รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - nanasee

หน้า: [1] 2 3 ... 8
1

คอลลาเจนคืออะไร
คอลลาเจน คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นมาได้เอง แต่เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงจนทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สัญญาณที่จะจะเตือนเมื่อร่างกายขาดคอลลาเจนคือผิวเริ่มเหี่ยวย่น ไม่ชุ่มชื้น ข้อต่อเสื่อม กระดูกเปราะ ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์หรืออาหารเสริมคอลลาเจนก็จะช่วยให้สุขภาพองค์รวมได้ดีขึ้น

คอลลาเจนเสริมสร้างกระดูกได้อย่างไร
   หลายคนคิดว่าการที่จะเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้นอยู่กับแคลเซียมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ความจริงแล้วก็ไม่ผิดซะทีเดียว แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้แคลเซียมเลยก็คือคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนไม่เพียงแค่ทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งเหี่ยวย่น แต่ยังมีส่วนช่วยทำให้เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกระดูกข้อต่อ คอลลาเจนจึงเสริมสร้างกระดูกได้ดังนี้
 :) เปรียบเสมือนกาวที่ยึดเนื้อเยื่อและกระดูกไว้ด้วยกัน หากขาดแคลเซียมกระดูกจะเปราะ เคลื่อนไหวได้ไม่ดี เกิดอาการข้อเข่าฝืดหรือปวดบวมได้ง่าย
 :) แคลเซียมช่วยลดการสึกหรอของกระดูกและข้อเข่าได้ เพราะการทานคอลลาเจนจะช่วยลดแรงเสียดทานในข้อต่อ ทำให้เคลื่อนไหวได้ราบรื่น
 :) กระตุ้นการสร้างมวลกระดูก ใหม่ได้ดีเมื่อทานร่วมกับแคลเซียม

ใครบ้างที่ควรทานคอลลาเจนเสริมสร้างกระดูก
 :) ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน
 :) ผู้ที่มีอาการข้อเข่าเสื่อม
 :) นักกีฬา และผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ
 :) ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเกี่ยวกับกระดูกและข้อ
 :) คนที่มีโรคประจำตัว เช่น รูมาตอยด์ หรือข้ออักเสบ

คอลลาเจนบำรุงกระดูก ข้อเข่า ควรทานติดต่อกันนานขนาดไหนถึงจะเห็นผล
โดยทั่วไปแล้วการรับประทานคอลลาเจนบำรุงกระดูก ข้อเข่า ควรรับประทานต่อเนื่อง 8 – 12 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเห็นผลเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน แต่ก็ขึ้นอยู่กับอายุและพฤติกรรมการใช้ชีวิต และควรทานร่วมกับแคลเซียม วิตามินดี และแมกนีเซียม ยิ่งจะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของคอลลาเจนที่ดีขึ้น

คอลลาเจนสามารถถูกทำลายได้ไหม
แน่นอนว่าสามารถถูกทำลายได้นอกจากแค่อายุที่มากขึ้น เช่น การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารเสริมที่ไม่มีประโยชน์ อย่างน้ำอัดลม นอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียดสะสมดเรื้อรัง ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้ และควบคู่กับการทานอาหารที่มีประโยชน์ และเสริมคอลลาเจนเสริมสร้างกระดูกอยู่เสมอ ที่สำคัญควรออกกำลังกายอย่างเป็นประจำทุกวัน

คอลลาเจนไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่เสริมด้านความงาม และเรื่องผิวพรรณเท่านั้น แต่ยังคอลลาเจนเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ทั้งนี้ควรทานควบคู่กับแคลเซียม เพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุด และทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เรื่องกระดูกเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ควรดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้เพื่ออนาคตที่ดีกว่า

2

กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ คืออะไร
ในทางการแพทย์เรียกว่า Urinary Incontinence คือภาวะที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมการปล่อยปัสสาวะได้ตามปกติ อาจเกิดในรูปแบบของปัสสาวะเล็ดเมื่อไอ จาม หรือหัวเราะ หรืออาจมีความรู้สึกปวดปัสสาวะเฉียบพลันแล้วไม่สามารถเดินไปเข้าห้องน้ำได้ทัน ทำให้มีปัสสาวะไหลออกมาก่อนถึงเวลา

กลั้นปัสสาวะไม่อยู่มี 4 ประเภท ดังนี้   
•   กลั้นปัสสาวะไม่อยู่แบบกะทันหัน มักเกิดจากความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะที่บีบตัวเองโดยไม่ได้รับสัญญาณจากสมอง ทำให้มีความรู้สึกอยากปัสสาวะอย่างรุนแรงและต้องรีบเข้าห้องน้ำทันที หากไม่ทันอาจมีปัสสาวะไหลออกมา
•   กลั้นปัสสาวะไม่อยู่เมื่อมีแรงดันในช่องท้อง เกิดจากการที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง มักพบในผู้หญิงที่ผ่านการคลอดบุตร หรือผู้สูงอายุ เมื่อมีแรงดัน เช่น ไอ จาม ยกของหนัก หัวเราะ จะทำให้ปัสสาวะเล็ดออกมาโดยไม่ตั้งใจ
•   กลั้นปัสสาวะไม่อยู่จากการทำงานของระบบประสาทที่ผิดปกติ ส่วนใหญ่มักพบในผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาท หรือโรคเบาหวาน ซึ่งกระเพาะปัสสาวะไม่สามารถบีบตัวขับปัสสาวะได้หมด ทำให้เกิดการคั่งค้างและไหลออกมาเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว
•   กลั้นปัสสาวะไม่อยู่แบบรวม คือเป็นการรวมกันของหลายสาเหตุ เช่น มีทั้งอาการแบบกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เมื่อมีแรงดันในช่องท้องและกลั้นปัสสาวะไม่อยู่แบบกะทันหันร่วมกัน

กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ โรคที่อาจซ่อนอยู่เบื้องหลัง
ในหลาย ๆ ครั้ง การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ อาจไม่ได้เป็นที่กล้ามเนื้อทำงานผิดพลาดเสมอไป แต่อาจเกิดจากโรคบางชนิดที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย
•   โรคเบาหวาน: ส่งผลต่อเส้นประสาทควบคุมกระเพาะปัสสาวะ
•   โรคทางระบบประสาท เช่น พาร์กินสัน หรือเส้นเลือดในสมองตีบ
•   การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ: อาจทำให้กระเพาะปัสสาวะไวต่อการกระตุ้น
•   โรคอัลไซเมอร์หรือภาวะสมองเสื่อม: มีผลต่อความสามารถในการควบคุมการขับถ่าย
•   ต่อมลูกหมากโต: พบในผู้ชายวัยกลางคนและสูงอายุ ทำให้เกิดปัสสาวะไหลยากหรือไหลไม่สุด

