รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์
ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Tawatchai1212 ที่ ธันวาคม 26, 2017, 07:44:28 AM
-
(http://www.คลังสมุนไพร.com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1.jpg)
แมงมุม (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1/)
แมงมุมเป็นชื่อเรียกสัตว์จำพวกแมงหลายประเภทในวงศ์ ทุกชนิดจัดอยู่ในชั้น Araneae มีชื่อสามัญว่า spider กินสัตว์เป็นของกิน มีขนาดนาๆประการตามแต่ชนิด พวกที่คราวขนาดเล็กอาจมีลำตัวยาวเพียงแต่ ๐.๗ ซม. ส่วนพวกที่มีขนาดใหญ่อาจมีลำตัวยาวถึง ๙ ซม. พวกที่พบตามอาคารบ้านเรือนและก็ก่อความเปรอะเปื้อนรุงรังมักเป็นแมงมุมที่อยู่สกุล Pholcus หลายชนิด (วงศ์ pholcidae )
แมงกับแมลง
ในทางวิชากีฏวิทยา คำ “แมง” กับ “แมลง” สื่อความหมายต่างกัน และมักเรียกงงงวยกัน คำ “แมง”ใช้เรียกชื่อสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังหลายชนิด ซึ่งเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๒ ส่วนเป็นท่อนหัวกับอกรวมเป็นส่วนเดียวกันส่วนหนึ่งส่วนใด กับส่วนท้องอีกส่วนหนึ่ง มีขา ๘ หรือ ๑๐ ขา ไม่มีหนวด ไม่มีปีก ได้แก่ แมงมุม แมงป่อง แมงดาทะเล ส่วนคำ “แมลง” ใช้เรียกชื่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหลากหลายประเภท ซึ่งเมื่อเจริญเติบโตสุดกำลังแล้ว ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๓ ส่วนอย่างแจ่มแจ้งหมายถึงท่อนหัว ส่วนอก และก็ส่วนท้อง มีขา ๖ ขา เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังเพียงแต่พวกเดียวที่มีปีก อาจมีปีก ๑ หรือ ๒ คู่ หรือไม่มีปีกเลยก็ได้ เป็นสัตว์ที่มีมากมายชนิดที่สุดในโลก ยกตัวอย่างเช่น แมลงสาบ แมลงวัน
ชีววิทยาของแมงมุม
แมงมุมมีลำตัวแบ่งได้เป็น ๒ ส่วน ส่วนหัวกับส่วนอกชิดกันเป็นส่วนเดียวปกคลุมด้วยแผ่นแข็งทั้งยังด้านหลังและข้างล่าง มีตาเล็กๆข้างละหลายตา ลางชนิดอาจมีได้ถึง ๘ ตา อยู่ใกล้ๆกัน (เว้นเสียแต่แมงมุมลางประเภทที่ไม่มีตา ซึ่งมักเป็นแมงมุมที่อาศัยอยู่ในที่มืด อาทิเช่นในถ้ำ) ที่ปากมีเขี้ยวเป็นอวัยวะคู่ มีรูปร่างเหมือนปากคีบหรือคีมคีบใช้คีบ จับ หรือยึดเหยื่อเป็นของกินได้ มีบ้องฐานข้อเดียว ส่วนปลายอาจมีรูปล่อยพิษซึ่งเชื่อมต่อถึงต่อมพิษที่ฐานปาก ยิ่งไปกว่านั้นที่ปากยังมีอวัยวะคู่รูปทรงคล้ายขา แต่สั้นกว่าและมักแบนกว่า (มักก้าวหน้าดีแล้วก็เห็นได้ชัดในตัวผู้ที่ยังไม่โตเต็มกำลังรวมทั้งในตัวเมีย) แมงมุมไม่มีหนวด มีขา ๔ คู่ ที่ขามักมีองค์ประกอบพิเศษให้ใช้ถักใยได้ ดังเช่น มีแผ่นแบนอยู่ระหว่างง่ามเล็บ ส่วนท้องอาจกลมหรือยาวสุดแต่ชนิดของแมงมุมที่ปลายมีท่อเป็นรูเปิดสำหรับปล่อยใยได้ บริเวณด้านล่างของส่วนท้องบ้องที่ ๒ รวมทั้ง ๓ มีอวัยวะปฏิบัติหน้าที่เป็นจมูกสำหรับหายใจ ซึ่งมักเป็นช่อง ภายในมีแผ่นบางๆเรียงทับกันคล้ายกระดาษหนังสือ แมงมุมส่วนมากที่คนไทยเห็นนั้น มักเป็นจำพวกถักใยขวางทางผ่านของสัตว์เพื่อจับกินเป็นอาหาร เมื่อมีสัตว์มาติดใยแล้วก็ดิ้นรน แรงสั่นสะเทือนจะไปถึงตัวแมงมุมเจ้าของรัง แมงมุมซึ่งมีสายตาไม่ดีก็จะติดตามทิศทางของแรงสะเทือนนั้นเข้าพบเหยื่อ กัดเหยื่อ รวมทั้งปล่อยน้ำพิษทำให้เหยื่อสลบ ก่อนจะกินเป็นของกิน
