รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ  (อ่าน 430 ครั้ง)

boiopil020156889

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 65
    • ดูรายละเอียด


บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะยังไงนี่ เรากำลังดูหนังการสู้รบอยู่หรอ ไม่ขอรับ บุกในที่นี้มิได้ถึงศัตรูบุก แต่หมายถึงหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านเรา ต่างหาก รวมทั้งที่จำต้องหนี ไม่ใช่คนใดตรงไหน แต่ว่าเป็นโรคฮอตฮิตในขณะนี้อย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน ต่างหากที่จะต้องหนีไป
บุก ส่วนที่มองเห็นเป็น หัวบุก ทีแรกเรื่องของบุกในประเทศไทย มันก็ไม่ได้แพร่หลายหรือเป็นที่ได้รับความนิยมเหมือนทุกๆวันนี้เนื่องจากจริงๆทีแรกมันก็เป็นพืชท้องถิ่นอยู่ดี  คนภายในแคว้นก็นำบุกมาทำกับข้าว เหมือนเผือก เหมือนมันทั่วไปพอเริ่มมีคนมาศึกษาค้นคว้า   สรรพคุณต่างๆของมัน เลยแปลงเป็นพืชสมุนไพรไทยที่ได้รับความนิยม มีการดัดแปลงเป็นแบบอย่างต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก และอื่นๆอีกมากมาย วันนี้เองก็คงไม่ช้าเหลือเกินที่จะนำทุกท่านมารู้จัก พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบถึงกึ๋นมารู้จักบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นอสุรกาย  น่ากลัวครับผมชื่อนี้ คาดว่ามาจากลักษณะของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อสกุล    ARACEAE
ชื่อตามแคว้น  :  บุกคุงคก (จังหวัดชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (ปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
พวกเราเจอบุกพอดีไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่พบทั่วไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นอยู่ตาม ชายป่า และบางทีก็พบตามพื้นที่ ทำไร่ทำนา ดังเช่นที่ปทุมธานี และก็จังหวัดนนทบุรี เป็นต้น บุกขึ้นได้ในสภาพดินทุกชนิด แต่จะเจริญวัยได้ดิบได้ดีให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินร่วนซุย น้ำไม่ขังและก็ดินที่มีฮิวมัส หรืออินทรียวัตถุสูง
รูปแบบของต้นบุก
ลักษณะของต้น บุก แสดงให้เห็นองค์ประกอบคือใบบุก แล้วก็หัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่เราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  ชนิดเดียวกันกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่โดยประมาณ 25 เซนติเมตร (บางพันธ์บางทีอาจเล็กมากยิ่งกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แต่บางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนกันออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมของกินของบุก
 ใบบุก  ลักษณะราวกับใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางจำพวกมีก้านใย เป็นลวดลายบางประเภทมีหนามอ่อนๆ หรือบางครั้งบางคราวบุกบางจำพวกก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวข้างบน  จะเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่มากมายมากมาย  แม้กระนั้นที่เด่นๆสังเกตง่ายว่าเป็บุกเป็น จะมีก้านตรงจากกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีทรงแผ่กว้างแบบร่ม แต่ว่าบาง จำพวกจะแปลกตรงที่กลับขึ้นด้านบนเหมือนหงายร่ม โดยเหตุนั้นรูปแบบของใบบุก มีหลายแบบอย่างขึ้นกับจำพวกของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกคล้ายต้นหน้าโค แต่ละประเภทมีขนาด สี รวมทั้งรูป ทรงแตกต่าง บางชนิดมีดอกใหญ่มาก โดยยิ่งไปกว่านั้นบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นราวกับเนื้อสัตว์เน่า บุกชนิดอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกึ่งกลางหัวบุก เช่นเดียวกับก้านใบ บุกชอบมีดอกในช่วงปลายหน้าแล้ง แต่ว่าบุกสามารถออกดอกได้ในตอน เวลาต่างๆกัน ช่วงเวลาสำหรับในการแก่เต็มที่ ของดอกที่จะติดผลก็ต่างกัน
 ผลบุก (อย่าสับสนกับหัวบุกนะ ) ภายหลังจากดอก ผสมพันธุ์ก็จะเป็นผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง พอเพียงอายุ ได้ 1-2 เดือน จะมีผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายเหมือนผลกล้วย ผล ของบุกส่วนมากจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่ว่าเมล็ดด้านในไม่เหมือนกัน พบว่าส่วนใหญ่มีเม็ดเป็นทรงอูมยาว  บุกบางจำพวกก็มีเม็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม

