รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - BeerCH0212

หน้า: [1] 2 3 ... 7
1

ขายส่งขมิ้นชัน คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากผักหวานบ้านใบและยอดอ่อนเมื่อนำมาลวก ต้yukมm หรือนึ่ง รับประทานเป็นdgtdmผักจิ้มน้ำพริก ขมิ้นชันราคาถูกลาบ ปลานึ่edjyyukง หรืtyอไม่ก็อาจจะนำมาeygyukhjtjประกอfgnบอาหาร|ทำอาหารy,u,|ปรุงอาหาร|เตรียมอาหาร|ทำกับข้าว|เข้าครัว|ทำครัว} หรืtmอegrhjriyjrjใช้เพื่อเพิ่มรสให้อาหาtyukjรมีรสหวานตามธรรมชาติ ดังเkyukช่น ;io;แกงเลียงyuk ;ioหรือนำไปดั;ioดแปลงเioป็นน้ำปั่นผักหวาน ชาผักหวานขมิ้นชันราคาถูก หรือเครื่องดื่มต้านทsjfnาo;นอนุมูลอิสyukรjtyjะ ฯลฯผักหวio;นuliบ้านเป็นผักที่มีวิตluiามินเอมากเป็นพิเศษ เป็น ใน 10tyjtyj0 กรัมuilจะมีวิjตามินเอio;อยู่สูงtjtyถึง 16,590 หน่วyjtyยสากล (บางรrthtrjtyjายงานกล่าวว่ามีวิตามินสูงถึง 20,50yukyuk3 tyjหน่วยสากล)ขายส่งขมิ้นชันเเคปซูล (วิตามินเอมีคุณประโยชน์กับtyjสายตามuiาก) และยังเป็yuyukนjtyผักในจำนjวนไม่มากสักเท่าtyไรjนักที่มีวิตามินเค (วิตาtyjtyมินเคมีผลดีใshนหัวข้อการช่วยทำtyให้ขายส่งขมิ้นชันเเคปซูลเลือดแข็งเมื่jtyมีบาดแผลdtjแล้วเลือดออก tyjทำให้ตับtyปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดำเนินการร่วมกับวิตามินดีสำkหรับในการควบคุมระดับแคuilลkyเซียมภายในร่างกาย ช่วยสร้างเสริมเซลล์กระดูกและก็เยื่อในไต)คุณyjkค่าทางโภชนาการขkuองส่วนที่รับประทานukyukyได้ (ยอyukดอ่อนหรือใบอ่อนyuykuk) ต่อ 10yuk0 กรัม ขายส่งขมิ้นชันเเคปซูลปรyutykกอบไปkyด้วย พลังงาน 39 แคลอรี, kน้ำ 87.1%, โปรตีน 0.1 กรัม, ไขมัน 0.6 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 8.3 กรัม, ใยอาหาร 2.1 กรัม, เถ้า ขายส่งขมิ้นชันเเคปซูล1.8 กรัม, วิjตามิdeนเอ 8,500 หน่วยสากล, วิตามินบี 1 0.12 มก., วิตามินบี 2 1.65 มิลลิกรัม, วิตามินบี 3 3.6 มก.,ขมิ้นชันราคาถูก วิตามินซี 32 มิลลิกรัม, แคลเซียม 24 มก., ธาตุฟอสฟอรัส 68 มิลลิกรัม, ธาตุเหล็ก 1.3 มิลลิกรัมผักหวานบ้านเป็นผักที่ช่วยในการขับถ่ายได้ดี ช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยคุ้kyukมครองปกป้องโรคภูมิแพ้จากมลภาวะทางอาliuกาศ ช่วยสำหรับในการยืดหดตัวของyukกล้ามต้นผักหวานบ้านมีทรงพุ่มไม่ใหญ่โyukyuตขมิ้นชันราคาถูก ทรงกิ่งและใบดูงดงามคล้ายต้นdejkyukมะยม มีใบเขียวตลอดuiluiปี มีดอกรวมทั้งผลห้อยอยู่ใต้ใบดูแปลกตาแล้วyukก็ขายส่งขมิ้นชันเเคปซูลงามrfk ทั้งสีผลยังเป็นสีขาวตัดกับกลีบรองผลซึ่งเป็นสีyukแดง จึงขายส่งขมิ้นชันเเคปซูลมีความงามแล้วuykก็ดูเป็นเอกลักษณ์ขมิ้นชันราคาถูก ก็เluiuiลยเหมาะสำหรับการนำมาใช้ปลูykuเป็นไม้ประดับในรอบๆบ้านก้าวหน้า และก็ยังyukใช้ปลูกเป็นพืชผักสวนครัวก็ได้ขายส่งขมิ้นชันเเคปซูล เนื่องจากเมื่อเด็ดยอดรวมทั้งยังสามาขมิ้นชันราคาถูกyukkยอดอ่อนรวมทั้งใบอ่อนมีรสชาติyuดี มีคุณค่jtyาทkางอาหารสูง ใช้ประกอบอาหารมากtyjายรายการอtาหาร อีกทั้งพรรณไม้จำtyพวกขมิ้นชันราคาถูกนี้ยังเพาะปลูกได้jtyายและมีความแข็งแรงคงทนอีกด้วย

Tags : ขายส่งขมิ้นชัน

2

ขายยากษัยเส้น กระท้อน ผลไม้รสอร่อยตามฤดูกาลghiulio' ที่ไม่เพียงโดดเด่นในเรื่y;-'-=องของรสชาติ sdtjyukแม้กระนั้นคุณประโยชน์ของกระท้อนยังejk97lytklสะดุดตาจนกระทั่งน่าลอง ถ้าเกิดเอ่ยถึงl8trlko0;8ลไม้ที่ได้รับความนิยมในเรื่องจำหน่ายยากษัยเส้นรสชาติที่อร่อย แถมยังสามารถy8;'0'นำไปรับประทานได้นานัปการรูปแบบ y7หนึ่งในนั้นควรเป็นกejท้อน8yl;9;rอย่างแน่นอน ด้วยเหตุว่ากระท้อนเป็trkนผลไม้ที่อร่อยชื่นชอบใครๆมาก วันนี้พวกเรา;ก็เลยขอนำวิชาคulioวามรู้ดีๆที่เกี่ยวกับผลไม้จำพวกนี้มาk9ฝากกัน บอกไ86lด้เลยว่ากระท้อนไม่ได้มีดีแค่รส6tอร่อย แม้ilระนั้นยังช่วยบำรุงสุขภาพขายยากษัยเส้น รวมทั้okงป้องกันภัยสุขภาพได้อีกหrtkลายสิ่งหลายอย่างเลยล่ะค่ะกระท้897kอ7น  กระท้อน (Santol) ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sandoricum koetjape (Burm. f.) Merr. ส่วนภาษาอังกฤษเป็น Santol คือผลไม้ที่มีต้นกำเนิดในแถบอินโด98จีน โดยในแต่ละประเทศมีชื่อเรียกตามท้องถิ่นที่ไม่เหมือulpนกัน ในส่วนของประเทศไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกกระท้อนว่า มะจำต้อง หรือหมากจะต้อง ภาคเหนือเรียก มะจำต้อง หรือ มะติ๋น uส่วนภาษาใต้เรียกผลไม้ชนิดนี้ว่า เตียน ล่อyu;pน สะท้อน สตียา สะตู สะโต เป็นผลไม้ที่อยู่ส9i';p'กุลเดียวกับลูกลางสาดรวมทั้งทดลองกอง มีทั้งผอง 4 สายพัdนธุ์ยกตัวอย่างเช่น ขายยากษัยเส้น[/i]กระท้io;อนชนิดปุยฝ้าย กระท้อนชนิดอีล่า กระท้อนจำพวกทับทิม และก็กระท้อนพันธุ์นิ่มนวล

Tags : ขายยากษัยเส้น

3

ขายกระชายดำสุดยอดสมุนไพรไทย
ขายส่งกระชายดำ ถิ่นกำเนินจะอยู่บริเวณในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้ง สามารถพบกระชายดำ ที่มีหลายชิ้นนั้นจะในบริเวณประเทศมาเล รวมทั้งเกาะเกะสุมาตรา เกาะบอร์เนียว อินโดวจีน รวมทั้งไทยซึ่งจะมี อยู่หนาแนนมากรวมทั้งยังมีการกระจายพันธุ์ของ ขายกระชายดำไปทั่วในเอเชียเขตร้อน ยกตัวอย่างเช่นจีนตอนใต้ ประเทศอินเดีย แล้วก็ประเทศพม่า
สำหรับเมืองไทยกระชายดำ ได้เป็นสมุนไพร ที่นิยมใช้กันจำนวนมากจึงได้เริ่มปลูกขายกระชายดำ เยอะขึ้นเรื่อยๆเลื่อยๆใน จังหวัดต่างๆอาทิเช่น เลย ตาก กาญจนบุรี รวมทั้งจังหวัดอื่นๆของภาคเหนือ
ขายกระชายดำ นั้นมีสาระและก็คุณประโยชน์ จำนวนมากรวมทั้งยังช่วยรักษาโรคต่างๆได้หลากหลายชนิด
สรรพคุณรวมทั้งคุณประโยชน์ทั้งหมดทั้งปวงของ{การขายกระชายดำ
สมุนไพรกระชายดำ มักใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยชะลอความแก่ลง คนสมัยเก่ามีความเชื่อว่าเมื่อนำ กระชายดำ ไปปลุกเสกจะมีคุณทางคงกระพันชาตรี
คนโบราณจะใช้กระชายดำ ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยเพิ่มสมรรถนะทางเพศ แก้กามาตายเส้นด้าย(เสื่อมความสามารถทางเพศ) โดยการใช้ เหง้าหรือส่วนหัวของ กระชายดำ ผสมกับสมุนไพรอื่นๆเอามาดอกเหล้าเพื่อใช้เป็นยาชูกำลัง
รับผลิตกระชายดำกระชายดำสามารถบำรุงธาตุในร่างกายเจริญ ช่วยกระตุ้นระบบประสาท บำรุงประสาท ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ในช่วงเวลากลางคืน ทำให้นอนหลับสะบาย
ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยจคุณยายหลอดเลือดหัวใจ แก้โรคหัวใจ ช่วยบำรุงเลือด (บำรุงเลือด)
ส่วนประกอบสำคัญ
 

