รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ ไก่ป่า  (อ่าน 608 ครั้ง)

BeerCH0212

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 98
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุ ไก่ป่า
« เมื่อ: ธันวาคม 12, 2017, 02:30:38 AM »


ไก่ป่า
ไก่ป่าฯลฯเครือญาติของไก่บ้าน
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gallus gallus (Linnaeus)
อยู่ในสกุล Phasianidae
มีชื่อสามัญว่า red jungle fowl
มีถิ่นกำเนิด แถบทวีปเอเชียใต้ (ศรีลังการวมทั้งประเทศอินเดีย) มาทางตะวันออก จนถึงหมู่เกาะมลายู
ไก่ป่าที่เจอในประเทศไทยมีเพียงประเภทเดียวเป็น Gallus gallus (Linnaeus) จำพวกนี้มีหน้าสีแดง ไม่มีขน หงอนสีแดง มีเหนียงสีแดงและก็ติ่งหูอย่างละคู่ ขนบริเวณคอ ข้างหลัง ถึงสะโพกมีสีส้ม ขนปีกสีเขียวเป็นมันขลิบสีส้มใต้ท้องสีน้ำเงินดำ หางโค้งลาด ปลายพริ้ว สีเขียวแซมดำและสีน้ำเงินเข้มเป็นเงา ความยาวของตัววัดจากปลายปากถึงปลายหางราว ๖๐ ซม. เพศผู้หนัก ๘๐๐ – ๑๓๐๐ กรัม ไก่ป่าตัวผู้มีลักษณะสำคัญที่ต่างจากนกอื่นๆเป็น
๑.มีหงอนบนหัวที่เป็นเนื้อ ไม่ใช่หงอนที่เป้นขน
๒.มีเหนียงเป็นเนื้อห้อยลงมาทั้งสองข้างของโคนปากและก็คาง
๓.มีหน้ารวมทั้งคอเป็นหนังหมดจดๆ ไม่มีขน
๔.โดยทั่วไปขนเรียกตัวมีสีสวยงาม มีขนหาง ๑๔ – ๑๖ เส้นตั้งเรียงกันเป็นสันสูงกึ่งกลาง คู่กึ่งกลางยาวกว่าคู่ อื่น ปลายแหลมรวมทั้งอ่อนโค้ง เรียก หางกะลวย
๕.แข้งมีเดือยข้างละอันเป็นอาวุธ
ไก่ป่า ตัวเมียมักมีขนาดเล็กกว่าตัวผู้ ขนไม่สวยสดงดงาม สีไม่ฉูดฉาด ลำแข้งไม่มีเดือย หงอนและก็เหนียงเล็กมาก หรือบางตัวแทบจะเป็นศูนย์ ไก่ป่าอาศัยตามพุ่มไม้เล็กๆในป่าทั่วๆไป บินได้เร็ว แต่ว่าในระดับค่อนข้างต่ำๆและก็ระยะทางสั้นๆเหมือนปกติอยู่เป็นฝูงใหญ่ทั้งตัวผู้และตัวเมียรวมกันราว ๕๐ ตัว แต่ว่าจะแยกเป็นฝูงเล็กๆในช่วงฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งเพศผู้จำเป็นต้องต่อสู้กันเพื่อถือครองพื้นที่แล้วก็ช่วงชิงตัวเมียกันตัวละ ๓ – ๕ ตัว หลังสืบพันธุ์แล้วตัวเมียจะทำรังเป็นหลุมตื้นๆบนพื้นดินหรือบนกองใบไม้แห้งๆในที่ปลอดภัย  แล้ววางไข่คราวละ ๕ – ๖ ฟอง ไข่สีขาวหรือน้ำตาล ใช้เวลาฟักโดยประมาณ ๒๑ วัน ลูกไก่ป่าอายุ ๘ วันก็เริ่มบินเกาะตามกิ่งไม้ได้ แล้วก็เมื่ออายุราวๆ ๑๐ วัน ก็เริ่มบินได้ในระยะทางสั้นๆ

ไก่ป่าที่เจอในประเทศไทยมี ๒ จำพวกย่อย คือ
๑. ไก่ป่าติ่งหูขาว หรือ ไก่ป่าอีสาน (Cochin Chinese red jungle foml) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gallus gallus gallus (Linnaeus) มีติ่งหูสีขาว พบได้มากทางภาคตะวันออกและภาคอีสาน
๒. ไก่ป่าติ่งหูแดง หรือ ไก่ป่าประเภทเมียนมาร์ (Burmese red jungle fowl) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gallus gallus  spadiceus (Bonnaterre) มีติ่งหูสีแดง พบมากทางภาคเหนือ ภาคตะวันตก และก็ภาคใต้
คุณประโยชน์ทางยา
[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url] โบราณไทยใช้ตับไก่เป็นทั้งยังของกินและก็เป็นยา  หนังสือเรียนสรรพคุณยาโบราณบันทึกไว้ว่า  ตับไก่ใช้แก้โรคตาฝ้าตาพร่า เดี๋ยวนี้พึ่งทราบดีว่าโรคนี้เป็นผลมาจากการขาดวิตามินเอ ซึ่งมักพบในตับไก่ หมอแผนไทยรู้จักใช้เปลือกไก่ฟัก ไข่แดง ตับไก่ แล้วก็เล็บไก่ป่า เป็นเครื่องยามาช้านานแล้ว แบบเรียนโบราณว่า ไข่แดงมีรสมัน คาว มีคุณประโยชน์ชูกำลังสร้างความเจริญให้แก่ร่างกาย ตับไก่มีรสมัน คาว มีสรรพคุณบำรุงโลหิต แก้โลหิตจาง บำรุงร่างกายให้แข็งแรง แก้โรคตาฝ้าตาฟาง และเล็บไก่ป่าใช้แก้พิษไข้ ไข้รอยดำ ไข้หัวทุกชนิด ยิ่งกว่านั้นไข่ขาวยังใช้เป็นตัวยาแต่งทางเภสัชกรรมสำหรับทำยาขี้ผึ้ง ดังที่ปรากฏในยาขนานที่ ๗๙ ใน ตำราพระยาพระนารายณ์ ดังนี้
ขนานหนึ่ง ให้เอาพิมเสน ๒ สลึง การบูร ๓ สลึง มาตะกี่ ๕ สลึง ชันตะคียน กำยาน สิ่งละ ๗ สลึง ขี้ผึ้งขาว ๑๐ ตำลึง น้ำมันมะพร้าวอันใหม่ดีนั้นครึ่งทนาน เคี่ยวขึ้นด้วยกันให้สุกดี  แล้วกรองกากออกเสีย เอาไว้ให้เย็น ก็เลยเอาไข่ไก่ เอาแต่ไข่ขาว ๒ ลูก เอาเหล้ากลั่นราวจอกหนึ่ง กวนกับไข่ให้สบกันดี แล้วจึงแบ่งออกให้เป็น ๓ ภาคๆหนึ่งนั้น เอาน้ำทะแลงไซ้ ๓ สลึง การบูร ๓ สลึง กวนเข้าด้วยกันให้สบดีแล้ว เป็นขี้ผึ้งแดง จึงเอาสีผึ้งขาวภาค ๑ นั้น มากวนด้วยจุณสีพอเหมาะ เป็นสีผึ้งเขียว ภาคหนึ่งเป็นสีปากขาว ปิดแก้เพ่งพิศม์ แสบร้อนให้เย็น

Tags : สมุนไพร
บันทึกการเข้า