รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรงงานเอสเอ็มอีกับเงินก้อนสินเชื่อสำหรับเครื่องจักร  (อ่าน 40 ครั้ง)

easycashflows

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 87
    • ดูรายละเอียด


ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม ภาพนี้น่าจะคุ้นมาก
เครื่องจักรเก่าเริ่มงอแง งานด่วนจากลูกค้ารายใหญ่เข้ามาเรื่อย ๆ แต่ประสิทธิภาพไลน์ผลิตกลับไม่ทันความต้องการ ต้นทุนแรงงาน–ซ่อมบำรุงสูงขึ้นทุกปี แต่พอคิดจะลงทุนเครื่องจักรใหม่ ราคาก็ “หลักล้าน–หลายสิบล้าน” ทันที
นี่คือเคสจริงของ “โรงงานชิ้นส่วนโลหะขนาดกลาง” ที่เคยมาปรึกษาเรื่อง สินเชื่อเพื่อธุรกิจกับทีมที่ปรึกษา เจ้าของโรงงานเป็นรุ่นสอง รับช่วงกิจการจากคุณพ่อ ฐานลูกค้าหลักคือโรงงานยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า งานไม่เคยขาด แต่กำลังเสียลูกค้ารายใหญ่ให้คู่แข่งที่ลงทุนเครื่องจักรออโตเมชันไปก่อนหน้าแล้ว
คำถามคือ
“ถ้าไม่ลงทุนเพิ่ม ก็เสี่ยงเสียลูกค้า แต่ถ้าลงทุนผิดโครงสร้างหนี้ โรงงานอาจสะดุดสภาพคล่อง”
ตรงนี้เองที่แนวคิด สินเชื่อเช่าซื้อ, การใช้ สินเชื่อแบบมีหลักประกัน ควบคู่กับ สินเชื่อsmeไม่มีหลักประกัน และการเลือก แหล่งเงินทุน
 ให้ถูกงาน กลายเป็น “เกมกลยุทธ์” สำคัญสำหรับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม

ฉากหลัง: โรงงานไทยต้องลงทุน แต่ก็ต้องระวังหนี้
ฝั่งนโยบาย ภาครัฐเองก็รู้ว่าถ้าโรงงานไทยไม่ลงทุนเครื่องจักรใหม่ ไม่ยกระดับระบบอัตโนมัติ โอกาสแข่งขันในห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลกจะหายไปเรื่อย ๆ จึงเริ่มมีทั้งมาตรการส่งเสริมการลงทุนเครื่องจักร–ระบบออโตเมชันผ่าน BOI และโครงการยกระดับอุตสาหกรรมในกลุ่มหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติอย่างจริงจัง
ล่าสุดยังมีโครงการลงทุน 5,000 ล้านบาทของ BOI เพื่อเสริมความสามารถการแข่งขันภาคอุตสาหกรรมไทย ทั้งด้านทักษะแรงงานและการยกระดับซัพพลายเชนในสาขาไบโอเทค อิเล็กทรอนิกส์ เกษตรขั้นสูง อาหารแปรรูป และอุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับ โรงงานอุตสาหกรรม โดยตรง
แต่ในอีกมุมหนึ่ง รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทยชี้ว่า แม้ระบบธนาคารยังแข็งแรง แต่ สินเชื่อธุรกิจ SME โดยรวมยังหดตัว และกลุ่มธุรกิจการผลิตบางส่วนเผชิญปัญหาความสามารถทำกำไรลดลง จนต้องจับตาความสามารถในการชำระหนี้อย่างใกล้ชิด
แปลว่า…
    • ภาครัฐผลักดันให้โรงงาน “กล้าลงทุน”
    • แต่อีกด้าน ธนาคารก็ “เข้มขึ้น” กับการปล่อย สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ให้กับโรงงานที่ตัวเลขยังไม่นิ่ง
ในสภาพแบบนี้ การจะอนุมัติ สินเชื่อเช่าซื้อ หรือสินเชื่อเครื่องจักร วงเงินใหญ่ให้โรงงาน ต้องอาศัยทั้งตัวเลขที่ดี และ “โครงสร้างหนี้ที่คิดมารอบด้าน” ไม่ใช่แค่กู้ให้ผ่านอย่างเดียว

