รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Tawatchai1212 ที่ พฤษภาคม 10, 2018, 09:49:01 AM

หัวข้อ: โรคโปลิโอ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: Tawatchai1212 ที่ พฤษภาคม 10, 2018, 09:49:01 AM
(https://www.img.in.th/images/18f8c710b7077d1d00ec506d1d9af604.jpg)
โรคโปลิโอ (Poliomyelitis)
โรคโปลิโอเป็นยังไง โรคโปลิโอ (http://www.disthai.com/16828296/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%AD-poliomyelitis)ค้นพบทีแรกเมื่อ คริสต์ศักราช 1840 โดย Jakob Heine ส่วนไวรัสโปลิโอซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคถูกพ้นเจอเมื่อ คริสต์ศักราช 1908 โดย Karl Landsteiner โรคโปลิโอ หรือ ไข้ไขสันหลังอักเสบ  เป็นโรคที่สร้างความทรมาณสาหัสแก่เด็กทั่วทั้งโลก ซึ่งมีผู้ป่วยในสมัยก่อนมากยิ่งกว่า 350,000 รายต่อปี ด้วยเหตุว่านำไปสู่ความพิการ ขา หรือ แขนลีบ รวมทั้งเสียชีวิต ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการตำหนิดเชื้อไวรัสโปลิโอ โดยคนเจ็บส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแสดงของโรค ส่วนในกลุ่มคนเจ็บที่มีลักษณะนั้นจำนวนมากจะมีอาการเพียงเล็กน้อยอย่างไม่เจาะจงและก็หายได้เองภายในระยะเวลาไม่กี่วัน แต่จะมีคนไข้เพียงแต่ส่วนน้อยที่จะมีอาการของกล้ามเนื้ออ่อนเพลียรวมทั้งเมื่อผ่านไปหลายๆปีข้างหลังการรักษา ผู้ป่วยที่เคยมีลักษณะอาการกล้ามเนื้ออ่อนเพลียนี้อาจจะมีการเกิดอาการกล้ามอ่อนแรงซ้ำขึ้นมาอีก และก็บางทีอาจเกิดกล้ามฝ่อลีบและเกิดความพิการของข้อตามมาได้ ในตอนนี้โรคนี้ยังไม่มียารักษา แต่ว่ามีวัคซีนที่ใช้คุ้มครองปกป้องโรคได้
โรคโปลิโอ นับเป็นโรคที่มีความหมายมากมายโรคหนึ่ง เพราะเชื้อ เชื้อไวรัสโปลิโอ จะก่อให้มีการอักเสบของไขสันหลังทำให้มีอัมพาตของกล้ามแขนขา ซึ่งในรายที่อาการรุนแรงจะมีผลให้มีความพิการตลอดชีวิต แล้วก็บางรายบางทีอาจถึงเสียชีวิตได้ ในปี พุทธศักราช 2531 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ทุกประเทศร่วมมือกวาดล้างโรคโปลิ โอ ทำให้อัตราการป่วยทั่วทั้งโลกต่ำลงไปมากถึง 99% โดยลดน้อยลงจาก 350,000 ราย (จาก 125 ประเทศทั่วทั้งโลก) ในปี พุทธศักราช 2531 เหลือแค่ 820 รายใน 11 ประเทศในปี พศ. 2550 ซึ่งประ เทศที่ยังเจอโรคมากอยู่เป็น อินเดีย (400 กว่าราย) ประเทศปากีสถาน ไนจีเรีย และอัฟกานิสถาน