ใครบ้างที่มีความเสี่ยงเกิดอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
•   คุณผู้หญิงหลังคลอด เกิดจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกลางอ่อนแรง
•   วัยหมดประจำเดือน เนื่องจากฮอร์โมนบางชนิดที่ลดลงส่งผลต่อเนื้อเยื่อรอบท่อปัสสาวะ
•   ผู้ที่มีโรคอ้วน ทำให้เกิดแรงดันในช่องท้อง
•   ผู้ที่ผ่าตัดในท้องเชิงกราน เช่น การผ่าตัดมดลูกหรือต่อมลูกหมาก
•   ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน พาร์กินสัน หรือเส้นเลือดในสมองตีบ

กลั้นปัสสาวะไม่อยู่รักษาอย่างไร
•   การใช้ยา เพื่อช่วยควบคุมกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ
•   การทำกายภาพบำบัด โดยนักกายภาพบำบัดเฉพาะทาง
•   การฉีดสารโบท็อกซ์ เพื่อลดการหดตัวของกระเพาะปัสสาวะ
•   การผ่าตัด กรณีรุนแรง เช่น การใส่แถบรัดท่อปัสสาวะ หรือการฝังอุปกรณ์กระตุ้นเส้นประสาท

ปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่ แม้อาจจะเป็นปัญหาเล็ก แต่ไม่ควรปล่อยไว้เพราะในบางครั้งอาจเกิดจากโรคที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย และอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ไม่ได้เกิดแค่เพียงกับผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายก้มีโอกาสเกิดได้เช่นกัน ดังนั้นทางที่ดีที่สุดควรรีบรักษา เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันค่ะ

3

บ้านแฝด คืออะไร
บ้านแฝด คือ บ้านสองหลังที่สร้างอยู่ติดกันโดยมีผนังร่วมกันหนึ่งด้าน โดยมีที่ดินแยกกรรมสิทธิ์กันอย่างชัดเจน กล่าวคือ บ้านแต่ละหลังมีโฉนดของตัวเอง ไม่ได้เป็นการถือกรรมสิทธิ์ร่วมเหมือนอาคารชุดหรือทาวน์เฮ้าส์ การออกแบบนี้ช่วยให้ใช้พื้นที่ดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ราคาขายถูกกว่าบ้านเดี่ยวพอสมควร

จุดเด่นของบ้านแฝดคืออะไร

ราคาประหยัดกว่าบ้านเดี่ยว เพราะเมื่อเปรียบเทียบราคากับบ้านเดี่ยวในทำเลเดียวกัน บ้านแฝดมักจะมีราคาถูกกว่าราว 10-30% เนื่องจากใช้ที่ดินน้อยกว่าและใช้ผนังร่วมกันหนึ่งด้าน ทำให้ต้นทุนในการก่อสร้างลดลง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญสำหรับผู้ที่มีงบจำกัดแต่ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างกว้าง

มีพื้นที่รอบบ้าน แม้จะไม่เท่าบ้านเดี่ยว แต่ บ้านแฝด ก็มักจะมีพื้นที่รอบบ้านให้ใช้ประโยชน์ เช่น จัดสวน ปลูกต้นไม้ หรือเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็ก ซึ่งถือว่าเป็นข้อได้เปรียบเหนือทาวน์เฮ้าส์ที่ไม่มีพื้นที่ด้านข้าง

มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าทาวน์โฮม ด้วยจำนวนผนังร่วมที่มีเพียงด้านเดียว บ้านแฝดจึงให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าทาวน์โฮมที่มีผนังติดกันสองด้าน บางโครงการมีการเว้นระยะห่างระหว่างบ้านอย่างชัดเจน ช่วยลดเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้านอีกด้วย

บ้านแฝดเหมาะกับใครบ้าง
เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ต้องการพื้นที่รอบบ้านแต่ไม่เกินงบ
ผู้ที่อยากเริ่มต้นสร้างครอบครัว ต้องการขยับขยายจากคอนโดหรือทาวน์เฮ้าส์
ผู้ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมากกว่าทาวน์โฮม
นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มองหาทำเลใกล้เมืองในราคาสมเหตุสมผล

สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนซื้อบ้านแฝด
เรื่องของผนังร่วมและระบบโครงสร้าง เนื่องจากเป็นบ้านที่มีผนังร่วมกับอีกหลังหนึ่ง จึงควรตรวจสอบคุณภาพวัสดุ ระบบเสียง ระบบกันความร้อน และการป้องกันความชื้นอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านมีคุณภาพและไม่เกิดปัญหาในระยะยาว

มีกฎหมายและการถือครองที่ดิน แม้ว่า บ้านแฝด คือ บ้านที่มีกรรมสิทธิ์แยก แต่ต้องตรวจสอบว่าแปลงที่ดินและตัวบ้านได้รับการแบ่งแยกอย่างถูกต้องหรือไม่ หากเป็นโครงการใหม่ ควรขอแปลนผังเมืองและโฉนดจากเจ้าของโครงการมาตรวจสอบ

การจัดวางพื้นที่รอบบ้าน ควรตรวจสอบการจัดวางบ้านว่ามีพื้นที่เพียงพอต่อความต้องการหรือไม่ ทั้งในแง่ของการจอดรถ การจัดสวน และทางเดินรอบบ้าน เพื่อให้ใช้งานได้จริง ไม่รู้สึกคับแคบ

การดูแลและรักษาบ้าน บ้านแฝดมักอยู่ในโครงการจัดสรร ซึ่งมักมีค่าส่วนกลาง ต้องศึกษาว่าค่าใช้จ่ายเหมาะสมกับบริการที่ได้รับหรือไม่ เช่น ความสะอาด รปภ. หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ

สรุป
บ้านแฝดเหมาะมากสำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านสักหลัง ที่งบไม่สูงมาก แต่ยังมีพื้นที่รอบบ้าน มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าทาวน์โฮม เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็กถึงขนาดกลาง และผู้ที่ต้องการทำเป็นโฮมออฟฟิศ หรือซื้อไว้สำหรับลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ล้วนเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทั้งสิ้น

4

ร้านขายยากรุงเทพ สำคัญอย่างไร
เมื่อพูดถึงร้านขายยา หลายคนอาจนึกถึงเพียงสถานที่ที่สามารถซื้อยาทั่วไปได้ แต่ความเป็นจริงแล้ว ร้านขายยาในกรุงเทพฯ ปัจจุบันได้พัฒนาไปไกลกว่านั้น โดยมีบริการให้คำปรึกษาทางสุขภาพ ตรวจวัดความดัน ตรวจน้ำตาล รวมถึงการแนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล และที่สำคัญคือการมีร้านขายยากรุงเทพ สาขาที่ตั้งอยู่กระจายตามเขตต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นย่านธุรกิจอย่างสาทร สีลม หรือชุมชนที่อยู่อาศัยอย่างลาดพร้าว บางนา ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวก และไม่ต้องเดินทางไกลเพื่อซื้อยา

