รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: k7y656525252 ที่ ธันวาคม 09, 2018, 07:05:51 AM

หัวข้อ: สมุนไพร เพชรสังฆาต มีประโยชน์เเละสรรพคุณ
เริ่มหัวข้อโดย: k7y656525252 ที่ ธันวาคม 09, 2018, 07:05:51 AM
(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1542858868819.jpg)
เพชรสังฆาต
ชื่อสมุนไพร  เพชรสังฆาต
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น สันชะควด (ภาคกลาง) , สันชะคาด , ขันข้อ (ราชบุรี) , สามร้อยต่อ (ประจวบคีรีขันธ์)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Cissus quadrangularis Linn.
วงศ์  Vitaceae
ถิ่นกำเนิด
เพชรสังฆาตเป็นพืชเขตร้อนที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย รวมทั้งแอฟริการวมทั้งมีการแพร่ไปจำพวกไปตามประเทศเขตร้อนของทวีปดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว โดยพบบ่อยตามบริเวณป่าหรือที่เปียกชื้นที่หรูหราความสูงไม่เกิน 600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนในประเทศไทยมักพบตั้งแต่ภาคเหนือตอนล่างลงไป และก็มักจะออกดอกและก็ติดผลในตอนเดือน เดือนมิถุนายน-เดือนสิงหาคม
ลักษณะทั่วไป
เพชรสังฆาตจัดเป็น ไม้เถาเลื้อย โดยมีเปลือกเถาเรียบ เถาอ่อนรูปสี่เหลี่ยมเป็นครีบ เป็นข้อๆต่อกันเห็นข้อข้อชัดเจน ลักษณะเป็นบ้องๆตรงข้อเล็กรัดตัวลงแต่ละข้อยาวประมาณ 6-10 ซม. บางข้ออาจมีรากออกมาด้วย มีมือเกาะออกตรงข้อต่อตรงข้ามกับใบ ตามข้อมียางขาว ใบลำพัง เรียงสลับ ออกตามข้อต้น ข้อละ 1 ใบ กว้าง 3-8 ซม. ยาว 4-10 ซม. ใบเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือรูปไข่ กลมครึ้ม เล็ก ผิวเรียบ ปลายใบมน โคนใบเว้า ข้างหลังใบรวมทั้งท้องใบเรียบเป็นมัน ขอบของใบหยักมนห่างๆหรือหยักเว้า 3-5 หยัก เนื้อใบนิ่ม ก้านใบยาว 2-3 ซม. ดอกออกเป็นช่อ ออกตามข้อต้นตรงกันข้ามกับใบ ดอกกลมเล็กสีแดงเขียวเป็นช่อขนาดเล็ก ยาวประมาณ 2-4 ซม.ดอกย่อยสีเขียวอ่อน มีขนาด 2.5 มิลลิเมตร กลีบดอกไม้มี 4 กลีบโคนกลีบภายนอกมีสีแดง ส่วนกลีบข้างในสีเขียวอ่อน เมื่อบานเต็มกำลังดอกจะงองุ้มไปทางด้านล่าง เกสรตัวผู้มี 4 อันวางตรงกับกลีบดอกไม้ ผลสดทรงกลม ผิวเรียบวาว ฉ่ำน้ำ ผลกลมขนาด 4-7 มิลลิเมตร ผลอ่อนสีเขียว พอเพียงสุกเป็นสีแดงหรือดำ เมล็ดกลมสีน้ำตาลมี 1 เม็ด
การขยายพันธุ์
เพชรสังฆาตนิยมใช้กรรมวิธีการปักชำโดยมีวิธีการเป็น เลือกเถาที่มีลักษณะเหมาะสม คือ จะต้องเป็นเถาที่มีลักษณะครึ่งแก่ครึ่งหนึ่งอ่อน นำมาตัดเป็นท่อนให้แต่ละท่อนมีข่อติดอยู่ปริมาณ2 ข้อแล้ว กระทำการปักชำท่อนพันธุ์โดยใช้ข้อทางด้านโคนของเถาฝังลงดินแล้วกลบให้แน่น รดน้ำให้เปียก รวมทั้งควรจะจัดวางถุงต้นกล้าที่ปักชำไว้ในที่ร่ม ในส่วนของข้อที่เหลืออยู่ข้างบนจะเป็นบริเวณที่แตกใบใหม่เพื่อเจริญเป็นเถาต่อไป
องค์ประกอบทางเคมี
เถาของเพชรสังฆาตมีส่วนประกอบทางเคมี อย่างเช่น natural plant steroids (ketosterones): onocer-7-ene-3 alpha, 21 beta-diol, delta-amyrin, delta-amyrone รวมทั้ง 3,3',4,4'- tetrahydroxybiphenyl สารกลุ่ม stilbene: quadrangularins A, B, C, resveratrol, piceatannol, pallidol , parthenocissine A.สารในกรุ๊ป flavonoids อย่างเช่น diosmin, hisdromin, hesperidin. รวมไปถึง ascorbic acid (vitamin C), lupeol, carotene แล้วก็ calcium oxalate.
