รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: bilbill2255 ที่ มีนาคม 23, 2018, 06:48:01 AM

หัวข้อ: โรคเบาหวาน-อาการ-สาเหตุ-วิธีรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: bilbill2255 ที่ มีนาคม 23, 2018, 06:48:01 AM
(https://www.img.in.th/images/fc83e85bba43b9664d517546b1f18592.md.jpg)
เบาหวาน(Diabetes Mellitus)



ระดับน้ำตาลในเลือดคนปกติเป็นเท่าไร
ตาราง ค่าน้ำตาลในเลือด (มิลลิกรัมดล.)
                น้ำตาลในเลือดเมื่องดเว้นของกิน            น้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร
คนปกติ               60 – น้อยกว่า 100               น้อยกว่า 140
สภาวะมีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน       100 – น้อยกว่า 126             140 – น้อยกว่า 200
เบาหวาน   126 ขึ้นไป              200 ขึ้นไป
เพราะฉะนั้นเบาหวาน ก็เลยมีเหตุที่เกิดจากความแตกต่างจากปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ ที่มีผลทำให้ระดับ น้ำตาลในกระแสโลหิตสูงเกิน โรคเบาหวานจะมีลักษณะอาการเกิดขึ้นเพราะว่าการที่ร่างกายไม่อาจจะใช้น้ำตาลได้อย่าง เหมาะสม ซึ่งปกติน้ำตาลจะเข้าสู่เซลล์ร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงานภายใต้อำนาจบังคับของฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งผู้ที่เป็นโรคเบาหวานร่างกายจะไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลที่เกิดขึ้นทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด สูงขึ้น ในระยะยาวจะมีผลสำหรับในการทำลายเส้นโลหิต ถ้าเกิดมิได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่สภาพการณ์แทรก ซ้อนที่ร้ายแรงได้

