รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: หนุ่มน้อยคอยรัก007 ที่ เมษายน 03, 2018, 06:35:12 AM

หัวข้อ: โรคโรคลมชัก (Epilepsy) - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: หนุ่มน้อยคอยรัก007 ที่ เมษายน 03, 2018, 06:35:12 AM
(https://www.img.in.th/images/49dc43b7763a2e6ecea9c3503b80b4a9.jpg)
โรคลมชัก (Epilepsy)
[url=http://www.disthai.com/16865685/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%81-epilepsy]โรคลมชัก (http://www.disthai.com/16865685/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%81-epilepsy)[/url]เป็นยังไง โรคลมชัก หรือ โรคลมหวน มีรากศัพท์จากภาษากรีกโบราณ:  หมายถึง ยึด ครอง หรือ ทำให้ป่วยหนัก โดยเป็นกลุ่มโรคทางประสาทวิทยาซึ่งถูกจำกัดความโดยอาการชักอันมีต้นเหตุที่เกิดจากการทำงานอย่างสอดคล้องต้องกันมากเกินความจำเป็นของเซลล์ประสาท ดังนั้นโรคลมชัก ก็คือโรคที่มีต้นเหตุเนื่องมาจากความไม่ปกติของระบบประสาทส่วนกลางซึ่งปฏิบัติภารกิจสำหรับในการควบคุมรูปแบบการทำงานของร่างกาย จนกระทั่งนำไปสู่อาการชัก
                โรคลมชักเป็นโรคระบบประสาทที่พบมาก ในรายงานการศึกษาเล่าเรียนโดย World Health Organization (WHO) และ World Federal of Neurology ในปี 2547 พบว่าใน 102 ประเทศที่รายงานปัญหาด้านสุขภาพ พบว่าร้อยละ 72.5 ของประเทศพวกนี้ระบุว่าโรคลมชักพบบ่อยเป็นอันดับสองรองจากโรคปวดศีรษะ ตอนที่โรคเส้นเลือดสมองเป็นชั้นสามเป็น ร้อยละ 62.7 ประมาณว่าทั่วโลกน่าจะมีผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี เป็นโรคลมชักกว่า 10.5 ล้านคน ซึ่งน่าจะพอๆกับจำนวนหนึ่งในสี่ของจำนวนคนที่เป็นโรคลมชักทุกอายุ รวมทั้งในทุกๆปี คงจะมีคนที่ได้รับการวินิจฉัยใหม่เป็นโรคลมชัก ราวๆ 3.5 ล้านคน ซึ่งจำนวนร้อยละ 40 จะเป็นผู้ป่วยเด็กที่อายุน้อยกว่า 15 ปี และกว่าจำนวนร้อยละ 80 เป็นผู้ป่วยในประเทศที่กำลังปรับปรุง
                ช่วงอายุที่เกิดโรคลมชักสูงเป็นตอนทารกแรกเกิดและก็เด็กเล็ก มูลเหตุที่ส่งผลให้เกิดโรคลมชักในตอนวัยแรกเกิดชอบเป็นพยาธิภาวะที่เกิดในช่วงการคลอดตัวอย่างเช่นผลของการขาดออกสิเจน การตำหนิดเชื้อที่ระบบประสาท ส่วนแก่เป็นช่วงที่มีโอกาสกำเนิดโรคลมชักสูงรองลงมา ในขณะนี้น่าจะพบว่าอุบัติการณ์โรคลมชักในวัยชราเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่ในตอนวัยทารกลดน้อยลงเนื่องจากความรู้ความเข้าใจทางการแพทย์สำหรับการดูแลผู้เจ็บป่วยดีขึ้น ปัญหาด้านสุขภาพต่างจากเดิม การติดเชื้อที่ระบบประสาทที่บางครั้งก็อาจจะเป็นต้นเหตุของโรคลมชักในวัยเด็กเริ่มต่ำลงจากการที่มีวัคซีนคุ้มครองปกป้องโรคต่างๆอายุคนยืนยาวขึ้นกว่าเดิม