บริการที่พบได้ในร้านขายยากรุงเทพ
1. การจำหน่ายยา จ่ายตามแพทย์สั่งและยาสามัญทั่วไป เพราะร้านขายยาที่ดีต้องมีทั้งยาแผนปัจจุบัน ยาสามัญ และยาสำหรับโรคเฉพาะ พร้อมใบอนุญาตถูกต้องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
2. มีการให้คำปรึกษาจากเภสัชประจำร้าน เพื่อให้คำแนะนำในการใช้ยาที่ถูกต้องและจ่ายยาที่ตรงตามอาการของผู้ซื้อ
3. ขายสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม ปัจจุบันร้านขายยาไม่ได้มีเพียงแค่ยาอย่างเดียว ยังมีเวชสำอาง อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอื่น ๆ วางจำหน่ายควบคู่กับยา
4. มีบริการสุขภาพเบื้องต้น มีบริการตรวจน้ำตาลในเลือด วัดความดันโลหิต หรือให้วัคซีนบางชนิด ซึ่งช่วยลดภาระการเดินทางไปโรงพยาบาล
เลือกร้านขายยากรุงเทพอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ประโยชน์สูงสุด
•   ร้านขายยาทุกแห่งต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการจากสำนักงาน อย. และต้องมีเภสัชกรประจำร้านอย่างน้อย 1 คนในช่วงเวลาทำการ
•   ผู้ซื้อควรสังเกตว่าเมื่อเข้าไปในร้าน มีเภสัชกรที่สามารถให้คำปรึกษาได้ทันทีหรือไม่ หากไม่มี นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าร้านดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง
•   ยาแต่ละประเภทต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อประสิทธิภาพของยา โดยเฉพาะยาที่ต้องแช่เย็น หากเก็บไม่ดีหรืออุณหภูมิไม่เหมาะสม อาจทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลงได้ และเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน
•   ร้านขายยาที่ดีควรมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นยาสามัญ ยาเฉพาะทาง เวชสำอาง อาหารเสริม รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กและผู้สูงอายุ

ร้านขายยากรุงเทพออนไลน์ ตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับคนรุ่นใหม่
   ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน การซื้อยาผ่านช่องทางออนไลน์กลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่การจราจรติดขัด การสั่งซื้อออนไลน์จากร้านขายยากรุงเทพ ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน จึงเป็นตัวช่วยให้ผู้บริโภคประหยัดเวลาและสะดวกยิ่งขึ้น

ข้อดีของร้านขายยาออนไลน์ในกรุงเทพ
•   มีราคาบอกชัดเจนสามารถตรวจสอบราคาได้
•   มีบริการจัดส่งภายในวันเดียว
•   มีโปรโมชั่นเฉพาะสำหรับช่องทางออนไลน์
•   สามารถขอคำปรึกษาได้จากแพทย์ผ่านทางแชต หรือวิดีโอคอล

ร้านขายยากรุงเทพ มีอยู่หลายสาขาทั่วทุกเขต ทำให้คนเมืองเข้าถึงบริการสุขภาพได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อยา รับคำปรึกษา หรือซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพต่าง ๆ ร้านขายยาในกรุงเทพฯ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่จำหน่ายยาเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริงอีกด้วย

5

ผงชาเขียวคืออะไร มีที่มาจากไหน
   ผงชาเขียว หรือ ผงชาเขียวมัทฉะ มีที่มาเดียวกันจากใบชาที่นำไปผ่านกรรมวิธีในการตากแห้งและฆ่าเชื้อจนสะอาด จากนั้นก็นำมาบดให้ละเอียด รสชาติที่ได้จะมีความเข้มข้น สามารถนำไปชงเพิ่มกับนมอุ่น ๆ ได้หรือนำผงชาเขียวไปแปรรูปทำเบเกอรี่ก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งผงชาเขียวหรือผงชาเขียวมัทฉะนี้มีที่มาจากประเทศญี่ปุ่น เพราะคนญี่ปุ่นชอบดื่มชาเขียวมัทฉะเป็นชีวิตจิตใจ จนมีพิธีชงชาเป็นวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน
ประโยชน์ของผงชาเขียว
   ผงชาเขียวมีประโยชน์และสรรพคุณมากในหลายด้าน ดังนี้
•   มีส่วนช่วยในการลดอาการปวดศีรษะ
•   ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
•   แก้ร้อนใน
•   แก้หวัด
•   ช่วยให้สร่างเมาจากการดื่มสุรา
•   มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก
•   ช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในร่างกาย
•   ป้องกันตับจากภาวะพิษทั้งหลาย
•   มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
•   ช่วยแก้อาการท้องร่วง ท้องเสีย และท้องบิดได้
•   ช่วยแก้อาการกระหายน้ำและช่วยระบายความร้อนจากปอด
โทษของผงชาเขียว
   เมื่อมีประโยชน์แล้วก็ต้องมีโทษด้วยเช่นกัน เมื่อทานมากเกินความจำเป็นจากประโยชน์ก็กลายเป็นโทษได้ มีหลายข้อ ดังนี้
•   ผงชาเขียว มีคาเฟอีนเหมือนกับกาแฟและโกโก้ ทำให้เมื่อดื่มมากเกินไป 3 – 4 แก้วต่อวัน อาจทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ท้องเสีย คลื่นไส้ได้
•   คุณแม่ที่ต้องให้นมบุตรไม่ควรดื่มชาเขียวเกินวันละ 2 แก้ว เพราะอาจทำให้คาเฟอีนส่งผ่านไปยังน้ำนม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเป็นอันตรายต่อเด็กได้
•   การดื่มชาเขียวขณะตั้งครรภ์อาจทำให้เสี่ยงต่อการแท้งได้
•   การดื่มชาเขียวในขณะที่ท้องว่างอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดพิษต่อตับ ไต และระบบทางเดินอาหารได้
ผงชาเขียวเหมาะกับใครบ้าง
•   คนรักสุขภาพ เพราะ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และโรคมะเร็งได้ และยังมีส่วนช่วยในการเผาผลาญ และขับสารพิษได้
•   เหมาะกับวัยเรียนและวัยทำงาน เพราะมีคาเฟอีนทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า และสารแอลธีอะนีนในกาแฟทำให้ช่วยมีสมาธิในการทำงานและอ่านหนังสือได้
•   เหมาะกับผู้สูงอายุ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด
•   เหมาะสำหรับผู้ควบคุมน้ำหนัก
•   เหมาะสำหรับผู้ทำเบเกอรี่ หรือร้านคาเฟ่ เพราะ ผงชาเขียวเป็นตัวช่วยอย่างดีในการทำขนมและเครื่องดื่ม ใช้งานง่าย
ใครบ้างที่ควรระมัดระวังในการดื่มชาเขียว
•   ผู้ตั้งครรภ์และคุณแม่ให้นมบุตร ไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้ว เพราะอาจส่งผลต่อเด็กได้
•   ผู้ที่มีปัญหากระเพาะอาหาร เนื่องจากชาเขียวเป็นกรดอ่อนอาจทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ในบางคน
•   ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง หรือมีภาวะโลหิตจาง เพราะสารแทนนินในชาเขียวจะยับยั้ง การดูดซึมของธาตุเหล็ก ควรดื่มหลังจากมื้ออาหารไปแล้ว 1  ชั่วโมง
•   ผู้ที่ไวต่อคาเฟอีน เพราะอาจทำให้นอนไม่หลับ ใจสั่น คลื่นไส้ได้
•   ผู้ที่ใช้ยาบางประเภท เพราะชาเขียวอาจรบกวนการออกฤทธิ์ของยา เช่น ยาระงับประสาท ยาลดความดัน หรือยาละลายลิ่มเลือด
สรุป
   ผงชาเขียว หรือ ผงชาเขียวมัทฉะ เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์และเป็นมิตรกับทุกเพศทุกวัย แต่ไม่ควรดื่มมากกว่า 3 แก้วต่อวัน เพราะ อาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ควรดื่มอย่างเหมาะสมต่อวัน