กลุ่มอาการเด่นของเบาหวานมีดังนี้



โรคแทรกซ้อนเรื้อรังที่มักพบในคนป่วยเบาหวาน  ไตเสื่อม ไตวาย จากเบาหวาน                   ไตเป็นอวัยวะที่ปฏิบัติภารกิจกรองสารต่างๆที่อยู่ในกระแสเลือด  มีเส้นโลหิตขนาดเล็กมากบริเวณไต  เมื่อผนังเส้นเลือดถูกทำลายโดยน้ำตาลในเลือดที่สูงอยู่เป็นเวลานาน  แนวทางการทำหน้าที่สำหรับเพื่อการกรองของไตจะเริ่มเสื่อมลง  ทำให้โปรตีนรั่วออกมาในฉี่ คนป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมานานกว่า  10  ปี มักกำเนิดปัญหาไตเสื่อม  แต่ความรุนแรงและก็ระยะการเกิดจะมากมายหรือน้อยสังกัดการควบคุมน้ำตาลในเลือด
จอประสาทตาเสื่อรวมทั้งต้อกระจกจากเบาหวาน เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการสะสมรวมตัวกันของน้ำตาลบริเวณเลนส์ตา  ทำให้เลนส์ตาบวมรวมทั้งมัวลงไม่เกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือดข้างในดวงตา  ซึ่งสามารถคุ้มครองปกป้องได้โดยการควบคุมน้ำตาลในเลือด บริเวณเรตินา  เป็นรอบๆที่มีเส้นเลือดฝอยมาเลี้ยงมากมาย  เมื่อเส้นเลือดฝอยถูกทำลายทำให้ผนังเส้นเลือดฝอยโป่งพองจนแตก มีเลือดไหลออกมาในบริเวณวุ้นตา  เมื่อรอยรั่วหายก็ดีเกิดแผลเป็นซึ่งจะกีดกั้นการไหลของเลือดข้างในตา  จึงเกิดการแตกหน่อใหม่ของเส้นเลือดฝอย เพื่อช่วยสำหรับในการไหลเวียนของเลือด  แม้กระนั้นเส้นเลือดฝอยที่ผลิออกใหม่จะบอบบาง  แตกง่าย  ทำให้มีเลือดออกมาอยู่ในวุ้นตาและจอตา  เวลานี้จะพบว่าคนเจ็บมีลักษณะตามัว  เมื่อแผลเป็นเกิดขึ้นมากขึ้นจะสร้างเส้นใยเป็นร่างแหในลูกตา  เมื่อรอยแผลเป็นหดรัดตัว  เกิดการดึงรังแล้วก็ฉีกให้ขาดของเนื้อเยื่อบริเวณส่วนหลังของลูกตา  จะมีลักษณะอาการเสมือนมีม่านดำกางผ่านขวางตาหรือเหมือนมีแสงสีดำพาดผ่านตา  ซึ่งเมื่อมีลักษณะอาการแบบนี้ให้เจอหมอรักษาสายตาในทันทีเพราะเหตุว่าอาจจะส่งผลให้ตาบอดได้
ปลายประสาทเสื่อมจากเบาหวาน เป็นโรคสอดแทรกที่พบได้บ่อยในคนไข้เบาหวาน  โดยไม่นำมาซึ่งอันตรายถึงแก่เสียชีวิต แต่ทำให้มีความรู้สึกเบื่อหน่ายแล้วก็เจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส  เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเส้นเลือดฝอยที่มาเลี้ยงเส้นประสาทถูกทำลาย   ไม่อาจจะส่งออกซิเจนมาตามกระแสเลือดเพื่อไปเลี้ยงเส้นประสาทได้  รวมถึงการมีน้ำตาลสะสมรวมตัวกันอยู่รอบๆเส้นประสาทเองด้วย ก็เลยทำให้แนวทางการทำงานของเส้นประสาทเสื่อมลง   การรับรู้ความรู้สึกต่างๆลดลง  โดยเฉพาะบริเวณปลายมือปลายเท้า จะเกิดอาการชา  เมื่อกระทบถูกความร้อนหรือเจ็บปวดจะไม่ค่อยรู้สึก  จึงเกิดอันตรายกับคนป่วยเบาหวาน  เนื่องจากว่าอาจจะส่งผลให้กำเนิดแผลได้ง่ายโดยไม่ทันได้รู้สึกตัว  เมื่อเป็นมากอาจทำให้กล้ามลีบเล็กลง  ทำกิจวัตรที่ทำเป็นประจำได้ลดลง
 นับเป็นโรคสอดแทรกที่รุกรามต่อชีวิตได้  คนเจ็บจะมีลักษณะเจ็บแน่นหน้าอก จากเส้นโลหิตหัวใจตีบ  กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จนถึงกล้ามเนื้อหัวใจตายในที่สุด โรคหลอดเลือดหัวใจ มักเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากควบคุมเบาหวานไม่ดี  ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ไม่ออกกำลังกาย อ้วน ดูดบุหรี่ประวัติความเป็นมาโรคหัวใจในครอบครัว  และเป็นผู้ที่เครียดบ่อยๆ
โรคเส้นเลือดสมองแคบ เป็นโรคแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากเส้นเลือดที่มาเลี้ยงบริเวณสมองตีบตัน  นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการทุพพลภาพหรืออาการร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้  ช่องทางกำเนิดเส้นเลือดสมองตีบจะสูงมากขึ้น ในคนเจ็บเบาหวานที่มีความดันเลือดสูงร่วมด้วย  ทำให้อวัยวะที่สมองส่วนนั้นควบคุมอยู่ อ่อนกำลังลงไปกำเนิดอัมพฤกษ์  หรืออัมพาต

(https://www.img.in.th/images/d0d1d1b3d00736162693e0c4cced7689.jpg)
กลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคเบาหวาน



ผู้ที่มีภาวะดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วแม้ไม่มีลักษณะของโรคเบาหวานควรจะพิจารณา ถ้าหากระดับน้ำตาลอยู่ในข่ายสงสัยควรจะตรวจซ้ำในระยะ 1 ปี



ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดนั้นเป็นวิธีที่จะทำให้พวกเรารู้ได้อย่างชัดเจนว่าหรูหราน้ำตาลสูงแค่ไหน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเป็นเบาหวานไหมค่อนข้างที่จะแน่ๆ ในคนปกติระดับน้ำตาลในเลือดจะคงเดิม เป็นราวๆ 80-110 มก./ดล. โดยระดับน้ำตาลก่อนที่จะกินอาหารรุ่งเช้าจะมีค่าราว 70-115 มก./เดซิลิตร เมื่อทานอาหาร อาหารจะถูกสลายตัวเป็นน้ำตาลกลูโคสและถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นแต่จะไม่เกิน 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หลังรับประทานอาหารตอนเช้าแล้ว 2 ชั่วโมง แต่ถ้าหากตรวจเจอระดับน้ำตาลที่สูงเกิน 140 มก./ดล. ขั้นต่ำ 2 ครั้งขึ้นไปก็จะถือว่าผู้นั้นเป็น “เบาหวาน”
ตรวจหา ฮีโมโกบิน เอ วัน ซี (Hb A1 C) คือการตรวจจำนวนน้ำตาลที่จับอยู่กับฮีโมโกบินซึ่งเป็นสารโปรตีนในเม็ดเลือดแดงมีบทบาทนำออกซิเจนไปสู่เซลล์ การตรวจด้วยวิธีการแบบนี้จะใช้ข้างหลังการรักษาแล้วเพื่อตรวจผลของการควบคุมโรคมากกว่าตรวจเพื่อหาโรค  กรณีที่ป่วยเป็นเบาหวานในภาวการณ์ที่ควบคุมได้ยากหรือมีโรคแทรกซ้อนควรจะได้รับการตรวจทุกๆ2 สัปดาห์ถ้าอยู่ระหว่างช่วงตั้งครรภ์และก็เป็นเบาหวานควรจะตรวจจำนวนฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี (Hb A1 C) ทุกๆ1 – 2 เดือนเพื่อบอกจำนวนน้ำตาลในเลือดว่าอยู่ในภาวการณ์ที่ก่อให้เกิดอันตรายไหม นอกนั้นอาจมีการตรวจอื่นๆประกอบด้วย เป็นต้นว่า  ตรวจระดับน้ำตาลในเยี่ยว กรณีที่วัดระดับน้ำตาลในเยี่ยวและก็พบว่ามีน้ำตาลปนออกด้วยนั้น ย่อยมีความหมายว่าผู้นั้นป่วยเป็นเบาหวาน โดยมองประกอบกับการหรูหราน้ำตาลในเลือดสูงยิ่งกว่า 180-200 มก./ดล. เหตุที่เป็นแบบนี้เหตุเพราะไตของคนเรามีความสามารถกรองน้ำตาลได้ราว 180-200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร  ดังนั้นถ้าหากร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นยิ่งกว่าระดับนี้ ไตก็จะไม่สามารถกรองน้ำตาลเอาไว้ได้น้ำตาลส่วนที่เกินออกมาเหล่านั้นก็จะถูกขับออกมากับเยี่ยว
Glucose tolerance test (GTT) การตรวจด้วย GTT มักทำในเด็กที่ยังไม่มีอาการของโรคเบาหวานแจ่มชัด ตรวจเลือดหาระดับน้ำตาลหลังงดอาหารกับการตรวจเยี่ยวยังไม่พบความไม่ปกติ GTT มักทำในเด็กที่มีครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่เป็นโรคเบาหวานหรือตรวจฝาแฝดเสมือน (identical twins) ที่คนหนึ่งเป็นโรคโรคเบาหวานแล้ว
การดูแลรักษาโรคค่อยหวน ตอนนี้โรคเบาหวานมีแนวทางการรักษา 4 วิถีทางประกอบกันคือ  การฉีดอินซูลินไปสู่ร่างกายโดยตรง  การใช้ยาเม็ดควบคุมน้ำตาลในกระแสโลหิต การควบคุมอาหาร การบริหารร่างกาย