บุกกับการนำมาเตรียมอาหาร
เป็นพืชของกินพื้นบ้านซึ่งคนประเทศไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ส่วนหัวบุกมีการนำไปปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงตามแต่ละภูมิภาค เป็นต้นว่าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการทำขนมที่เรียกว่าของหวานบุก แกงบวชมันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วเอามานึ่งรับประทานอาหาร ทางภาคเหนือโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนภูเขา มักนำมา ปิ้งกิน ภาคกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งแล้วหลังจากนั้นก็ให้นำไปทำเป็นของว่าง
*บุกมีหลายชนิดหลายประเภท อาจขมแล้วก็เป็นพิษ ทุกประเภทมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ในขณะที่ก้านใบแล้วก็หัว ซึ่งอาจทำให้คัน ก่อนนำมาปรุงอาหารต้องต้มเสียก่อน ไม่เช่นนั้นรับประทานเข้าไปทำให้คันปากรวมทั้งลิ้นพอง
อาหารที่แปรรูปมาจากบุก
ตอนนี้มีการนำบุกมาดัดแปลง อีกทั้งในลักษณะของเส้นบุก ซึ่งคือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากท่อนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารจานอร่อยได้ ผมว่าผู้ใดกันเคยไปรับประทานเนื้อย่างอาจเคยเจอบ้าง นอกจากเส้นบุกแล้วมีการเอามาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบได้รับความนิยมๆยุคเก่า คือ เจเล่ ผสมผงบุก หากจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (ผู้ครอบครองบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยครับผม)
สรรพคุณของบุก
จากการศึกษาพบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูโคแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่ประกอบด้วยน้ำตาล 2 ประเภทเป็นดี-เดกซ์โทรส (D-glucose) และ (D-mannose) เป็นสารที่มีสาระต่อร่างกายในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แต่ร่างกายเสื่อมสภาพได้ยาก ซึมซับได้ช้า จึงให้พลังงานแล้วก็สารอาหารน้อย เหลือกากมาก ทำให้ระบบขับถ่ายดำเนินการดี คนที่อยากลดหุ่นนิยมทานอาหารจากแป้งบุก ยกตัวอย่างเช่น วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เพราะเหตุว่ารับประทานอิ่มได้ ระบายท้อง แม้กระนั้นไม่ทำให้อ้วน
นอกเหนือจากนั้นเองเจ้า สารกลูวัวแมนแนนนี้ สามารถลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ ก็เนื่องจากว่าความเหนี่ยว ซึ่งยับยั้งการดูดซึมของกลูวัวลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งเหนียวหนืดมาก็ยิ่งมีผลลดการดูดซึมกลูวัวลส ด้วยเหตุดังกล่าว กลูวัวแมนแนนช่วยลดน้ำตาลได้ดิบได้ดีมาก ปัจจุบันก็เลยใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นของกินสำหรับผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน รวมทั้งสำหรับผู้เจ็บป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละขอรับเป็นผลดีจากบุก ลองหามาทานกันครับ มีสาระขนาดนี้ สมัยปัจจุบันนี้ไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว ชี้แนะมามายำแบบยำวุ้นเส้นครับ รับประกันอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/

Tags : สมุรไพรบุก
บันทึกการเข้า