6 กิจกรรมในชีวิตประจำวันที่อาจก่อให้เกิดอาการปวดหลังไม่พึงประสงค์
อาการปวดหลังเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และมักส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเราอย่างมาก หลายครั้งที่เราอาจไม่ทันสังเกตว่า กิจกรรมง่ายๆ ที่ทำซ้ำๆ ในชีวิตประจำวันนั้นเอง ที่เป็นตัวการก่อให้เกิดอาการปวดหลังที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ มาดูกันว่ามีกิจกรรมอะไรบ้างที่คุณอาจต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันอาการปวดหลังในระยะยาว
1. การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ ในท่าที่ไม่เหมาะสม
สำหรับมนุษย์ออฟฟิศ หรือผู้ที่ต้องใช้เวลาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้องเป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวดหลัง ไม่ว่าจะเป็นการนั่งหลังค่อม ก้มศีรษะไปข้างหน้า หรือนั่งโดยไม่มีพนักพิงหลังที่เหมาะสม ล้วนทำให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนักเกินไป และเกิดอาการตึง ปวด เมื่อยล้าในที่สุด การปรับเก้าอี้ โต๊ะทำงานให้เหมาะสมกับสรีระ และการพักเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ
2. การยกของหนักด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้อง
การยกของหนักเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากในชีวิตประจำวัน แต่การยกของด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น การก้มหลังยก โดยไม่ย่อเข่า จะทำให้แรงกดที่กระดูกสันหลังส่วนล่างเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและหมอนรองกระดูก การยกของที่ถูกวิธีคือการย่อเข่าลง หลังตรง และใช้กำลังจากขาในการยก
3. การยืนหรือเดินเป็นเวลานานโดยไม่มีการพักผ่อน
สำหรับผู้ที่ต้องทำงานที่ต้องยืนหรือเดินเป็นเวลานาน เช่น พนักงานขาย พนักงานเสิร์ฟ หรือครู หากไม่มีการพักผ่อนหรือเปลี่ยนอิริยาบถอย่างเหมาะสม กล้ามเนื้อหลังและขาจะเกิดอาการเมื่อยล้า และอาจนำไปสู่อาการปวดหลังได้ การหาเก้าอี้เล็กๆ เพื่อนั่งพัก หรือการยืดเหยียดกล้ามเนื้อระหว่างวัน จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้
4. การนอนในท่าที่ไม่เหมาะสม หรือใช้หมอนที่ไม่รองรับสรีระ
ท่านอนและหมอนมีผลต่อสุขภาพหลังของเราโดยตรง การนอนคว่ำจะทำให้กระดูกสันหลังแอ่นมากเกินไป ส่วนการนอนหงายโดยไม่มีหมอนรองรับช่วงคอและหลังส่วนล่างอย่างเหมาะสม ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ การเลือกนอนตะแคงโดยมีหมอนข้าง และใช้หมอนที่รองรับศีรษะและคอได้อย่างเหมาะสม จะช่วยรักษาแนวของกระดูกสันหลังให้เป็นธรรมชาติ
5. การขับรถเป็นเวลานานโดยไม่มีการปรับเบาะที่ถูกต้อง
สำหรับผู้ที่ต้องขับรถเป็นเวลานาน การปรับเบาะนั่งที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งห่างจากพวงมาลัยมากเกินไป หรือการปรับพนักพิงที่ไม่รองรับหลังส่วนล่าง จะทำให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนักเพื่อรักษาท่าทาง และเกิดอาการปวดเมื่อยได้ การปรับเบาะให้เหมาะสม โดยให้หลังส่วนล่างได้รับการรองรับ และมีระยะห่างจากพวงมาลัยที่พอดี จะช่วยลดอาการปวดหลังจากการขับรถได้
6. การสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียวเป็นประจำ
การสะพายกระเป๋าที่มีน้ำหนักมากข้างเดียวเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายต้องเอียงตัวเพื่อรักษาสมดุล ส่งผลให้กล้ามเนื้อหลังข้างที่ไม่ได้สะพายกระเป๋าต้องทำงานหนักกว่าปกติ และอาจนำไปสู่อาการปวดหลังเรื้อรังได้ การเปลี่ยนมาใช้กระเป๋าเป้ หรือการสลับข้างสะพายกระเป๋าบ่อยๆ จะช่วยลดภาระของกล้ามเนื้อหลังได้
การดูแลและป้องกันอาการปวดหลังในชีวิตประจำวัน
นอกจากการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดอาการปวดหลังแล้ว การดูแลและป้องกันอาการปวดหลังด้วยวิธีอื่นๆ ก็มีความสำคัญ เช่น การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้อง การยืดเหยียดกล้ามเนื้อเป็นประจำ การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน กายภาพบำบัดรักษาปวดหลัง หากมีอาการปวดหลังเรื้อรัง
สรุป
อาการปวดหลังอาจเกิดขึ้นได้จากกิจกรรมง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน หากเราไม่ใส่ใจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การสังเกตและปรับเปลี่ยนท่าทางในการทำกิจกรรมต่างๆ การดูแลสุขภาพร่างกาย และการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อมีอาการ จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงและจัดการกับอาการปวดหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขและปราศจากความเจ็บปวดทางกาย