การดูแลรักษาโดยการฉีดอินซูลิน การใช้อินซูลินในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานจำพวกที่ 1 โรคเบาหวานประเภทที่ 1 มีเหตุที่เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถสร้างอินซูลินได้อย่างพอเพียง โดยทั่วไปหมอมักกำหนดให้ฉีดอินซูลินไปสู่ร่างกายวันละ 2 ครั้ง การใช้อินซูลินในคนไข้เบาหวานชนิดที่ 2  ในผู้เจ็บป่วยเบาหวานจำพวกที่ 2 นั้น ตับอ่อนยังคงทำหน้าที่ผลิตอินซูลินได้ แต่ว่าร่างกายกลับต้านอินซูลินหรืออินซูลินที่ได้ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอทำให้ไม่สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ จุดมุ่งหมายของการดูแลและรักษาโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 ในตอนนี้ ก็เลยมุ่งเน้นไปที่การลดระดับน้ำตาบในกระแสเลือดทั้งยังในตอนก่อนและก็หลังรับประทานอาหารเพื่อคุ้มครองป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนของเส้นเลือดแดง
การดูแลและรักษาโดยการใช้ยา ยารักษาโรคเบาหวาน ยาที่ใช้สำหรับการรักษาเบาหวานนั้น แบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มเป็น ยาที่มีผลในการกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งปริมาณอินซูลินมากเพิ่มขึ้น เป็นต้นว่า Sulfonylureas (Chlorpropamide, Acetazolamide, Tolazamide, Glyburide หรือ Glipizide) โดยการทำหน้าที่ลดจำนวนน้ำตาลในเลือด ด้วยการกระตุ้นให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินในจำนวนมากขึ้น ยาที่ส่งผลในการยั้งการเผาไหม้คาร์โบไฮเดรตในลำไส้ ตัวอย่างเช่น Alpha-Glycosides inhibitors (Acarbose รวมทั้ง Meglitol) ชวยชะลอกรรมวิธีการยอยแล้วก็ดูดซมน้ำตาลและ แปงในลําไสซึ่งจะมีผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำหลังมื้ออาหาร ยาที่มีผลสำหรับการลดการสร้างเดกซ์โทรสในตับและก็เพิ่มการใช้น้ำตาลเดกซ์โทรส ยกตัวอย่างเช่น Biguanide (Metformin) เป็นยาที่ช่วยลดปริมาณการสร้างเดกซ์โทรสจากตับและก็ช่วยทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นลักษณะการทำงานของอินซูลินซึ่งผลิตโดยตับอ่อน ยาที่ปฏิบัติภารกิจลดภาวะการต้านอินซูลินภายในร่างกาย ดังเช่น ยาในกลุ่ม Thiazolidine diones  Thiazolidinediones (Rosiglitazone รวมทั้ง Pioglitazone) ยาชนิดนี้ไม่มีฤทธิ์ต่อตับอ่อน แต่ปฏิบัติหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพแนวทางการทำงานของอินซูลินที่ตับอ่อนผลิตออกมา การควบคุมของกิน การควบคุมอาหารชนิดแป้ง แล้วก็น้ำตาล เป็นการช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี และแม้ทำควบคู่ไปกับการใช้ยาด้วยและจะมีผลให้กำเนิดความสามารถ/ประสิทธิผลสำหรับในการรักษาโรคเบาหวานได้ดิบได้ดียิ่งขึ้น
การดูแลและรักษาโดยการออกกำลังกาย เมื่อออกกำลังกายจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญเกิดขึ้น 3 ประการ เช่น  มีการใช้พลังงานเยอะขึ้นเรื่อยๆ มีการดำเนินการของปอดและหัวใจมากขึ้น มีการปรับระดับฮอร์โมนหลายชนิด ความเคลื่อนไหวพวกนี้จะเกิดขึ้นมากน้อยขึ้นอยู่กับเหตุหลายชนิด อาทิเช่น ระยะเวลาของการบริหารร่างกาย ความหนักเบาของการบริหารร่างกาย ภาวการณ์โภชนาการรวมทั้งภาวะความสมบูรณ์ของปอดแล้วก็หัวใจ



เป้าหมายการควบคุมของคนเจ็บโรคเบาหวาน ตามคำแนะนำของสมาคมเบาหวานที่สหรัฐฯ
                เป้าหมาย
น้ำตาลก่อนที่จะกินอาหาร (มิลลิกรัม/ดล.)
น้ำตาลหลังอาหาร