ส่วนในประเทศไทยไม่พบคนไข้โรคโปลิโอมาตรงเวลายาวนานหลายปีแล้ว โดยพบรายสุดท้ายในปี พุทธศักราช 2540 ที่ จังหวัด เลย แม้กระนั้นเด็กทุกคนยังคงจำต้องได้เรื่องฉีดรับวัคซีนตามมาตรกาเกลื่อนกลาดวาดล้างโรคโปลิโอร่วมกับนานาประเทศทั้งโลก เพราะว่าโปลิโอเป็นโรคร้ายแรงที่สร้างการสิ้นไปทั้งยังทางด้านร่างกายแล้วก็เศรษฐกิจ รวมทั้งเดี๋ยวนี้แม้ว่า องค์การอนามัยโลก CWHO ได้ประกาศรับรองให้เป็นประเทศที่ปราศจากโรคโปลิโอแล้วเมื่อวันที่ 27 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2557 แต่ประเทศไทยยังที่มีโอกาสเสี่ยงต่อโรคโปลิโออยู่ ด้วยเหตุว่ามีเขตแดนใกล้กับประเทศที่มีการระบาดของโรคโปลิโออย่างพม่าและลาวที่เพิ่งพบเชื้อโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธ์ไปเมื่อปี พ.ศ. 2558
ที่มาของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอเป็นผลมาจากเชื้อไวรัสโปลิโอ single-stranded RNA virus ไม่มีเปลือกหุ้มจัดอยู่ใน Family Picornaviridae, Genus Enterovirus มี 3 ทัยป์เป็นทัยป์ 1, 2 แล้วก็ 3 โดยแต่ละประเภทอาจจะเป็นผลให้กำเนิดอัมพาตได้ พบว่า type 1 นำไปสู่อัมพาตรวมทั้งเกิดการระบาดได้บ่อยครั้งกว่าทัยป์อื่นๆแล้วก็เมื่อติดเชื้อโรคประเภทหนึ่งแล้วจะมีภูมิคุ้มกันถาวรเกิดขึ้นเฉพาะต่อทัยป์นั้น ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อทัยป์อื่น ดังนั้น ตามทฤษฎีนี้แล้ว คน 1 คน อาจติดเชื้อได้ถึง 3 ครั้ง และแต่ละทัยป์ของเชื้อไวรัสโปลิโอ จะแบ่งย่อยได้อีก 2 สายพันธุ์ เป็น



โดยเชื้อโปลิโอนี้จะอยู่ในไส้ของคนแค่นั้น ไม่มีแหล่งรังโรคอื่นๆเชื้อจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้ในไส้ของคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันรวมทั้งอยู่ด้านในลำไส้ 1-2 เดือน เมื่อถูกถ่ายออกมาด้านนอก จะไม่สามารถเพิ่มได้ และก็เชื้อจะอยู่ด้านนอกร่างกายในสภาพแวดล้อมไม่ได้นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตร้อน อายุครึ่งชีวิตของเชื้อไวรัสโปลิโอ (half life) โดยประมาณ 48 ชั่วโมง
ลักษณะโรคโปลิโอ  เมื่อเชื้อโปลิโอเข้าสู่ร่างกายของผู้ที่ไม่มีภูมิต้านทาน เชื้อไวรัสจะเข้าไปเพิ่มจำนวนในรอบๆ pharynx แล้วก็ไส้ สองสามวันถัดมาก็จะกระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอที่ต่อมทอนซิล และก็ที่ไส้และไปสู่กระแสโลหิตทำให้มีลักษณะไข้เกิดขึ้น ส่วนน้อยของเชื้อไวรัสจะผ่านจากกระแสโลหิตไปยังไขสันหลังแล้วก็สมองโดยตรง หรือนิดหน่อยบางทีอาจผ่านไปไขสันหลังโดยทางเส้นประสาท เมื่อไวรัสเข้าไปยังไขสันหลังแล้วชอบไปที่ส่วนของไขสันหลังหรือสมองที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ เมื่อเซลล์สมองในส่วนที่    ติดเชื้อโรคมีอาการอักเสบมากมายจนกระทั่งถูกทำลายไป กล้ามที่ควบคุมโดยเซลล์ประสาทนั้นก็จะมีอัมพาตและฝ่อไปในที่สุด
         ดังนี้สามารถแบ่งผู้ป่วยโปลิโอตามกรุ๊ปอาการได้เป็น 4 กลุ่มหมายถึง



