รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: แสงจันทร์5555 ที่ มีนาคม 24, 2018, 04:25:46 AM

หัวข้อ: โรคของกินเป็นพิษ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: แสงจันทร์5555 ที่ มีนาคม 24, 2018, 04:25:46 AM
(https://www.img.in.th/images/50ee3f6aa622caed0bdcd64183db0cf1.jpg)
โรคของกินเป็นพิษ (Food poisoning)

Clostridium botulinum เป็นแบคทีเรีย anaerobic ที่เป็น gram positive ที่พบได้ในดินแล้วก็น้ำในสิ่งแวดล้อมทั่วไป ชนิดที่สามารถก่อโรคในคนแบ่งได้



เชื้อนี้เจริญวัยได้ดิบได้ดีในสภาวะโอบล้อมที่มีออกซิเจนน้อย ก็เลยพบมากในของกินบรรจุในภาชนะที่ปิดสนิท โดยยิ่งไปกว่านั้นผลิตภัณฑ์บรรจุกระป๋องที่ผ่านแนวทางการผลิตผิดความถูกอนามัย อาทิเช่น หน่อไม้ปี๊บ หน่อไม้ดอง ผักกาดดอง และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป พิษที่สร้างขึ้นมาจากเชื้อชนิดนี้ก่อให้เกิดอาการอาเจียน ถ่ายท้อง ตาฟางมัว เห็นภาพซ้อน กล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ยเพลียแรง และก็บางครั้งรุนแรงจนถึงอาจเกิดภาวะหายใจล้มเหลวแล้วก็เสียชีวิตได้
Vibrio parahaemolyticus ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ถูกใจเกลือเข้มข้นสูงสำหรับเพื่อการเจริญเติบโต (halophilic vibrio) มีแอนติเจนโอ ("O" antigen) ไม่เหมือนกัน 12 ประเภท รวมทั้งมีแอนติเจนเค ("K" antigen) ที่ตรวจได้แล้วในเวลานี้มี 60 จำพวก พบบ่อยในอาหารทะเลที่ดิบหรือปรุงไม่สุกพอ
Bacillus cereus เป็นเชื้อที่ไม่ได้อยากออกซิเจน สร้างสปอร์ได้ มีสารพิษ 2 ชนิดเป็น จำพวกที่ทนต่อความร้อนได้ กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดคลื่นไส้ และก็จำพวกที่ทนไฟมิได้กระตุ้นให้เกิดอาการ อุจจาระหล่นโดยมากพบเกี่ยวข้องอาหาร (เช่น ข้าวผัดในร้านค้าแบบบริการตัวเอง) ผักและอาหารแล้วก็เนื้อที่รักษาไม่ถูกต้อง ณ.อุณหภูมิห้องภายหลังจากปรุงแล้ว
S.aureus หลายแบบที่สร้างพิษ (enterotoxin) ซึ่งคงทนต่ออุณหภูมิที่จุดเดือด เชื้อชอบแบ่งตัวเพิ่มจำนวนในของกินและสร้าง toxin ขึ้น ของกินที่มี enterotoxin จำนวนมากเป็นของกินที่ปรุงรวมทั้งสัมผัสกับมือของผู้ทำอาหาร และไม่ได้ทำการอุ่นของกินด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมก่อนรับประทานอาหาร หรือแช่ตู้แช่เย็น ดังเช่น ขนมจีน ขนมเอ แคลร์ เนื้อ เมื่อของกินพวกนี้ถูกทิ้งในอุณหภูมิห้องหลายชั่วโมงต่อเนื่องกันก่อนนำไปบริโภค ทำให้เชื้อสามารถแบ่งตัวรวมทั้งสร้างพิษที่ทนต่อความร้อนออกมา
ซาลโมเนลลา (Salmonella) พบมากในเนื้อสัตว์ดิบ ไข่ดิบ นม รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม ทำให้มีการเกิดอาการท้องร่วง ถ่ายมีมูก คลื่นไส้ อาเจียน เป็นไข้ ด้านใน 4-7 วัน
เอสเชอริเชีย วัวไล (Escherichia coli) หรือเรียกสั้นๆว่า อีโคไล (E. coli) อี.โคไลเป็นแบคทีเรียรูปแท่งย้อมติดสีกรัมลบ มันมีสารพิษทำให้มีการเกิดอาการท้องเดิน  อี.โคไลมีสารพิษ 2 ประเภท เป็นสารที่มีโมเลกุลใหญ่และถูกทำลายให้หมดไปด้วยกระบวนการทำให้อาหารสุก แต่อีกที่มันผลิตออกมาพร้อมๆกันนั้น มีโมเลกุลที่เล็กกว่า และเป็นสารทนไฟที่ไม่สามารถทำลายได้ด้วยความร้อน พิษทั้งสองแบบส่งผลทำให้ท้องร่วงเช่นกัน โดยเหตุนั้นถ้าเกิดอาหารปนเปื้อนพิษนี้แล้วไม่ว่าจะทำให้สุกก่อนหรือไม่ ก็จะเป็นไปไม่ได้ทำลายพิษของมันให้หมดไปได้ มีทางเดียวที่จะคุ้มครองป้องกันได้ก็คือทิ้งของกินนั้นไปเสีย
ชิเกลล่า (Shigella) เจอการปนเปื้อนอีกทั้งในสินค้าอาหารสดรวมทั้งน้ำกินที่ไม่สะอาด รวมไปถึงอาหารสดที่สัมผัสกับบุคคลที่มีเชื้อโดยตรง ด้วยเหตุว่าเชื้อชนิดนี้สามารถกระจายจากบุคคลหนึ่งไปสู่บุคคลหนึ่งได้ ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดมวนท้อง คราวหลังการกินอาหารข้างใน 7 วัน
ไวรัสก่อโรคผ่านทางเดินอาหาร (Enteric Viruses) มีเชื้อไวรัสหลายประเภท เป็นต้นว่า เชื้อไวรัสโนโร (Norovirus) ที่มักจะแปดเปื้อนในผลิตภัณฑ์อาหารสด สัตว์น้ำชนิดมีเปลือก และน้ำที่ไม่สะอาด แสดงอาการข้างใน 1-2 วัน หรือเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ (Hepatitis A) ซึ่งสามารถติดต่อด้วยการได้รับเชื้อจากอาหารสดที่สัมผัสกับบุคคลที่มีเชื้อโดยตรง ภายใน 2-3 สัปดาห์

