รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์
ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: easycashflows ที่ พฤศจิกายน 29, 2025, 03:25:14 PM
-
(https://i.postimg.cc/Pq6y3zbC/s-nch-xphe-xth-rk-c5.png)
คืนวันอาทิตย์ก่อนสิ้นเดือน “มิ้นท์” เจ้าของแบรนด์เบเกอรี่โฮมเมดเล็ก ๆ นั่งไถมือถืออยู่หน้าร้าน เธอเห็นคำสั่งซื้อออนไลน์เพิ่มขึ้นทุกเดือน ลูกค้าประจำเริ่มถามหาสาขาใหม่ แต่ในสมุดบัญชีธนาคาร เงินสดหมุนเวียนกลับตึงมือมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เงินแค่นี้ จะขยายครัวใหม่ยังไงดี…” มิ้นท์บ่นกับตัวเอง
นี่คือจุดเปลี่ยนที่เจ้าของธุรกิจ SME หลายคนเจอเหมือนกัน: โอกาสมาถึงแล้ว แต่ “เงินทุน” ยังไม่พร้อม
คำถามคือ… เราจะหาเงินจากที่ไหน โดยไม่ลากตัวเองเข้าไปอยู่ในหนี้ที่เกินตัว?
1. เริ่มจากตัวเองก่อน: ทรัพย์สินส่วนตัวที่เล่าเรื่องได้
สำหรับหลายคน เงินก้อนแรกของธุรกิจ มาจาก “ตัวเราเอง” ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น
เงินออมในบัญชี
เงินฝากประจำที่ครบกำหนด
กองทุนบางส่วน
หรือของที่แปลงเป็นเงินสดได้ เช่น ทองและสินทรัพย์สภาพคล่องอื่น ๆ
จุดแข็งของการใช้ทรัพย์สินส่วนตัวเป็น แหล่งเงินทุน คือ
ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
ไม่ต้องเจรจากับใคร
ไม่ต้องกังวลเรื่องเครดิตบูโร หรือเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ
แต่ในอีกมุมหนึ่ง ถ้าคุณทุ่มหมดหน้าตัก เอาเงินเก็บฉุกเฉินมาลงทุนทั้งหมด ธุรกิจสะดุดทีเดียวอาจกระทบทั้งชีวิตส่วนตัวและครอบครัวได้เลย
คำแนะนำสำหรับเจ้าของธุรกิจ:
แยก “เงินเก็บฉุกเฉินส่วนตัว” ออกจาก “เงินลงทุนธุรกิจ” ให้ชัด
ใช้ทรัพย์สินส่วนตัวเป็นทุนเริ่มต้นเท่าที่รับความเสี่ยงได้
จากนั้นวางแผนต่อว่าจะต่อยอดเงินทุนจากแหล่งอื่น เช่น โครงการรัฐ หรือ สินเชื่อsme (https://www.easycashflows.com/knowledge/sme-business-loans) ที่เหมาะกับรูปแบบกิจการ
2. คนรู้จัก คนในครอบครัว เพื่อนเก่า: เงินทุนที่มาพร้อมความสัมพันธ์
บางคนเริ่มธุรกิจจากการชวน
พี่น้องมาร่วมถือหุ้น
เพื่อนสนิทมาร่วมลงเงิน
หรือกู้ยืมจากญาติผู้ใหญ่
วิธีนี้ฟังดูง่าย แต่ความจริง “บริหารยาก” กว่าที่คิด เพราะแทรกด้วยความรู้สึก ความเกรงใจ และความคาดหวังในระยะยาว
จุดแข็ง
ได้เงินทุนเร็ว ไม่ต้องผ่านระบบธนาคาร
คู่คิดหรือหุ้นส่วนอาจมีทักษะเสริม เช่น การตลาด การขาย การบริหารทีม
ดอกเบี้ยหรือเงื่อนไขมักยืดหยุ่นกว่าการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
จุดที่ต้องระวัง
ถ้าไม่ทำสัญญาให้ชัดเจน อนาคตทะเลาะกันง่าย
มุมมองธุรกิจไม่ตรงกัน อาจกลายเป็นความขัดแย้งระยะยาว ทั้งในฐานะเพื่อนและหุ้นส่วน
คำแนะนำ:
ทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร แยกให้ชัดว่าใครเป็น “ผู้ให้กู้” ใครเป็น “ผู้ร่วมลงทุน”
กำหนดระยะเวลาคืนทุน ผลตอบแทน หรือสัดส่วนกำไรตั้งแต่แรก
