ทำให้ธนาคารอ่านวินัยได้ง่ายในรอบทบทวนวงเงิน
เทคนิคภาคสนาม:
• ผูก ปฏิทินเงินเข้า–ออก รายสัปดาห์: ระบุ “วันจ่ายหลัก” และ “วันรับชำระ/วางบิล” ชัด ๆ
• ตั้งเตือนในมือถือว่า วันเงินเข้า = วันโปะ OD ลด “ดอกลม” อัตโนมัติ
• แยกบัญชีธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัว 100% ให้ยอดรับจ่าย วิ่งในบัญชีธุรกิจเดียว เพื่อสร้าง digital footprint ช่วยคุยกับธนาคารง่ายขึ้น
ชั้นที่ 2 — แฟกตอริ่ง/Invoice Financing สำหรับช่องว่างเครดิตเทอม
เมื่อมีใบสั่งงาน/ใบส่งมอบ/ใบแจ้งหนี้ที่ชัด ให้ “เร่งเงินจากบิลที่มั่นใจว่าจะได้ชำระ” เพื่อไม่ให้ไปกินเพดาน OD ทั้งก้อน หลักการคือรับเงินล่วงหน้าบางส่วน (เช่น 70–85% ของยอดบิล) แล้วหักค่าธรรมเนียม/ดอกเบี้ยตอนคู่ค้าจ่ายจริง
เทคนิคภาคสนาม:
• คัดเฉพาะ บิลคุณภาพสูง (PO ชัด, ผู้ซื้อวินัยดี, เอกสารครบ) เพื่อไม่ให้ต้นทุนสูงเกินจำเป็น
• ล็อก สัดส่วนแฟกตอริ่ง ต่อช่องทางรายได้ (เช่น ใช้ 50–60% สำหรับบิลจากเชนใหญ่) เพื่อคุมค่าธรรมเนียมรวม
• ทำแดชบอร์ด “บิล–สถานะ–วันคาดรับ” ส่งให้ธนาคารเห็น รันเวย์เงินสด ชัด ๆ
ชั้นที่ 3 — เทอมโลน/Investment Loan สำหรับงานยาว
งานขยายบริการ ซื้อรถบริการ/เครื่องมือชุดใหญ่ ลงระบบไอที—ควรเอาไว้ใน เทอมโลน ให้อายุเงิน ใกล้เคียงอายุสินทรัพย์ เพื่อลดแรงกดค่างวดรายเดือน และไม่ให้
สินเชื่อODระยะสั้น ไปค้างผิดงานจนดอกบานและ DSCR ตก
เทคนิคภาคสนาม:
• ทำ CapEx note สั้น ๆ: “ลงทุนอะไร–ลดต้นทุน/เพิ่มรายได้แค่ไหน–คืนทุนกี่เดือน” เพื่อคุยกับฝ่ายอนุมัติด้วย “ตัวเลขผลลัพธ์”
• ถ้ากระแสเงินสดเริ่มนิ่ง ค่อย รีไฟแนนซ์ ให้ค่างวดพอดีมือขึ้นอีก (แต่ระวังไม่ยืดเกินความจำเป็น)
เช็กลิสต์ “โครงสร้างวงเงินที่เหมาะกับบริการ” (หยิบใช้ได้ทันที)
1. บัญชีธุรกิจเดียว: ให้ยอดรับทั้งหมด (โอน/พร้อมเพย์/PromptBiz e-Invoice) ไหลเข้าบัญชีนี้เพียงช่องทางเดียว—โปร่งใส ตรวจสอบง่าย เป็นคะแนนพฤติกรรมตอนรีวิววงเงิน
2. ปฏิทินดึง–โปะ รายสัปดาห์: ระบุวันจ่าย/วันรับชัด ตั้งเตือนว่า “ได้เงินเข้า = โปะ OD”
3. คัดบิลแฟกตอริ่ง: ใช้เฉพาะบิลคุณภาพสูง เอกสารครบ ลดต้นทุนโดยไม่ต้องดึง OD เกินจำเป็น
4. จับงานยาวไปเทอมโลน: รถบริการ/เครื่องมือ/ระบบใหญ่ ใช้เงินยาวให้อายุใกล้สินทรัพย์ เพื่อลดแรงกด DSCR
5. หน้าเดียวคุยแบงก์: รายได้เฉลี่ย/เดือน, % ใช้ OD เฉลี่ย, จำนวนครั้งที่ปิดรอบ OD, มูลค่า/อัตราคืนแฟกตอริ่ง, กันชนเงินสดหลังค่างวด—นี่คือ ภาษากลางฝ่ายอนุมัติ