          ลักษณะของอัมพาตในโรคโปลิโอมักจะเจอที่ขามากกว่าแขนรวมทั้งจะเป็นข้างเดียวมากกว่า 2 ข้าง (asymmetry) มักจะเป็นกล้ามเนื้อต้นขา หรือต้นแขนมากยิ่งกว่าส่วนปลาย เป็นแบบอ่อนเปียก (flaccid) โดยไม่มีความเคลื่อนไหวในระบบความรู้สึก (sensory) ที่พบได้มากเป็นเป็นแบบ spinal form ที่มีอัมพาตของแขน ขา หรือกล้ามลำตัว ในรายที่เป็นมากอาจมีอัมพาตของกล้ามส่วนลำตัวที่ทรวงอกและท้อง ซึ่งมีความหมายสำหรับเพื่อการหายใจ ทำให้หายใจเองมิได้ บางทีอาจจนตายได้หากช่วยไม่ทัน
ปัจจัยเสี่ยงที่จะนำมาซึ่งโรคโปลิโอ โรคโปลิโอพบได้บ่อยได้ในเด็กมากกว่าคนแก่ โดยทั้งเพศชายและก็ผู้หญิงได้โอกาสติดโรคนี้ได้เท่ากัน และก็ได้โอกาสติดเชื้อโปลิโอได้ง่าย แต่มีคนไข้น้อยมากที่จะมีลักษณะกล้ามอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เชื้อไวรัสประเภทนี้จะเจริญเติบโตอยู่ในไส้ เชื้อจึงถูกขับออกจากร่างกายมากับอุจจาระแล้วก็แพร่ไปสู่คนอื่นๆผ่านการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่แปดเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของคนป่วย ซึ่งเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการขับถ่ายที่ไม่ถูกความถูกอนามัยและไม่ล้างมือก่อนอาหาร โรคนี้จึงพบได้มากมากมายในประเทศที่ด้อยความเจริญและก็กำลังพัฒนาที่ขาดการดูแลเรื่องสุขอนามัยที่ดี
ทั้งยังผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโปลิโอนั้น จะยิ่งมีความเสี่ยงต่อการต่อว่าดเชื้อยิ่งขึ้นแม้อยู่ในด้านในกลุ่มเสี่ยงดังนี้
           หญิงท้องและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อย่างเช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี แล้วก็เด็กเล็กซึ่งจะมีความไวต่อการได้รับเชื้อโปลิโอ
           เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโปลิโอหรือเพิ่งจะเกิดการระบาดของโรคเมื่อไม่นานมานี้
           เป็นผู้ดูแลหรืออาศัยอยู่กับผู้ติดโรคโปลิโอ
           ปฏิบัติงานในห้องทดลองที่สัมผัสใกล้ชิดกับเชื้อไวรัส
           ผู้ที่ผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกไป
วิธีการรักษาโรคโปลิโอ หมอจะวินิจฉัยโรคโปลิโอด้วยการไต่ถามอาการจากคนไข้ว่ารู้สึกเจ็บปวดบริเวณหลังและก็คอ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนหรือหายใจหรือไม่ ตรวจสอบปฏิกิริยาสะท้อนกลับของร่างกาย รวมถึงการตรวจทางเรือเหลือง โดยเก็บตัวอย่างในช่วงระยะทันควันและก็ระยะซ่อนเร้นของโรค ตรวจสารภูมิคุ้มกัน IgM หรือ IgG นอกเหนือจากนี้เพื่อรับรองให้มั่นใจอาจมีการตรวจค้นเชื้อไวรัสโปลิโอด้วยการเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากคอ อุจจาระ หรือน้ำหล่อเลี้ยงสมองรวมทั้งไขสันหลังส่งไปเพื่อทำการตรวจทางห้องทดลอง ในกรณีผู้เจ็บป่วยที่มีอาการกล้ามอัมพาตแบบอ่อนเปียก (acute flaccid paralysis : AFP) แพทย์จะดำเนินงานไต่สวนโรค พร้อมกับเก็บอุจจาระส่งตรวจเพื่อ    แยกเชื้อโปลิโอ การวินิจฉัยที่แน่ๆเป็น แยกเชื้อโปลิโอได้จากอุจจาระ รวมทั้งกระทำการตรวจว่าเป็นทัยป์ใดเป็นสายพันธุ์ wild strain หรือ vaccine strain (Sabin strain)
