รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: BeerCH0212 ที่ เมษายน 21, 2018, 04:01:54 AM

หัวข้อ: โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) อาการ, สาเหตุ, การรักษา, วิธีป้องกัน-เเละ สมุน
เริ่มหัวข้อโดย: BeerCH0212 ที่ เมษายน 21, 2018, 04:01:54 AM
(https://uppic.cc/d/97b)
โรความดันโลหิตสูง (http://www.disthai.com/16816903/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87-) (Hypertension)



ด้วยเหตุนั้นจึงสรุปได้ว่า โรคความดันเลือดสูงโดยมากจะไม่มีต้นสายปลายเหตุ การควบคุมระดับความดันเลือดเจริญ จะสามารถช่วยลดภาวะแทรกซ้อน แล้วก็การเสียชีวิตจากโรคระบบหัวใจ รวมทั้งหลอดเลือดลงได้



อาการและอาการแสดงที่พบได้บ่อย ผู้เจ็บป่วยที่มีความดันเลือดสูงน้อยหรือปานกลางไม่เจออาการแสดงเฉพาะที่แสดงว่ามีสภาวะความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่ การวินิจฉัยพบมากได้จากการที่คนไข้มาตรวจตามนัดหมายหรือพบได้มากร่วมกับสาเหตุของอาการอื่นซึ่งไม่ใช่ความดันเลือดสูง สำหรับผู้ป่วยที่มีระดับความดันโลหิตสูงมากมายหรือสูงในระดับร้ายแรงและก็เป็นมานานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่ยังไม่เคยได้รับการดูแลและรักษาหรือรักษาแม้กระนั้นไม่สม่ำเสมอไหมได้รับการรักษาที่ถูกต้องสมควรพบบ่อยมีลักษณะ ดังนี้



โดยเหตุนี้ถ้าหากมีภาวการณ์ความดันโลหิตสูงอยู่เป็นเวลานานๆก็เลยอาจมีผลต่ออวัยวะที่สำคัญต่างๆของร่างกายนำมาซึ่งการก่อให้เกิดความเสื่อมถอยภาวะถูกทำลายแล้วก็บางทีอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้
ภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูง ในผู้ป่วยโรคความดันเลือดสูงบางรายอาจไม่พบมีลักษณะอาการหรืออาการแสดงใดๆก็ตามและก็บางรายอาจ พบอาการแสดงจากภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูงต่ออวัยวะต่างๆได้ดังต่อไปนี้



นอกเหนือจากนี้ยังทำให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ผนังเซลล์สมองทา ให้เซลล์สมองบวมผู้เจ็บป่วยจะมีลักษณะไม่ปกติของระบบประสาทการรับทราบความทรงจำต่ำลงและอาจรุนแรงเสียชีวิตได้ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตถึงปริมาณร้อยละ50 แล้วก็ส่งผลทำให้ผู้ที่รอดตายเกิดความพิการตามมา

สมรรถนะเกิดภาวะหัวใจวายกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวแล้วก็เสียชีวิตได้

เส้นโลหิตโรคเส้นโลหิตสมองแล้วก็ไตวายฯลฯ

ชมรมความดันเลือดสูงแห่งประเทศไทย ได้แบ่งระดับความรุนแรงของความดันโลหิตสูง ดังต่อไปนี้




ระดับความรุนแรง


ความดันโลหิตตัวบน


ความดันโลหิตตัวล่าง




ความดันโลหิตปกติ
ระยะก่อนความดันโลหิต
ความดันโลหิตสูงระยะที่ 1
ความดันโลหิตสูงระยะที่ 2