6. ต่อยอดด้วยนโยบายสาธารณะ: ติดตามแพ็กเกจซอฟต์โลน/กลไกค้ำประกันของรัฐ—แต่ใช้ต่อเมื่อ ฐานเอกสาร + วินัย ของคุณพร้อมจริง
มินิเคส (ย่อ): ก่อน–หลังจัดชั้นวงเงิน
ก่อน: ใช้ OD รับทั้งค่าแรง/เดินทาง/อะไหล่/เครดิตเทอม → OD ค้าง 80–90% แทบทั้งเดือน ดอกลมสูง เอกสารเงินเข้าไม่สม่ำเสมอ ขอเพิ่มวงเงินไม่ผ่าน
หลัง:
• ใช้ แฟกตอริ่ง กับบิลคุณภาพจากเชนใหญ่ 50–60% → เงินสดกลับเร็ว
• กัน OD ไว้สำหรับรายจ่ายถี่ และ โปะวันเงินเข้า → ใช้เฉลี่ย 60–70%
• งานลงทุนย้ายไป เทอมโลน → ค่างวดอ่านง่าย DSCR ≥ ~1.2
ครบ 90 วัน ธนาคารต่ออายุวงเงิน และเปิดทางคุย สินเชื่อ SME วงเงินสูง เพราะ พฤติกรรมปัจจุบัน สอดคล้องเกณฑ์
Insight ระดับกลยุทธ์ (ถ้าอยาก “วงเงินสูง” โดยไม่เพิ่มความเสี่ยง)
• คุมพฤติกรรม OD ให้สวย: ใช้เฉลี่ยไม่เกิน ~70% ของเพดาน, ปิดรอบเป็นระยะ—ธนาคารมองว่าเป็น “สะพานสั้น” ไม่ใช่พึ่งถาวร
• ผลักเอกสารให้ดิจิทัล: e-Invoice/e-Receipt ผ่าน PromptBiz ทำให้เส้นทางการค้าโปร่งใส น่าเชื่อถือสำหรับ สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ 2568 ในระบบ
• คำนวณความคุ้มของค้ำประกันรัฐ: ถ้าทรัพย์ค้ำจำกัด พิจารณาใช้ค้ำ (เช่น บสย.) เฉพาะวงเงินที่สร้างกำไรส่วนเพิ่ม มากกว่า ค่าค้ำรวม
• สื่อสารด้วยตัวเลข ไม่ใช่ความรู้สึก: สรุป “ก่อน–หลัง” ชัด ๆ (ลดดอกลมกี่บาท/เดือน, % ใช้ OD เฉลี่ย, รอบปิด OD, DSCR หลังปรับโครงเงิน) คือเหตุผลที่อนุมัติได้
สรุปแบบเจ้าของกิจการ: โครงสร้าง 3 ชั้น = ทางลัดสู่ “อนุมัติง่ายและยั่งยืน”
1. OD = สะพานสั้น สำหรับค่าใช้จ่ายถี่ (ดึง–โปะตามวันจริง)
2. แฟกตอริ่ง = เร่งเงินจากงานที่ทำสำเร็จแล้ว (คัดบิลคุณภาพ ลดการกินเพดาน OD)
3. เทอมโลน = งานลงทุน/ขยายบริการ (อายุเงินใกล้สินทรัพย์ กดแรงกด DSCR)
เมื่อ “เงินตรงงาน + วินัยชัด” คุณจะเข้าเกณฑ์ Responsible Lending ได้ง่ายขึ้น และเปิดทางไปสู่ สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และต่อยอดสู่ สินเชื่อ SME วงเงินสูง ด้วยหลักฐานจากพฤติกรรมบัญชี ไม่ใช่คำพูดลอย ๆ
อ่านต่อ (ฉบับเต็ม + เทมเพลตใช้งานจริง)
อยากได้ เช็กลิสต์เอกสาร, ตัวอย่าง “ปฏิทินดึง–โปะ”, และไฟล์ “หน้าเดียวคุยแบงก์” สำหรับธุรกิจบริการโดยเฉพาะ? ไปต่อที่บทความหลักของ EasyCashflows
สินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน2568สำหรับธุรกิจบริการหัวข้อ “โครงสร้างวงเงินที่เหมาะกับบริการ” ในชุด สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ 2568 ซึ่งสรุปเป็นขั้น-เป็นตอนและต่อยอดสู่แผน ขอวงเงินสูง ได้อย่างมั่นใจ.