ผงกระชายดำ
ขายกระชายดำ[/url] ขายส่งกระชายดำ จำหน่ายกระชายดำ
แคปซูลกระชายดำ รับผลิตกระชายดำ
กระชายดำ เป็นยาอายุวัฒนะยอดนิยมกว้างใหญ่
อีกทั้งผู้ซื้อและก็ในวงการแพทย์แผนไทย ได้เป็นประโยชน์ดังนี้
บำรุงหัวใจ ชูกำลัง ขยายเส้นโลหิตในหัวใจ แก้ปวดมวลท้อง ขับปัสวะ ลดอาการปวดปวดเมื่อย เพิ่มฮอร์โมนให้แก่ผู้ชาย
เพิ่มสมรรถนะทางเพศให้แก่ท่านชายได้อย่างดีเยี่ยม
เหมาะสำหรับชายที่ต้องการต้องการกลับมาเป็นชายหนุ่มอีกรอบ
ขายส่งกระชายดำ มีสรรพคุณ บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง
แก้จุกเสียด แก้ปวดท้อง ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว
ในผู้ชาย กระชายดำช่วยทำนุบำรุงฮอร์โมนเพศ เพิ่มสมรรถภาพ
ทางเพศ ช่วยให้อวัยวะแข็งนานขึ้น รวมทั้งในเพศหญิง
แคปซูลกระชายดำช่วยรักษาอาการมดลูกพิการ มดลูกหย่อนยาน
ปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศ นอกจากนั้นกระชายดำยังช่วยกระตุ้น
ระบบประสาท ช่วยให้นอนได้ดิบได้ดีขึ้น แก้โรคบิด ขับฉี่
รวมทั้งช่วยรักษาอาการขัดเบา ช่วยขับพิษในร่างกาย แล้วก็ยังช่วย
รักษาโรคเกี่ยวกับท้อง เพราะว่ามีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียในไส้ได้
แคปซูลกระชายดำช่วยทำให้อวัยวะสืบพันธุ์ชายแข็งตัวได้ง่ายรวมทั้งบ่อยครั้งขึ้น มีช่วงเวลาสำหรับในการแข็งที่นาขึ้น รวมทั้งสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาดังกล่าวมาแล้วข้างต้นก็สามารถรับประทานเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงขึ้นได้
นอกจากจะแคปซูลกระชายดำชูกำลังของ ผู้ชายแล้ว กระชายดำยังช่วยบำรุงรักษาโหลิตสตรี(บำรุงเลือดเพศหญิง)
ช่วยแก้อาการตกขาวของผู้หญิง
ช่วยขับระดู ช่วยทำให้ประจำเดือนที่มาเปลี่ยนไปจากปกติ กลับมาธรรมดา
ช่วยแก้โรคมดลูกทุพพลภาพ มดลูกย่อนยานได้ โดยการนำเหง้าหรือหัวของ สมุนไพรกระชายดำ มาตำรวมทั้งสผมกับเหล้าขาว แล้วเอามาดื่ม
ช่วยขับพิษภายในร่างกาย
แก้อาการมือเท้าเย็น
แคปซูลกระชายดำช่วยรักษา อาการเหน็บชา
ช่วยรักษาอาการปวดตามข้อ
ช่วยรักษาโรคเก๊า
สมุนไพรอื่นๆ
เจียวกู่หลานคุณประโยชน์แพทย์แผนจีนใช้ส่วนเหนือดินหรือใบเป็นยาแก้อักเสบแก้ไอ ขับเสมหะแก้หลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง แพทย์แผนไทยใช้ส่วนที่เป็นก้านตากแห้งบดละเอียดเช่นเดียวกันแก้อ่อนแรง แก้แผลอักเสบ ช่วยทำให้ไม่อ่อนแรงง่าย แคปซูลกระชายดำเจียวกู่หลาน ในเจียวกู่หลานมีสารจีแพนโนไซด์ (Gypenoside) ที่ออกฤทธิ์คล้ายกับจินเซนโนไซด์ เจอได้ในโสม ก็เลยทำให้มีคุณประโยชน์ในตำรายาแผนโบราณ คือ ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง ช่วยเจริญอาหาร เป็นยาอายุวัฒนะ รวมถึงใช้ขับเสมหะ แก้ไอ แก้อักเสบ บรรเทาลักษณะของการปวดกระดูก ส่วนเจียวกู่หลานในการขายส่งกระชายดำแพทย์แผนปัจจุบันมีคุณประโยชน์ ลดไขมันและคลอเรสเตอรอลในเลือด ลดความเสี่ยงในการกำเนิดโรคหัวใจ ปรับความสมดุลของระบบเลือด ลดความดันโลหิต ควบคุมน้ำตาลในเลือด คุ้มครองป้องกันเบาหวาน ต้านทานอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสื่อมโทรมของเซลล์ต่างๆในร่างกายรับผลิตกระชายดำทั้งยังเสริมสร้างระบบภูมิต้านทาน มีฤทธิ์ป้องกันตับ คุ้มครองโรคความจำเสื่อม ต่อต้านเซลล์ของโรคมะเร็ง ปกป้องการเกิดภาวะตันของเส้นเลือดในสมองได้ขายส่งกระชายดำ
คุณประโยชน์ชาเชียว

  • ชาเขียว มีส่วนสำหรับเพื่อการรักษาโรคปวดหัวไปจนกระทั่งโรคเศร้าหมองได้เป็นอย่างดี โดยจีนได้มีการใช้ชาเขียวในการรักษาโรคต่างๆมาตรงเวลามากกว่า 4,000 ปีมาแล้ว
  • มีส่วนช่วยแก้หวัด แก้อาการร้อนใน ช่วยสำหรับในการขับสารพิษ รวมทั้งช่วยขับเหงื่อในร่างกาย
  • ช่วยแก้อาการเมาแอ๋ อีกทั้งยังมีผลให้หายเมาได้เป็นอย่างดีรับผลิตกระชายดำ
  • มีส่วนช่วยสำหรับการกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการเจริญก้าวหน้าของกิน มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในไส้ จึงมีส่วนช่วยสำหรับในการล้างพิษและก็ช่วยกำจัดพิษในลำไส้ได้
  • ช่วยปกป้องการเกิดลิ่มเลือดภายในร่างกาย
  • แคปซูลกระชายดำคุ้มครองตับจากพิษต่างๆรวมทั้งโรคชนิดอื่นๆที่สามารถเกิดขึ้นกับตับได้
  • มีฤทธิ์ในการต้านทานอาการอักเสบ ต่อต้านจุลชีพที่อยู่ในลำไส้ ต้านเชื้อแบคทีเรียรวมทั้งเชื้อไวรัส และช่วยต้านทานเชื้อ Botulinus และเชื่อ Staphylococcus
  • มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการขับเยี่ยว และก็ช่วยคุ้มครองนิ่วในถุงน้ำดีรวมทั้งในไต
  • ช่วยสำหรับเพื่อการห้ามเลือดหรือทำให้เลือดไหลได้ช้าลง
  • มีส่วนช่วยสำหรับการคุ้มครองโรคข้ออักเสบรูมาติก ซึ่งเป็นโรคที่มีลักษณะอาการอักเสบบวมแดง มีผลทำให้ปวดเมื่อตามกล้ามแล้วก็ข้อต่อ โดยอาการลักษณะนี้ชอบเกิดกับกลางคนขายส่งกระชายดำ
  • ใช้เป็นยาพอกเพื่อรักษาแผลอักเสบ แผลพุพอง ฝีหนอง ไฟเผา แล้วก็ช่วยบรรเทาอาการผดผื่นคัน แมลงสัตว์กัดต่อย ใช้เป็นยากันยุง แล้วก็แก้ผิวร้อนแห้งได้เป็นอย่างดี
  • มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการคลายอารมณ์อารมณ์ ช่วยระบายความร้อนที่เกิดกับหัวและก็เบ้าตา จึงทำให้ตาสว่าง ไม่ง่วง แถมยังทำให้หายใจสดชื่นได้อีกด้วยรับผลิตกระชายดำ
  • ช่วยแก้อาการท้องเสีย ท้องเดิน รวมทั้งท้องบิดได้อย่างดีเยี่ยม
  • มีส่วนช่วยในการแก้อาการหิวน้ำ ช่วยสำหรับการระบายความร้อนให้ออกจากปอด แถมยังช่วยขับเสมหะได้อีกด้วย


Tags : รับผลิตกระชายดำ

4

เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน กลากเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มหมอ แก้มหมอเล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในหนังสือเรียนยาไทยบอกว่า เหงือกปลาแพทย์สามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกชนิด
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณเด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้แต่ โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสก็จะลดน้อยลงลง
สมุนไพร เหงือกปลาแพทย์เป็นไม้พุ่มที่มีขนาดกลางๆสูงโดยประมาณ 1-2 เมตร ส่วนของลำต้นและใบจะมีหนามมีหนาม ใบหนามแข็งและมีขอบเว้าหนามแหลมใบออกเป็นคู้ตรงข้ามกัน ส่วนของดอกจะออกเป็นช่อตามยอด กลีบดอกจะมีสีขาอมม่วง มี 4 กลีบแยกจากกันผลเป็นฝักสีน้ำตาล มี เมล็ด จะสามารถพบได้ทั่วไปตามชายน้ำ ริมฝั่งคลองบริเวณปากแม่น้ำ
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสโรคภูมิคุมกันบกพร่อง แม้ว่าจะร้ายแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วไป แต่เมื่อใช้เหงือกปลาหมอเป็นทั้งยากินรวมทั้งต้มน้ำอาบติดต่อกันเป็นระยะเวลานานกว่า 3 ข้างขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะลดน้อยลงลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับผู้ป่วยโรคผิวหนังด้วย
วิธีปรุงยาและวิธีการใช้ยาก็มีหลายวิธีเป็น
วิธีต้มยารับประทานและอาบ
เอาเหงือกปลาแพทย์สดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มกินขณะอุ่นๆทีละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง ยามเช้า-เย็น ก่อนที่จะรับประทานอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น จำเป็นต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจำต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดซะก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำปกติตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง รุ่งเช้า-เย็นครั้งละ 3-4 ขัน แต่ถ้ามีเหงือกปลาหมอไม่น้อยเลยทีเดียว บางทีอาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่ตลอดตัวในอ่างก็ยิ่งดี
วิธีทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมอทั้งยัง 5 หนตากแห้งมาบดเป็นผุยผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ซม. คนแก่กินทีละ 2 เม็ด เด็กบางทีก็อาจจะกินทีละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุรวมทั้งน้ำหนัก รับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะรับประทานอาหาร รุ่งเช้า-เย็น รับประทานไปเรื่อยจนกระทั่งจะหาย แต่ว่าถ้าหากเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานผิดพลาดก็จำต้องกินตลอดไป

วิธีการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาแพทย์ที่ผ่านการเหินเป็นผงละเอียดเสมือนแป้งใส่แคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม คนแก่กินครั้งละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนที่จะกินอาหาร เด็กต่ำลงตามส่วน
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณล้นหลาม ดังเช่น
-ราก มีคุณประโยชน์ในการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ รวมทั้งใช้ขับเสลด
-ต้น มีคุณประโยชน์รักษาโรคหลายประเภท โดยใช้ต้นตำผสมน้ำรักษาวัณโรค อาการผอมแห้ง ถ้าหากใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้สรรพคุณทางยาแตกต่างออกไปอีก
-อีกทั้งต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้ต้นลม แก้โรคผิวหนังทุกประเภท
-ทั้งต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังถอนพิษ ต้มกินแก้พิษไข้ทรพิษ ฝีทั้งปวง ผลกินเป็นยาขับโลหิตระดู นอกนั้น ถ้าตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" อีกทั้งต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาทั้งตัว
- ต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดีขึ้น
- ตำเอาน้ำดื่มกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงกิน โรคเรื้อน คุดทะราด ไม่สบายจับสั่น
- ทั้งยังต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนกิน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ผ่ายผอมเหลืองหมดทั้งตัว รับประทานทุกๆวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเท่ากันใส่หม้อ เกลือนิดหน่อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำจนกระทั่งเดือดให้งวดจึงชูลง อั้นลมหายใจรับประทานขณะอุ่นจนถึงหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนทั้งตัว เวียนหัว ตามัว เจ็บระบมหมดทั้งตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาแพทย์" ทั้งยัง 5 รวมราก กับ ข้าวเย็นเหนือ อาหารมื้อเย็นใต้ ปริมาณเสมอกัน กะตามอยาก ต้มกับน้ำจนถึงเดือดดื่มขณะอุ่นทีละ 1 แก้ว 3 เวลา เช้าตรู่ ตอนกลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดีขึ้น ไปให้หมอเอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย รวมทั้งต้องระมัดระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาแพทย์" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นกินแต่ละวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค ปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกจำพวกหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 ชนิด หูไว
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่เคยรู้อ่อนแรง
กินได้ 7 เดือน ผิวสวย
กินได้ 8 เดือน เสียงเพราะ
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงกินกับน้ำร้อนถ้าเกิดผิวแตกทั้งตัวหายได้ ทั้งหมดทั้งปวงที่บอกเป็นแบบเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่สมควรดูหมิ่น รู้ไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

5

สมุนไพรฟันปลา
ฟันปลา Litsea umbellate Merr.
บางถิ่นเรียกว่า ฟันปลา เศร้าใจ (จังหวัดปราจีนบุรี) เมนตรือ (เขมร-จันทบุรี) สะเตื้อ (จังหวัดตราด)
       ไม้ใหญ่ ขนาดเล็ก หรือไม้พุ่ม สูง 3-10 ม. ตามกิ่งมีขนสีน้ำตาล ใบ ผู้เดียวออกเรียงสลับ หรือเรียงเวียนห่างๆรูปรี หรือ มีขนาดค่อนข้างจะเล็ก กว้าง 4-10 ซม. ยาว 7.5-23 ซม. ปลายใบแหลม หรือมน โคนใบแหลมขอบใบเรียบ หรือเป็นคลื่นบางส่วน ข้างบนสีเขียวเข้มเป็นมัน มีขนเฉพาะตามเส้นกลางใบรวมทั้งเส้นกิ้งก้านใบ ด้านล่างเป็นคราบขาว มีขน เส้นใบมี 6-10 คู่ ด้านล่างแลเห็นชัดกว่าด้านบน ก้านใบยาว 6-12 มม. มี ดอก ออกเป็นช่อ เป็นกลุ่มตามง่ามใบ ก้านช่อยาว 2-5 มม. ช่อดอกมีขนปกคลุมหนาแน่น [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url] กลีบรวมเชื่อมชิดกันเป็นรูปถ้วย ปลายแยกเป็น 4-6 กลีบ ถ้วยรวมทั้งกลีบติดทนจนกระทั่งได้ผลสำเร็จ ผล รูปไข่หรือค่อนข้างกลม ปลายมีติ่งแหลม โคนมีชั้นของกลีบรวมรองรับอยู่ ขอบกลีบรวมมีขน

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นในป่าดิบ พบทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งทางภาคใต้ของไทย
สรรพคุณ : ต้น เปลือกต้นพบ alkaloid ใบ ตำเป็นยาพอกฝี

6

ชื่อตระกูล : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L.
ชื่อสามัญ : Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree
ชื่อพื้นเมืองอื่น : คูน (ภาคเหนือ) ; ปูโย, เปอโซ, ปือยู, แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; คูณ (ภาคกึ่งกลาง, ภาคเหนือ) ; ชัยพฤกษ์, ราชพฤกษ์ (ภาคกลาง) ; กุเพยะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี)
จำพวกนี้ตำราข้างหลังเล่มเสนอ ชื่อใหม่เป็นเพียงแต่ระดับประเภทย่อยหมายถึงCassia javanica L.subsp javanica K.& S.S .Larsen พืชประเภทนี้เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก ถึงขนาดกึ่งกลาง สูงได้ถึง ๑๕ เมตร เมื่อลำต้นอย่างอ่อนอยู่มีน้ำแข็งที่เกิดจากกิ่งแก่ที่หลุดร่วงไป แต่ว่าเมื่อต้นแก่ขึ้นจะหายไป ลำต้นไม่เป็นปุ่มปม ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน มีใบย่อย ๕-๑๕ คู่ ก้านใบยาว ๑.๕-๔ เซนติเมตร ศูนย์กลางใบยาว ๒๐-๓๐ เซนติเมตร ใบย่อยรูปไข่ปนรูปมูลหรือรูปขอบขนาน กว้าง ๑.๕-๓ ซม. ยาว ๒-๕ ซม. ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลม ใต้ใบมีขนละเอียดอยู่เอนราบกับผิวใบ ก้านใบย่อยสั้นมาก ดอกออกเป็นช่อตามกิ่ง ก้านช่อดอกใหญ่แล้วก็แข็ง ไม่แตกแขนง ยาว ๕-๑๖ เซนติเมตร เมื่อเริ่มบานมีสีชมพูแล้ว กลายเป็นสีแดงเข้ม เมื่อใกล้โรยเปลี่ยนเป็นสีออกขาว ดอกย่อยมีก้านเรียวยาว ๓-๕ เซนติเมตร[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url] มีกลีบเลี้ยงมี สีแดงเข้มถึงสีแดงอมน้ำตาล รูปไข่ ปลายแหลม ยาว ๗-๑๐ มิลลิเมตรกลีบรูปไข่กลับ กว้าง ๗-๘ มม. ยาว ๒๕-๓๕มิลลิเมตร โคนกลีบดอกเป็นก้านยาวราว ๓ มม.  เกสรเพศผู้มี ๑๐ อัน ขนาดยาวแตกต่างกัน รังไข่เรียว ขนหุ้มบางๆผลเป็นฝักรูปกระบอกขนาดวัดผ่าศูนย์กลางราม ๑-๑.๕ เซนติเมตร ยาว ๒๐-๖๐ ซม. แขวนลงมาจากกิ่ง ฝักแก่สีดำ สะอาด ไม่มีขน ไม่แตก มีเมล็ดเยอะมาก และรูปแบนแทบกลม สีน้ำตาลเป็นมัน
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ไม้ใหญ่ (T) สูงโดยประมาณ 5-15 เมตร เปลือกต้นเรียบ เกลี้ยง สีเทาอ่อนหรือสีเทาอมน้ำตาล สีเทาอมขาว หรือสีนวล
ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ใบเรียงสลับ ลักษณะใบย่อยรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ โคนใบมน แผ่นใบสีเขียว มีใบย่อยราวๆ 4-12 คู่
ดอก มีดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ เป็นช่อห้อยระย้าออกตามกิ่งหรือออกตามง่ามใบ ออกดอกแบบสมมาตรด้านข้าง มีกลีบดอกไม้ 5 กลีบ สีเหลืองสด โดยกลีบบนสุดจะเรียงอยู่รอบในสุด ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ผล เป็นฝักกลม ทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ และมีเปลือกแข็ง ภายในมีผนังแบนสีน้ำตาล กั้นเป็นห้องและก็มีเม็ดห้องละ 1 เม็ด ผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ
เมล็ด มีเนื้อหุ้มนิ่มๆสีน้ำตาลไหม้ หรือสีดำ ลักษณะกลมมนและก็แบน มีรสหวาน
นิเวศวิทยา
ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป มีมากทางภาคเหนือ นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับและปลูกข้างถนนเพื่อความสวยสดงดงาม
การปลูกและก็ขยายพันธุ์
ปลูกได้ไม่ยากรวมทั้งเจริญเติบโตได้ในดินดูเหมือนจะทุกประเภท แต่จะถูกใจดินร่วนซุยปนทราย แพร่พันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง

ผลดีทางยา
รสและก็คุณประโยชน์ในตำรายา
ราก รสเมา เป็นยาบำรุง รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี เป็นยาถ่ายอย่างแรง รักษาลักษณะของการมีไข้ ระบายพิษไข้ ถ่ายสิ่งโสโครกออกมาจากร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคกุฏฐัง แก้ขี้กลากเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึม หนักศีรษะ
เปลือกราก รสฝาด ต้มดื่มแก้ไข้ไข้จับสั่นรวมทั้งระบายพิษไข้ ใช้ร่วมกับเนื้อในฝักเป็นยาแก้ไข้ไข้จับสั่นและเป็นยาระบาย
แก่น รสเมา ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน รักษาอาการท้องเสีย แล้วก็ช่วยเร่งคลอด
ราชพฤกษ์เปลือกต้น รสฝาดเมา ใช้เป็นยาช่วยรีบคลอด รักษาอาการท้องร่วง
กระพี้ รสเมา ใช้แก้โรครำมะนาด
ฝัก เนื้อในฝักรสหวานเหม็นเบื่อ ใช้กินเป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก ฟอกหรือจ่ายน้ำดี แก้ลมเข้าข้อรวมทั้งขัดข้อ
เปลือกฝัก รสขื่นเมา ทำให้แท้งลูก ขับเกลื่อนกลาดที่ค้าง และทำให้อาเจียน
ใบแก่ รสเมา ใบสดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย รักษาอัมพาต ฆ่าเชื้อโรคทั้งสิ้น ฆ่าพยาธิผิวหนัง รักษาอัมพาตของกล้ามบนใบหน้า พอกแก้ปวดข้อ หรือต้มน้ำกินแก้โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมอง แก้เอ็นทุพพลภาพ
ใบอ่อน รสเมา ตำพอกหรือคั้นเอาน้ำทารักษาโรคขี้กลากเกลื้อน แก้ไข้รูมาติก
ดอก รสเปรี้ยวขม ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหาร เป็นยาถ่ายพยาธิ ต้มดื่มแก้ไข้ แก้แผลเรื้อรัง ช่วยหล่อลื่นในลำไส้ ระบายท้อง
เม็ด ช่วยกระตุ้นให้คลื่นไส้ เป็นยาถ่าย
ราชพฤกษ์ แนวทางรวมทั้งจำนวนที่ใช้
แก้ท้องผูก โดยการเอาเนื้อในฝักแก่หนักประมาณ 5-10 กรัม ต้มกับน้ำ 500 ซีซี ใส่เกลือนิดหน่อย ดื่มก่อนนอนหรือช่วงเวลาเช้าก่อนอาหาร เป็นยาระบายที่เหมาะสำหรับคนที่ท้องผูกเป็นประจำ รวมทั้งสตรีมีครรภ์ก็ใช้ฝักคูณเป็นยาระบายได้
รักษาโรคกระเพาะอาหาร โดยใช้ฝักราวๆ 30 กรัม ผสมน้ำ 100 ซีซี ต้มให้เดือดรวมทั้งเหลือน้ำ 50 ซีซี ดื่มให้หมดครั้งเดียว วันละ 3 ครั้ง http://www.disthai.com/