น้อยกว่า 120 และ
120 – 139/หรือ
140 – 159/หรือ
มากกว่า 160/หรือ


น้อยกว่า 80
80 – 89
90 – 99
มากกว่า 100




หมายเหตุ : หน่วยวัดความดันโลหิตเป็น มิลลิเมตรปรอท
คนที่มีความดันเลือดสูงควรควบคุมระดับความดันโลหิตให้น้อยกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอทและใน ผู้ที่มีภาวการณ์เสี่ยงควรควบคุมระดับความดันโลหิตให้น้อยกว่า 130/80 มม.ปรอท รวมทั้งลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและก็เส้นเลือดคุ้มครองปกป้องความพิกลพิการและลดการเกิดภาวการณ์แทรกซ้อมต่ออวัยวะแผนการที่สำคัญของร่างกายได้แก่สมองหัวใจไตและตารวมทั้งอวัยวะสำคัญอื่นๆซึ่งสำหรับในการรักษาและก็ควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติมี 2 วิธีคือการดูแลรักษาใช้ยาแล้วก็การดูแลและรักษาโดยไม่ใช้ยาหรือกระบวนการเปลี่ยนแปลงแบบแผนการดำรงชีวิต
การรักษาโดยวิธีการใช้ยา  (pharmacologic treatment) วัตถุประสงค์สำหรับการลดความดันเลือดโดยการใช้ยาเป็นการควบคุมระดับความดันเลือดให้ลดต่ำกว่า 140/90 มม.ปรอท โดยลดแรงต่อต้านของหลอดเลือดส่วนปลายรวมทั้งเพิ่มปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจการเลือกใช้ยา ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงก็เลยขึ้นกับความเหมาะสมของคนป่วยแต่ละรายและควรตรึกตรองต้นเหตุต่างๆอาทิเช่นความรุนแรงของระดับความดันเลือดปัจจัยเสี่ยงต่ออวัยวะสำคัญ โรคที่มีอยู่เดิมสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงอื่นๆซึ่งยาที่ใช้สำหรับในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงสามารถแบ่งได้เป็น 7 กรุ๊ปดังต่อไปนี้
ยาขับเยี่ยว  (diuretics) เป็นกรุ๊ปยาที่นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตและหัวใจเปลี่ยนไปจากปกติ ยากลุ่มนี้อาทิเช่น ฟูโรซีมายด์ (furosemide) สไปโรโนแลคโตน(spironolactone) เมโทลาโซน (metolazone)
ยาต่อต้านเบต้า (beta adrenergic receptor blockers) ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์โดยรวมกับเบต้าอดรีเนอร์จิกรีเซฟเตอร์  (beta adrenergic receptors) อยู่ที่หัวดวงใจรวมทั้งเส้นเลือดแดงเพื่อยับยั้งการตอบสนองต่อประสาทซิมพาธิตำหนิกลดอัตราการเต้นของหัวใจทำให้หัวใจเต้นช้าลงและความดันเลือดลดน้อยลง ยาในกลุ่มนี้ ดังเช่น โพรพาโนลอล (propanolol)หรืออะหนโนลอล (atenolol)
ยาที่ออกฤทธิ์ปิดกั้นตัวรับแองจิโอเทนซินทู (angiotensin II receptorblockersARBs) ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ขยายเส้นโลหิตโดยไม่ทำให้ระดับของเบรดดีไคนินเพิ่มขึ้นยากลุ่มนี้ อาทิเช่น แคนเดซาแทน  (candesartan), โลซาแทน (losartan) ฯลฯ
ยาต้านทานแคลเซียม (calcium antagonists) ยากลุ่มนี้ยับยั้งการเคลื่อนเข้าของประจุแคลเซียมในเซลล์ทำให้กล้ามผนังหลอดเลือดคลายตัวอาจจะเป็นผลให้อัตราการเต้นของหัวใจช้าลง อาทิเช่น ยาเวอราขว้างมิวล์   (verapamil) หรือเนฟเฟดิไต่ (nifedipine)
ยาต้านอัลฟาวันอดรีเนอร์จิก (alpha I-adrenergic blockers) ยามีฤทธิ์ต้านโพสไซแนปติเตียนกอัลฟาวันรีเซฟเตอร์ (postsynaptic alpha 1-receptors) และออกฤทธิ์ขยายเส้นโลหิตส่วนปลายทำให้เส้นเลือดขยายตัว ยาในกลุ่มนี้เป็นต้นว่า พราโซซีน prazosin) หรือดอกซาโซซีน (doxazosin)
ยาที่ยั้งไม่ให้มีการสร้างแองจิโอเทนสินทู (angiotensin II convertingenzyme ACE inhibitors)ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์โดยการยังยั้งแองจิโอเทนสินในการแปลงแองจิโอเทนสินวันเป็นแองจิโอเทนซินทูซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่ทำให้หลอดเลือดหดตัว ยาในกลุ่มนี้ยกตัวอย่างเช่นอีนาลาพริล (enalapril)
ยาขยายหลอดเลือด (vasodilators) ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์โดยตรงต่อกล้ามเรียบที่อยู่บริเวณเส้นเลือดแดงทำให้กล้ามคลายตัวแล้วก็ยาต่อต้านทางในผนังหลอดเลือดส่วนปลาย ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ไฮดราลาซีน (hydralazine), ไฮโดรคลอไรด์ (hydrochloride), ลาเบลทาลอล (labetalol)
การดูแลรักษาโดยไม่ใช้ยาหรือการปรับเปลี่ยนแบบแผนการดำรงชีวิต (lifestylemodification)  เป็นการกระทำสุขภาพที่ต้องปฏิบัติบ่อยๆเป็นประจำเพื่อลดระดับความดันโลหิต รวมทั้งคุ้มครองภาวะแทรกซ้อนกับอวัยวะสำคัญคนเจ็บโรคความดันเลือดสูงทุกราย ควรจะได้รับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนแบบแผนการดำเนินชีวิตพร้อมกันไปกับการดูแลและรักษาด้วยยา คนป่วยควรจะมีความประพฤติผลักดันสุขภาพที่ดี ดังนี้ การควบคุมของกินแล้วก็ควบคุมน้ำหนักตัว  การจำกัดของกินที่มีเกลือโซเดียม  การออกกำลังกาย การงดดูดบุหรี่ การลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์  การจัดการกับความเคร่งเครียด



