รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: กู้สร้างโรงงาน เริ่มอย่างไร ?  (อ่าน 38 ครั้ง)

easycashflows

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 52
    • ดูรายละเอียด
กู้สร้างโรงงาน เริ่มอย่างไร ?
« เมื่อ: กันยายน 24, 2025, 04:50:09 AM »



เมื่อ “พื้นที่ผลิต” กลายเป็นคอขวด—และเหตุผลที่ต้องคิดเรื่องเงินอย่างเป็นระบบ

กลางปี 2568 เจ้าของกิจการจำนวนมากมองเห็นโอกาสขยายกำลังผลิต แต่ติดกับดักเดิม ๆ คือ เงินสดตึง–งวดผ่อนเดิมบีบ และต้นทุนกู้ยืมที่ยังต้องพิสูจน์ความสามารถชำระหนี้ต่อธนาคารให้ได้ชัด แม้คณะกรรมการนโยบายการเงินจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ 1.50% (13 ส.ค. 2568) ซึ่งเป็นแรงหนุนเชิงสภาพคล่อง แต่ฝั่งผู้ให้กู้ยังคง “คัดกรองเข้ม” กับกลุ่ม SME—จึงยิ่งต้องออกแบบดีลกู้สร้างโรงงานให้ ผ่อนไหวจริง บนหลักฐานรายได้ที่ตรวจสอบได้และแฟ้มเอกสารที่ครบถ้วนตั้งแต่รอบแรก.


จากโกดังเช่า สู่โรงงานของตัวเอง

คุณAทำแบรนด์บรรจุภัณฑ์อาหาร ส่งให้เชนค้าปลีก 3 ราย ยอดขายโตเฉลี่ยเดือนละ 1.4–1.6 ล้านบาท แต่พื้นที่เช่าที่ใช้อยู่เริ่มไม่พอ—เครื่องจักรวางซ้อนกัน ไลน์ผลิตชนกัน และเสียโอกาสรับออเดอร์ใหม่บ่อยครั้ง ความฝันคือ “มีโรงงานของตัวเอง” เพื่อควบคุมคุณภาพ–เพิ่มกำลังผลิต และต่อรองราคาวัตถุดิบได้ดีขึ้น

ปัญหาหน้างาน

เงินสดตึง เพราะมีหนี้หลายก้อนยิบย่อย ดอกเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (EIR) สูง

สเตทเมนต์ไม่สวย ลาก OD ยาวในบางเดือน

เอกสารโครงการ (แบบก่อสร้าง–ใบเสนอราคาผู้รับเหมา–สเปกเครื่องจักร) ยังไม่เป็นชุดเดียวกัน

วิธีคิดที่เราใช้

แยกเงินกู้ตาม “งาน”

งานลงทุนระยะยาว (ที่ดิน/ก่อสร้าง/เครื่องจักร) → เทอมโลน (Term Loan)

งานหมุนเวียนช่วงรอรับชำระ T+30/60/90 → OD ขนาดพอดี + แฟคตอริ่งเฉพาะบิลลูกค้าองค์กรที่วันจ่ายชัด

ตั้ง DSCR เป้าหมาย ≥ 1.2 (กันผันผวน) และจำลองกรณีฐาน–กรณีแย่ก่อนตัดสินใจวงเงิน

แพ็กแฟ้ม “อ่านรอบเดียวเชื่อ”: ใบเสนอราคาก่อสร้าง/เครื่องจักร, งบ/Statement 12 เดือน, PO/สัญญาจากลูกค้าหลัก, แผนกระแสเงินสด 12–24 เดือน, ไทม์ไลน์โครงการ (ยื่น รง., ขออนุญาตก่อสร้าง, ติดตั้ง, Commissioning)