7
อื่น ๆ / ตะไคร้มีประโยชน์มากกว่าที่คิด
« เมื่อ: สิงหาคม 10, 2018, 01:14:19 AM »

ตะไคร้
ตะไคร้ เป็นพืชสมุนไพรแคว้นในประเทศแถบเอเชียเขตร้อน มีลักษณะคล้ายหญ้ารวมทั้งมีใบสูงยาวส่งกลิ่นเฉพาะบุคคล เว้นแต่ประยุกต์ใช้ปรุงอาหาร แต่งกลิ่นในของกิน และทำเครื่องดื่มแล้ว ตะไคร้ยังถูกนำไปใช้ในหลากสาขา ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมสบู่ เครื่องแต่งหน้า การบำบัดด้วยกลิ่น หรือการสกัดเป็นยารักษา โดยมีความเห็นกันว่าสารเคมีในตะไคร้ที่มีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ อาจสามารถช่วยคุ้มครองป้องกันการเติบโตของแบคทีเรียกับยีสต์ได้ ช่วยลดลักษณะของการปวดเมื่อยล้ากล้าม บรรเทาอาการปวดรวมทั้งลดไข้ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในระหว่างมีเมนส์ และก็เป็นส่วนผสมในสารที่ช่วยไล่ยุงได้ เป็นต้น
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cymbopogon citratus จัดเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นกอ มักนิยมนำมาปลูกไว้ตามบ้านและก็เอามาปรุงอาหาร เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์และช่วยทุเลาลักษณะโรคบางประเภทได้ แต่ว่าหารู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้ว ภายใต้ต้นแข็งแล้วก็ใบที่คมของตะไคร้ยังหลบซ่อนคุณค่าเอาไว้เยอะแยะจนคาดไม่ถึง วันนี้เราไปดูประโยชน์ของตะไคร้ที่ทราบแล้วต้องอัศจรรย์ใจที่นำมาจากเว็บไซต์ allwomenstalk กันเลยดีกว่าจ้ะ ใครที่ชอบกลิ่นหอมๆของมัน ต้องยิ่งรักเจ้าสมุนไพรจำพวกนี้มากเพิ่มขึ้นกว่าเดิมแน่ๆ
สรรพคุณของตะไคร้ ผลดีดีๆของสมุนไพรใกล้ตัว
อุดมไปด้วยวิตามิน
          อย่าคิดว่าตะไคร้มีประโยชน์เพียงแค่ใช้ทำกับข้าวแค่นั้น เพราะเหตุว่าที่จริงแล้วตะไคร้นั้นอุดมไปด้วยวิตามินรวมทั้งธาตุมากมาย วิตามินเอ วิตามินซี และก็วิตามินบี นอกจากนี้ยังมีโฟเลต แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม แมงกานีส โอ้โห้... วิตามินเยอะขนาดนี้คราวหน้าพบตะไคร้ในอาหารก็อย่าเขี่ยทิ้งนะ
ช่วยไล่แมลง
          นอกเหนือจากที่จะเอามาปรุงอาหารแล้ว ตะไคร้ยังมีประโยชน์ในการไล่แมลงอีกด้วย เพราะเหตุว่าในตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยอยู่ทั้งในใบแล้วก็ในลำต้น ซึ่งน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้มีคุณลักษณะในการไล่แมลงได้อย่างยอดเยี่ยม จึงไม่น่าฉงนใจที่พวกเราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์สบู่ สินค้าไล่แมลงที่มีส่วนผสมของตะไคร้วางขายอยู่ในท้องตลาดมากไม่น้อยเลยทีเดียว คนไหนกันที่ชอบกลิ่นตะไคร้ละก็ทดลองหามาใช้ได้นะคะ

ล้างพิษ
          สำหรับคนที่รักสุขภาพแล้วก็ชอบล้างพิษในร่างกายบ่อยๆไม่ควรพลาดเจ้าตะไคร้เลยค่ะ เพราะมันมีคุณลักษณะสำหรับเพื่อการล้างสารพิษในร่างกายด้วยวิธีการทำให้คุณเยี่ยวบ่อยมากขึ้น เพราะเหตุว่าสารเคมีที่อยู่ในตะไคร้จะช่วยทำความสะอาดระบบที่ทำหน้าที่สำหรับการย่อยอาหาร อาทิเช่น ตับ ตับอ่อน ไต แล้วก็กระเพาะปัสสาวะ ขับสารพิษและก็กรดยูริกออกจากร่างกาย ทำให้ระบบที่ทำการย่อยอาหารของคุณสะอาดขึ้น และดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเพิ่มขึ้นค่ะ
ตะไคร้ กับ 7 คุณค่า
ช่วยสำหรับในการย่อยอาหาร
          ตะไคร้ ช่วยทำให้ระบบที่ทำการย่อยอาหารดำเนินงานเจริญขึ้นจ้ะ ด้วยเหตุว่ามีการศึกษาหนึ่งพบว่าการดื่มเกิดไคร้จะช่วยสำหรับในการย่อย ลดลักษณะของการปวดท้อง แก้หวัด ลดอาการตะคริวในไส้ รวมทั้งท้องร่วงได้ ยิ่งไปกว่านี้ยังช่วยปกป้องรวมทั้งลดแก๊สในไส้ได้อีกด้วย
ช่วยซ่อมแซมรวมทั้งบำรุงระบบประสาท
          มีการเล่าเรียนจำนวนหลายชิ้นพบว่าตะไคร้สามารถช่วยซ่อมและก็เสริมความแข็งแรงให้กับระบบประสาทได้ พิสูจน์ได้อย่างง่ายดายด้วยการนำน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มาหยดลงบนผิว คุณจะรู้สึกได้ว่ามันอุ่นๆซึ่งมันจะทำให้กล้ามเนื้อของคุณบรรเทามากมายรวมทั้งลดอาการตะคิวได้ แต่ก็อย่าลืมว่าเมื่อใดก็ตามจะใช้น้ำมันหอมระเหยตะไคร้คุณควรจะที่จะผสมมันกับน้ำมันตัวพา (Carrier oil) แล้วก็ห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยโดยตรงกับผิวเด็ดขาดค่ะ
ตะไคร้
ช่วยรักษาอาการอักเสบ
          ตะไคร้สามารถช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและทุเลาลักษณะของการปวดต่างๆได้ นอกเหนือจากนี้ยังช่วยลดอาการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดต่างๆอาทิเช่น ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ หรือการปวดตามข้อได้อีกด้วย ด้วยเหตุนั้นหากคุณรู้สึกปวดตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทดลองหาน้ำมันที่ผสมน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มานวดดูนะคะยืนยันว่าหายแน่นอน
ช่วยบำรุงผิว
          ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ด้วยเหตุผลดังกล่าวมันจึงสามารถช่วยทำนุบำรุงผิวของคุณได้ ทำให้ผิวของคุณส่งประกายความมีสุขภาพดีออกมา แถมยังช่วยให้ผิวของคุณมองอ่อนวัยอยู่เสมอ และช่วยลดสิวต่างๆได้อีกด้วย
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมันตะไคร้ ปริมาณน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่กึ่งหนึ่งของจำนวนหนูขาวทั้งหมดทั้งปวง ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กิโลกรัม รวมทั้งการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาของกินแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งเดียว พบว่า มีจำนวนความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษรุนแรงของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในระยะเวลา 60 วัน กลับได้มาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากรุ๊ปที่ไคุณค่าทางโภชนาการของตะไคร้
การศึกษาของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญมี โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 30 มก. เหล็ก 2.6 มก. วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มก. ไรโบฟลาวิน 0.02 มก. ไนอาซิน 2.2 มก. วิตามินซี 1 มก. รวมทั้ง ขี้เถ้า 1.4 กรัมม้ได้รับ และก็ค่าทางเคมีของเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด http://www.disthai.com/