แมงมุมในประเทศไทย
แมงมุมที่พบในประเทศไทยมีมาก จัดอยู่ในหลายสกุล แต่ว่าทุกวงศ์จัดอยู่ในชั้นเดียวกัน เป็น Araneae จำพวกที่เจอในประเทศไทยนั้น ส่วนใหญ่ไม่มีพิษร้ายถึงกับกัดคนให้เจ็บหรือตายได้ อย่างเช่น
๑.แมงใย หรือ ตัวใยแมงมุม เป็นแมงมุมที่เจอตามบ้านที่พักรวมทั้งถักใยจนกระทั่งดูสกปรกรวมทั้งรกรุงรัง มักเป็นพวกที่จัดอยู่ในสกุล Pholcus หลายแบบ (วงศ์ Pholcidae ) แมงมุมพวกนี้มักมีลำตัวสีน้ำตาลหรือสีเทาทึบ หลังท้องสีมักเข้ม ลางชนิดมีลาย ส่วนใหญ่มีลำตัวยาว ๔-๕ มิลลิเมตร ขายาวกว่าลำตัวมากมาย เป็นยาวราว ๕-๖ เซนติเมตร ทำให้ดูโย่งเย่งรวมทั้งบอบบาง จึงมีชื่อสามัญว่า daddy long-leg spider คนไทยลางถิ่น เรียก แมงมุมเถ้าถ่าน เพราะว่าถักใยทำให้รกแล้วก็มีฝุ่นผงหรือเถ้ามาติด ใยแมงมุมที่แมงมุมพวกนี้ถักทอไว้ในบ้าน โดยยิ่งไปกว่านั้นในห้องครัว หรือที่อยู่ใกล้เตาไฟ ซึ่งมีเขม่าไฟหรือเถ้าติดอยู่ด้วยกัน หมอโบราณใช้เป็นเครื่องยา เรียก หญ้ายองไฟ
๒.แมงมุมทำหลาว เป็นแมงมุม พวกที่ถักใยนอกบ้าน พบบ่อยตามแปลงพืชหรือตามเรือกสวนไร่ เป็นแมงมุมที่จัดอยู่ในสกุล Tetragnatha หลากหลายประเภท (ตระกูล Tetragnathidae ) ซึ่งราษฎรเรียก แมงมุมทำหลาว เนื่องจากว่าเมื่อตกใจ แมงมุมเหล่านี้จะวิ่งไปหลบอยู่หลังใบไม้ ยื่นขา ๒ คู่แรกไปข้างหน้า ขาคู่ที่ ๔ ยื่นไปด้านหลังอยู่ในระดับเดียวกับลำตัว ขาคู่ที่ ๓ ใช้ยึดเกาะยืนตั้งฉากกับลำตัว ดูเหมือนคนที่จัดแจงพุ่งแหลนลงน้ำ แมงมุมเหล่านี้ดักจับเพลี้ยจักจั่นกินเป็นของกิน จัดเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อเกษตรกร
๓.แมงมุมก๋า หรือ ตัวก๋า มีชื่อวิทยาศาสตร์ Heteropodae venatoria (Linnaeus ) จัดอยู่ในตระกูล Sparassidae มีชื่อสามัญว่า banana spider ( เพราะว่ามักพบแมงมุมก๋านี้ในโกดังเก็บกล้วย ) เป็นแมงมุมขาดกึ่งกลาง ตัวผู้ลำตัวยาว ๑.๕-๒ ซม. ตัวเมียมีลำตัวยาว ๒.๕-๓ เซนติเมตร ขายาว ๕-๖ ซม. หัว อก ขา และก็ท้องสีน้ำตาล ตาสีคล้ำ ที่ข้างหลังอกมีแถบสีดำดกพิงตามขวางด้านหน้า รวมทั้งแถบเป็นง่ามเหมือนรูปตัววี (V) ด้านปลายอีก ๑ แถบที่สันหลังท้องมีเส้นสีน้ำตาลแก่พาดมาถึงกึ่งกลาง อาจพบจุดสีน้ำตาลแก่เป็นลายข้างๆ ข้างละ ๔-๕ จุด มีขนสีน้ำตาลอ่อนรอบๆหน้าแล้วก็ขา ทำให้ดูน่าสะพรึงกลัว แมงมุมชนิดนี้ไม่ถักใย ออกหากินโดยการจับเหยื่อโดยตรง เจออาศัยอยู่ตามบ้านช่องหรือตามโกดังเก็บของ เป็นแมงมุมที่มีประโยชน์ เพราะถูกใจกินแมลงสาบ
๔.แมงมุมมดแดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Myrmarachne formicaria Linnaeus จัดอยู่ในวงศ์ Salticidae เป็นแมงมุมประเภทที่มีรูปร่างเอาอย่างสัตว์อื่น มักพบและก็มีชุกตามจังหวัดหาดทราย ยกตัวอย่างเช่น ชลบุรีหรือจังหวัดระยอง มีรูปร่าง ขนาด และสีสันใกล้เคียงกับมดแดง และชอบอาศัยปะปนอยู่กับมดแดง แต่แตกต่างตรงที่เมื่อแมงมุมพวกนี้กระโจน จะถักใยทิ้งตัวเพื่อโยกย้ายได้ เมื่อสังเกตอย่างประณีตขมักเขม้น จะพบว่าปริมาณขาและก็ลักษณะอื่นๆไม่เหมือนกับมดแดง
(http://www.คลัง[url=http://www.disthai.com/][b]สมุนไพร[/b][/url].com/wp-content/uploads/2017/09/Spider.jpg)
คุณประโยชน์ทางยา
แพทย์แผนไทยรู้จักใช้ “ต้นหญ้ายองไฟ”รวมทั้ง “แมงมุมตายซาก” เป็นเครื่องยาด้วย ดังต่อไปนี้
