รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: กาลครั้งหนึ่ง2560 ที่ เมษายน 03, 2018, 08:00:41 AM

หัวข้อ: โรคริดสีดวงทวาร - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: กาลครั้งหนึ่ง2560 ที่ เมษายน 03, 2018, 08:00:41 AM
(https://www.img.in.th/images/97ce78851419763311a74e5da4ae8275.jpg)
โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids/Piles)
โรคริดสีดวงทวาร (http://www.disthai.com/16865414/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3-hemorrhoidspiles) คืออะไร โรคริดสีดวงทวาร มาจากคำสองคำประสมกัน คือคำว่า "ริดสีดวง" + "ทวาร"   คำว่า "ริดสีดวง" จะเป็น เรื่องผิดปกติที่เป็นติ่ง หรือเนื้อยื่นออกมาจากร่างกาย ซึ่งนิยมใช้เรียกโรคริดสีดวง ที่เกิดขึ้นที่ทวารหนักเสียเป็นส่วนมาก จนกระทั่งบางคราวจะเรียกสั้นๆว่า  ริดสีดวงž ก็เป็นที่เข้าใจว่าเป็นโรคริดสีดวงของทวารหนัก
                ในอดีตกาลมีอีกโรคหนึ่งที่ใช้คำว่าริดสีดวงเช่นเดียวกัน คือโรคริดสีดวงของจมูก ซึ่งก็คือ เนื้องอกเปลี่ยนไปจากปกติในโพรงจมูก พบมากในผู้เจ็บป่วย โรคภูมิแพ้จำพวกเรื้อรัง ซึ่งปัจจุบันไม่นิยมเรียกว่าริดสีดวงจมูกแล้ว แม้กระนั้นจะเรียกเนื้อผลิออกในโพรงจมูกแทน
โรคริดสีดวงทวาร ก็คือ โรคที่เกิดขึ้นจากการอักเสบ รวมทั้งการบวมของกลุ่มเยื่อเส้นเลือด ที่อยู่ข้างในทวารหนักแล้วก็บริเวณปากทวารหนัก โดยเยื่อกลุ่มนี้มีหน้าที่ช่วยป้องกันเนื้อเยื่อทวารหนักในตอนมีการขับถ่ายอุจจาระ แล้วก็ช่วยทำให้ปากทวารหนักปิดสนิทช่วงไม่ปวดอุจจาระ
โดยริดสีดวงทวารจะเกิดความแตกต่างจากปกติขึ้นในส่วนของรูทวารหนัก ที่เรียก ว่า หมอนรอง หรือ เบาะรอง (Cushion) หมอนรองจะอยู่ลึกเข้าไป ราว 3-4 ซ.ม. ลักษณะเป็นก้อนนูนออกมา ข้างในมี เส้นโลหิตและก็กล้ามเนื้อ ซึ่งจะต่อกับกล้ามหูรูดทวารหนักรวมทั้งอยู่ใต้ ต่อจากเยื่อบุทวารหนัก ริดสีดวงทวารหนักกำเนิด จากการเคลื่อนลงมาของหมอนรองมีการยืดตัวของกล้ามเนื้อแล้วก็การ โป่งพองของกรุ๊ปเส้นโลหิตรวมทั้งเยื่อบริเวณส่วนปลายของไส้ตรง ในคนปกติจะมีริดสีดวง (hemorrhoid tissue) ทุกคน โดยจะอยู่บริเวณ ส่วนล่างของทวารหนัก เนื้อเยื่อริดสีดวงจะมีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ๆเมื่อบวมหรืออักเสบจะมีพยาธิภาวะเป็น หัวริดสีดวง แล้วอาจมีการปริแตกของฝาผนังหลอดเลือดในขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ จึงทำให้มีเลือดออกเป็นบางครั้งบางคราว โดยมักจะมีลักษณะอาการของโรคเกิดขึ้นในเวลาท้องผูกหรือกำเนิดท้องเดินบ่อยครั้ง ธรรมดาแล้วจะไม่ค่อยมีลักษณะอาการรุนแรงหรืออันตราย โดยบางครั้งอาจจะเป็นๆหายๆเรื้อรัง ทำให้น่าเบื่อหน่าย หรือทำให้วิตกกังวลได้
โรคริดสีดวงทวาร แบ่งได้เป็น 2 จำพวก คือ



โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคพบมาก ในสหรัฐฯเจอคนไข้มีลักษณะจากโรคนี้ได้โดยประมาณ 5% ของพลเมืองผู้ใหญ่ทั้งหมด โดยเจอได้สูงในช่วงอายุ 45-65 ปี โดยเพศหญิงและผู้ชายได้โอกาสเกิดโรคได้ใกล้เคียงกันสิ่งที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร  มีสาเหตุมาจากกลุ่มเนื้อเยื่อเส้นเลือดดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วได้รับบาดเจ็บ หรือมีการหมุนวนโลหิต ไม่ดีจากต้นสายปลายเหตุต่างๆจนกระทั่งส่งผลให้เกิดการโป่งพอง บวม อักเสบ หรือเกิดมีลิ่มเลือดในกลุ่มเนื้อเยื่อดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งต้นเหตุ ส่วนใหญ่มีเหตุที่เกิดจากการเบ่งขี้เป็นประจำนานๆซึ่งเป็นผลของท้องผูก การมีครรภ์ ความประพฤติการดำรงชีพ และลักษณะของการอึ ซึ่งการเบ่งอุจจาระเสมอๆนานๆจะมีผลเพิ่มระดับแรงกดดันในช่องท้อง ทำให้การไหลเวียนของเลือดในหลอดโลหิตดำบริเวณทวารหนักไม่สบาย เกิดการยืด ย่น คด งอ พอง และโตขึ้นเป็นติ่งเนื้อ เหมือนกับการเป่าเพิ่มเติมลมเข้าไปในลูกโป่ง เมื่อลูกโป่งโตขึ้น ก็จะมีความครึ้มของฝาผนังลดลง เมื่อใดก็ตามที่มีของแข็งๆมาเสียดสี ได้แก่ อุจจาระแข็งหรือเพิ่มระดับแรงดันขึ้นอีก ก็จะทำให้เกิดการปริแตกหรือฉีกขาดของหลอดเลือดดำ ก่อให้เกิดเลือดออกมาเป็นเลือดสดๆได้
     นอกเหนือจากการเบ่งอึนานๆซึ่งเป็นต้นเหตุ หลักแล้ว ยังพบว่าระดับความดันโลหิตในตับที่สูง (ซึ่งเกิดได้จากความอ้วน หรือโรคตับ) อายุที่มากขึ้น อาการท้องร่วงเรื้อรังยังเป็นอีกต้นสายปลายเหตุหนึ่งของโรคริดสีดวงทวารได้อีกด้วย
ลักษณะของโรคริดสีดวงทวารภายใน คือ ผู้ป่วยโดยมากชอบมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก โดยไม่รู้จักสึกเจ็บอะไร ซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างหรือหลังจากถ่ายอุจจาระเสร็จ เลือดที่ออกมานั้นจะมีลักษณะเป็นเลือดสีแดงสด ออกผสมมากับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลหยดลงในโถส้วม และก็บางทีอาจสังเกตว่ามีเลือดสกปรกบนกระดาษชำระ เลือดจะออกมาในลักษณะอาบก้อนอุจจาระ ไม่มีมูกคละเคล้า และเลือดชอบหยุดไหลได้เอง ซึ่งอาการกลุ่มนี้จะมีลักษณะเป็นๆหายๆถ้าเกิดมีเลือดออกมากหรือเป็นเรื้อรัง อาจส่งผลให้เกิดอาการซีดเซียวตามมาได้ ในรายที่เป็นมาก หลอดเลือดจะบวมมาก ทำให้หัวริดสีดวงโผล่ออกมานอกปากทวารหนัก หรือมองเห็นเป็นก้อนเนื้อนิ่มๆปลิ้นโผล่ออกมา ซึ่งในภาวการณ์แบบนี้จะก่อให้เกิดลักษณะของการปวดหรือเจ็บที่ทวารหนักได้ ในบางรายอาจก่อให้กำเนิดอาการคันและอาการกลั้นอุจจาระไม่อยู่ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ โดยปกติแบ่งความรุนแรงของโรคริดสีดวงข้างใน เป็น 4 ระดับตามความรุนแรง เช่น