ถ้าเป็นการกู้ยืม ให้ลองเปรียบเทียบภาระหนี้กับการใช้ สินเชื่อเพื่อธุรกิจไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน (https://www.easycashflows.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%88/%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%88sme%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%99) จากธนาคารว่าตัวไหนเหมาะกว่าในระยะยาว
3. โครงการภาครัฐและหน่วยงานสนับสนุน SME: เงินทุน + ความรู้
เจ้าของธุรกิจ SME จำนวนมากยังไม่รู้ว่า ภาครัฐมีเครื่องมือช่วยเหลือ อยู่เยอะ ทั้งในรูปแบบ
โครงการฝึกอบรมให้ความรู้
ที่ปรึกษาเชิงลึกด้านการตลาด การเงิน การพัฒนาผลิตภัณฑ์
และบางโครงการมีงบประมาณ Co-payment ช่วยออกค่าใช้จ่ายในการพัฒนาธุรกิจ 50–80% วงเงินสูงสุดราวหลักแสนบาทต่อรายต่อปี ขึ้นกับเกณฑ์แต่ละโครงการ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED)
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD)
หน่วยงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรม
การเข้าโครงการเหล่านี้ แม้จะไม่ได้ได้เงินสดแบบ “ก้อนใหญ่ทันที” แต่ให้ ทุนในรูปแบบที่สำคัญกว่า คือ
ความรู้ในการวางแผนธุรกิจ
การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ
ช่องทางการตลาดใหม่ ๆ
และบางกรณียังเชื่อมต่อคุณไปยัง “นักลงทุน” หรือ “สถาบันการเงินเฉพาะกิจ” ที่พร้อมปล่อยสินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME เพิ่มเติมในเงื่อนไขที่เหมาะสมกับผู้ประกอบการรายย่อย
ในช่วงปี 2568 ยังมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในบางพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตหรือภัยพิบัติ ผ่านธนาคารพัฒนา SMEs ของรัฐและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เช่น การพักหนี้ชั่วคราว และเติมทุนหมุนเวียนฉุกเฉินให้ธุรกิจกลับมาเดินต่อได้เร็วขึ้น
คำแนะนำ:
อย่ามองข้าม “ทุนรูปแบบไม่ใช่เงินสด” เช่น การอบรม การให้คำปรึกษา และสิทธิพิเศษต่าง ๆ
ติดตามข่าวจากเว็บไซต์/เพจของหน่วยงาน SME ภาครัฐอยู่เสมอ
ใช้ข้อมูลจากโครงการเหล่านี้ไปประกอบการขอ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME เพื่อให้ธนาคารเชื่อมั่นว่าธุรกิจคุณมีแผนชัดเจน
4. Venture Capital และ Angel Investor: เมื่อธุรกิจพร้อมจะโตแบบก้าวกระโดด
ถ้าธุรกิจของคุณมีโปรดักต์ชัด มีโมเดลที่ขยายสเกลได้ และมักถูกเรียกว่า “สตาร์ทอัพ” มากกว่า “ร้านเล็ก ๆ”
แหล่งเงินทุนจาก Venture Capital (VC) และ Angel Investor อาจเหมาะกับคุณ
Venture Capital (ธุรกิจร่วมลงทุน) คือกองทุนที่รวบรวมเงินจากนักลงทุนหลายราย เพื่อลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
Angel Investor (นักลงทุนอิสระ) คือบุคคลที่ใช้เงินทุนส่วนตัวและประสบการณ์ของตัวเอง เข้ามาลงทุนและช่วยโค้ชผู้ประกอบการ
ในไทยมีทั้ง กลุ่มนักลงทุนเทวดา (Angel Network) และเครือข่ายอย่าง Thailand Business Angel Network (TBAN) ที่ทำงานร่วมกับเวทีการลงทุนระดับสากล เพื่อเชื่อมต่อเงินทุนให้กับธุรกิจที่มีศักยภาพ
ข้อดีของเงินทุนแบบนี้