ผลลัพธ์: ธนาคารอนุมัติเทอมโลนสำหรับงานก่อสร้าง+เครื่องจักร และวงเงินหมุนเวียนเสริมบางส่วน โดยมี บสย. ค้ำบางพอร์ตเพื่อลดความต้องการหลักประกัน สุดท้ายค่างวดรวมต่อเดือนลดจากที่คาด เพราะโครงสร้างผ่อนถูกออกแบบให้สอดคล้อง “จังหวะเงินเข้า” หลังเครื่องจักรเดินเต็มกำลัง. (โครงการค้ำประกันของ บสย. ช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อสำหรับ SME ที่หลักประกันไม่พอ)


วิเคราะห์เชิงลึก: คิด “กู้สร้างโรงงาน” ให้ชนะทั้งธนาคารและกระแสเงินสด
1) บริบทปี 2568: ดอกเบี้ยนโยบายต่ำลง แต่การคัดกรองยังเข้ม

นโยบายดอกเบี้ยที่ 1.50% ให้สัญญาณบวกต่อการเจรจา แต่ไม่ได้แปลว่า “ดอกสินเชื่อธุรกิจ” จะลดเท่ากันทุกคน—ฝั่งธนาคารยังมองความเสี่ยง SME อย่างระมัดระวัง รายงานธนาคารระบุชัดว่า สินเชื่อsme และรายย่อยยังหดตัว ขณะที่ลูกค้าบริษัทใหญ่ยังขยายตัว ดังนั้น “คุณภาพแฟ้ม” คืออาวุธสำคัญกว่าการขอดอกต่ำอย่างเดียว.


2) โครงสร้างหนี้: จับคู่ผลิตภัณฑ์ให้ “ตรงงาน”

Term Loan (7–15 ปี): ใช้กับที่ดิน/ก่อสร้าง/เครื่องจักร – ให้ค่างวดเสถียร, จับคู่กับอายุประโยชน์สินทรัพย์

OD/สินเชื่อแฟคตอริ่ง: ครอบคลุมช่องว่างระหว่างวันผลิต–วันลูกค้าจ่าย เลือกเฉพาะช่วงจำเป็นและบิลที่คุ้ม (ลดดอก OD ที่มักบานเมื่อ “ลากยาว”)

สินเชื่อเฉพาะกิจ/ดอกพิเศษ: SME D Bank มักปรับลดดอกตามนโยบายรัฐ—ควรติดตามประกาศ เพราะส่งผลโดยตรงต่อ “ต้นทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก” ของพอร์ต. (เช่น การปรับลดอัตราขั้นต่ำต่อปีใน ส.ค.–ก.ย. 2568)

3) หลักประกัน & การค้ำประกัน

โรงงานใหม่มักต้องใช้ ที่ดิน/อาคาร/เครื่องจักร เป็นหลักประกัน ธนาคารบางแห่งดู LTV โครงการ ใกล้เคียง 70–80% (แนวปฏิบัติโดยทั่วไป)

บสย. เป็นตัวช่วยสำคัญของ SME ที่ “ศักยภาพดีแต่หลักประกันไม่พอ”—เลือกโครงการค้ำประกันที่เหมาะ และเตรียมคุณสมบัติตามเกณฑ์ล่าสุดขององค์กร.


4) ข้อกฎหมายและใบอนุญาต (ต้องรู้ตั้งแต่วันแรก)

การตั้งโรงงานอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติโรงงาน (แก้ไขครั้งที่ 2 พ.ศ. 2562) ซึ่งปรับให้ใบอนุญาตโรงงานไม่หมดอายุจนกว่าจะเลิกประกอบกิจการ และเปิดให้มี “ผู้ตรวจเอกชน” (Private Inspector) ที่ผ่านการรับรอง ทำให้ขั้นตอนบางส่วนคล่องตัวขึ้นเมื่อเตรียมเอกสารครบ.


