
“ยอดขายยังมา เงินเข้าไม่ช้า แต่วิ่งไม่ขึ้นเพราะดอกกินกำไรไปเยอะ” — ประโยคเปิดของคุณเอ็ม เจ้าของโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร วันที่เขาเดินเข้ามา เขามีวงเงิน OD ค้างเต็มมาหลายเดือน สัญญาเทอมโลนดอกลอยตัว 2 ฉบับ และ
แหล่งเงินทุนไม่มีหลักทรัพย์ค้ำเป็นทางออก แต่จะทำให้ “คุ้มจริง” ต้องเริ่มจากสิ่งที่ ทำได้ทันที เพื่อกดต้นทุนดอกเฉลี่ยลงให้ไวที่สุด
บริบทตลาดตอนนี้ “เอื้อให้คุย” ถ้าเตรียมตัวดี: กนง.เพิ่ง คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ด้วยคะแนน 5:2 และเปิดช่องว่าพร้อมผ่อนต่อถ้าเศรษฐกิจอ่อนแรง ขณะที่ธนาคารไทยยังระมัดระวัง ปริมาณสินเชื่อหดตัวต่อเนื่องหลายไตรมาส โดยเฉพาะฝั่ง
สินเชื่อเพื่อธุรกิจsme— หมายความว่าใครเตรียมข้อเสนอชัด มีวินัยและข้อมูลครบ ย่อมต่อรองได้เหนือกว่าในห้องประชุมจริง ๆ
ด้านล่างคือ 8 กลยุทธ์ลดดอกที่ลงมือได้ทันที ซึ่งผมใช้
รีไฟแนนซ์สินเชื่อกับคุณเอ็มและผู้ประกอบการจำนวนมาก ปรับเล็ก-ใหญ่ตามลักษณะกิจการ แล้วเห็นผลกับกระแสเงินสดจริง
1) รีไฟแนนซ์ “ก้อนดอกรั่ว” ออกก่อน: โยก non-bank → สินเชื่อที่ต้นทุนต่ำลง
ถ้าพอร์ตมีหนี้จาก แหล่งเงินทุนไม่มีหลักประกัน ดอกสูง (ส่วนมากเกิดจากช่วงระดมสภาพคล่องฉุกเฉิน) ให้ “ชำระ-ย้ายคิว” ก้อนนี้ออกก่อน เพราะทุกเดือนที่ค้าง คือทุกเดือนที่ดอกเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักสูงเกินจำเป็น สำหรับกิจการที่กระแสเงินสดเริ่มกลับมาปกติ การย้ายไป รีไฟแนนซ์สินเชื่อ SME ที่อัตราต่ำกว่า (เช่น term loan/OD จากธนาคาร หรือวงเงินหมุนเวียนที่ตรงรอบเงินเข้า) จะเห็นผลกับกำไรขั้นต้นอย่างไว โดยไม่ต้องรอเงื่อนไขยาว ๆ ของดีลใหญ่
เคล็ดลัด: ขอ “สิทธิชำระก่อนกำหนด (prepayment)” ค่าปรับต่ำในสัญญาใหม่ เผื่อรอบหน้าอัตราดอกลงอีกจะขยับได้ทันที (รายละเอียดแนวทางดอกนโยบายและช่องว่างผ่อนคลายยังเปิดอยู่ ณ ต.ค. 2568).