โรคเส้นเลือดสมองซึ่งมีสาเหตุมาจากปัญหาความประพฤติในการทานอาหารไม่เหมาะสมมากขึ้น ฯลฯ สำหรับประเทศที่กำลังปรับปรุงความชุกรวมทั้งอุบัติการณ์โรคลมชักยังคงสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก เนื่องมาจากปัญหาสุขอนามัยโรคติดเชื้อ ความสามารถสำหรับเพื่อการรักษาคนป่วยยังจำกัด มีการคาดการณ์ว่าคนประเทศไทยทั่วราชอาณาจักร เป็นโรคลมชักราวๆ 450,000 คน แล้วก็สามัญชนโดยทั่วไปยังมีความรู้ต่อโรคลมชักไม่มาก
                ทั้งนี้ ผู้เจ็บป่วยโรคลมชัก หากได้รับการดูแลรักษาอย่างเป็นจริงเป็นจังตลอดมาตลอดตั้งแต่ทีแรกเกิดอาการ ผู้เจ็บป่วยจะสามารถดำรงชีวิตเป็นต้นว่าคนปกติ เรียนหนังสือ ปฏิบัติงาน เล่นกีฬา ออกสังคม และสามารถแต่งงานได้ แม้กระนั้นถ้าไม่มีความเอาใจใส่ไม่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างเอาจริงเอาจัง ปล่อยให้ชักอยู่เสมอๆก็อาจจะส่งผลให้โรคสมองเสื่อม บางรายบางทีอาจพิการหรือตายเพราะว่าอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นระหว่างชัก อาทิเช่น จมน้ำ ขับรถชน ตกจากที่สูง ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เป็นต้น
ต้นเหตุของโรคลมชัก
โรคลมชักจำนวนมากเกิดขึ้นโดยตรวจไม่พบต้นสายปลายเหตุกระจ่าง (Idiopathic หรือ Primary Epilepsy) เชื่อว่ามีความ พร่องของสารเคมีบางสิ่งสำหรับเพื่อการควบคุมไฟฟ้าในสมอง (โดยที่ส่วนประกอบของสมองปกติดี) ทำให้วิธีการทำหน้าที่ของสมองเสียความสมดุล มีการปล่อยไฟฟ้าอย่างไม่ปกติของเซลล์สมอง กระตุ้นให้เกิดอาการชัก และสลบชั่วประเดี๋ยว ผู้เจ็บป่วยกลุ่มนี้มักจะมีอาการคราวแรกในช่วงอายุ 5-20 ปี แล้วก็อาจมีประวัติความเป็นมาว่ามีพ่อแม่หรือญาติเป็นโรคนี้ด้วย  แล้วก็มีส่วนน้อยซึ่งสามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ (Symptomatic หรือ Secondary  Epilepsy)  อาจเกิดจากความแตกต่างจากปกติของโครงสร้างสมอง เป็นต้นว่า สมองพิการแต่กำเนิด สมองได้รับกระเทือนระหว่างคลอด สมองทุพพลภาพภายหลังการติดเชื้อ แผลเป็นในสมองข้างหลังผ่าตัด ฝีในสมอง เนื้องอกในสมอง โรคพยาธิในสมอง เลือดออกในสมอง (ซึ่งกลุ่มนี้พบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี) ภาวการณ์น้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ โรคพิษเหล้า สิ่งเสพติด (ดังเช่น การเสพยาม้าเกินขนาด) พิษจากการใช้ยาบางจำพวกที่ใช้เกินขนาด (กลุ่มนี้พบได้บ่อยในมีอายุ 25 ปีขึ้นไป)