6

วิปครีมผงคืออะไร? ทำไมสายเบเกอรี่ควรรู้จัก
วิปครีมผง (Whipping Cream Powder) คือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากครีมหรือไขมันพืชที่ถูกทำให้แห้ง เพื่อความสะดวกในการเก็บรักษาและขนส่ง โดยมีลักษณะเป็นผงสีขาวหรือสีครีมอ่อน เมื่อต้องการใช้ก็เพียงแค่เติมน้ำเย็น หรือนม แล้วตีด้วยเครื่องตี ก็จะได้วิปครีมเนื้อนุ่มฟู เหมือนครีมสด ใช้ตกแต่งขนมหรือใส่เครื่องดื่มได้อย่างง่ายดาย

จุดเด่นของวิปครีมผง
•   เก็บได้นาน โดยไม่ต้องแช่เย็น ช่วยลดปัญหาหมดอายุเร็วแบบครีมสด
•   สะดวกในการใช้งาน แค่ผสมน้ำเย็นแล้วตี ไม่ต้องเตรียมวัตถุดิบหลายอย่าง
•   ตีขึ้นฟูได้ง่าย และมักคงรูปได้นาน เหมาะกับงานตกแต่งเค้กหรือของหวาน
•   ต้นทุนค่อนข้างประหยัด เมื่อเทียบกับวิปปิ้งครีมแบบเหลว

วิธีใช้วิปครีมผง synova
•   ตวงวิปครีมผงตามอัตราส่วนที่ระบุในฉลาก (เช่น 100 กรัม)
•   เติมน้ำเย็นหรือนมเย็น (เช่น 150–200 มล.)
•   ตีด้วยเครื่องตีความเร็วสูง ประมาณ 4–6 นาที จนขึ้นฟูเป็นเนื้อครีม
•   ใช้ทันที หรือแช่เย็นเพื่อเพิ่มความอยู่ตัว

เหมาะกับใคร?
•   ร้านเบเกอรี่ ที่ต้องการประหยัดพื้นที่แช่เย็น
•   คาเฟ่ ที่อยากตกแต่งเครื่องดื่มให้สวยงาม
•   มือใหม่ทำขนม ที่อยากเริ่มต้นง่าย ไม่ต้องกลัวครีมเสีย

ข้อควรระวัง
•   เลือกยี่ห้อที่เชื่อถือได้ เพราะคุณภาพและรสชาติอาจแตกต่างกัน
•   บางยี่ห้ออาจใส่น้ำตาลมาแล้ว ควรตรวจสอบก่อนผสมกับเมนูอื่น

ดังนั้นวิปครีมผง จึงกลายทางเลือกที่สะดวก คุ้มค่า และใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมือโปรในสายขนมและเครื่องดื่ม ให้คุณสร้างสรรค์เมนูได้หลากหลาย พร้อมเก็บรักษาได้นาน ไม่ต้องกังวลเรื่องการแช่เย็นหรือครีมเสียง่าย

7

ท้องลายหลังคลอด เป็นปัญหาที่คุณแม่หลายคนเผชิญหลังการตั้งครรภ์ โดยจะปรากฏเป็นเส้นสีแดง ม่วง หรือขาวบนผิวหนังบริเวณหน้าท้อง สะโพก ต้นขา หรือหน้าอก ซึ่งแม้จะไม่อันตรายต่อสุขภาพ แต่ส่งผลต่อความมั่นใจอย่างมาก

สาเหตุของท้องลายหลังคลอด
•   การยืดขยายของผิวหนังอย่างรวดเร็ว
ช่วงตั้งครรภ์ ผิวหนังบริเวณหน้าท้องขยายออกเพื่อรองรับทารก ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังฉีกขาด
•   ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง
ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและคอร์ติโซนเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อความยืดหยุ่นของผิว ทำให้เกิดรอยแตกได้ง่ายขึ้น
•   กรรมพันธุ์
หากแม่หรือพี่สาวเคยมีท้องลาย คุณก็มีแนวโน้มที่จะเป็นเช่นกัน
•   น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
น้ำหนักที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงสั้น ๆ ทำให้ผิวหนังไม่สามารถปรับตัวทัน

วิธีป้องกันท้องลายตั้งแต่ระหว่างตั้งครรภ์
1.   บำรุงผิวด้วยครีมหรือออยล์เป็นประจำ
ใช้ครีมหรือออยล์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่น เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอัลมอนด์ เชียร์บัตเตอร์ ครีมที่มีวิตามินอีหรือคอลลาเจน ทาบริเวณหน้าท้อง สะโพก ต้นขา และหน้าอก วันละ 2 ครั้ง (เช้า–เย็น)
2.   ดื่มน้ำมากพอ
วันละ 8–10 แก้ว เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้นจากภายใน ลดความเสี่ยงการแตกลาย
3.   ควบคุมน้ำหนักอย่างเหมาะสม
หลีกเลี่ยงการเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ปรึกษาคุณหมอเพื่อควบคุมน้ำหนักตามเกณฑ์ที่เหมาะสม
4.   กินอาหารที่บำรุงผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
อาหารที่มีวิตามินซี (ส้ม ฝรั่ง พริกหวาน),โปรตีน (ไข่ ปลา ถั่วเหลือง),ไขมันดี (อะโวคาโด ถั่ว เมล็ดแฟลกซ์)
5.   หลีกเลี่ยงการเกา
เมื่อผิวแห้งหรือคันระหว่างตั้งครรภ์ ควรทาครีมหรือใช้น้ำเย็นประคบแทนการเกา การเกาอาจทำให้ผิวฉีกขาดง่ายและเสี่ยงต่อการแตกลาย
6.   ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ
ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น โยคะสำหรับคนท้อง หรือเดินช้า ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นดีขึ้น
7.   สวมเสื้อผ้าที่พอดีตัว
หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าคับแน่นบริเวณหน้าท้อง เพราะอาจเพิ่มแรงกดทับและรบกวนการไหลเวียนเลือด