          การเก็บอุจจาระส่งตรวจจะเก็บ 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ต้องเก็บให้เร็วด้านใน 1-2 สัปดาห์ภายหลังที่เจอมีลักษณะ AFP ซึ่งเป็นช่วงๆที่มีจำนวนเชื้อไวรัสในอุจจาระมากยิ่งกว่าระยะอื่นๆการจัดส่งอุจจาระเพื่อส่งตรวจต้องให้อยู่ในอุณหภูมิ 4-8๐ ซ ตลอดระยะเวลา มิฉะนั้นเชื้อโปลิโออาจตายได้ ตอนนี้โรคโปลิโอยังไม่มีวิธีรักษาให้หายสนิท แพทย์สามารถให้การดูแลคนไข้ตามอาการ  แล้วก็ช่วงนี้ก็ยังไม่มียารักษาโรคโปลิโอโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดูแลและรักษาจะเป็นแบบเกื้อกูล ได้แก่ ให้ยาลดไข้ และก็ลดลักษณะของการปวดของกล้าม ในรายที่มีลักษณะอัมพาตของกล้ามแขน ขา วิธีการทำกายภาพ บรรเทาจะช่วยฟื้นฟูความสามารถของกล้ามให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับการรักษาคนไข้กลุ่มอาการหลังกำเนิดโรคโปลิโอ (Post-polio syndrome – PPS) การดูแลและรักษาหลักจะย้ำไปที่แนวทางการทำกายภาพบำบัดมากกว่า ดังเช่นว่า การใส่อุปกรณ์ช่วยยึดลำตัว เครื่องไม้เครื่องมือช่วยสำหรับการเดิน อุปกรณ์ที่ช่วยปกป้องข้อบิดผิดรูปหรืออาจใช้การผ่าตัดช่วย การฝึกหัดพูดแล้วก็ฝึกกลืนในผู้เจ็บป่วยที่มีปัญหา การออกกำลังกายที่ย้ำการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อภายใต้คำเสนอแนะที่ถูกต้องจากแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด การใช้งานเครื่องช่วยหายใจในขณะหลับแม้คนเจ็บมีปัญหาหัวข้อการหยุดหายใจในขณะหลับ แล้วก็การดูแลทางด้านอารมณ์และจิตใจของผู้เจ็บป่วยร่วมด้วย
(https://www.img.in.th/images/ecb52da55bc6ce9453747ea3c308ae99.jpg)
การปฏิบัติตนเมื่อมีอาการป่วยเป็นโรคโปลิโอ

การปกป้องโรคโปลิโอ



ในปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้วัคซีนโปลิโอในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยให้วัคซีน OPV 5 ครั้ง เมื่ออายุ 2, 4, 6 เดือน 1 ปีครึ่ง รวมทั้ง 4 ปี รวมทั้งให้วัคซีน IPV 1 ครั้ง เมื่ออายุ 4 เดือน



สมุนไพรที่ใช้รักษา/บรรเทาโรคโปลิโอ เนื่องมาจากโรคโปลิโอเป็นโรคที่ติดต่อจากเชื้อไวรัสที่มีการติดต่อได้ง่าย รวมทั้งในคนไข้ที่มีความรุนแรงของโรคนั้นอาจก่อให้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพได้ ซึ่งในขณะนี้นั้นยังไม่มียาที่ใช้รักษาโรคโปลิโอให้หายได้ รวมถึงยังไม่มีข้อมูลว่ามีสมุนไพรประเภทไหนที่ใช้รักษาหรือทุเลาลักษณะโรคโปลิโอได้เหมือนกัน
เอกสารอ้างอิง