
ลองจินตนาการว่าคุณคือเจ้าของธุรกิจที่กำลังจะขยายโรงงาน เปิดสาขาใหม่ หรือเพิ่มเครื่องจักรในสายการผลิต สิ่งแรกที่ต้องถามตัวเองคือ “เอาเงินจากไหน?”
ปี พ.ศ. 2568 การเข้าถึง สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ยังเป็นหัวใจสำคัญของ SME และเจ้าของกิจการ โดยเฉพาะ
สินเชื่อแบบมีหลักประกัน ที่หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ความจริงแล้วนี่คือเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงวงเงินสูง ในอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่าสินเชื่อไม่มีหลักประกัน
สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกันคืออะไร?
พูดง่าย ๆ คือ การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินโดยมี “ทรัพย์สิน” มาวางค้ำประกัน หากผิดนัดชำระ เจ้าหนี้สามารถยึดหลักทรัพย์ไปขายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้
นี่คือเหตุผลว่าทำไม ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า สินเชื่อธุรกิจที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน คิดเป็นกว่า 70% ของ
สินเชื่อเพื่อธุรกิจทั้งหมดในไทย เพราะมันเป็น win-win ทั้งสองฝ่าย → เจ้าของธุรกิจได้เงินกู้ในเงื่อนไขดีขึ้น ส่วนสถาบันการเงินลดความเสี่ยงลง
หลักทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกันได้ (อัปเดต 2568)
🏠 อสังหาริมทรัพย์ (Immovable Property)
ที่ดินเปล่า
ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เช่น บ้าน อาคารพาณิชย์ โรงงาน
คอนโดมิเนียม / อาคารสำนักงาน
✅ ได้วงเงินสูง ประเมินง่าย
⚠️ ต้องมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง เช่น โฉนดที่ดิน น.ส.4 จ.
🚗 สังหาริมทรัพย์ (Movable Property)
รถยนต์ส่วนบุคคล/รถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์
เครื่องจักร/อุปกรณ์การผลิต
ทองคำ/เครื่องประดับมีมูลค่า
หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม
บัญชีเงินฝากประจำ
✅ เปลี่ยนเป็นเงินได้ง่าย
⚠️ มักถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าตลาดจริง
📎 หลักทรัพย์อื่น ๆ / บุคคลค้ำประกัน
บุคคลค้ำประกันที่มีเครดิตดี
กรมธรรม์ประกันชีวิต (บางประเภท)
สัญญารับเงินล่วงหน้า เช่น สัญญาจ้างที่มีรายได้แน่นอน
Insight: ทำไมผู้ประกอบการยังเลือก “สินเชื่อมีหลักทรัพย์”
ปี 2568 หลายธุรกิจเจอสถานการณ์ ดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% ทำให้ต้นทุนกู้ยืมต่ำลง แต่ธนาคารยังคงระมัดระวังปล่อยกู้ SME ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ
การมีหลักทรัพย์ค้ำประกันจึงเป็น “แต้มต่อ” สำคัญ
ได้วงเงินสูงกว่าสินเชื่อไม่มีหลักประกัน (บางกรณีสูงถึง 70–90% ของมูลค่าหลักทรัพย์)
ได้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเฉลี่ย 2–4% ต่อปี
เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับการยื่นขอสินเชื่อ
ข้อดีและข้อควรระวัง
✅ ข้อดี
ดอกเบี้ยถูกกว่าและวงเงินสูงกว่า
มีเวลาผ่อนชำระยาว (7–15 ปีขึ้นไป)
ใช้ได้ทั้งลงทุนใหม่หรือรีไฟแนนซ์หนี้เดิม
⚠️ ข้อควรระวัง
ต้องมีทรัพย์สินพร้อมเอกสารสิทธิ์ชัดเจน
กระบวนการอนุมัติอาจใช้เวลานานกว่าสินเชื่อไม่มีหลักประกัน
หากผิดนัดชำระ → เสี่ยงสูญเสียหลักทรัพย์
เรื่องเล่าจากผู้ประกอบการ (Storytelling)
คุณสมชาย เจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์ในสมุทรปราการ ต้องการขยายไลน์การผลิตเพื่อรองรับออเดอร์ส่งออก เขามีที่ดินพร้อมโฉนดมูลค่า 20 ล้านบาท สมชายตัดสินใจยื่นขอ สินเชื่อเพื่อธุรกิจแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ธนาคารประเมินให้วงเงิน 15 ล้านบาท (75% ของมูลค่าที่ดิน)
ดอกเบี้ยเฉลี่ย 6% ต่อปี ระยะเวลาผ่อน 10 ปี
วงเงินนี้ช่วยให้สมชายซื้อเครื่องจักรใหม่และเพิ่มกำลังผลิต 30% ภายในปีแรก
นี่คือตัวอย่างชัดเจนว่า “สินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน” ไม่ได้เป็นแค่เงินกู้ แต่เป็น สะพานที่พาธุรกิจโตได้จริง
จะเลือกสินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์อย่างไรให้คุ้ม?
ประเมินกระแสเงินสด ก่อน → ต้องมั่นใจว่ามีรายได้พอจ่ายค่างวด
เลือกหลักทรัพย์ที่ประเมินง่ายและถูกต้องตามกฎหมาย
เปรียบเทียบข้อเสนอหลายธนาคาร ทั้งดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และเงื่อนไข
ทำแผนธุรกิจชัดเจน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ธนาคารอนุมัติ
สรุป
ปี 2568
สินเชื่อแบบมีหลักประกัน ยังคงเป็น แหล่งเงินทุนหลักของ SME ไทย เพราะช่วยให้เข้าถึง วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ และมีเงื่อนไขผ่อนยาว
หากคุณคือเจ้าของกิจการที่มีทรัพย์สินพร้อม การใช้เป็นหลักค้ำประกันอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุดในการขยายธุรกิจ
Call to Action
กำลังมองหา สินเชื่อเพื่อธุรกิจแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน?
รับคำปรึกษาเชิงลึก + เปรียบเทียบข้อเสนอหลายสถาบันได้ที่
🌐 www.easycashflows.com