จากการศึกษาเล่าเรียนของกินสำหรับผู้เป็นโรคความดันเลือดสูงพวกเรามักจะได้ยินชื่อ DASH (Dietary Approaches to stop Hypertension) เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ร่วมกับการลดจำนวนไขมัน รวมทั้งไขมันอิ่มตัวในของกิน
ตารางแสดงตัวอย่างอาหาร DASH diet/ต่อวัน ได้พลังงาน 2100 กิโลแคลอรี่




หมวดอาหาร


ตัวอย่างอาหารในแต่ละส่วน




ผัก


ผักดิบประมาณ 1 ถ้วยตวง
ผักสุกประมาณ ½ ถ้วยตวง




ผลไม้


มะม่วง ½ ผล ส้ม 1 ลูก เงาะ 6 ผล กล้วยน้ำว้า 1 ผล แตงโม 10 ชิ้น
ฝรั่ง 1 ผลเล็ก มังคุด 1 ผลเล็ก




นม





 
1 กล่อง (240 ซีซี)
1 กล่อง (240 ซีซี)




ไขมัน
ปลาและสัตว์ปีก


น้ำมัน 5 ซีซี เนย/มาการีน 5 กรัม
ปริมาณ 30 กรัม (ปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ)




แป้ง,ข้าว,ธัญพืช


ขนมปัง 1 แผ่น ข้าวสวย 1 ทัพพี




 (https://uppic.cc/d/979)
 