ไม่ใช่หนี้ที่ต้องผ่อนรายเดือน แต่เป็นการแลกกับหุ้น
ได้ “เมนเทอร์” ที่ช่วยเรื่องกลยุทธ์ การบริหารทีม การเตรียมตัวระดมทุนรอบต่อ ๆ ไป
มีโอกาสเข้าถึงตลาดใหม่ หรือพาร์ตเนอร์ที่ใหญ่ขึ้น
แต่ก็ต้องชัดเจนว่า
คุณต้องยอม “แชร์อำนาจการตัดสินใจ” บางส่วน
ธุรกิจต้องเติบโตในระดับที่ตอบโจทย์ผลตอบแทนของนักลงทุน
สำหรับ SME ทั่วไปที่เป็นร้านอาหาร ร้านค้าปลีก โรงงานเล็ก ๆ อาจไม่ได้เหมาะกับ VC เสมอไป แต่สำหรับธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยี แพลตฟอร์ม หรือแบรนด์ที่ขยายประเทศ-ภูมิภาคได้ การมองหา Angel Investor หรือ VC จึงเป็นอีกหนึ่ง แหล่งเงินทุนเชิงกลยุทธ์ ที่น่าสนใจ
5. สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME จากธนาคาร: ไม่ได้มีแต่แบบใช้หลักทรัพย์
เมื่อพูดถึงคำว่า “สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME” ภาพแรกมักคือ “ต้องมีที่ดิน ต้องมีบ้านไปค้ำ” แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินหลายแห่ง เริ่มมีผลิตภัณฑ์ สินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักประกัน สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยเพิ่มมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น
สินเชื่อธุรกิจแบบไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน วงเงินเพื่อหมุนเวียนกิจการ
สินเชื่อดิจิทัลสมัครผ่านแอป ใช้ข้อมูลเดินบัญชีและพฤติกรรมการชำระเงินเป็นตัวประเมินเครดิต
สินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนที่ปรับวงเงินตามยอดขายหรือยอดรับเข้าในบัญชีของธุรกิจ
บางธนาคารอย่างกลุ่ม SME Banking มีหน้าเว็บแยกชัดเจนว่า สินเชื่อกลุ่มไหนใช้หลักประกัน / กลุ่มไหน “ไม่ใช้หลักประกัน” และชูจุดขายเรื่องสมัครง่าย รู้ผลไว ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานกำกับดูแล ก็มีฐานข้อมูลเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์สินเชื่อธุรกิจรายสถาบัน ทั้งวงเงิน ดอกเบี้ย ประเภทหลักประกัน ให้ผู้ประกอบการใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ไม่ต้องเดินถามทีละธนาคารเองทั้งหมด
ธนาคารแห่งประเทศไทย
สิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรเตรียม ก่อนขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME
เดินบัญชีให้สะอาด เงินเข้าออกสม่ำเสมอ ไม่ปนเงินส่วนตัวกับเงินธุรกิจ
ทำงบกระแสเงินสด (Cash Flow) อย่างง่ายให้เห็น ว่าขอวงเงินเท่านี้ ใช้ทำอะไร คืนหนี้ได้จากกระแสเงินสดไหน
เตรียมเอกสารพื้นฐานให้ครบ เช่น หนังสือรับรองบริษัท ภ.พ.30 รายงานภาษีขาย-ซื้อ สัญญาเช่าที่-หน้าโครงการ ฯลฯ
เลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงโจทย์ เช่น ใช้ สินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักประกัน เป็นทุนเสริมสั้น ๆ หรือใช้วงเงินหมุนเวียน, OD, หรือสินเชื่อระยะยาวที่มีหลักทรัพย์ค้ำมาช่วยลดดอกเบี้ยในระยะยาว
แล้วเจ้าของ SME ควรเริ่มจากแหล่งเงินทุนไหนก่อน?