วิธีรักษาท้องลายหลังคลอด
•   ทาครีมลดรอยแตกลาย ใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง เช่น ครีมที่มีวิตามินอี เรตินอล หรือกรดไฮยาลูรอนิก (แต่ต้องหลีกเลี่ยงในช่วงให้นมบุตรหากมีส่วนผสมที่ไม่ปลอดภัย)
•   การทำเลเซอร์ เช่น fractional laser หรือ fractional CO2 ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน
•   Microneedling (Derma Roller/Derma Pen) กระตุ้นการฟื้นฟูผิวด้วยการสร้างรอยเล็ก ๆ บนผิวหนัง เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน
•   ทรีตเมนต์อื่น ๆ เช่น Radiofrequency, PRP (Platelet-rich plasma), หรือคลื่นเสียงอัลตราซาวด์

สรุป
ท้องแตกลายเกิดจากการยืดขยายของผิวหนัง ร่วมกับปัจจัยฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ การป้องกันควรเริ่มตั้งแต่ตั้งครรภ์ โดยเน้นบำรุงผิวและควบคุมน้ำหนัก การรักษาหลังคลอดทำได้หลายวิธี ทั้งใช้ครีม เลเซอร์ หรือทรีตเมนต์ทางการแพทย์ หากท้องลายหลังคลอดรบกวนใจมาก ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดค่ะ

8

Morpheus คืออะไร
Morpheus คือ การใช้คลื่นพลังงานความถี่วิทยุร่วมกับเข็มไมโครนีดเดิล เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิวหนัง ช่วยให้ใบหน้ากระชับ เรียบเนียน ดูอ่อนวัย โดยไม่ต้องผ่าตัด Morpheus จะเห็นผลชัดเจนและยาวนานกว่าเครื่อง RF หรือเลเซอร์ทั่วไป

Morpheus 8 คืออะไร
Morpheus 8 คือ รุ่นยอดนิยมของเทคโนโลยี Morpheus ที่พัฒนาโดยบริษัท InMode จากสหรัฐอเมริกา โดยผสานเข็มไมโครนีดเดิลเข้ากับความถี่วิทยุอย่างลงตัว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนลึกถึงระดับไขมันใต้ชั้นผิว ซึ่งเป็นชั้นที่มีผลต่อความหย่อนคล้อยของผิว และ Morpheus 8 ยังสามารถปรับระดับความลึกได้หลายระดับ ทำให้สามารถใช้ได้กับทั้งใบหน้า ลำคอ หน้าท้อง แขน ขา และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

จุดเด่นของ Morpheus 8
•   ลงลึกได้มากกว่านวัตกรรมคลื่นวิทยุทั่วไป
•   สามารถยกกระชับผิวได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
•   กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ
•   เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
•   ปลอดภัย ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา

Morpheus เหมาะกับใครบ้าง
•   เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
•   เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยลึก
•   เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
•   เหมาะกับผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง ต้องการฟื้นฟูให้เรียบเนียน
•   เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับผิวบริเวณลำคอ เหนียง หรือหน้าท้องหลังคลอด

Morpheus ต่างจาก RF หรือเลเซอร์ทั่วไปอย่างไร
เทคโนโลยี RF แบบดั้งเดิมจะส่งพลังงานลงลึกได้แค่ระดับผิวชั้นบนหรือกลาง แต่ Morpheus 8 สามารถลงลึกถึงชั้นไขมัน ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อยในระยะยาว อีกทั้งยังควบคุมระดับความลึกและระดับพลังงานได้แม่นยำ ทำให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

สรุป
Morpheus คือ เทคโนโลยีที่ช่วยกระชับผิวได้โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้เข็มไมโครนีดเดิลและคลื่นวิทยุ เพื่อสร้างการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวหนัง โดย Morpheus 8 คือ รุ่นที่ทำงานได้ดีและผลลัพธ์ล้ำลึกและมีความแม่นยำมากขึ้น

9

การครอบฟันคืออะไร
   การครอบฟัน คือ การรักษาฟันที่มีปัญหารุนแรงที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการอุดฟันธรรมดา การครอบฟันทำได้ด้วยการนำวัสดุพิเศษมาครอบฟันทั้งซี่ ทำหน้าที่ปกปิด ป้องกัน ฟื้นฟูฟัน ทำให้มีความมั่นใจ แต่มีราคาสูงขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการครอบฟัน

ปัญหาใดบ้างที่เหมาะกับการครอบฟัน
•   ฟันผุขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการครอบฟัน
•   ฟันบิ่น ฟันแตก
•   ฟันที่ได้รับการรักษารากฟันมาแล้ว
•   ฟันที่สึก
•   ฟันที่มีสีหรือมีรูปร่างที่ปกติ
•   ฟันที่ต้องใช้เป็นฐานรองรับการทำสะพานฟัน

ข้อดีของการครอบฟัน
•   ช่วยให้ฟันแข็งแรง ป้องกันการแตกหักได้
•   ใช้งานสะดวก ยึดติดแน่น ไม่ต้องกลัวหลุด
•   ไม่ต้องกรอฟันข้างเคียง
•   มีอายุการใช้งานที่ยาวนานตั้งแต่ 5 – 15 ปี ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้
•   คงทนถาวรกว่าการอุดฟันทั่วไป

ข้อเสียของการครอบฟัน
•   เมื่อทำใหม่แรก ๆ อาจจะรู้สึกเสียวฟัน
•   การเคี้ยวของแข็งมาก ๆ อาจจะทำให้ครอบฟันเสียหาย
•   มีราคาที่สูงกว่าการอุดฟัน
•   การกรอแต่งฟันมีโอกาสทำลายโพรงประสาทฟันได้
•   ต้องกรอฟันมากกว่าการอุดฟัน