บริหารร่างกาย การออกกำลังกายสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ควรจะบริหารร่างกายแบบแอโรบิค (แบบใช้ออกสิเจน) คือ การบริหารร่างกายที่มีการเคลื่อนไหวโดยตลอดในตอนระยะเวลาหนึ่งของกล้ามผูกใหญ่ๆซึ่งได้แก่การใช้ออกสิเจนสำหรับการให้พลังงาน จะได้ประโยชน์ต่อระบบหัวใจแบะเส้นเลือด ดังเช่นว่า เดิน วิ่ง ว่าย ปั่นรถจักรยาน ฯลฯ ซึ่งการออกกกำลังกายควรปฏิบัติทุกวัน ขั้นต่ำวันละ 30 นาที ถ้าเกิดว่าไม่มีข้อกำหนด
                บริหารผ่อนคลายความเคลียด การจัดการความเครียดลดลงในชีวิตประจำวัน ตามหลักเหตุผลแล้วก็หลักจิตวิทยามีอยู่ 2 วิธี
-              พากเพียรหลีกเลี่ยงเหตุหรือภาวะที่จะกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดความเคร่งเครียดมากมาย
-              ควบคุมปฏิกิริยาของตน ต่อสิ่งที่รู้สึกทำให้พวกเราเครียด
กินยารวมทั้งรับการดูแลและรักษาต่อเนื่อง รับประทานยาตามหมอสั่งสม่ำเสมอไม่ขาดยา และเจอหมอตามนัดหมายทุกครั้ง ไม่ควรหยุดยาหรือเปลี่ยนแปลงยาด้วยตัวเอง สำหรับคนเจ็บที่ทานยาขับเยี่ยว ควรกินส้มหรือกล้วยเป็นประจำ เพื่อทดแทนโปตัสเซียมที่สูญเสียไปในเยี่ยวรีบเจอหมอภายใน 24 ชั่วโมง หรือ ฉุกเฉิน มีลักษณะอาการดังต่อไปนี้  ปวดศีรษะมาก เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างยิ่งกว่าปกติมากมาย เท้าบวม (อาการโรคหัวใจล้มเหลว) เจ็บแน่นหน้าอก ใจสั่น เหงื่อออกมาก จะเป็นลม (อาการจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งจำต้องพบหมอเร่งด่วน) แขน โคนขาแรง พูดไม่ชัดเจน ปากเบี้ยว คลื่นไส้ อ้วก (อาการจากโรคเส้นโลหิตสมอง ซึ่งต้องพบแพทย์เร่งด่วน)



-              ควรจะควบคุมน้ำหนัก
-              ทานอาหารที่มีสาระ ครบทั้ง 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม เพิ่มผักผลไม้ในมื้อของกินประเภทไม่หวานมากมายให้มากมายๆ
-              บริหารร่างกาย โดยออกเป็นเวลานานกว่า 30 นาที และก็ออกดูเหมือนจะทุกวัน
-              ลดจำนวนเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์
-              พักผ่อนให้พอเพียง
-              รักษาสุขภาพจิต และอารมณ์
-              ตรวจสุขภาพรายปี ซึ่งรวมถึงวัดความดันเลือด เริ่มได้ตั้งแต่อายุ 18-20 ปี ต่อจากนั้นตรวจสุขภาพหลายครั้งตามหมอ และพยาบาลแนะนำ
-              ลดอาหารเค็ม หรือเกลือแกง น้อยกว่า 6 กรัม ต่อวัน) รับประทานอาหารจำพวกผัก และก็ผลไม้มากยิ่งขึ้น
ข้อแนะนำสำหรับในการลดการบริโภคเกลือและโซเดียม :-
เลือกซื้อผัก ผลไม้และก็เนื้อสัตว์ที่สดใหม่แทนแนวทางในการเลือกซื้ออาหารกระป๋อง ผักดองและก็อาหารสำเร็จรูป
ถ้าจะต้องเลือกซื้ออาหารกระป๋องหรืออาหารสำเร็จรูปควรอ่านฉลากของกินทุกคราว แล้วก็เลือกสินค้าที่มีปริมาณโซเดียมต่ำหรือน้อย (สำหรับสามัญชนทั่วๆไปควรจะบริโภคเกลือไม่เกินวันละ 1 ช้อนชา หรือน้อยกว่า 6 กรัมต่อวัน) ล้างผักรวมทั้งเนื้อสัตว์ที่ใช้ทำกับข้าวให้สะอาด เพื่อชำระล้างเกลือออก ลดการใช้เกลือและก็เครื่องปรุงรส หันมาใช้เครื่องเทศรวมทั้งสมุนไพรที่มีจำนวนโซเดียมต่ำ ตัวอย่างเช่น หัวหอม กระเทียม ขิง พริกไทย มะนาว ผงกระหยี แทนไม่วางภาชนะหรือขวดใส่เกลือรวมถึงเครื่องปรุงรสต่างๆยกตัวอย่างเช่น ซอส  ซีอิ๊วขาวรวมทั้งน้ำปลาไว้บนโต๊ะอาหารทุกมื้อลองของกินก่อนกิน ฝึกหัดการทานอาหารที่มีรสชาติเหมาะสม ไม่เค็มจัดหรือหวานจัด ประกอบอาหารกินอาหารเองแทนการทานอาหารนอกบ้าน    หรือการซื้อ