ทั้งนี้ อาการในคนไข้โรคลมชักบางทีอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องมีสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการ แม้กระนั้นก็มีในบางครั้งบางคราว หรือการใช้สารบางสิ่งที่ส่งผลให้เกิดอาการชักได้ ตัวอย่างเช่น ความเคร่งเครียด การพักผ่อนหย่อนใจน้อยเกินไป การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยารักษาอาการบางชนิดหรือกการใช้ยาเสพติด ภาวะมีประจำเดือนของเพศหญิง นอกเหนือจากนี้ยังมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งแต่ว่าเป็นปริมาณน้อยที่สามารถเกิดอาการชักได้ถ้าเห็นแสงแฟลชที่สว่างจ้า โดยอาการชักที่เกิดจากปัจจัยนี้เรียกว่า โรคลมชักที่คนเจ็บไวต่อแสงสว่างกระตุ้น (Photosensitive Epilepsy)
อาการของผู้เจ็บป่วยลมชัก โรคลมชัก แตกต่างจากการชักจากโรคอื่นๆคือ อาการชักจากโรคลมชัก ควรจะมีอา การ ชัก เกร็ง กระตุก กัดลิ้น น้ำลายฟูมปาก ซึ่งดังนี้ ในความเป็นจริงแล้ว โรคลมชักเอง มีอาการชักได้ 3 รูปแบบ ดังเช่นว่า
1.อาการชักที่ส่งผลต่อทุกส่วนของสมอง (Generalized Seizures) เป็นอาการชักที่เกิดขึ้นกับสมองทั้งยัง 2 ส่วน แบ่งออกเป็น 2 ชนิดย่อยๆคือ
   อาการชักแบบเหม่อ (Absence Seizures) เป็นอาการชักที่มักเกิดขึ้นในเด็ก อาการที่โดดเด่นเป็นการใจลอย หรือมีการขยับเขยื้อนร่างกายเพียงนิดหน่อย เป็นต้นว่า การกระพริบตาหรือขยับริมฝีปาก อาการชักประเภทนี้อาจเป็นสาเหตุนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการเสียการรับรู้ในระยะสั้นๆได้
   อาการชักแบบชักเกร็ง (Tonic Seizures) เป็นอาการชักที่ส่งผลให้เกิดอาการเกร็งของกล้าม โดยมักจะเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อบริเวณข้างหลัง แขนแล้วก็ขา กระทั่งทำให้คนเจ็บล้มลงได้
             อาการชักแบบกล้ามเมื่อยล้า (Atonic Seizures) อาการชักที่ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าลง คนป่วยที่มีลักษณะชักชนิดนี้จะไม่สามารถที่จะควบคุมกล้ามเนื้อขณะกำเนิดอาการได้ จนถึงทำให้คนไข้ล้มพับ หรือหกล้มลงได้อย่างเฉียบพลัน
   อาการชักแบบชักกระตุก (Clonic Seizures) เป็นอาการชักที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของกล้ามที่เปลี่ยนไปจากปกติ โดยอาจก่อให้มีการขยับเขยื้อนในจังหวะซ้ำ มักเกิดขึ้นกับกล้ามบริเวณคอ ใบหน้า และแขน
             อาการชักแบบชักกระตุกและก็เกร็ง (Tonic-clonic Seizures) เป็นอาการชักที่ส่งผลต่อกล้ามในร่างกายทุกส่วน นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการกล้ามเกร็งรวมทั้งกระตุก มีผลทำให้ผู้ป่วยล้มลง และก็สลบ บางรายบางทีอาจร้องไห้ตอนที่ชักด้วย รวมทั้งภายหลังอาการทุเลาลง ผู้เจ็บป่วยอาจรู้สึกอ่อนเพลียเนื่องจากอาการชัก
   อาการชักแบบชักตกใจ (Myoclonic Seizures) อาการชักจำพวกนี้มักเกิดขึ้นแบบกะทันหัน โดยจะเกิดอาการชักของแขนและขาคล้ายกับการโดนไฟฟ้าช็อต ส่วนใหญ่ชอบเกิดหลังจากตื่น บ้างก็เกิดขึ้นร่วมกับอาการชักแบบอื่นๆในกรุ๊ปเดียวกัน