8

ทับทิม
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม สุดยอดราชินีแห่งผลไม้ มีประโยชน์ทั้งยังต้น
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม สุดยอดราชินีที่ผลไม้ มีประโยชน์ต้น
อัปเดตปัจจุบันเมื่อวันที่ พฤษภาคม 3, 2018 ประมาณเวลาการอ่าน: 2 นาที
แชร์บทความนี้
ทับทิมเป็นผลไม่ที่นิยมรับประทานกันมาก รวมทั้งขึ้นชื่อลือนามในเรื่องของคุณค่าที่มากมาย จนได้รับสมญาว่า ราชินีที่ผลไม้ กล่าวกันว่าทับทิมนั้นเป็นผลไม้ที่ถูกประยุกต์ใช้ในวงการแพทย์มาแล้วนับพันปี ในปัจจุบันทับทิมถือเป็นผลไม้ที่นิยมนำมาปลูก รวมทั้งรับประทานกันทั่วทั้งโลก สามารถหารับประทานได้ง่ายในประเทศไทย ดูได้จากร้านขายน้ำทับทิม หรือผลทับทิมสด ที่เกือบจะมีอยู่ตามถนนหรือทุกตลาดในประเทศไทย
คุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากทับทิมมีมากมาย ในเรื่องของสารอาหาร และการคุ้มครองโรค
วิตามินซีสูงมาก
ทับทิมนับว่าเป็นผลไม่ที่มีวิตามินซีสูงมาก ในน้ำทับทิมเพียงแต่ 1 แก้ว มีวิตามินซีถึงร้อยละ 40 ของจำนวนที่พวกเราอยากได้ในหนึ่งวัน (สำหรับผู้ใหญ่) ด้วยจำนวนวิตามินซีที่สูงในระดับนี้จึงมีสรรพคุณสำหรับในการลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหวัด หรือแพ้อากาศได้อย่างยอดเยี่ยม
ช่วยบำรุงผิวพรรณ
การกินทับทิมสด หรือน้ำทับทิมนั้น จะช่วยให้ผิวพรรณของเราดูแจ่มใส เนื่องจากทับทิมสำเร็จได้ที่มีสรรพคุณสำหรับเพื่อการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของพวกเรา และด้วยจำนวนวิตามินซีที่สูงจึงช่วยในเรื่องทำให้ผิวกระจ่างขาวใส นอกจากนี้เรายังสามารถใช้น้ำทับทิมโดยประมาณ 1 ช้อนชา ทาบริเวณใบหน้า ทิ้งเอาไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยในการบำรุงผิวหน้าให้ดูเต่งตึงมากเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย ผลดีในข้อนี้ของทับทิมสามารถรับรองได้จากการที่ในตอนนี้ มีเครื่องสำอางหรือครีมหลายชนิดได้นำทับทิมไปเป็นองค์ประกอบ
เส้นโลหิตรวมทั้งหัวใจดีขึ้น
ในทางการแพทย์มีการศึกษาค้นคว้าแล้วพบว่าทับทิม มีสรรพคุณช่วยในการทำให้การไหลเวียนของโลหิตดียิ่งขึ้น ลดภาวการณ์ขาดเลือดในคนเจ็บโรคหัวใจ นอกเหนือจากนั้นยังพบว่าผู้ที่มีความดันโลหิตสูง เมื่อกินน้ำทับทิมวันละ 50cc จะช่วยลดความดันโลหิตได้จำนวนร้อยละ 5 ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวของไขมันในเส้นเลือดได้อีกด้วย
ลดการเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
เพราะเหตุว่าเป็นผลไม้ที่มีค่าการต้านทานอนุมูลอิสระที่สูง ก็เลยช่วยลดการเสี่ยงสำหรับเพื่อการกำเนิดโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี มีงานศึกษาเรียนรู้พบว่า การรับประทานทับทิมช่วยลดช่องทางการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งถึง 13ช นิด และก็ยังสามารถช่วยทำลายเซลล์ของมะเร็งในหลอดของกิน และก็ไส้ได้อีกด้วย
ผลดีอื่นๆของทับทิม
เว้นแต่คุณประโยชน์หลักที่กล่าวไปในข้างต้นแล้ว ทับทิมยังมีคุณประโยชน์อื่นอีกเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็น ช่วยทุเลาอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์ ช่วยทำให้สมดุลในวัยหมดระดู ลดความเสี่ยงสำหรับในการเป็นโรคความจำเสื่อมในคนสูงอายุ คุ้มครองโรคเลือดออกตามไรฟัน เสริมสุขภาพกระดูกลดการเสี่ยงสำหรับเพื่อการเป็นโรคกระดูกพรุน ป้องกันการเสื่อมสรรถภาพทางเพศ ลดการตกขาว เรียกได้ว่ามีสรรพคุณมากจริง
 เว้นเสียแต่ส่วนที่เรานิยมรับประทานกันอย่างเมล็ดแล้ว ส่วนประกอบอื่นของทับทิมก็มีสาระไม่แพ้กัน ทั้งเป็นยาและสมุนไพร
ใบ: สามารถทำน้ำยาบ้วนปากหรือล้างตาได้ ยาพอกที่ทำมาจากใบสามารถช่วยบรรเทาอาการผมตกได้อย่างดี
เปลือก: ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของเราใช้รักษา แผลหิด กากโรคเกลื้อน มีคุณประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาโรคในทางเดินของกิน ยกตัวอย่างเช่นรักษาอาการท้องเดินได้
เปลือกของลำต้น และราก: สามารถเอามาทำเป็นยาถ่ายพยาธิได้อีกด้วย โดยนำมาผสมกับกานพลู และอาจใส่ดีเกลือต้มกับน้ำประมาณสามถ้วย มีสรรพคุณสำหรับเพื่อการถ่ายพยาธิ
ดอก: มีคุณประโยชน์ในการรักษาแผล รวมทั้งทุเลาอาการอักเสบของหูชั้นใน
ทับทิมนับว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ในทุกส่วนของต้น ไม่ใช่เพียงแต่เม็ด หรือน้ำทับทิม จึงไม่สนเท่ห์ใจเลยที่ทับทิมจะได้รับฉายานามว่า "ราชชินีแห่งผลไม้"
โรคและอาการอื่นๆยกตัวอย่างเช่น โรคเส้นโลหิตหัวใจ การหย่อนยานสมรรถนะทางเพศ เจ็บกล้ามข้างหลังการออกกำลังกาย กลุ่มอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงแดด การต่อว่าดเชื้อทริวัวโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง รวมทั้งอื่นๆยังจำต้องศึกษาค้นคว้าศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับคุณภาพและก็ความปลอดภัยของทับทิมสำหรับการรักษาโรค
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานทับทิมหรือผลิตภัณฑ์จากทับทิม
โดยทั่วไปการรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัย แต่ในบางรายที่มีลักษณะอาการแพ้ผลสดของทับทิมอาจเป็นผลข้างเคียงจากการดื่มน้ำทับทิมได้
รากทับทิมมีสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพ การรับประทานรากและลำต้นของทับทิมในปริมาณมากบางทีอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างจะไม่เป็นอันตรายสำหรับการรับประทานหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แม้กระนั้นอาจจะส่งผลให้เกิดอาการแพ้บางส่วนในบางราย อาทิเช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจลำบาก
การกินน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แต่ว่ายังไม่มีรายงานรับรองความปลอดภัยในการกินหรือใช้ทับทิมในแบบอื่น ยกตัวอย่างเช่น สารสกัดจากทับทิม จำเป็นที่จะต้องขอคำแนะนำหมอก่อนจะมีการกินทุกคราว
น้ำทับทิมอาจจะส่งผลให้ความดันเลือดลดลดลงเล็กน้อย ซึ่งอาจจะก่อให้ผู้ป่วยที่มีสภาวะความดันต่ำอาการเกิดขึ้นอีก

คนที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีความเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดรับประทานทับทิมอย่างน้อย 2 อาทิตย์ เนื่องจากทับทิมทำให้ความดันเลือดต่ำลง ก็เลยอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังข้างหลังการผ่าตัด
การรับประทานทับทิมพร้อมกันกับยาบางจำพวกอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ได้แก่ ยาที่เกี่ยวกับแนวทางการทำงานของตับโดยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ Cytochrome ประเภท P450 2D6 หรือจำพวก P450 3A4 ยาลดความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตติน คนที่กินยาเสมอๆหรือมีโรคประจำตัวควรจะขอคำแนะนำแพทย์ก่อนที่จะมีการกินเพื่อให้มีความปลอดภัย http://www.disthai.com/

9

เห็ดหลินจือ
สปอร์เห็ดหลินจือแดง-ส่วนที่มีคุณค่าที่สุดของเห็ดหลินจือ
เมื่อ ค.ศ 2005 บริษัทของเรามีจุดเริ่มแรกขึ้นจากความต้องการหาสมุนไพรประสิทธิภาพสูงจากในหลายประเทศ จนถึงเราเจอรวมทั้งมีส่วนร่วมกับบริษัทยยาของรัฐบาลจีน และก็ได้ นำเข้าสปอร์เห็ดหลินจือประสิทธิภาพสูงต่อจากนั้นเป็นต้นมา
นับ 10 กว่าปี ที่เราเป็นผู้ก่อตั้ง แล้วก็เป็นหัวหน้าในด้านสปอร์เห็ดหลินจือแดงประสิทธิภาพสูง คุณภาพเป็นหัวใจสำคุณของเรา สปอร์เห็ดหลินจือของเรา จะถูกคัดสรรอย่างยอดเยี่ยมก่อนถึงมือบริโภค เห็ดหลินจือแดงที่เรานำเข้ามา ถูกเพาะด้วยวิธีละเอียดลออ ทำให้จับตัวได้ดอกเห็ดที่มีขนาดใหญ่มากยิ่งกว่า
พวกเราเอาใจใส่รวมทั้งตรวจดูคุณภาพในทุกแนวทางการผลิตอย่างใกล้ชิด รวมทั้งด้วยแนวทางการผลิตที่ดูแลอย่างยอดเยี่ยม ทำให้พวกเราได้รับการยืนยันมาตฐาน GMP (GOOD Manufacturing Practice) ทุกล็อตที่เราผลิตออกมา จะได้รับการตรวจคุณภาพจากห้องแล็ปในโรงหมอ
เพื่อผลดีสูงสุดของท่านคนที่กำลังหาผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือมากิน
งานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยยืนยันว่าการกินสปอร์เห็ดหลินจือจะได้ผลดีมากกว่าการทานดอก เนื่องจากว่าสปอร์มีสารออกฤทธิ์สำคัญมากกว่ารวมทั้งสปอร์ที่ถูกกระเทาะนั้น เปลือกหุ้มจะต้านมะเร็ง และเสริมภูมิต้านทานได้ดีมากยิ่งกว่า เทียบกับแบบมิได้กระเทาะเปลือก
ที่พลาดมิได้ที่สุดเป็น.....
ท่านๆสามารถบริโภคเห็ดหลินจือได้ติดต่อกันนานโดยไม่เป็นอันตรายใด อีกกด้วย เห็ดหลินจือมีมากว่า 100 สายพันธุ์แต่ว่าสายพันธุ์ที่มีสรรพคุณทางยาดีเยี่ยมที่สุดเป็นเห็ดหลินจือแดง ด้วยเหตุว่าสายพันธุ์นี้จะมีสารออกฤทธิ์กรุ๊ป Polysaccharide อยู่อย่างมากที่สุด
ส่วนท่านที่กำลังเลือกซื้อเห็ดหลินจือออกมาขายในท้องตลาดแบบต่างๆเยอะแยะ อีกทั้งในแบบอย่างดอกอบแห้ง แคปซูล น้ำเห็ดหลินจือ กาแฟเห็ดหลินจืออื่นๆอีกเยอะมาก
ด้วยเหตุผลดังกล่าวการจะเลือกซื้อเห็ดหลินจือให้ได้แบบที่มีคุณภาพดี จะต้อง......
มองตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ว่าตัวเห็ดหลินจือนั้นได้รับการเลี้ยงที่เหมาะสมหรือปล่าว เพราะการควบคุมอณหภูเขามิ ความชุ่มชื้น สารอาหาร รวมทั้งขั้นตอนการแปลรูปล้วนมีผลต่อปริมาณสาระสำคัญในตัวเห็ดหลินจือ บรรจุภัณฑ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเหตุว่าเห็ดหลินจือจะขึ้นราได้ง่ายเมื่อโดนความชื้อ ด้วยเหตุดังกล่าวตัวบรรจุภัณฑ์จำเป็นต้องเลือกเป็นขวดที่กันความชื้อได้ดิบได้ดีอีกด้วย
เห็ดหลินจือกับประโยชน์ต่อสุขภาพ
เห็ดหลินจือ (Lingzihi หรือ  REISHI)มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า กาโนเดอร์ มา ลูซิดัม (Ganoderma Lucidum) เป็นเห็ดที่มีขนาดใหญ่ มีสีเข้มมีพื้นผิวมันวาว มีลักษณะเหมือนไม้ และก็มีรสขม มีประวัตศาสตร์ช้านานสำหรับในการใช้เห็ดหลินจือ เพื่อรักษาหรือบำรุงสุขภาพในประเทศแถบเอเซีย โดย เฉพาะประเทศจีนและก็ญี่ปุ่น เนื่องจากมั่นใจว่าสารประกอบข้างในเหลืดหลินจือมีคุณประโยชน์ต่อสถาพทางร่างกาย
ในเห็ดหลินจือมีสารอาหารที่อาจเกิดผลดีต่อร่างกายมากไม่น้อยเลยทีเดียว จำพวกเส้นใยต่างๆโปรตีนคาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินแล้วก็ธาตุบางประเภท เชเนแคลเซียม โพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัสแมกนีเซียม เซเลเนียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ดูแดง สารโมเลกุลชีวภาพที่สำคัญ เย่างสเตียรอยด์(Steroids) เทอร์ตะกายอยด์ (Terpenoide) นิวคลีโอไทด์ (Nucleotides) ไกลวัวโปรตีน (Glycoproteins)พอลิแซ็กคาไรค์ (Polrsacchayides) แล้วก็สารอนุพันธ์อื่นๆโดยเฉพาะกรดอะมิโนไลซีน (Lysine) และลิวซีน (Leucine)ดังนี้ มีบางบุคคลหรือในบางวัฒนธรรมนำเห็ดหลินจือมาทำกับข้าวและก็แปรรูปเพื่อการบริโภคอย่างนานัปการ นักวิทยาศาสตร์ก็เลยมีความสนใจและนำเห็ดหลินจือมาทดสอบหาประสิทธิผลทางการรักษาแล้วก็การบำรุงสุขภาพ เพื่อพิสูจน์ว่าเห็ดชนิดนี้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์จริงหรือไม่