(https://www.img.in.th/images/89a0e8c4ba7fa839cee38703558e1214.jpg)
ซึ่งเมื่อเชื้อโรค หรือ สารพิษไปสู่ร่างกาย จะก่ออาการ เร็ว หรือ ช้า  ขึ้นกับจำพวก แล้วก็จำนวนของเชื้อ หรือ ของพิษ ซึ่งเจอกำเนิดอาการได้ตั้งแต่ 2-6 ชั่วโมงข้างหลังรับประทานอาหาร/ดื่มน้ำ ไปจนถึงเป็นวัน หรือ สัปดาห์ หรือ เป็นเดือน (อย่างเช่น ในเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ) แม้กระนั้นโดยปกติ พบได้ทั่วไปเกิดอาการภายใน 2-6 ชั่วโมง หรือ 2-3วัน  อาการโดยทั่วไปที่พบบ่อย จากโรคของกินเป็นพิษ ดังเช่นว่า ท้องเดิน อาจเป็นน้ำ มูก หรือ มูกเลือด ปวดท้อง อาจมาก หรือ น้อย ขึ้นกับความรุนแรงของโรค มักเป็นการปวดบิด เพราะเหตุว่าการบีบตัวของลำไส้ อาเจียน อ้วก ในบางรายอาจมีอาเจียนเป็นเลือดได้  มีไข้สูง บางทีอาจหนาวสั่น แต่ว่าบางครั้งจับไข้ต่ำได้  ปวดหัว ปวดเมื่อยเนื้อตัว อาจปวดข้อ ขึ้นกับชนิดของเชื้อหรือ พิษดังที่กล่าวถึงแล้วแล้ว  อาจมีผื่นขึ้นตามร่างกาย  อาจมีกล้ามเนื้อเมื่อยล้า ดังที่กล่าวผ่านมาแล้วแล้วเหมือนกัน  มีอาการของการสูญเสียน้ำภายในร่างกาย  อาทิเช่น อ่อนล้า  อิดโรยง่าย  ปากแห้ง ตาโบ๋  เยี่ยวบ่อยมาก



ดังนี้การตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อค้นหาสาเหตุของอาหารเป็นพิษยังทำได้ด้วยขั้นตอนการตรวจปริมาณแอนติบอดีในเลือด (Immunological tests) หรือวิธีอื่นๆได้อีก ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะของคนไข้รวมทั้งดุลยพินิจของแพทย์ เพื่อดำเนินงานรักษาอย่างถูกต้องในลำดับต่อไป   
กรรมวิธีการรักษาโรคอาหารเป็นพิษ ที่สำคัญที่สุดเป็นรักษาประคับ พยุงตามอาการ อย่างเช่น คุ้มครองปกป้องสภาวะขาดน้ำรวมทั้งขาดสมดุลของเกลือแร่ซึ่งการรักษาโดยให้น้ำเกลือทางเส้นโลหิตเมื่อท้องเดินมาก ยาแก้ปวด ยาที่ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อ้วก แล้วก็ยาลดไข้ ยิ่งไปกว่านั้นเป็นการรักษาตามปัจจัย ตัวอย่างเช่นไตร่ตรองให้ยายาปฏิชีวนะ เมื่อมีสาเหตุมาจากติดเชื้อแบคทีเรีย หรือ ให้ยาต้านพิษถ้าเป็นชนิดมียาต้าน แม้กระนั้นคนเจ็บส่วนมากมักมีอาการที่ดีขึ้นได้ด้วยการดูแลตนเองที่บ้าน สิ่งจำเป็นที่สุด คือ จะต้องมานะอย่าให้ร่างกายขาดน้ำ ควรดื่มน้ำไม่มากมายๆหรือจิบน้ำเป็นประจำเพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำจากอาการท้องเสียและอาเจียนมากเกินไป



ในขณะเจ็บท้อง หรือ อาเจียนคลื่นไส้ ไม่สมควรกินอาหาร หรือ ดื่มน้ำเพราะว่าอาการจะรุนแรงขึ้น   ดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละมากมายๆขั้นต่ำ 8-10 แก้ว เมื่อหมอไม่สั่งให้ จำกัดน้ำกิน  พักผ่อนให้มากมายๆรักษาสุขอนามัยเบื้องต้น เพื่อคุ้มครองการแพร่ขยายเชื้อสู่คนอื่น ที่สำคัญเป็นการล้างมือให้สะอาดเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้างหลังการขับ ถ่าย รวมทั้งก่อนกินอาหาร