2.อาการชักเฉพาะส่วน (Partial หรือ Focal Seizures) อาการชักประเภทนี้จะเกิดขึ้นกับสมองเพียงเล็กน้อย ทำให้เกิดอาการชักที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายแค่นั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ
    อาการชักแบบรู้ตัว (Simple Focal Seizures) สำหรับอาการชักชนิดนี้ ในช่วงเวลาที่กำเนิดอาการ คนเจ็บจะยังคงมีสติครบบริบรูณ์ โดยคนไข้อาจมีความรู้สึกแปลกๆหรือมีความรู้สึกวูบๆภายในท้อง บ้างก็อาจรู้สึกราวกับมีลักษณะอาการเดจาวู ซึ่งเป็นความรู้สึกดุจว่าเคยพบเห็นหรือเกิดเหตุการณ์ที่เจออยู่มาก่อน ทั้งที่ไม่เคย บางทีอาจกำเนิดความรู้สึกร่าเริงหรือกลัวอย่างกะทันหัน รวมทั้งได้กลิ่นหรือรับรู้รสชาติแปลกไป รู้สึกชาที่แขนและก็ขา หรือมีลักษณะชักกระตุกที่แขนและมือ ฯลฯ ทั้งนี้ อาการชักดังที่กล่าวถึงมาแล้วบางทีอาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการชักประเภทอื่นๆที่กำลังตามมา อาการเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เจ็บป่วยและก็คนรอบข้างเตรียมรับมือได้ทัน
    อาการชักแบบไม่ทันรู้ตัว (Complex Partial Seizures) สามารถเกิดขึ้นโดยที่คนป่วยอาจไม่รู้ตัวและไม่สามารถจำได้ว่าเกิดอาการขึ้นเมื่อใด ไม่ว่าจะในเวลาที่เกิดอาการหรืออาการสงบแล้ว อาการชักจำพวกนี้ไม่อาจจะคาดคะเนได้โดยอาจมีอาการเป็นต้นว่า ขยับริมฝีปาก ถูมือ ทำเสียงแปลกๆหมุนแขนไปรอบๆจับเสื้อผ้า เล่นกับสิ่งของในมือ อยู่ในท่าทางแปลกๆเคี้ยวหรือกลืนบางอย่าง นอกเหนือจากนั้น ในขณะที่เกิดอาการ คนป่วยจะไม่อาจจะรับทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกายได้เลย
3.อาการชักตลอด (Status Epilepticus) อาการชักจำพวกนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมากยิ่งกว่า 30 นาทีขึ้นไป หรือเป็นอาการชักต่อเนื่องที่ผู้ป่วยไม่สามารถได้สติในขณะที่ชัก ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่จำต้องได้รับการดูแลและรักษาโดยด่วนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทั้งนี้ลักษณะสำคัญของการชักในโรคลมชักทุกประเภทเป็น การที่ผู้เจ็บป่วยมีอาการไม่ปกติทางระบบประสาทดังที่กล่าวมาแล้วอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆตั้งแต่ 30 วินาที ถึง 3 นาที อา การนั้นหายได้เอง แต่ว่าอาการเหล่านั้นจะเกิดบ่อยๆรวมทั้งอาการเปลี่ยนไปจากปกติที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งจะมีลักษณะคล้ายๆกัน