หากเป็น โรงงานประเภท 3 (ตามนิยามกฎหมาย) ต้องมีใบอนุญาตก่อนเริ่มประกอบกิจการ—เตรียมแบบก่อสร้าง ระบบสาธารณูปโภค มาตรการสิ่งแวดล้อม/ความปลอดภัย และกำหนดผู้รับผิดชอบชัดเจน (คู่มืออัปเดตสำหรับนักลงทุนต่างชาติก็ชี้ขั้นตอนเดียวกัน)


ขั้นตอนกู้สร้างโรงงานแบบ “ลงมือได้จริง”
ขั้นที่ 1: ทำ “งบโครงการ” แล้วเผื่อ +15–20%

รวบยอด ค่าที่ดิน–ก่อสร้าง–เครื่องจักร–ระบบสาธารณูปโภค–ค่าขออนุญาต–ค่าทดสอบ–เงินทุนหมุนเวียน 3–6 เดือนแรก และเผื่อสำรองสำหรับความเสี่ยงวัสดุ/ดีเลย์ ต้นทุนที่ตรง ทำให้คุยกับธนาคารง่ายและลดโอกาส “บานปลาย”

ขั้นที่ 2: จำลองกระแสเงินสดและตั้ง DSCR ≥ 1.2

คำนวณเงินสดจากการดำเนินงานรายเดือนหลังลงทุน เทียบกับค่างวดรวม (รวม OD ที่ใช้จริง) กรณีฐาน–กรณีแย่ ถ้าต่ำกว่า 1.2 ให้ปรับ: เพิ่มเงินดาวน์, ยืดงวด, เฟสการติดตั้ง/รับรู้งาน หรือผสมแฟคตอริ่งช่วงรอเงินเข้า

ขั้นที่ 3: เลือก “แหล่งเงินทุน” ให้เหมาะ

ธนาคารพาณิชย์: วงเงินใหญ่ ระยะยาว เหมาะเมื่อเอกสารครบ/มีหลักประกัน

สถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SME D Bank/EXIM สำหรับส่งออก): มักมีอัตราพิเศษหรือมาตรการตามนโยบาย—ติดตามข่าวปรับลดดอกและโครงการเฉพาะกิจปี 2568 อย่างต่อเนื่อง.

บสย. ค้ำประกันสินเชื่อ: เพิ่มโอกาสอนุมัติสำหรับผู้ที่หลักประกันไม่พอ—ศึกษาหลักเกณฑ์โครงการค้ำฯ ปี 2568 ให้ตรงคุณสมบัติ.

ขั้นที่ 4: เตรียมแฟ้มเอกสาร “อ่านรอบเดียวเชื่อ”

ธุรกิจ: หนังสือรับรองนิติบุคคล ≤ 3 เดือน, รายชื่อผู้ถือหุ้น, ภ.พ.20, วัตถุประสงค์
การเงิน: งบการเงินล่าสุด, Statement 6–12 เดือน, ภ.พ.30 ย้อนหลัง, ภ.ง.ด.50
โครงการ: แบบก่อสร้าง/รายการคำนวณ, ใบอนุญาตก่อสร้าง, ใบเสนอราคาผู้รับเหมา/เครื่องจักร, ไทม์ไลน์ติดตั้ง–ทดสอบ–เดินเครื่อง
รายได้ยืนยัน: PO/สัญญาลูกค้าหลัก, ประวัติรับชำระ, แผนรับรู้งาน
สรุปผู้บริหาร 1 หน้า: วงเงินที่ขอ–งวด–DSCR ฐาน/แย่–แผนคุมงบ–มาตรการความเสี่ยง

ขั้นที่ 5: ยื่นหลายสถาบัน + เทียบ “ดอก + ค่าธรรมเนียม + เงื่อนไข”

ดูภาพรวม EIR จริง (รวมค่าประเมิน, ค่าธรรมเนียม, ค่าทำนิติกรรม) และอ่าน เงื่อนไขสำคัญ เช่น covenant, grace/step-up, cross default, เงื่อนไขผิดนัด/เร่งรัดหนี้—เพื่อป้องกันความประหลาดใจภายหลัง

ตัวอย่างคำนวณ (เพื่อเห็นภาพ)

สมมติราคาโครงการ 50 ล้านบาท

ที่ดิน 12 ลบ., ก่อสร้าง 25 ลบ., เครื่องจักร 11 ลบ., สำรอง 10% = 5 ลบ. → รวม 55 ลบ.