ผลดี/สรรพคุณ
ตามตำรายาไทย กล่าวว่า เถา รสร้อนขมคัน เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้ประจำเดือนแตกต่างจากปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้น ขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ริดสีดวงทวารทั้งยังชนิดกลีบมะไฟและก็เดือยไก่
• ราก รักษาอาการกระดูกแตกหัก
• ต้น แก้หูน้ำหนวก แก้เลือดกำเดา แก้รอบเดือนไม่ปกติ ช่วยเจริญอาหาร ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย
• ใบ รักษากระดูกแตกหัก รักษาโรคไส้ (อาการของกินไม่ย่อย) ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย แก้ริดสีดวงทวารหนัก
นอกเหนือจากนั้นในงานศึกษาวิจัยด้านการแพทย์แผนปัจจุบันยังกำหนดไว้ว่าเพชรสังฆาต มีประสิทธิภาพที่ดีสำหรับการรักษาริดสีดวงทวารหนักโดยยิ่งไปกว่านั้นการลดอาการคัน ปวดการเกิดเลือดออก และกลายเป็นซ้ำ
ทั้งยังในตอนนี้ได้มีงานค้นคว้าพบว่า "เพชรสังฆาต" มีวิตามินซีสูงมากซึ่งรับรองสรรพคุณรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้เป็นอย่างดี และยังอุดมไปด้วยแคโรทีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่สำคัญมีส่วนประกอบของแคลเซียมสูงมาก แล้วก็สารอทุ่งนาโบลิก สเตียรอยด์ (Anabolic Steroids) ที่มีฤทธิ์เร่งปฏิกิริยาการสมานกระดูกที่แตกหักโดยกระตุ้นการสร้างเซลล์ออสเตโอบลาสต์ (Osteoblast) ซึ่งปฏิบัติภารกิจสร้างกระดูกและก็ยังช่วยให้มีการสร้างสารมิววัวโพลีแซกคาไรด์ (Mucopolysaccharides) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในขั้นตอนการสมานกระดูก ยิ่งกว่านั้นสารคอลลาเจน (Collagen) ในเพชรสังฆาตยังเป็นสารอินทรีย์โปรตีน ที่มาจับกุมกับผลึกแคลเซียมฟอสเฟตจนกระทั่งกลายเป็นกระดูกแข็งที่สามารถรับน้ำหนักรวมทั้งมีความยืดหยุ่นในตนเองอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านี้เพชรสังฆาตยังสามารถใช้ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ เพราะเพชรสังฆาตเป็นไม้เถาเลื้อยมีลักษณะรูปทรงเป็นสีเหลี่ยมแปลกตา มีดอกแล้วก็ผลเป็นช่อสีแดงสวย สามารถนำไปปลูกเอาไว้สำหรับเพื่อการประดับรอบๆรั้วบ้าน ซุ้มไม้หรือรอบๆโคนต้นไม้ใหญ่เพื่อให้เถารุ่งโรจน์เลื้อยพันขึ้น
ต้นแบบ/ขนาดวิธีการใช้
ในอดีตการใช้เพชรสังฆาตรักษา ริดสีดวงทวารหนักจะทำ โดยนำ เถาสดใส่กล้วยหรือ มะขามแล้วกลืน (เนื่องมาจากเพชรสังฆาตมีแคลเซียม ออกซาเลต (calcium oxalate) การกลืนเถาสดบางทีอาจ มีการระคายเคืองทางเดินอาหารได้) ถัดมาได้มี การนำ เพชรสังฆาตมาผลิตให้อยู่ในแบบอย่างแคปซูลเพื่อให้ไม่ยุ่งยากต่อการบริหารยา
โดยในรูปยาผงใส่แคปซูล 250 มก. ให้รับประทานครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง ก่อนที่จะกินอาหารและก็ก่อนนอน ตรงเวลา 5-7 วัน