ก่อนจะชัก บางคนอาจมีอาการบอกเหตุล่วงหน้ามาก่อนหลายชั่วโมง หรือ 2-3 วัน ตัวอย่างเช่น หงุดหงิด เครียด ซึมเซา เวียนศีรษะ กล้ามเนื้อกระตุก ฯลฯ และก่อนที่จะหมดสติเพียงแค่ไม่กี่วินาที คนไข้อาจมีอาการเตือน ดังเช่นว่า ได้กลิ่นหรือรสแปลกๆหูแว่วว่ามีเสียงคนพูด ตาเห็นภาพหลอน มีอาการชะตามตัว จุกแน่นยอดอก ตากระตุๆก เป็นต้น ถ้าเกิดไม่ได้รับประทานยารักษา อาจมีอาการชักกำเริบเสิบสานซ้ำได้ปีละบ่อยมาก โดยเฉพาะเมื่อมีสิ่งกระตุ้น (มองหัวข้อ “การรักษาตนเอง”) ผู้ป่วยจะไม่มีลักษณะของการมีไข้ (ตัวร้อน) ร่วมด้วย ลักษณะของการเกิดอาการดังที่กล่าวมาข้างต้นค่อนข้างจะเป็นเอกลักษณ์ของโรคลมชัก ถ้าหากเคยเห็นเพียงครั้งเดียวก็จะคิดออกตลอดไป
ส่วนอาการชักซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคลมชัก มีต้นเหตุมีเหตุที่เกิดจากการที่กลุ่มของเซลล์ประสาทเริ่มศักยะงานในจำนวนสูงอย่างแตกต่างจากปกติ และก็สอดคล้องต้องกัน ผลสรุปทำให้มีการเกิดคลื่นของการลดความต่างศักย์ เรียกว่า ดีโพลาไรซิ่ง ชิฟท์ โดยธรรมดาหลังจากเซลล์ประสาทที่ได้รับการกระตุ้น ดำเนินการหรือสร้างศักยะงาน ตัวของมันจะทนทานต่อการผลิตศักยะงานซ้ำในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ต้นเหตุส่วนหนึ่งส่วนใดอาจสำเร็จของการทำงานของเซลล์ประสาทที่ถูกยับยั้ง ความเคลื่อนไหวไฟฟ้าภายในเซลล์ประสาทที่ได้รับการปลุกเร้า แล้วก็ผลกระทบของอะดีโนซีน
การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรคลมชัก

(https://www.img.in.th/images/9b8e52d8864ef3178326057d31f11f3c.md.jpg)
การคุ้มครองป้องกันตัวเองจากโรคลมชัก แม้ว่าการกำเนิดโรคลมชักในหลายกรณีนั้นเกิดขึ้นโดยไม่ทรายต้นสายปลายเหตุแล้วก็จะไม่สามารถที่จะคุ้มครองป้องกันได้ แต่ว่าความอุตสาหะที่จะลดการบาดเจ็บแถวๆศีรษะ การดูแลเด็กแบเบาะที่ดีในระยะเวลาหลังคลอด บางทีอาจช่วยลดอัตราการเกิดโรคลมชัก(ที่มีต้นสายปลายเหตุ)ได้ รวมทั้งเมื่อมีอาการชักเกิดขึ้นแล้ว ควรจะหาทางปกป้องไม่ให้อาการเกิดขึ้นอีกขึ้น ด้วยการกินยากันชักตามขนาดที่แพทย์เสนอแนะ แล้วก็คนไข้ต้องหลบหลีกต้นเหตุที่กระตุ้นให้อาการเกิดขึ้นอีก
ดังนี้ปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้คุ้มครองการเกิดโรคลมชักได้ผลลัพธ์ที่ดี 100% แล้วก็หมอไม่นิยมที่จะให้ยาคุ้มครองป้องกันการชัก แพทย์จะเริ่มให้ยารักษาอาการชักในโรคลมชักต่อเมื่อมีอาการชักเกิด ขึ้นแล้ว เพื่อคุ้มครอง/ลดจังหวะเกิดการชักซ้ำ
สมุนไพรที่ช่วยปกป้อง/รักษาโรคลมชัก ขณะนี้ยังมิได้รับแถลงการณ์ว่าสมุนไพรชนิดไหนซึ่งสามารถคุ้มครอง/รักษาโรคลมชักได้แต่ว่ามีการนำสมุนไพรของไทยไปทำการวิจัยแล้วก็ทดสอบในสัตว์ทดสอบและก็ได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจแต่ว่ายังไม่ได้มีการนำไปทดสอบในมนุษย์ซึ่งสมุนไพรพวกนี้ อย่างเช่น

เอกสารอ้างอิง




Tags : โรคลมชัก