รวมทั้งจึงควรรีบเจอแพทย์เป็นการเร่งด่วน ก่อนที่ก้อนเนื้อจะเน่าตายจากการขาดเลือด
อาการโรคริดสีดวงภายนอกเป็นมีติ่งเนื้อสีชมพูคล้ำออกมาจากปากทวารหนักเมื่อมีลักษณะท้องผูกหรือท้องเสีย ทำให้คนเจ็บมีอาการปวด บวม เจ็บ รวมทั้งระคายเคือง แล้วก็ถ้าหากมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในเส้นเลือดที่โป่งพองจะทำให้กำเนิดลักษณะของการปวด บวม เจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าชอบไม่ค่อยพบว่ามีเลือดออกจากติ่งเนื้อนี้ ซึ่งธรรมดาแล้วชอบหายเจ็บได้ข้างใน 2-3 วัน อย่างไรก็ดี กว่าจะหายบวมอาจจำต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 2-3 อาทิตย์ เมื่อหายก็ดีบางทีก็อาจจะยังมีผิวหนังเป็นติ่งคงเหลือ แล้วก็แม้หัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ก็อาจส่งผลให้เกิดการระคายหรือคันรอบๆรอบปากทวารหนักได้ด้วย
กระบวนการรักษาโรคริดสีดวงทวาร (http://www.disthai.com/16865414/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3-hemorrhoidspiles) แพทย์จะวินิจฉัยโรคริดสีดวงทวารได้จาก เรื่องราวอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจก้อนเนื้อบริเวณทวารหนัก และก็การส่องกล้องตรวจทวารหนักและก็ไส้ตรง ในบางครั้งอาจมีการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เมื่อต้องแยกจากโรคมะเร็ง โดยแพทย์จะวินิจฉัยในอาการสำคัญๆเหล่านี้เป็นพิเศษ เป็นต้นว่า



กรรมวิธีการรักษาโรคริดสีดวงทวาร เช่น ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคริดสีดวงทวาร รวมทั้งการใช้ยาต่างๆดังเช่น ยาทาลดอาการคัน ยาเหน็บทวารลดอาการบวม ปวด และก็ยาพารา เป็นต้น แต่เมื่อการดูแลรักษาในลักษณะจุนเจือไม่ได้เรื่อง การดูแลและรักษาขั้นต่อไปหมายถึงการรักษาทางศัลยกรรม ที่มีหลายต้นแบบ ดังเช่นว่า การจี้ด้วยกระแสไฟฟ้า หรือ เลเซอร์ การฉีดยาเข้าเส้นเลือด เพื่อให้เส้นโลหิตยุบแฟบ การผูกเส้นเลือด หรือการผ่าตัดเส้นเลือด ทั้งนี้ สังกัดความรุน แรงของโรค ข้อชี้ชัด และดุลยพินิจของหมอซึ่งมีเนื้อหาดังนี้



สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร เหตุที่ทำให้มีการเกิดโรคริดสีดวง



การติดต่อของโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบ รวมทั้งการบวมของเยื่อเส้นโลหิตของทวารหนัก และเมื่อมีของแข็งๆมาเสียดสี หรือมีการเพิ่มระดับแรงดันในท้องขึ้น จึงกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการต่างๆของโรคริดสีดวงทวารขึ้น ซึ่งโรคริดสีดวงทวารนี้มิได้เป็นโรคติดต่อแต่ว่าอย่างได
การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นโรคริดสีดวงทวาร

(https://www.img.in.th/images/e90d5c64328553c631aeb647af47ffac.jpg)
การปกป้องตนเองจากโรคริดสีดวงทวาร

สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาต
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Cissus quadrangularis  L.
ตระกูล :   Vitaceae
สารเคมี :  เถา มีผลึก calcium oxalate รูปเข็มจำนวนมากต้นสด 100 กรัม ประกอบด้วย carotene 267 มิลลิกรัม, ascorbic acid (Vitamin C.) 398 มก.
คุณประโยชน์ :  เถา – ใช้เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก
แก้ริดสีดวงทวาร  ใช้เถาสด 2-3 องคุลีต่อหนึ่งมื้อ รับประทานสดๆถ้าเกิดเคี้ยวจะคันปากคันคอ เพราะเหตุว่าในสมุนไพรนี้จะมีสารเป็นผลึกรูปเข็มอยู่มากมาย เป็นสารแบบเดียวกับที่พบในต้นบอน ต้นเผือก การกินจึงใช้ใส่ไส้ในกล้วยสุก หรือมะขาม แล้วกลืนลงไป รับประทาน 10-15 วัน จะได้ผล
ครอบฟันสี
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Abutilon indicum (L.) Sweet
ชื่อสามัญ :   Country mallow, Indian mallow
ตระกูล :   Malvaceae
ราก มี Asparagin
คุณประโยชน์ : ราก - ปวดท้อง ท้องร่วง ริดสีดวงทวาร ขับเยี่ยว
แก้ริดสีดวงทวาร  ใช้ราก 150 กรัม ต้มเอาน้ำข้นๆดื่มราว 1 ถ้วยชา ที่เหลืออุ่นเอาไอรมที่ตูดพอเพียงอุ่นๆทนได้ ใช้รมวันละ 5-6 ครั้ง เอาน้ำอุ่นๆล้างแผลริดสีดวงทวาร
ขลู่
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Pluchea indica  (L.) Less.
ชื่อสามัญ :  Indian Marsh Fleabane
สกุล :   Asteraceae (Compositae)
คุณประโยชน์ :
ทั้งยังต้นสด หรือแห้ง - ปรุงเป็นยาต้มกินขับปัสสาวะ แก้โรคนิ่วในไต แก้ฉี่พิการ แก้ริดสีดวงทวารหนัก ริดสีดวงจมูก
เปลือก ใบ เมล็ด  - แก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงจมูก
ใบ - มีกลิ่นหอมสดชื่น แก้ริดสีดวงทวาร
ยาริดสีดวงทวาร ใช้เปลือกต้น ต้มน้ำ เอาไอรมทวารหนัก และก็กิน แก้โรคริดสีดวงทวาร หรือใช้เปลือกต้น (ขูดเอาขนออก) แบ่งเป็น 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 นำมาตากแห้ง ทำเป็นยาสูบ
ส่วนที่ 2 เอามาต้มน้ำรับประทาน
ส่วนที่ 3 ต้มน้ำเอาไปรมทวารหนัก
ว่านหางจระเข้
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vera  (L.)  Burm.f.
ชื่อพ้อง : Aloe barbadensis  Mill
ชื่อสามัญ :  Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados
สกุล :  Asphodelaceae
สารเคมี:   ใบมี Aloe-emodin, Alolin, Chrysophanic acid Barbaboin, AloctinA, Aloctin B, Brady Kininase Alosin, Anthramol Histidine, Amino acid , Alanine Glutamic acid Cystine, Glutamine, Glycine.
คุณประโยชน์ :
ยางในใบ - เป็นยาระบาย
เนื้อวุ้น - เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร
เป็นยาถ่าย/ยาระบาย ใช้น้ำยางสีเหลืองที่มีรสขม คลื่นไส้ อ้วก น้ำยางสีเหลืองที่ไหลออกมาระหว่างผิวนอกของใบกับตัววุ้น จะให้ยาที่เรียกว่า ยาดำ
สารเคมี - สารสำคัญในยาดำเป็น G-glycoside ที่มีชื่อว่า barbaloin (Aloe-emodin anthrone C-10 glycoside)
รักษาริดสีดวงทวาร นอกเหนือจากการที่จะช่วยรักษาแล้ว ยังช่วยทุเลาอาการปวด อาการคันได้ด้วย โดยการทำความสะอาดทวารหนักให้สะอาดและแห้ง ควรปฏิบัติภายหลังการอุจจาระ หรือข้างหลังอาบน้ำ หรือก่อนนอน เอาว่านหางจระเข้ปอกส่วนนอกของใบ แล้วเหลาให้ปลายแหลมนิดหน่อย เพื่อใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ถ้าหากจะให้เหน็บง่าน นำไปแช่ตู้เย็น หรือน้ำแข็งให้แข็ง จะมีผลให้สอดได้ง่าย จำเป็นต้องหมั่นเหน็บวันละ 1-2 ครั้ง จนกว่าจะหาย
ไฟทวาร
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Clerodendrum serratum  (L.) Moon. var.wallichii  C.B.Clarke
วงศ์ :   Limiaceae (Labiatae)
สรรพคุณ : ใบ, ราก, ต้น – ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร
ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร

เอกสารอ้างอิง




Tags : โรคริดสีดวงทวาร