วงเงินธนาคาร (ประมาณ 75% ของมูลค่าโครงการ) ≈ 41.25 ลบ. / ผู้ประกอบการลงหุ้นตนเอง 13.75 ลบ.

เลือกผ่อน 12 ปี → ค่างวดประมาณ 3.6–3.9 แสนบาท/เดือน (ตัวเลขอธิบายเชิงแนวคิด)

จำลองกระแสเงินสดกรณีฐาน: เงินสดคงเหลือหลังค่าใช้จ่ายดำเนินงาน/ลงทุน ≈ 6.0–6.5 แสนบาท/เดือน → DSCR ~1.6–1.8 (ผ่านเกณฑ์เป้าหมาย ≥1.2)

กรณีแย่ (ยอดขายชะลอ 15%): เงินสดคงเหลือ ~4.5 แสนบาท → DSCR ~1.2–1.3 ยังอยู่ในโซนปลอดภัย

บทเรียน: โครงสร้างที่ดีต้อง “เผื่อแรงกระแทก” และผสมวงเงินหมุนเวียนให้พอดีเพื่อไม่ให้ลาก OD จนดอกบาน

คำถามที่พบบ่อย
Q: ถ้าไม่มีที่ดินค้ำ จะกู้สร้างโรงงานได้ไหม?
A: ดูได้ 3 ทาง: (1) ใช้ที่ดิน/สิทธิการเช่าระยะยาวร่วมค้ำ, (2) เพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนตนเอง, (3) ใช้ บสย. ค้ำบางส่วนเพื่อเพิ่มโอกาสอนุมัติ.


Q: ปี 2568 ดอกถูกลงแล้วจะได้ดีลง่ายขึ้นหรือไม่?
A: ดอกนโยบาย 1.50% ช่วยด้านสภาพคล่อง แต่ธนาคารยังคุมความเสี่ยง SME เข้ม ต้องชนะด้วย “คุณภาพแฟ้ม–รายได้ตรวจสอบได้–โครงสร้างผ่อนที่ผ่อนไหวจริง”.

Q: เรื่องกฎหมายโรงงานต้องเริ่มตรงไหน?
A: ตรวจว่ากิจการเข้าข่าย โรงงานประเภท 3 หรือไม่, วางแผนใบอนุญาต/ตรวจสอบโดย Private Inspector ตาม พ.ร.บ.โรงงาน (ฉบับ 2562), และจัดการแบบก่อสร้างให้ถูกต้องตั้งแต่แรก.

สรุป

การ กู้สร้างโรงงาน ในปี 2568 จะ “ง่าย” ก็ต่อเมื่อ โครงสร้างเงินกู้ = งานจริงของโครงการ และ แฟ้มเอกสาร = อ่านรอบเดียวเชื่อ:

จับคู่ผลิตภัณฑ์กับงาน (Term Loan สำหรับลงทุน, OD/แฟคตอริ่งสำหรับหมุนเวียน)

ตั้ง DSCR ≥ 1.2 ในฉากทัศน์ฐาน–แย่ และเผื่องบ 10–20%

ใช้ค้ำประกัน บสย. หรือมาตรการ SME D Bank/EXIM เมื่อเหมาะสม

วางแผนใบอนุญาตและกฎหมายโรงงานตั้งแต่ต้น เพื่อลดดีเลย์ต้นทุนบานปลาย

ต้องการทีมช่วยออกแบบวงเงิน/ค่างวด, ทำตารางเงินสด, และจัดแฟ้มยื่นกู้ให้ธนาคารมั่นใจ?
ปรึกษาเรา ที่ปรึกษาด้านสินเชื่อ
 – ที่ปรึกษาสินเชื่อธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการไทย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2025, 04:51:54 AM โดย easycashflows »
บันทึกการเข้า