เคสโรงงานชิ้นส่วนโลหะ: ซื้อสด + กู้สั้น ทำให้เงินตึงทั้งโรงงาน
ย้อนกลับมาที่โรงงานในเคสนี้ แผนเดิมของเจ้าของคือ
    • ใช้เงินสะสมของกิจการบางส่วน
    • บวกกับการกดใช้ OD ที่เป็น สินเชื่อไม่ใช้หลักประกัน จากเดิมที่ตั้งใจไว้สำหรับเงินทุนหมุนเวียน
    • เพื่อซื้อเครื่อง CNC และเครื่องปั๊มชุดใหม่ รวมมูลค่ากว่า 12 ล้านบาท
เหตุผลที่เขาไม่อยากใช้ สินเชื่อแบบมีหลักประกัน หรือ สินเชื่อเช่าซื้อ เพราะกลัว “ผูกพันนาน” และคิดว่า “จ่ายไปเลยทีเดียวจบ” จะสบายใจกว่า
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงใน 6 เดือนแรกคือ
    • เงินสดสำรองแทบหายไปจากงบดุล
    • วงเงิน OD ถูกใช้เกิน 80–90% ตลอดเวลา
    • พอมีคำสั่งซื้อชะลอ หรือคู่ค้ารายใหญ่เลื่อนจ่าย โรงงานต้องหมุนเงินเดือนและค่าวัตถุดิบแบบหายใจไม่ทั่วท้อง
กล่าวง่าย ๆ คือ ใช้ แหล่งเงินทุนระยะสั้น ไปแบก สินทรัพย์ระยะยาว ซึ่งสวนทางกับหลักการจัดโครงสร้างหนี้ที่ดี
ในมุมผู้ให้กู้ ภาพแบบนี้ยิ่งทำให้โอกาสอนุมัติ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ เพิ่มเติมยากขึ้นไปอีก เพราะสัญญาณ “สภาพคล่องเปราะบาง” เริ่มชัดเจน

เชื่อมกลับบทความหลัก: ทำไม “ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม” จึงควรใช้สินเชื่อเช่าซื้อเป็นแกน
ในบทความหลักของ EasyCashflows ว่าด้วย สินเชื่อเพื่อธุรกิจแบบเช่าซื้อ มีการระบุชัดว่า หนึ่งในกลุ่มที่เหมาะที่สุดคือ ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม ที่ต้องลงทุนในเครื่องจักรสายการผลิต ระบบอัตโนมัติ และเครื่องมือเฉพาะทาง โดยเฉพาะการใช้ “สินเชื่อเครื่องจักรแบบเช่าซื้อ” เพื่อช่วยกระจายภาระ และจับคู่กับเงินหมุนเวียนให้ลงตัว
จุดแข็งของ สินเชื่อเช่าซื้อ สำหรับโรงงานคือ
    1. เป็นสินเชื่อแบบมีหลักประกันที่จับต้องได้
หลักประกันคือ “ตัวเครื่องจักร” เอง ทำให้ผู้ให้กู้กล้าปล่อยวงเงินในระดับที่สอดคล้องกับขนาดโครงการ ในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมกว่าการใช้สินเชื่อไม่ใช้หลักประกันไปลงเครื่องจักรทั้งก้อน
    2. ค่างวดคงที่–ระยะสัญญาชัดเจน
โรงงานสามารถคำนวณได้ว่า เครื่องจักรหนึ่งชุดสร้างรายได้ต่อเดือนเท่าไร แล้วกันส่วนหนึ่งมาเป็นค่างวด สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ประเภทเช่าซื้อได้อย่างเป็นระบบ
    3. ไม่ดึงเงินทุนหมุนเวียนออกจากระบบมากเกินไป
เงินสดที่เคยคิดจะจ่ายซื้อเครื่องจักรสด สามารถคงไว้เป็นกันชนสำหรับวัตถุดิบ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ที่เกิดในโรงงานจริง ๆ
พูดให้เห็นภาพง่าย ๆ คือ สินเชื่อเช่าซื้อทำให้ “เครื่องจักรผ่อนตัวเอง” ผ่านรายได้ที่มันช่วยสร้าง แทนที่จะให้ทั้งโรงงานต้องหยุดหายใจเพราะเงินสดหายไปกับการซื้อสด

รีแพ็กโครงสร้างหนี้: เมื่อโรงงานหันมาใช้สินเชื่อเช่าซื้อเป็นตัวหลัก
หลังจากเปิดแฟ้มตัวเลขและคุยกันอย่างละเอียด เราเสนอให้เจ้าของโรงงาน “ถอยออกมาดูภาพรวม” แล้วรีแพ็กโครงสร้าง แหล่งเงินทุน ใหม่ดังนี้
    1. จัดสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักร เป็นแกนยาว
        ◦ นำใบเสนอราคากับข้อมูลเครื่องจักรทั้งหมดไปเจรจากับสถาบันการเงิน
        ◦ ขอวงเงิน สินเชื่อเช่าซื้อ เฉพาะเครื่องจักร แยกจากเงินทุนหมุนเวียน
        ◦ วางเทอมผ่อน 5 ปี ให้สอดคล้องกับอายุใช้งานและค่าเสื่อมราคา
    2. ปรับ OD/วงเงินหมุนเวียนให้กลับสู่บทบาทเดิม
        ◦ เงินที่ได้จากสินเชื่อเช่าซื้อส่วนหนึ่งใช้ “เติมกลับ” เงินทุนหมุนเวียนที่เคยถูกดึงไปจ่ายค่าซื้อเครื่อง
        ◦ ตั้งเพดานการใช้ OD ใหม่ ไม่ให้แตะ 100% แต่รักษาระดับใช้งานจริงราว 50–60% เพื่อไม่ให้ต้นทุนดอกเบี้ยบาน
    3. เสริมวงเงินระยะสั้นด้วยสินเชื่อไม่ใช้หลักประกันที่ตรงงาน
        ◦ สำหรับงานสั่งผลิตล็อตใหญ่ตามฤดูกาล อาจใช้สินเชื่อไม่ใช้หลักประกันระยะสั้นร่วมด้วย แต่ผูกใช้เฉพาะ “งานที่มี PO ชัดเจน” เพื่อควบคุมความเสี่ยง
เมื่อจำลองตัวเลขกระแสเงินสดหลังปรับโครงสร้าง พบว่า
    • สภาพคล่องต่อเดือนดีขึ้นชัดเจน
    • โรงงานสามารถรับงานเพิ่มจากลูกค้ารายเดิม–รายใหม่ได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุนหมุนเวียนมากเหมือนก่อน
    • ภาพในมุมผู้ให้กู้ ดู “มืออาชีพ” ขึ้นทันที เพราะโครงสร้างหนี้สอดคล้องกับธรรมชาติของธุรกิจการผลิต