ถ้ากลับมาที่เรื่องของ “มิ้นท์เจ้าของร้านเบเกอรี่” โจทย์ของเธอคือ
ธุรกิจกำลังโต
ต้องการขยายครัว เพิ่มอุปกรณ์ และใช้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่ม
ไม่อยากเสี่ยงจนเกินตัว แต่ก็ไม่อยากช้าเกินไป
แนวคิดที่นำไปใช้ได้จริงคือ
เริ่มจากเงินตัวเอง +กำไรสะสม
ใช้เป็น “เงินร่วมลงทุน” แสดงให้สถาบันการเงินเห็นว่าเจ้าของมี Commitment
เข้าโครงการพัฒนาจากภาครัฐ
ขอที่ปรึกษาปรับแผนธุรกิจ ให้ชัดเจนขึ้นทั้งเรื่องต้นทุน-กำไร และช่องทางการตลาด
ใช้สิทธิ Co-payment หรือการสนับสนุนอื่น ๆ ลดต้นทุนการพัฒนาแบรนด์และระบบหลังร้าน
วางโครงสร้างหนี้จากสินเชื่อ SME ให้เหมาะกับ Cash Flow
ถ้าไม่อยากใช้หลักทรัพย์ ลองดูผลิตภัณฑ์ สินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักประกัน วงเงินพอเหมาะกับขนาดธุรกิจ
ถ้ามีทรัพย์สินที่ไม่กระทบการใช้ชีวิต อาจใช้เป็นหลักประกันบางส่วน เพื่อลดอัตราดอกเบี้ย
เก็บตัวเลือก VC / Angel Investor ไว้ในอนาคต
ถ้าธุรกิจเริ่มโตจนกลายเป็นแบรนด์ที่ขยายได้ระดับภูมิภาค หรือมีเทคโนโลยีเป็นหัวใจของโมเดลค่อยพิจารณา
บทสรุป: เงินทุนที่ดี คือเงินที่ทำให้ธุรกิจเดินได้ “นาน” ไม่ใช่แค่ “เร็ว”
คำว่า “แหล่งเงินทุน” สำหรับ SME ไม่ได้มีแค่ธนาคาร หรือการกู้เงินแบบมีจำนองเท่านั้น แต่คือการผสมผสานทุกแหล่ง ทั้ง
ทรัพย์สินส่วนตัว
คนรอบตัว
โครงการสนับสนุนจากภาครัฐ
นักลงทุนที่มองศักยภาพระยะยาว
และ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME ทั้งแบบมีและไม่มีหลักประกัน
สิ่งสำคัญคือ
เลือกเงินทุนให้เข้ากับ “จังหวะธุรกิจ” และ “ความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้”
ถ้าคุณอยากไล่ดูรายละเอียดทั้ง 5 แหล่งทุนแบบเป็นระบบมากขึ้น ว่าแต่ละแบบคืออะไร มีข้อดีข้อเสียยังไง และควรใช้เมื่อไหร่ ลองไปอ่านบทความเต็มในเว็บ EasyCashFlows ได้ที่
www.easycashflows.com
ช่วยต่อภาพจากเรื่องเล่าบทความนี้ ให้กลายเป็น “คู่มือเลือกแหล่งเงินทุน” ที่คุณเอาไปใช้วางแผนธุรกิจของตัวเองได้จริงเลย