หนังสือเรียนยาพื้นบ้านจังหวัดโคราช ใช้ ต้น แก้ริดสีดวงทวารโดยหั่นเป็นแว่น ตำผสมเกลือนำไปตาก ปั้นเป็นลูกร้อยกรอง กินทีละ 1 เม็ด 3 เวลา หรือใช้เถาสดคั้นเอาน้ำ แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้ระดูไม่ปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้นขับลมในลำไส้
ตำรับยาสมุนไพรพื้นเมืองล้านนา ใช้น้ำจากต้น หยอดหู แก้น้ำหนวกไหล หยอดจมูกแก้เลือดเสียในสตรีใช้เถาตำละเอียดเป็นยาพอกรอบๆกระดูกหักช่วยลดอาการบวม อักเสบ น้ำคั้นจากเถาใช้ดื่มแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้เลือดประจำเดือนสตรีไม่ปกติ รักษาริดสีดวงทวารที่เริ่มเป็นระยะแรก
ส่วนอินเดีย ใช้ ลำต้น เป็นยาพอกเมื่อกระดูกหัก น้ำคั้นจากต้นรับประทานแก้โรคลักปิดลักเปิด แก้อาการไม่ดีเหมือนปกติของประจำเดือน
การศึกษาทางเภสัชวิทยา
ผลต่อแรงตึงตัวของหลอดโลหิตดำ สารสกัดเพชรสังฆาตมีฤทธิ์กระตุ้นหลอดโลหิตดำ ให้มีความตึงตัวมากขึ้น คล้ายกับส่วนประกอบของไบโอฟลาโวนอยด์ 2 ประเภท ได้แก่ ไดออสมิน 90%แล้วก็ฮิสเพอริดิน 10% ที่เจอในตำรับยาแผนปัจจุบัน สำหรับใช้รักษาริดสีดวงทวาร
ฤทธิ์ต้านการอักเสบกะทันหัน สารสกัดเมทานอลยั้งการบวมของใบหู และก็การบวมของอุ้งเท้าของหนูขาว ที่ถูกกระตุ้นด้วยสารเคมี
สารสกัดเฮกเซนที่ความเข้มข้นร้อยละ 1 แล้วก็สารสกัดเอทานอลที่ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 5 ลดอาการบวมของใบหูหนูที่รั้งนำด้วยสารเคมี พอดีเวลา 30 นาที ตรวจพบองค์ประกอบทางเคมีของสาร lupeol ในสารสกัดเฮกเซน
ฤทธิ์แก้ปวด สารสกัดเมทานอลลดปริมาณครั้งที่หนูถีบจักรยืดบิดตัวจากลักษณะของการเจ็บเจ็บท้องเพราะเหตุว่าได้รับกรดอะซีติเตียนกที่ฉีดเข้าทางท้อง และลดระยะเวลาของการเลียเท้าหลังทั้งยัง 2ระยะ สำหรับในการทดลองด้วยการฉีดฟอร์มาลิน แสดว่าออกฤทธิ์แก้ปวดผ่านทั้งยังระบบประสาทศูนย์กลาง และก็ส่วนปลาย
ฤทธิ์ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร สารสกัดเอทานอล สามารถลดการเกิดแผลในกระเพาะหนูขาวที่ถูกรั้งนำให้เป็นแผลด้วยแอสไพริน เมื่อให้สารสกัดขนาด 250, 500 แล้วก็ 750 มก./กก. ให้หนูกินนาน 7 วัน ลดการเกิดแผลได้ 40, 71.2 และ 72.6% ตามลำดับ เปรียบเทียบกับranitidine ขนาด 30 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ลดการเกิดแผล 71.9% เพราะฉะนั้นสารสกัดขนาด 500 มก./กิโลกรัม เป็นขนาดที่เหมาะสมที่สุด เนื่องมาจากออกฤทธิ์ใกล้เคียงกับ Ranitidine และก็ให้ผลไม่ได้ต่างอะไรกับขนาด 750 มก./กก.จะลดการทำลายเนื้อเยื่อในกระเพาะ และก็รายงานการวิจัยอีกฉบับหนึ่งระบุว่า การเรียนรู้ประสิทธิผลรวมทั้งผลกระทบของการใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตในคนไข้โรคริดสีดวงทวารระยะกะทันหัน จำนวน 570 คน โดยแบ่งเป็น 3 กรุ๊ป คือ กรุ๊ปที่ได้รับยาที่มีส่วนผสมของฟลาวานอยด์ (Daflon 500 มก./เม็ด) กรุ๊ปที่ได้รับสมุนไพรเพชรสังฆาต (500 มิลลิกรัม/เม็ด) และก็กรุ๊ปที่ได้รับยาหลอก ในตอน 4 วันแรก ให้รับประทานทีละ 3 เม็ด รุ่งเช้าแล้วก็เย็นหลังรับประทานอาหาร และก็ตอน 3 วันหน้า ได้รับครั้งละ 2 เม็ด เช้าตรู่แล้วก็เย็น หลังอาหาร ผู้ป่วยจะได้รับการวัดอาการต่างๆคือ เลือดไหลทางทวารหนัก มูก อาการคัน รอยแดงหรืออักเสบรอบทวารหนัก รวมทั้งการสัมภาษณ์เพื่อสอบถามอาการ รวมถึงมีการตรวจเลือดแล้วก็ติดตามผลกระทบของการได้รับยาหรือสมุนไพรควบคู่ไปพร้อมด้วย
ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยในทุกกลุ่มส่วนมากอาการเลือดไหลฉับพลันจะหยุดในวันที่ 2 ของการให้ยา และมีลักษณะอาการดียิ่งขึ้นข้างหลังการให้ยาครบ 7 วัน ประสิทธิผลของการดูแลรักษาในผู้ป่วยทุกกลุ่มไม่ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และไม่มีผลใกล้กันเกิดขึ้น สรุปได้ว่าเพชรสังฆาตได้ผลในการรักษาริดสีดวงทวารในระยะเฉียบพลันไม่ได้แตกต่างจากยาที่มีส่วนผสมของฟลาวานอยด์แล้วก็ยาหลอก มีความหมายว่าเพชรสังฆาตไม่มีผลช่วยสำหรับในการรักษาริดสีดวงทวารในระยะกะทันหัน
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา
ความเป็นพิษกะทันหัน เมื่อทดสอบความเป็นพิษโดยให้หนูขาวรับประทาน ขนาด 0.5 – 5.0 ก./กก
ไม่เจอพิษอะไรก็แล้วแต่
ความเป็นพิษกึ่งเรื้อรัง (3 เดือน) ในหนูขาวชนิดวิสตาร์ 5 กลุ่มๆละ 12 ตัว/เพศ กลุ่มควบคุมได้รับน้ำทางปาก 10 มิลลิลิตร/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ในตอนที่หนูอีก 4 กรุ๊ปได้รับผงยาเพชรสังฆาตแห้งทางปากในขนาด 0.03,0.3 รวมทั้ง 3.0 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก/วัน หรือเทียบเท่า 1,10 และ 100 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน/วัน ตามลำดับ โดยกลุ่มสุดท้ายเป็นกรุ๊ปสังเกตอาการข้างหลังการหยุดยา ผลวิจัยพบว่าการเติบโตของกลุ่มสุดท้ายเป็นกรุ๊ปดูอาการหลังการหยุดยา ผลการศึกษาวิจัยพบว่าการเจริญเติบโตของกลุ่มได้รับผงยาและกลุ่มควบคุมไม่มีความต่างกัน ไม่นำมาซึ่งความเคลื่อนไหวของค่าทางเลือดวิทยาแล้วก็ค่าทางซีรั่มชีวเคมี หรือจุลพยาธิสภาพของอวัยวะภายในที่มีความข้องเกี่ยวกับขนาดของผงยา และไม่พบความแปลกอะไรก็แล้วแต่ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าเนื่องจากความเป็นพิษของผงยาเพชรสังฆาต
ข้อเสนอ/ข้อควรตรึกตรอง

การรับประทานเพชรสังฆาตสด อาจก่อให้เกิดอาการระคายคอ ระคายเยื้อบุในปากเนื่องด้วยเถาสดมีผลึกแคลเซียมออกซาแลตอยู่มากมาย
2. ห้ามกินติดต่อกันนานเกิน 2 อาทิตย์ด้วยเหตุว่าอาจส่งผลให้เกิดนิ่วในทางเดินเยี่ยว ผู้ป่วยโรคไตห้ามรับประทาน
3. การใช้สมุนไพรเพชรสังฆาต (https://www.disthai.com/17032153/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B8%B2%E0%B8%95)ควรจะปรึกษาแพทย์หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสำหรับเพื่อการใช้เสมอ ด้วยเหตุว่าอาจจะส่งผลให้เป็นผลใกล้กันที่ไม่ประสงค์ได้ ดังเช่น ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะน้อย แน่นท้อง ฯลฯ
เอกสารอ้างอิง