2) ต่อรอง “มากกว่าดอก”: ค่าธรรมเนียม + ค่างวดตามฤดูกาล + เงื่อนไขยืดหยุ่น
ผู้ประกอบการจำนวนมากจบที่ “ลดดอก X จุด” ทั้งที่ ค่าใช้จ่ายอื่น ทำให้ต้นทุนรวมลดได้แรงกว่า
• ค่าธรรมเนียมจัดการ/อากร/เอกสารบางบรรทัด ต่อรอง “ยกเว้นหรือผ่อน” ได้
• ปรับค่างวดเป็น step-up/step-down ให้สอดคล้องฤดูกาลขาย (โดยรวมดอกเท่าเดิม แต่ FCF ดีขึ้น)
• ตกลง prepayment ต่ำ เพื่อเปิดทาง รีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจ ซ้ำเมื่อจังหวะเหมาะ
ทริกการคุย: เอา Projected Cash Flow ไปวางให้เห็นว่าโครงสร้างงวดแบบใหม่ลดความเสี่ยงผิดนัดได้จริงในไตรมาสโลว์
3) เลิก “OD ค้างเต็มวง”: ใช้เครื่องมือที่ตรงธรรมชาติเงินเข้า (ผสมแฟคตอริ่ง/SCF)
OD คือของดี ถ้า “ปิดรอบได้” อย่างน้อยไตรมาสละครั้ง ปัญหาเกิดเมื่อ OD กลายเป็นเงินกู้ระยะยาวโดยพฤตินัย ดอกเลยรั่วตลอดปี วิธีลดดอกคือ แยกงานของ OD ออกบางส่วน ให้กับเครื่องมือที่ “ผูกกับใบแจ้งหนี้จริง” เช่น แฟคตอริ่ง หรือ Supply Chain Finance (SCF) ซึ่งในไทยกำลังมีแพลตฟอร์มดิจิทัลเพิ่มขึ้น ทำให้อนุมัติไวขึ้น (แม้ต้นทุนต่อหน่วยบางช่วงอาจสูงกว่า OD) แต่เมื่อ ใช้ตรงรอบเงินเข้า ภาพรวมดอกทั้งพอร์ตกลับลดลง และวินัยการเงินดีขึ้นอย่างชัดเจน.
4) เปิด “ลิสต์ผู้ให้กู้” ให้กว้างกว่าแบงก์ 3–4 เจ้าเดิม
ในช่วงที่ธนาคารไทย สินเชื่อหดตัว 4 ไตรมาสติด และเข้มการปล่อยฝั่ง SME การแข่งขันอาจไม่ได้ร้อนแรงพอถ้าคุยแต่รายใหญ่ ลอง เพิ่มผู้เล่นระดับกลาง-เล็ก หรือรายเฉพาะอุตสาหกรรม และฟินเทคบางกลุ่มเข้ามาในลิสต์ จะได้เงื่อนไขที่ “แข่งกันจริง” ทั้งอัตราและค่าธรรมเนียม (และบางครั้ง เกณฑ์อนุมัติ ที่ยืดหยุ่นกับรูปแบบรายได้ของคุณกว่า)
5) ตั้ง “วงเงินเผื่อเหตุการณ์” อย่างมีวินัย เพื่อส่วนลดแฝงที่คุณมองไม่เห็น
การขอวงเงินเผื่อ 10–15% ของค่างวดรวมต่อเดือน (พร้อม กติกาวินัยชัดเจน) ทำให้ฝ่ายเครดิต “สบายใจ” ว่ากระแสเงินสดคุณรับมือช็อกสั้น ๆ ได้ ในฉากหลังที่ผู้กำกับดูแลให้ความสำคัญกับเสถียรภาพ-เงินเฟ้อต่ำ และยัง เปิดช่องทางผ่อนต่อได้หากจำเป็น นี่คือแต้มต่อที่ทำให้คุณต่อรองอัตรา/เงื่อนไขจูงใจอื่น ๆ ได้มากขึ้นโดยอ้อม.
6) จัด Data Room ง่าย ๆ แต่ครบ: เร่งเวลาอนุมัติ = เร่งลดดอก
ธนาคารวันนี้ชอบ “เรื่องเล่าที่พิสูจน์ได้” เตรียมชุดเอกสารให้พร้อมก่อนเข้าห้อง
• งบกำไร-ขาดทุน 24–36 เดือน + Cash Model ที่สอดคล้องรอบเงินเข้า-จ่ายจริง
• ตารางหนี้ (ทุกสัญญา) + ภาระผูกพันนอกงบ
• Aging ลูกหนี้/เจ้าหนี้ + ข้อมูล Top ลูกค้า/ซัพพลายเออร์
• Stress Test (รายได้ลด 10–15% ยังจ่ายได้)
เมื่อฝ่ายเครดิตเห็น “ความเสี่ยงจัดการได้” ในบริบทที่ NPL ฝั่งธุรกิจยังเปราะบาง การปิดดีล (และส่วนลดต่าง ๆ) ก็เร็วและกล้ากว่า. Bot