เห็ดหลินมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายที่บางทีอาจเป็นไปได้ใช่หรือ?
แม้มีการค้นคว้าทดลองเยอะมากเกี่ยวกับคุณลักษณะและก็คุณประโยชน์ที่บางทีอาจเป็นได้ของเห็ดหลินจือ
แต่ว่าในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานหรือข้อยืนยันทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ที่กระจ่างแจ้งถึงคุณลักษณะรวมทั้งคุณประโยชน์ที่บางทีอาจเป็นไปได้ของเห็ดหลินจือแม้กระนั้น ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานหรือสิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งการแพทย์ที่แน่ชัดถึงคุณสมบัติและประสิทธิผลด้านอะไรก็ตามด้วยเหตุนั้น ผู้บริโภคควรศึกษาค้นคว้าข้อมูลของเห็ดหลินจือ จำนวนรวมทั้งขั้นตอนการบริโภคที่สมควร และข้อจำกัดต่างๆและปัจจัยทางสุขภาพของตัวเองให้ดีก่อนจะมีการบริโภค
ตัวอย่างงานศึกษาเรียนรู้ที่เรียนเกี่ยวกับเห็ดหลินจือที่อาจมีผลต่อร่างกาย
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
งานวิจัยหนึ่งได้ทดสอบหาประสิทธิผลแล้วก็ความปลอดภัยของการบริโภคอาหารเสริมเห็ดหลืนจือในผู้เจ็บป่วย โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จำนวน 32 ราย  ผลสรุปคือ เห็ดหลินจืออาจมีสรรพคุณในด้านการห้ามอาการปวด ปลอดภัยต่อการรับประทานเข้าสู่ร่างกายและไม่มีผลข้างเคียง อย่างไรก็ตาม กลับไม่ปรากฏผลที่มีนัยสำคัญสำหรับในการต้านปฎิกิริยาออกซิเดชัน การต้านการอักเสบ หรือผลของการปรับระบบภูมิต้านทานอะไร
เพิ่มสมรรถภาพร่างกาย
มีการทดสอบที่ทดลองสมรรถนะของเห็ดหลินจือในด้านการเพิ่มสรรถยนต์ภาพของร่างกาย โดยได้ ทดลองในผู้เจ็บป่วยโรคปวดกล้ามเนื้อไฟโปรไมอัลเจีย (Fibromyalgia)เพศหญิงจำนวน 64 ราย ตลอดระยะเวลาการทดสอบ 6 สัปดาห์ คนเจ็บบริโภคเห็ดหลินจือจำนวน 6 กรัม/วัน ต่อจากนั้นก็เลยทดลองสมรรถภาพร่างกายของคนป่วย ผลของการทดสอบรวมทั้งกำหนดแผนการรักษาคนไข้โรคนี้ต่อไป แต่ว่ายังคงขาดหลักฐานช่วยเหลือที่แจ้งชัด จำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาค้นคว้าในด้าน เพื่อหาหลักฐานรวมทั้งข้อรับรองที่แนชัดถึงประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อไป
ต่อต้านการเกิดปฎิกิริยาขบวนการออกซิเดชัน และคุ้มครองการทำลายเซลล์ตับ
จากการทดสอบหาประสิทธิภาพของสารตรีเทอร์พีนอยด์ (Trirpenoids)รวมทั้งโพลีแซ็กคาไรด์(Polysaccharide)ในเห็ดหลินจือในด้านการต้านการเกิดปฎิกิริยาขบวนการออกซิเดชัน และก็การปกป้องคุ้มครองการทำลายเซลล์ตับในกรุ๊ปผู้ทดลองที่มีร่างกายแข็งแรง 42 คน ผลสรุปคราวแสดงถึงสมรรถนะของเห็ดหลินจือในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบของตับ
อย่างไรก็ตาม เห็ดหลินจืออาจช่วยต้านปริกิรริยาออกซิเดชันได้ แม้กระนั้นการทดลองดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นเพียงการค้นคว้าวิจัยขนาดเล็ก ควรศึกษาค้นคว้าต่อไปเพื่อหาหลักฐานแล้วก็ข้อพสจน์ที่แจ่มชัดที่แจ่มแจ้งถึงประสิทธิผลของเห็ดหลินจือ http://www.disthai.com/

10

เห็ดหลินจือ
เรื่องเล่าประสบการณ์ตรงจากที่ลงภาคสนาม
คุณยายคนหนึ่ง อายุโดยประมาณ 67 ปี ทำอาชีพขายเห็ดในตลาด อาการป่วยเป็นโรค ดังนี้
1.เห็ดหลินจือ สามารถรักษาโรคเบาหวาน เป็นทุนเดิม เป็นโรคนี้มาประมาณ 1x ปี
2.โรคความดันโลหิต เป็นมาพร้อมๆกับเบาหวาน ต้องกินยาแผนปัจจุบันตลอด มีอาการมึน
3.โรคไขมัน มาพร้อมๆกับโรคเบาหวาน จำต้องรับประทานยาแผนปัจจุบันตลอด
4.โรคไตเสื่อม ภายหลังเป็นโรคเบาหวานมาประมาณ 10 ปี แพทย์ตรวจเจอว่า ไตเสื่อม ระยะ 2 มีลักษณะอาการขาบวม เหนื่อยเดิน
5.โรคกระเพาะเยี่ยว อักเสบ มาตอนเป็น ไตเสื่อม ทำให้เกิดอาการฉี่ขับ ฉี่ไม่สุด เจ็บแปล็บๆ
6.โรคเก๊า มาตรวจพบคราวหน้า ว่าค่ายูริก เริ่มมากขึ้น
======================
พฤติกรรมของผู้เจ็บป่วยแล้วก็เรื่องราวก่อนรับประทานเห็ดหลินจือสกัดเข้มข้น
1.ตอนเจ็บไข้ตอนเริ่ม จะมีลักษณะอาการน้ำตาลในเลือดสูง เกือบ 200 มิลลิกรัม แต่พอเพียงผ่านมาเกือบจะ 10 ปี มีความรู้สึกว่าดูแลตนเองก้าวหน้า ผลที่ได้กลับกลายแบบงี้ เดี๋ยวน้ำตาลสูง ประเดี๋ยวน้ำตาลต่ำ นำมาซึ่งอาการมึนได้ทั้งวัน งานการไม่ต้องทำแล้ว นอนดีมากยิ่งกว่า
2.พอเพียงมีน้ำตาลในเลือดสูง ความดันจะตามมาเลย นำมาซึ่งอาการโลกหมุน ตาลาย จะต้องนอนอีกอย่างเคย
3.เพียงพอตอนหลังเริ่มกินของมันน้อยลง สามารถที่จะคุมไขมันได้ แม้กระนั้นพอนานวันเข้า ไขมันคุมได้ แต่เจอตรีกีซาลายสูงซะงั้น
4.ภายหลังเจ็บมา 1x ปี ร่างกายก็ไม่ค่อยได้พักผ่อน ทำให้เกิดช่วงอาการน็อคน้ำตาล ไป 2 หน ในรอบ 1 ปีที่ล่วงเลยไป จะต้องเข้า รพ. เพื่อเดกซ์โทรส ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
5.พอผ่านมาอีก 6 เดือน แพทย์ตรวจพบเป็นไตเสื่อมขั้นที่ 2 แถมมีโรคกระเพาะฉี่อักเสบ เพราะว่ามีไข่ขาวรั่วมาทางเยี่ยวเยอะ ทำให้เรี่ยวแรงสำหรับเพื่อการเดินไม่มี (แทบเดินไม่ไหว ก้าวขาไม่ออก) แถมเจอโรคเก๊าต์ สอบถามหาอีก
6.ช่วงหลังจากที่รู้ว่าเป็นหลายโรค ชีวิต มันช่างมืดมนอย่างยิ่ง ทำให้เบื่อข้าว รับประทานไม่ได้ นอนไม่หลับ ถึงหลับก็ไม่สนิท ขาบวม ใจสั่น โมโหง่าย
7.พอเพียงถึงเวลานี้ ยายคนนี้ ความประพฤติเปลี่ยนไป จากที่เคยต้องออกไปเปิดร้านขายเห็ดในตลาดทุกวี่ทุกวัน ไม่เคยหยุด กลับทำให้เขาไม่ต้องการขายสินค้า ขอหยุดนอนอยู่ในบ้าน ทำตัวราวกับไม่มีค่า ต้องให้ลูกๆมาคอยดู ทำให้เป็นภาระของลูก
======================
โจทย์ สำหรับลูกที่ดูแล และจุดเปลี่ยนแนวความคิด
1.ลูกคนนั้น มีความคิด ทำอย่างไงก้อได้ ให้แม่หายจากโรคทั้งหมดนี้
2.ทำอย่างไงก็ได้ให้ท่านแม่กลับมาดำเนินการได้อย่างเดิม
3.ทำอย่างยังไงก็ได้ให้ท่านแม่ทานข้าวได้เสมือนอดีตเป็นเบาหวาน
4.ทำอย่างยังไงก็ได้ให้คุณแม่นอนหลับได้ดี
=======================
ในที่สุดลูกคนนั้นได้มาคุยกับผม ผมเลยเสนอแนะเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้ม แล้วก็ลูกคนนั้นได้เอาไปให้คุณแม่ทาน
เริ่มที่ม่าม้าไม่เชื่อว่าเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้มข้น จะช่วยให้ชีวิตเขาดียิ่งขึ้นได้ เพราะแม่ทานสมุนไพร อาหารเสริมมาเยอะแล้ว
=======================