ครอบฟันแตก ราคาเท่าไหร่
   ฟันแตก ครอบฟัน ราคาจะขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการทำ ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีและมีความเหมาะสมกับปัญหาที่แตกต่างกัน มีวัสดุดังนี้
•   ครอบฟันโลหะ คือการใช้โลหะในการครอบฟัน โดยโลหะที่ใช้ในการครอบฟันมีดังนี้ ทองคำ นิกเกิ้ล โครบอลต์-โครเมียม จุดเด่นของการครอบฟันนี้คือมีความแข็งแรงและคงทนมาก เหมาะกับฟันกรามที่ต้องใช้การบดและเคี้ยวเยอะ ราคาจะอยู่ที่ 5000 – 8000 บาท
•   ครอบฟันเซรามิก คือการใช้เซรามิกล้วนในการครอบฟัน มีความใกล้เคียงกับฟันจริงมากที่สุดสามารถเลียนแบบสีฟันจริงได้หลายเฉด นิยมใช้กับฟันหน้า มีเซรามิก 2 แบบ การครอบเซรามิกล้วนแบบเซอร์โครเนีย และ การครอบเซรามิกล้วนแบบแก้วเซรามิก ราคา 9000 – 15000 บาท
•   ครอบฟันเซรามิกผสมโลหะ คือการใช้เซรามิกและโลหะผสมกันเพื่อให้ได้คุณสมบัติทั้งสองอย่างคือมีความแข็งแรงคงทนและมีสีที่เหมือนฟันจริง มีราคาอยู่ที่ 7000 – 12000 บาท
•   ครอบฟันเซอร์โครเนีย มีความทนทานสูงและสีเหมือนฟันจริง ราคา 12000 – 20000 บาท

สรุป
   ฟันแตก ครอบฟัน ราคาสูงกว่าการอุดฟันธรรมดาแต่มีคุณภาพที่ดีกว่า ซึ่งมีหลายวัสดุที่เหมาะกับปัญหาของฟัน ครอบฟันราคามีหลายแบบขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ มีการใช้งานที่ยาวนาน 5 – 15 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและวัสดุที่เลือกใช้

10

คอลลาเจนคือเส้นใยโปรตีนที่พบได้ตามร่างกายของเราได้มากที่สุด หากพูดถึงคอลลาเจน คนส่วนใหญ่มักนึกถึง ผิว เป็นอันดับแรก แต่ร่างกายของเรานั้นยังมีคอลลาเจนที่พบได้อีก ไม่ว่าจะเป็นตามกระดูก กระดูกอ่อน เส้นเอ็น เอ็นกล้ามเนื้อ ไขข้อ หรือข้อต่อ โดยคอลลาเจนที่อยู่ตามร่างกายของเรานั้นจะสร้างขึ้นได้ตามธรรมชาติหรือสร้างขึ้นจากอาหารที่เราทานเข้าไป แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นร่างกายจะค่อยๆ หยุดผลิตคอลลาเจนลง

คอลลาเจนกับกระดูกเกี่ยวข้องกันยังไง ?
คอลลาเจนกับกระดูกมีความสำคัญและทำหน้าที่เกี่ยวข้องกันอย่างมาก โดยเฉพาะคอลลาเจนชนิดที่ 2 หรือที่เรียกว่า คอลลาเจน ไทพ์ 2 ที่มีส่วนช่วยเรื่องกระดูกได้โดยตรง จากงานวิจัยที่ศึกษาประสิทธิภาพของคอลลาเจนกับกระดูก พบว่าคอลลาเจนชนิดที่ 2 สามารถดูดซึมผ่านลำไส้ไปยังกระดูกอ่อนได้ โดยคอลลาเจนชนิดที่ 2 เป็นคอลลาเจนที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกได้ดี ช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับข้อเข่าและข้อต่อเสื่อมมีอาการดีขึ้น

อาหารที่เพิ่มคอลลาเจนเสริมสร้างกระดูก
•   กล้วย เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วย วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี เหล็ก โปแตสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญในการเสริมสร้าง มวลกระดูกให้แข็งแรง และกล้วยยังสามารถช่วยป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมได้อีกด้วย
•   นม มีแคลเซียมสูง แคลเซียมที่มีมากในนม ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่ายและรวดเร็ว การดื่มนมทุกวันจะช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้นได้
•   ปลาทะเล โดยเฉพาะปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง เรียกได้ว่าเป็นแหล่งของแคลเซียมชั้นดี โดยแคลเซียมจะช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง และนอกจากนี้ในปลาแซลมอนยังมีคอลลาเจนอีกด้วย
•   ถั่วอัลมอนด์ เป็นแหล่งรวมสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง มีทั้งแมงกานีส วิตามินอี ไบโอติน คอปเปอร์ และไบโอฟลาวิน ถั่วอัลมอนด์เหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุนเป็นอย่างมาก
•   ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจนเสริมสร้างกระดูก แคลที Cal-T ช่วยสร้างเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนในข้อเข่า

สรุป คอลลาเจนและกระดูกมีความสำคัญกันอย่างมาก เพราะคอลลาเจนเป็นโปรตีนหลักที่พบในกระดูกและเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะคอลลาเจนชนิดที่ 1 ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของกระดูก ทำหน้าที่เสริมความยืดหยุ่นและความแข็งแรงให้กับกระดูก คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการสร้างโครงสร้างที่แข็งแรงให้กับกระดูก และช่วยให้กระดูกมีความยืดหยุ่น ไม่เปราะแตกหักง่าย

11

ชาเขียวไม่ใช่แค่เครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่น หรือแค่รสชาติที่เข้ากับขนมหวานสมัยใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน และส่วนใหญ่นิยมนำชาเขียวมาทำเป็นผง เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้งานและเก็บรักษาอีกทั้งยังมีหลายประเภทให้ได้เลือก โดยแต่ละประเภทมีกระบวนการผลิต คุณภาพ วัตถุประสงค์การใช้งาน และแหล่งที่มา แตกต่างกันดังนี้

1. มัทฉะ
ลักษณะ
ผงชาเขียวเนื้อละเอียด สีเขียวสด ทำจากใบชาเกรดพรีเมียมที่ปลูกในร่มเพื่อลดแสงแดด ทำให้ใบชามีกรดอะมิโนสูง โดยเฉพาะ L-Theanine

กระบวนการผลิต
เก็บใบชาอ่อน  นึ่งหยุดการหมัก  ตากแห้ง  เอาเส้นใบออก  บดด้วยโม่หินจนละเอียด
*ทันทีหลังเก็บ จะนำใบชาไป นึ่ง เพียงไม่กี่วินาทีเพื่อหยุดการหมัก การนึ่งช่วยรักษาสีเขียวสด กลิ่นหอม และรสชาติชาไว้*

เกรดมัทฉะมีหลายระดับ

   Ceremonial Grade (เกรดพิธีชงชา) คุณภาพสูงสุด รสชาติกลมกล่อม ไม่ขม สีเขียวสดใส ใช้ดื่มโดยตรง
   Premium Grade ใกล้เคียงกับ ceremonial แต่ราคาถูกลงเล็กน้อย ใช้ดื่มหรือผสมในเครื่องดื่ม
   Culinary Grade (เกรดทำอาหาร) สีและรสชาติจะเข้มขึ้น ขมเล็กน้อย ใช้ในเบเกอรี่ ไอศกรีม ลาเต้ ฯลฯ