๑.ต้นหญ้ายองไฟ หมอแผนไทยรู้จักใช้หยากไย่แมงมุมเหนือเตาไฟในห้องครัวของบ้านไทยในชนบทอดีต (เตาไฟใช้ฟืนใช้ถ่าน) หยากไย่แมงมุมที่มีเขม่าควัน ขี้เถ้า และฝุ่นเกาะอยู่ด้วยนี้ แพทย์โบราณเรียก ต้นหญ้ายองไฟ ลางตำราเรียนเรียกเป็น ใยแมงมุมไฟ หรือ หยากไย่ไฟ ก็มี ใช้เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง
สมุนไพร (http://www.disthai.com/) ตำราสรรพคุณยาโบราณว่า ต้นหญ้ายองไฟมีรสเค็ม ฝาด มีคุณประโยชน์แก้โลหิต ฟอกเลือด กระจัดกระจายเลือดอันเป็นลิ่มเป็นก้อน ขับโลหิตระดู
ตำราเรียนยาไทยหลายขนานเข้า “ต้นหญ้ายองไฟ” เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง ในที่นี้ขอยกตัวอย่างยา ๒ ขนาน ขนานแรกเป็นยาแก้กษัยอันเกิดเพื่อโชธาตุชื่อ “สันตัปปัคคี” ซึ่งบันทึกเอาไว้ภายในพระตำราไกษย ดังนี้ ขนานหนึ่งเล่า ถ้าหากมันให้จุกเสียดปวดขบเปนกำลัง ให้เอาพริกเทศ ๑๐๘ เม็ด พริกล่อน ๑๐๘ เม็ด ผักกะดูดซับเอาอีกทั้งต้นรากใบลูกเอาสิ่งละ ๑ บาท หญ้าไซย้อย ๑ หญ้าไซแห้ง ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท หญ้ายองไฟ ๑ บาท ไพลแห้ง (http://www.disthai.com/16488307/%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A5) ๑ บาท ตำเปนผง ละลายน้ำเหล้าน้ำส้มซ่าน้ำขิงน้ำมะนาวน้ำกระเทียมก็ได้ ยักกระสายให้ชอบโรคนั้นเหอะ อีกขนานหนึ่งเป็นยาขับเลือดของสตรีซึ่งมีบันทึกเอาไว้ใน พระคู่มือมหาโชตรัต ดังนี้ อนึ่งเอาสหัศคุณเทศ ๑ แก่นแสมทเล ๑ ต้นหญ้ายองไฟ ๑ ขมิ้นอ้อย (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2/) ๑ บดละลายเหล้ากิน ใหขับโลหิตดีนักแล ตำรับยาลางขนาน เจ้าของตำรับอาจเขียนตัวยาไว้เป็นปัญหาให้ตีความหมายกันเอาเอง ยกตัวอย่างเช่น ยาแก้บิดขนานหนึ่ง เจ้าของยาให้ตำรับยาไว้ว่า “ลุกใต้ดิน กินตีนท่า อยู่หลังคา ขี้ค้างรู คู่อ้ายบ้า” ซึ่งก็คือ “รากเจตมูลเพลิงเเดง (http://www.disthai.com/16488300/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87) ๑ ผักเป็ด (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%94/) ๑ หญ้ายองไฟ ๑ ขี้ยาฝิ่น (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%9D%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99/) ๑ สุราเป็นน้ำกระสาย”
๒. แมงมุมตายซาก แพทย์แผนไทยใช้แมงมุมที่ตายแล้วซากแห้งสนิท ไม่เหม็นและไม่ขึ้นรา เป็นเครื่องยาในยาไทยโบราณหลายขนาน ดังเช่น “ยานากพด” ซึ่งมีบันทึกเอาไว้ในพระหนังสือปฐมจินดาร์ ดังนี้ ยาชื่อนากพด ท่านให้เอาใบหนาด (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88/) ๑ พริกไท (http://www.disthai.com/16488254/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2)ย ๑ เบี้ยจั่นเผา ๑ ขิง (http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87) ๑ รังสุนัขร่าเผา ๑ แมงมุม (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1/)ตายซาก ๑ ลำพัน (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87/) ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเท่าเทียมกัน บดทำแท่งไว้ แก้ทรางทั้งปวง แก้ละอองพระบาท แก้ตะพั้น ทั้งรับประทานทั้งชะโลมดีนัก
Tags : สมุนไพร