7) เรียงลำดับแตะหนี้: “รีก้อนคุ้ม” ก่อน “เจรจาก้อนดื้อ”
อย่ากระโดดไปรวมทุกก้อนพร้อมกัน ให้ทำ Priority Matrix ง่าย ๆ:
• ก้อนไหน “ดอกสูง-ค่าปรับต่ำ” → รีไฟแนนซ์ก่อน
• ก้อนไหน “คาเวนเนนท์เข้ม” → คุยผ่อนเงื่อนไข/ยืดเทอมแทน
• ก้อนไหน “จิ๋วแต่จุก” → ชำระปิดเพื่อลดภาระงานเอกสาร
ลำดับนี้ทำให้ ต้นทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ลดลงชัดเจนตั้งแต่เดือนแรก และไม่เสี่ยงโดนเงื่อนไขย้อนศร

เตรียม “ข้อเสนอสำเร็จรูป” 3 ระดับ: พิทช์ 90 วินาที → 3–5 นาที → ชุดหลักฐาน
แม้เรื่องนี้ดูเหมือนงานพรีเซนต์ แต่ส่งผลกับ “ดอกที่ได้” จริง เพราะกระบวนการอนุมัติผ่านหลายชั้น (ผู้จัดการสาขา → ทีมเครดิต → คอมมิตตี) การเตรียม สามชั้น นี้ช่วยลดการตีความคลาดเคลื่อน
1. Elevator Pitch 90 วินาที: ธุรกิจคืออะไร ปัญหา-เป้าหมายลดดอกคืออะไร
2. เวอร์ชัน 3–5 นาที: โครงสร้างหนี้ปัจจุบัน/หลังปรับ, เงินสดคงเหลือ, ความเสี่ยง-เครื่องมือคุมความเสี่ยง
3. เอกสารรองรับ: งบ/ตารางหนี้/สัญญา/หลักฐานยอดขาย
เมื่อสื่อสารชัดเจน คุณมีโอกาสได้ “ชุดเงื่อนไข” ที่ดีกว่าในรอบแรก ไม่ต้องกลับไปกลับมา (ซึ่งทุกสัปดาห์ที่ช้า = ดอกยังไหล)
ผลลัพธ์เคสคุณเอ็ม
เรา รีไฟแนนซ์สินเชื่อ SME โดย: ย้ายก้อน non-bank ดอกสูงออกก่อน, แบ่ง OD ไปใช้แฟคตอริ่งตามรอบเงินเข้า, ต่อรองยกเว้นค่าธรรมเนียมบางส่วน และใส่สิทธิ prepayment ต่ำ สุดท้าย ดอกเฉลี่ยทั้งพอร์ตลด ~2–3 จุด, ค่างวดต่อเดือนลดราว 20–25%, การใช้ OD จาก ~90% เหลือ ~60% ภายใน 2 เดือน — เงินสดคงเหลือปลายเดือนพุ่งขึ้นทันที
เช็กลิสต์ “ลงมือวันนี้”
• ตรวจพอร์ตหนี้: หา “ก้อนดอกรั่ว” แล้ววางแผนย้าย
• ขอเงื่อนไขมากกว่าดอก: ค่าธรรมเนียม/ค่างวดตามฤดูกาล/สิทธิชำระก่อน
• เลิก OD ค้างเต็ม: ใช้แฟคตอริ่ง/SCF เฉพาะบิลที่เหมาะ เพื่อลดดอกรวม
• ขยายรายชื่อผู้ให้กู้: ธนาคารกลาง-เล็ก/ฟินเทค/เฉพาะอุตสาหกรรม
• วงเงินเผื่อเหตุการณ์ + วินัยใช้เงิน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นฝ่ายเครดิต
• ทำ Data Room ครบ เร่งวงจรอนุมัติ
• เรียงลำดับแตะหนี้อย่างมีกลยุทธ์
• เตรียมข้อเสนอ 3 ระดับ ให้ทีมอนุมัติเห็นภาพเดียวกัน
หมายเหตุบริบทตลาด: ณ ต.ค. 2568 กนง. คงดอก 1.50% (5:2) พร้อมเปิดทางผ่อนต่อหากจำเป็น; ภาคธนาคารยังห่วงคุณภาพหนี้ภาคธุรกิจ และ สินเชื่อหดตัว ต่อเนื่องในหลายไตรมาส—ยิ่งคุณ “เตรียมข้อเสนอชัด + เอกสารครบ” ยิ่งได้อัตราและเงื่อนไขดีขึ้นในทางปฏิบัติ.
อ่านต่อ
รายละเอียดเชิงลึก วิธีคำนวณ และตัวอย่างตารางปรับโครงสร้างที่ใช้ได้จริง อยู่ในบทความหลักของเรา:
➡️
รีไฟแนนซ์รอบหนี้ธุรกิจหลายก้อนให้เป็นก้อนเดียว