2. ชาเขียวเซนฉะ

ลักษณะ
ใบชาธรรมดาที่ตากแสงแดด ปลูกในที่โล่ง สีจะไม่เขียวจัดเท่ามัทฉะ มีรสชาติเข้มข้น หอมสดชื่น

กระบวนการผลิต
คล้ายมัทฉะ แต่บดไม่ละเอียด หรือบางครั้งใช้เป็นใบแห้งไม่บดเลย

การใช้งาน
ใช้ชงดื่มทั่วไป หรือบดใช้เป็นผงในอาหารได้บ้าง แต่ไม่ละเอียดและรสชาติจะไม่ละมุนเท่ามัทฉะ

3. โฮจิฉะ

ลักษณะ
ชาเขียวที่นำไปคั่วด้วยไฟ ทำให้สีเปลี่ยนเป็นน้ำตาลเข้ม มีกลิ่นหอมเหมือนคั่วถ่าน รสชาติอ่อนนุ่ม ไม่มีคาเฟอีนมาก

การใช้งาน
มักใช้ทำเครื่องดื่ม กลิ่นหอมเฉพาะตัว หรือทำขนม กลิ่นจะคล้ายคาราเมลหรือกาแฟอ่อน ๆ

4. เกียวคุโระ

ลักษณะ
ชาเกรดสูงสุดอีกประเภทหนึ่ง ปลูกในร่มเหมือนมัทฉะ แต่ไม่บดเป็นผง ใช้ใบชงร้อน รสชาติหวานนุ่ม สีเขียวเข้ม

การใช้งาน
ชงดื่มเฉพาะสายชาที่ชอบรสชาติซับซ้อน กลิ่นหอมหวานจากกรดอะมิโนสูง

5. ชาคุคิฉะ

ลักษณะ
ทำจากก้านชาแทนใบชา บางครั้งเรียกว่า "Twig Tea" กลิ่นจะเบากว่า และคาเฟอีนน้อยกว่าชาทั่วไป

การใช้งาน
นิยมใช้ชงดื่ม มีรสชาติอ่อน กลมกล่อม เป็นทางเลือกสำหรับคนไม่อยากดื่มคาเฟอีนเยอะ

6. ชาคอมบุ  (ไม่ใช่ Kombucha ที่เป็นชาหมัก)

ลักษณะ
ทำจากสาหร่ายคอมบุบดผสมชา มีกลิ่นเค็ม ๆ นิยมในญี่ปุ่น มักชงดื่มเป็นซุปอ่อน ๆ

สรุป
การเลือกผงชาเขียวที่เหมาะสม ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับราคา แต่ขึ้นอยู่กับ "วัตถุประสงค์ในการใช้" และ "คุณภาพของชา" ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหมวดหมู่หลัก ๆ เกรดของผงชาเขียว,วัตถุประสงค์การใช้งาน,สี – กลิ่น – ความละเอียด อย่างเช่น  ถ้าจะดื่ม – ใช้มัทฉะพรีเมียม,ถ้าจะทำขนม – ใช้มัทฉะเกรดทำอาหาร,ถ้าอยากได้กลิ่นคั่ว – เลือกโฮจิฉะ และถ้าอยากดื่มเบา ๆ – เลือกคุคิฉะหรือเซนฉะ เป็นต้น

12

อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Urinary Incontinence) เป็นภาวะที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะได้ตามต้องการ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุและมีวิธีป้องกันและรักษาที่แตกต่างกันไปตามสาเหตุของอาการนั้น ๆ โดยสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ดังนี้

สาเหตุของอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
การอ่อนแอของกล้ามเนื้อกระดูกเชิงกราน
•   เมื่อกล้ามเนื้อที่รองรับกระเพาะปัสสาวะและทางเดินปัสสาวะอ่อนแอลง ซึ่งอาจเกิดจากการตั้งครรภ์และการคลอดบุตร หรือการเสื่อมสภาพตามวัย
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
•   โดยเฉพาะในสตรีในวัยหมดประจำเดือนที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณระบบทางเดินปัสสาวะอ่อนแอลง
ภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ
•   โรคเบาหวาน
•   ภาวะเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน หรือความบาดเจ็บที่มีผลกระทบต่อเส้นประสาท
•   การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
•   ผลข้างเคียงจากการใช้ยา
ปัจจัยเสี่ยงด้านไลฟ์สไตล์
•   น้ำหนักตัวเกินหรืออ้วน ซึ่งเพิ่มแรงกดทับต่อระบบทางเดินปัสสาวะ

วิธีรักษาอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
•   การออกกำลังกายอุ้งเชิงกราน (Kegel Exercise) – วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการฝึกกล้ามเนื้อรอบกระเพาะปัสสาวะ
•   การปรับพฤติกรรม – ฝึกเข้าห้องน้ำเป็นเวลา หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
•   การใช้ยา – เช่น ยาควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ หรือยาฮอร์โมน (สำหรับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน)
•   การใช้เครื่องมือช่วย – เช่น อุปกรณ์พยุงช่องคลอดในผู้หญิง หรือแผ่นซับปัสสาวะ
•   การทำกายภาพบำบัด – ใช้คลื่นไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
•   การผ่าตัด – ในกรณีที่อาการรุนแรง เช่น การผ่าตัดยกกระเพาะปัสสาวะหรือการใส่สายรัดบริเวณท่อปัสสาวะ

สรุป
อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่สามารถป้องกันและรักษาได้ โดยเริ่มจากการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ปรับพฤติกรรม และหากอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

13

         ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบอย่างกรุงเทพฯ ร้านขายยา เป็นมากกว่าสถานที่ซื้อยา เพราะผู้คนส่วนใหญ่ในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นการหายาแก้ไข้ รับคำแนะนำจากเภสัชกร หรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ร้านขายยากลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวัน ที่ช่วยให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายขึ้น แต่ท่ามกลางความสะดวกนั้น ร้านขายยายังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงและข้อกำหนดทางกฎหมายที่เข้มงวด ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของธุรกิจนี้ในเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล
ร้านขายยาในกรุงเทพมหานครมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพของประชาชน โดยมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา ดังนี้

ข้อดี
 :) การเข้าถึงบริการสุขภาพได้ง่าย: ร้านขายยากรุงเทพ มีจำนวนมากและตั้งอยู่ทั่วเมือง ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพได้สะดวก
 :) บริการที่หลากหลาย: นอกจากการจำหน่ายยาแล้ว ร้านขายยายังมีบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ยา การตรวจสุขภาพพื้นฐาน เช่น วัดความดันโลหิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม
 :) ความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ: ร้านขายยาเดี่ยวหรือ SME มีความคล่องตัวในการปรับตัวตามสถานการณ์และความต้องการของลูกค้า เนื่องจากเจ้าของร้านมักเป็นผู้บริหารเอง