Insight สำหรับเจ้าของโรงงาน: คิดแบบ “CFO” ไม่ใช่แค่ “เจ้าของกิจการ”
จากเคสนี้ เราสามารถสรุปมุมมองเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างน้อย 4 ข้อ
    1. จับคู่ “อายุสินทรัพย์” กับ “อายุหนี้” ให้ถูก
        ◦ เครื่องจักรอายุใช้งาน 5–7 ปี ควรถูกผูกกับ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ประเภทเช่าซื้อหรือสินเชื่อแบบมีหลักประกันระยะยาว ไม่ใช่ดึง OD หรือเงินกู้สั้นมาแบกทั้งก้อน
    2. ห้ามใช้สินเชื่อไม่ใช้หลักประกันแทนสินเชื่อลงทุนระยะยาว
        ◦ สินเชื่อไม่ใช้หลักประกันเหมาะกับ “เงินทุนหมุนเวียน” และช่องว่างสั้น ๆ ของกระแสเงินสด ไม่ใช่เงินลงทุนเครื่องจักรใหญ่ เพราะต้นทุนดอกเบี้ยและความเสี่ยงด้านสภาพคล่องจะสูงมากในระยะยาว
    3. มองแหล่งเงินทุนเป็น “ผสมผสาน” ไม่ใช่ “เลือกอย่างเดียว”
        ◦ โรงงานที่แข็งแรงมักใช้ทั้ง สินเชื่อแบบมีหลักประกัน, สินเชื่อเช่าซื้อ, วงเงินหมุนเวียน และบางครั้งก็มีสินเชื่อไม่ใช้หลักประกันเสริม แต่ทุกตัวต้อง “ตรงงาน” และอยู่ภายใต้กรอบกระแสเงินสดที่คำนวณแล้ว
    4. การเล่าแผนให้ธนาคารฟัง คือส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเงิน
        ◦ ผู้ให้กู้ยุคนี้มองหา “ลูกค้าที่เข้าใจธุรกิจของตัวเอง” หากคุณสามารถอธิบายได้ว่าทำไมเลือก สินเชื่อเช่าซื้อ เป็นตัวหลัก ใช้แหล่งเงินทุนอื่น ๆ อย่างไร และจะรับมืออย่างไรถ้ายอดขายผันผวน โอกาสอนุมัติและได้เงื่อนไขที่ดีก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

ชวนอ่านต่อ: ถ้าอยากใช้สินเชื่อเช่าซื้อเป็น “คันโยก” ให้โรงงานเติบโต
เรื่องราวของโรงงานในบทความนี้เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างของการวางเกม สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ในภาคการผลิตให้ “เติบโตได้โดยไม่ทำลายสภาพคล่อง” ผ่านการใช้ สินเชื่อเช่าซื้อ ร่วมกับ แหล่งเงินทุน อื่นอย่างมีกลยุทธ์
ถ้าคุณกำลังคิดจะ
    • ลงทุนเครื่องจักรใหม่
    • อัปเกรดสายการผลิตให้เป็นอัตโนมัติมากขึ้น
    • หรือกำลังมองหาวิธีจัดโครงสร้าง สินเชื่อแบบมีหลักประกัน และ สินเชื่อไม่ใช้หลักประกัน ให้โรงงานเดินได้ไกลขึ้น
ขอแนะนำให้ตามไปอ่าน บทความหลักบน EasyCashflows เรื่อง “สินเชื่อเพื่อธุรกิจแบบเช่าซื้อ ช่วยรักษาสภาพคล่อง ของกิจการ” ซึ่งอธิบายหลักการของสินเชื่อเช่าซื้อ ข้อดี ข้อควรระวัง ความแตกต่างระหว่างเช่าซื้อกับลีสซิ่ง และตัวอย่างการนำไปใช้กับธุรกิจจริงในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมด้วย
อ่านให้จบสักหนึ่งรอบ ก่อนตัดสินใจจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้เครื่องจักรครั้งต่อไป อาจช่วยเซฟโรงงานคุณจาก “วิกฤตเงินสดเงียบ ๆ” ที่เจ้าของหลายรายเพิ่งมารู้ตัวตอนสายไปแล้วครับ.
บันทึกการเข้า