ข้อเสีย
 :( การแข่งขันสูง: จำนวนร้านขายยาที่มากในกรุงเทพฯ ทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะระหว่างร้านขายยาเชนสโตร์ และร้านขายยาเดี่ยวหรือ SME
 :( ความท้าทายในการบริหารจัดการ: ร้านขายยาเดี่ยวหรือ SME อาจประสบปัญหาในการจัดการคลังสินค้าและการต่อรองราคากับซัพพลายเออร์ เพราะมีอำนาจน้อยเมื่อเทียบกับ ร้านขายยาเชนสโตร์ ( Boot, Watsons, P&F Pharmacy )  เป็นต้น
 :( การปฏิบัติตามกฎหมาย: ร้านขายยาต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการจำหน่ายยาอันตรายหรือยาควบคุมพิเศษที่ต้องมีเภสัชกรประจำร้าน หากไม่มีการปฏิบัติตามอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

          อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจร้านขายยากรุงเทพ ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การแข่งขันที่สูง การปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เข้มงวด และความต้องการในการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยี รวมถึงความต้องการของลูกค้าที่มักจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

14


Empower RF เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ คลื่นความถี่วิทยุ (RF: Radio Frequency) เพื่อช่วยในด้านความงามและสุขภาพ โดยเฉพาะในเรื่องของ การกระชับผิว การฟื้นฟูช่องคลอด และการกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งมีความสำคัญในหลายด้าน เช่น

1. ฟื้นฟูและกระชับผิว (Skin Rejuvenation & Tightening)
ช่วยกระตุ้น การสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเต่งตึงและเรียบเนียนขึ้น
ลดเลือน ริ้วรอย จุดด่างดำ และรอยแผลเป็น
ช่วยให้ผิวดู กระจ่างใสและสุขภาพดี

2. การกระชับสัดส่วนและลดเซลลูไลท์ (Body Contouring & Cellulite Reduction)
ช่วย สลายไขมัน บางส่วนในร่างกาย เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา
กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ ผิวดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น
ช่วยลด รอยแตกลายและผิวเปลือกส้ม

3. การฟื้นฟูสุขภาพของผู้หญิง (Feminine Wellness & Vaginal Rejuvenation)
ใช้สำหรับ การฟื้นฟูช่องคลอด ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยหลังคลอดหรืออายุที่เพิ่มขึ้น
ช่วยเพิ่ม ความชุ่มชื้น และลดอาการแห้งของช่องคลอด
มีส่วนช่วยในการ แก้ปัญหาปัสสาวะเล็ด

4. การฟื้นฟูระบบไหลเวียนโลหิตและฟังก์ชันกล้ามเนื้อ (Blood Circulation & Muscle Function)
ช่วย กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เซลล์ได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น
มีส่วนช่วยในการ ฟื้นฟูกล้ามเนื้อและเสริมสร้างความแข็งแรง
ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

5. เทคโนโลยีที่ปลอดภัยและเห็นผลได้จริง
ใช้พลังงาน RF ที่ไม่รุนแรงและไม่ต้องผ่าตัด
เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และมีประสิทธิภาพสูงเมื่อทำต่อเนื่อง
ใช้ได้กับทุกสภาพผิวและมีระยะเวลาพักฟื้นสั้น

สรุป
Empower RF เป็นนวัตกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาหลายด้าน ทั้งเรื่องผิวพรรณ ความงาม และสุขภาพของผู้หญิง โดยเฉพาะการฟื้นฟูช่องคลอดและการกระชับผิว สามารถใช้เป็นทางเลือกแทนการศัลยกรรมหรือการรักษาแบบอื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

15

1.   ตรวจดูส่วนผสมหลักของซอสให้อย่างละเอียด
  • ควรเลือกซอสคาราเมลที่มี น้ำตาล, ครีม, เนย และวานิลลา เป็นส่วนผสมหลัก
  • หลีกเลี่ยงซอสที่ใส่ สารกันเสีย, สีสังเคราะห์ หรือคอร์นไซรัปมากเกินไป เพราะอาจมีรสหวานแหลมและผิดธรรมชาติ

2.   ควรตรวจดูระดับความเข้มข้นของคาราเมล
  • ถ้าชอบรส เข้มข้นขมหน่อย (Caramelized Sugar Flavor) ให้เลือกแบบที่ใช้ "Dark Caramel"
  • ถ้าชอบรส หวานนวล (Buttery & Sweet) ควรเลือกแบบที่มีส่วนผสมของครีมและเนยมาก

3.   เลือกตามประเภทของซอส
  • ซอสคาราเมลข้น – เหมาะสำหรับราดไอศกรีม แพนเค้ก หรือใช้เป็นไส้ขนม
  • ซอสคาราเมลเหลว – ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผสมในเครื่องดื่ม เช่น กาแฟและโกโก้
  • ซอสคาราเมลเค็ม (Salted Caramel) – มีรสเค็มเล็กน้อย ช่วยเพิ่มมิติของรสชาติ

4.   ลองเลือกซอสจากแบรนด์คุณภาพ
  • แบรนด์ดังที่ใช้ในร้านกาแฟ เช่น Torani, Monin, Ghirardelli
  • แบรนด์โฮมเมดหรือออร์แกนิก อาจให้รสชาติที่เป็นธรรมชาติมากกว่า

5.   ทดสอบรสชาติก่อนซื้อ (ถ้าเป็นไปได้)
  • ถ้าซื้อจากร้านค้าเฉพาะทาง ลองชิมตัวอย่างก่อน
  • อ่านรีวิวออนไลน์เพื่อดูว่าคนอื่นพูดถึงรสชาติและคุณภาพของแบรนด์นั้น ๆ อย่างไร

6.   เลือกบรรจุภัณฑ์ที่ใส่ซอสคาราเมลอย่างเหมาะสม
  • อย่างถ้าต้องการรักษารสชาติได้ดีกว่าและไม่มีสารตกค้างจากพลาสติก ให้เลือกขวดแก้ว
  • เน้นสะดวกสำหรับใช้งานในครัวเรือน โดยเฉพาะถ้าคุณใช้ราดของหวานหรือกาแฟบ่อย ๆ ให้เลือกแบบ ขวดบีบ

7.   ดูวันหมดอายุและวิธีเก็บรักษา
  • ซอสคาราเมลโฮมเมดมักมีอายุสั้นกว่า (ประมาณ 2-3 สัปดาห์ในตู้เย็น)
  • ซอสแบบขวดที่มีสารกันเสียสามารถเก็บได้นานหลายเดือน

หากคุณมองหาซอสคาราเมลที่ได้รสชาติอร่อย กลมกล่อม และใช้งานได้หลากหลาย Synova  เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งร้านคาเฟ่และคนที่รักการทำขนม ที่จะช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับเมนูโปรดได้อย่างลงตัว

หน้า: [1] 2 3 ... 8