เริ่มกับการทานเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้มข้น (คำตอบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล)
1.ผมเสนอแนะให้ทาน 1 วัน 2 เวลา คือ เช้าตรู่-เย็น ในกรณีของคุณแม่คนนี้ มีโรคประจำตัวเยอะแยะ จะให้ทานอย่างงี้ ภายหลังจากรับประทานอาหารแล้ว ให้ทานยาแผนปัจจุบัน แล้วก็คอย 30 นาที ค่อยทานเห็ดหลินจือสกัดเข้มข้น
2.พอหลังจากทานได้ตอนแรก อาการมึนๆงงงวยๆเริ่ม นอนหลับก้าวหน้าขึ้นมาก ธรรมดาจะดูจนกระทั่งเที่ยงคืนแล้วค่อยหลับ แล้วตื่น 6-7 นาฬิกาเช้าตรู่ มาจัดร้านขายของ กลายเป็น นอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม ตื่น 6 นาฬิกาตอนเช้า
3.หลังจากนอนหลับได้ดี  ทำให้อาการขาบวมดีขึ้น ปัสสาวะดีขึ้นมากมาย ไม่ขัดแล้วก็เยี่ยวได้สุด ค่าน้ำตาล ไม่สวิงต่ำ-สูง และผลไตดียิ่งขึ้นด้วย
4.คนป่วยเริ่มกินข้าวได้ธรรมดา (แม่ไม่เชื่อว่าเห็ดหลินจือช่วยได้จริงไหม เลยทดลองด้วย รับประทานทุเรียน2เม็ด แล้ววันพรุ่งไปตรวจเลือด ผลเลือดที่ออกมาม่าม้าตกอกตกใจ ว่าเพราะอะไรน้ำตาลปกติ ^_^)
5.เพียงพอร่างกายได้ นอนได้เต็มที่ หน้าใส(มีคนทักว่าไปทำอะไรมา) แข็งแรงสามารถชูของหนักๆได้ ซึ่งถ้าหากเป็นก่อนหน้า เพียงแค่เดินยังต้องหาที่นั่งพักเลย
คุณประโยชน์เห็ดหลินจือที่มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยยืนยัน....มีอะไรบ้าง
มีความเห็นมานานแล้วว่าเห็ดหลินจือแดงสามารถทำให้หัวใจแข็งแรง เลือดลมดี ผิวพรรณผ่องใส ช่วยให้แก่ช้าลง ความจำดีขึ้น และช่วยอายุยืนนาน
ส่วนสรรพคุณในทางการดูแลรักษาโรคถูกกล่าวไว้อย่างมากมายด้วยเหมือนกัน ดังเช่นว่า แก้ตับแข็ง รักษามะเร็ง รักษาโรคความดัน แล้วก็ภูมิแพ้ฯลฯ
แต่ทีเด็ดเป็น......
มีงานศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเห็ดหลินจือรักษาโรคจากคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งสำหรับเพื่อการทดลองเรียนทางคลีนิคและรับรองว่าเห็ดหลินจือมีสรรพคุณดังนี้จริง ไม่ใช่แค่ความศรัทธาอีกต่อไป อันดังเช่นว่า
-กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
-ต่อต้านเนื้องอกและมะเร็ง
-รักษาโรคทางเท้าปัสสาวะ
-รักษาโรคหัวใจ
-ช่วยทำให้การนอน
-ลดไขมันในเลือด
-ต่อต้านอนุมูลอิสระ
-ต่อต้านการอักเสบ

Tags : สมุนไพรเห็ดหลินจือ

11

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือมีผลอย่างไรต่อเซลล์ต่อมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน โรคความดันสูง และโรคอื่นๆอันแสนเหนื่อยที่จะรักษา ติดตามผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยรับรองคุณประโยชน์ได้ในบทความนี้ค่ะ
บทความพวกนี้อ้างอิงสรรพคุณของเห็ดหลินจือจากผลการศึกษายืนยันจากที่ต่างๆเพื่อให้เพื่อนฝูงได้พิจารณาด้วยตัวเองว่ารักษาโรคก้าวหน้าขนาดไหนแล้วก็น่าเชื่อถือแค่ไหน ถ้าเกิดเพื่อนพ้องๆเคยอ่านบทความเกี่ยวกับสรรรพคุณหรืองานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยเกี่ยวกับเห็ดหลินจือจากที่อื่นมาก่อน แล้วรู้สึกอ่านไม่ง่ายมากแค่ไหนไหมรู้เรื่อง บทความในเว็บไซต์นี้นักเขียนได้คัดและก็เก็บรวบรวมจากหลายที่และเขียนในภาษาที่อ่านง่ายที่สุดเท่าที่จะทำเป็น
เพื่อนฝูงๆถูกใจเนื้อหานี้ก็จะเป็นอันมากใจให้ผู้เขียนได้บทความดีๆให้เพื่อนพ้องอ่านกันอีกต่อไปบทความเห็ดหลินจือรักษาโรคเด็ดๆที่เพื่อนพ้องๆต้องถูกใจ
ระบบภูมิคุ้มกันเป็นกลไกการกำจัดเชื้อโรค สารเคมีแปลกปลอม เซลล์ของโรคมะเร็ง และสิ่งแปลกปลอมอื่ๆที่จะเข้ามาทำอัตรายต่อสุขภาพพวกเรานั้นเอง เพราะฉะนั้นถ้าเกิดสหายๆมีระบบระเบียบภูมิคุ้มกันดีก็จะไม่เจ็บป่วยง่าย หรือถ้าหากป่วยไข้ก็จะรู้สึกตัวเร็ว แม้กระนั้นหากระบบภูมิต้านทานไม่ดีก็จะป่วยบ่อยครั้งและเป็นหนักกว่าผู้ที่มีระบบูมิคุ้มกันแข็งแรง มาถึวที่ตรงนี้แล้วสหายๆอาจจะเห็นจุดสำคัญของการมีระบบระเบียบภูมิต้านทานที่แข็งแรงกันแล้ว
ชาวจีนโบราณใช้สมุนไพร เห็ดหลินจือมายาวนานกว่า 2000 ปีแล้ว แต่ในสมัยนั้นยังไม่มีผู้ใดพิสูจน์ได้ว่าเพราะเหตุไรผู้ที่ทานเห็ดหลินจือถึงแก่ยืนและแข็งแรงไม่ค่อยเป็นโรค เวลานี้เราสมารถยนต์พิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสารกรุ๊ป Polysacchayide ในเห็ดหลินจือนั้นสามารถสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับเราได้จริง สารกรุ๊ปดังที่ได้กล่าวมาแล้วสามารถกระตุ้นการสร้าง Interleukin และก็ Immuoglodulin ซึ่งส่งผลให้ระบบภูมปกป้องดีรวมทั้งแข็งแรงขึ้น
ระบบภูมิต้านทานที่ถูกเสริมด้วยสาร Polysaccharide ในเห็ดหลินจือจะสามารถต้านวรัส เซลล์ของมะเร็ง แล้วก็จำกัดสารอนุมูลอิสระก้าวหน้าขึ้น ยิ่งไปกว่านี้ยังช่วยให้ถูกผลข้างเคียงที่โดนยาต้านโรคมะเร็งบางตัวและวิธีการทำคีโมกดภูมิต้านทานให้มีระบบระเบียบภูมิคุ้มกันดีขึ้นอีก แล้วก็เห็ดหลินจือยังมีสารออกฤทธิ์ต้านการแบ่งตัวของเชื้อ HIV อีกด้วย ซึ่ง กลุ่มดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วคือกลุ่ม Bitter Triterpenoids
นักวิจัยได้ค้นพบสารหลายแบบในสมุนไพร เห็ดหลินจือที่ช่วยลดจำนวนไขมันในเส้นเลือดหมายถึงGanoderic Acid และก็ Lucidenic Acid ซึ่งสาร 2 ชนิดที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว นอกเหนือจากช่วยลดไขมันในเส้นโลหิตได้แล้ว ยังปกป้องไม่ให้ไขมันอุดตันเส้นเลือดได้โดยตรงอีกด้วย นอกเหนือจากนี้ยังมีสารกรุ๊ป Nucleotide ซึ่งสามารถช่วยลดการอุดตันของลิ่มเลือดในเส้นเลือด แล้วก็ช่วยลดอัตราเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตได้อีกด้วย
ได้มีนักวิทยาศาสตร์ที่ประเทศญี่ปุ่นทดลองให้สารสกัดเห็ดหลินจือกับคนที่เป็นโรคไขมันเส้นเลือดสูง 70 ราย แล้วก็ทำเก็บผลของการทดสอบหลังจากผ่านไป 3 เดือน พบว่าโคเรสเตอรอลของผู้รับการทดสอบต่ำลงไปถึง 74% ซึ่งก็สอดคล้องกับผลของการวิจัยจากทั้งโลก และก็ยังพบว่าเห็ดหลินจือ นอกจากช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นเลือดแล้ว ยังทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นอีกด้วย
ด้วยเหตุนั้น จึงอาจจะกล่าวว่า ข้อรับรองทางคุณลักษณะแล้วก็ประโยชน์ของเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง งานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยเป็นการทดสอบขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีประสิทธิภาพพอเพียง หรือเป็นเพียงการทดลองในผู้ป่วยบางกรุ๊ปเท่านั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง ก็เลยยังคงเป็นประเด็นการค้นคว้าที่ควรปฏิบัติการทดลองถัดไป เพื่อได้ได้ผลลัพ์ที่แจ่มกระจ่าง รวมทั้งมีคุณประโยชน์ในวงกว้างต่อการดูแลและรักษาคนไข้มะเร็งได้ในอนาคต
ภาวะต่อมลูกหมากโต รวมทั้งการเจ็บป่วยในระบบทางเดินปัสสาวะ
มีขั้นตอนการทดลองหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากสมุนไพร เห็ดหลินจือทดลองในคนไข้เพศ 88 รายซึ่งแก่เกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีอาการปัสสาวะติดขัด ข้างหลังการทดสอบกว่า 12 อาทิตย์ ผลสรุปที่ได้เป็น คนไข้ต่างหรูหราคะแนน IPSS ที่ดีขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลในการวัดปัญหาในระบบทางเท้าปัสวะของคนป่วยจากการตอบปัญหา กลับไม่ปรากฏผลในเชิงความเคลื่อนไหวคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากอะไร
ฉะนั้น การทดสอบดังกล่าวข้างต้นก็เลยยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่แจ่มกระจ่างเพียงพอ จำเป็นที่จะต้องมีการค้นคว้าทดสอบในด้านนี้ถัดไปในอนาคต เพื่อค้นหาข้างหลังฐานที่กระจ่างแจ้งสำหรับเพื่อการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการรักษาสภาวะต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยว

ลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลการทดลองด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีผู้ป่วยโรคเบาหวานจำพวก 2 เข้าร่วมทดสอบกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่เป็นผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพเพียงพอจะส่งเสริมผลทางการรักษาเหล่านั้น และไม่มีข้อมูลที่พอเพียงสำหรับเพื่อการรับรองด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือเหมือนกัน โดยหนึ่งในงานศึกษาเรียนรู้เหล่านั้น ได้แสดงถึงผลข้างเคียงจากการบริโภคเห็ดหลินจือในผู้เจ็บป่วยบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเดิน หรือท้องผูก
สมุนไพร โดยเหตุนี้จำเป็นที่จะต้องมีการค้นคว้าทดลองถึงความสามารถของเห็ดหลินจือสำหรับการลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่างๆกลุ่มนี้เพื่อป้องกันและก็การดูแลรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจถัดไป และก็ให้ได้ความแจ่มกระจ่างชัดดเจนในด้านดังกล่าวข้างต้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นคุณประโยชน์ต่อแนวทางการรักษาคุ้มครองโรคเส้นโลหิตหัวใจและก็อาการต่างๆที่เกี่ยวเนื่องต่อไปในอนาคต

12
ประโยชน์เห็ดหลินจือ ขายเห็ดหลินจือ

13
ถั่งเช่ามีประโยชน์ ขายถั่งเช่า

14
ชื่อสมุนไพร  พญายอ
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น เสมหะพังพอนตัวเมีย , พญาบ้องทอง พญาข้อดำ (ภาคกลาง) , พญาบ้องคำ (จังหวัดลำปาง) , ผักมันไก่ , ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่) , โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง) , ชิงเจี้ยง หนิ่วซิ้วฮวา (จีนแมนดาริน)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni  Nees
ตระกูล  ACANTHACEAE
บ้านเกิดเมืองนอน สมุนไพรพญายอเป็นสมุนไพรเขตร้อน ได้แก่ทวีปแอฟริกา บราซิล และก็อเมริกา กึ่งกลาง ส่วนในทวีปเอเชียมีการกระจัดกระจายในประเทศอินโดนีเซีย ไทย เมียนมาร์ ลาว เขมร เป็นต้น และเป็นสมุนไพรที่มีหมอพื้นเมืองประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย จีน ใช้รักษาผื่นผิวหนัง แมลงสัตว์กัดต่อย งูกัด แมงป่องต่อย มาตั้งแต่ในอดีตแล้ว ส่วนในประเทศไทยพบได้มากขึ้นตามป่าเบญจพรรณ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วไป ทั่วทุกภาคของประเทศ พญายอ หรือ เสลดพังพอนตัวเมียมีชื่อพ้องกัน มันก็คือ เสลดพังพอนเพศผู้ แม้กระนั้นต่างกันตรงที่เสมหะพังพอนเพศผู้มีหนาม คุณประโยชน์อ่อนกว่าเสมหะพังพอนตัวเมียและก็เพื่อไม่ให้งงงันระหว่างสมุนไพร 2 ชนิดนี้ จึงเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า "พญายอ"
ลักษณะทั่วไป
พญายอ จัดเป็นพรรณไม้พุ่มแกมเถาหรือไม้พุ่มรอคอยเลื้อย มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ราว 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะหมดจด ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ใบเป็นใบคนเดียว ออกเรียงตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบแล้วก็โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราว 2-3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 7-9 ซม. แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ ดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกราวๆ 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบดอกไม้เชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวราว 3-4 ซม. ปลายแยกออกเป็น 2 ปากเป็นปากล่างแล้วก็ปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกเป็นทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนคือต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน มีดอกในช่วงราวๆเดือนตุลาคมถึงมกราคม ผลได้ผลแห้งและแตกได้ รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ราว 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ข้างในผลมีเมล็ดโดยประมาณ 4 เมล็ด
การขยายพันธ์ การขยายพันธุ์พญายอนั้นสามารถได้ 2 วิธีหมายถึงการปักชำแล้วก็การแยกเหง้าแขนงไปปลูก แต่จำนวนมากมักจะใช้วิธีการใช้กิ่งปักชำโดยเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ปราศจากโรค ไม่แก่ หรือไม่อ่อนเหลือเกิน ตัดกิ่งชนิดให้มีความยาว 6-8 นิ้ว รวมทั้งมีตาบนกิ่งราวๆ 1-3 ตา ให้มีใบเหลืออยู่ที่ปลายยอด โดยประมาณ 1/3 ของกิ่ง ทาปูนแดงบริเวณรอยตัดของต้นตอ และกิ่งพันธุ์เพื่อป้องกันเชื้อรา ปักชำลงในถุงที่มีเป็นดินร่วนซุยปนทราย (จะช่วยให้อัตราการออกรากของกิ่งชำสูง และสะดวกสำหรับการย้ายต้นไปปลูก) โดยปักชำกิ่งลงในอุปกรณ์ปลูกลึกประมาณ 3 นิ้ว และก็ปักให้เอียง 45 องศา รดน้ำให้เปียกแฉะและรักษาความชุ่มชื้นให้พอเพียงต้องระวังอย่าให้กิ่งชำถูกแสงอาทิตย์มากมาย กิ่งปักชำจะออกรากภายใน 3-4 อาทิตย์ แล้วใช้ช้อนขุดหรือเสียมแซะกิ่งชำลงปลูกลงในหลุมปลูกที่จัดเตรียมไว้ 1 ต้นต่อหลุม กลบ รดน้ำภายหลังปลูกทันที
การเก็บเกี่ยว ควรจะเก็บใบขนาดกึ่งกลาง ที่ไม่แก่หรืออ่อนจนกระทั่งเหลือเกิน โดยให้ใช้ขั้นตอนการตัดต้นเหนือระดับผิวดินโดยประมาณ 10 เซนติเมตร ภายหลังเก็บเกี่ยวแล้ว ตัวการเดิมยังสามารถงอกแตกกิ่งเติบโตได้อีก รวมทั้งสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตถัดไปได้
การดูแลรักษา ในระยะ 1-2 เดือนแรก ควรรดน้ำแต่ละวัน ถ้าหากแดดจัดควรจะรดน้ำเช้าตรู่-เย็น เมื่ออายุ 2 เดือนขึ้นไปแล้วบางทีอาจให้น้ำวันเว้นวัน ในช่วงฤดูฝนถ้ามีฝนตกบางทีอาจจะไม่ต้องให้น้ำ พญายอสามารถเจริญวัยได้ดีในดินทุกประเภทที่มีการระบายน้ำก้าวหน้า แม้กระนั้นถูกใจดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำดีเยอะที่สุด  ถูกใจอากาศร้อนชื้น ขึ้นได้ดีทั้งๆที่มีแดด(แดดไม่จัด) และก็ที่ร่ม
ส่วนประกอบทางเคมี  รากของพญายอ มีสาร Lupeol, B-Sitosterol, Stigmasterol และมีการทดสอบพบว่าสารสกัดด้วยสารละลายบิวทานอล    (butanol) จากใบของพญายอ มีสารประกอบฟลาโวนอยด์ (flavonoid) สามารถยับยั้งอาการอักเสบได้ สารฟลาโวนอยด์มีฤทธิ์ลดการอักเสบสารกลุ่ม Monoglycosyl diglycerides เช่น    1,   2- di-O-linolenoyl-3-O-β-D-Galactopyranosyl-sn-glycerol แล้วก็สารกลุ่ม Glycoglycerolipids จากใบมีฤทธิ์ยั้งเชื้อไวรัสเริมและก็งูสวัด
                นอกเหนือจากนั้นพญายอ ยังมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพมากกว่า 20 ชนิด โดยเป็นสารเคมีจากพืชที่มีความจำเป็นต่อชีวิต ดังเช่นว่า   Stigmaster, Lupeol, B-Sitosterol Belutin, Myricyl alcohol แล้วก็สารสกัดที่ได้จากเมทานอลในประเทศไทย 6  จำพวก    C-Glycosyl flavones เช่น    Vitexin, Isovitexin, Schaftoside, Isomoll-pentin, 7-0-B-Glucopyranoside, Orientin, Isori-entin รวมทั้งสารสกัดได้จากต้นรวมทั้งใบได้สาร Gluco-sides  5   ประเภท    (1)    Cerebrosides และก็  Monoacylmonogalactosyl glycerol สาร    Triga-lactosyl รวมทั้ง    Digalactosyl diglycerides 4  สาร    8 ชนิด    สกัดได้จากส่วนเหนือดินสดด้วยคลอโรฟอร์มเป็น   Chlorophyll A,  Chlorophyll B,  รวมทั้ง    Phacoph-orbide A  และก็สารประกอบที่มีซัลเฟอร์ 4  จำพวก   Clinamide A-C, 2-Cis- entadamide A  และก็สารประกอบที่พบมาก่อน 3  ชนิด    Entadamide A, Entadamide C   และ    Trans 3  methylsulfinyl-2-propenol
ประโยชน์ / คุณประโยชน์ คุณประโยชน์ของพญายอตามตำรายาไทย
ระบุว่า ใบ – ใช้ถอนพิษไข้ ดับพิษร้อน แก้อาการผิดสำแดง แก้เจ็บคอ เจ็บปก แผลในปาก คางทูม รักษาโรคบิด ไข่ดัน รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ผื่นคัน แก้ฝี แก้พิษงู แมลงสัตว์กัดต่อย รักษาโรคฝึกฝน ราก  - ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับเมนส์ แก้เมื่อยบั้นท้าย บำรุงกำลัง แก้ผิดสำแดง ส่วน 5  (ทั้งยังต้น) -   ใช้ถอนพิษ โดยเฉพาะพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ตะขาบ แมลงป่อง รักษาอาการอักเสบ งูสวัด ผื่นคัน แผลน้ำร้อนลวก  ดีซ่าน รักษาแผลสด แผลเรื้อรัง แก้ปวดบวม กลยุทธ์ขัดยอก ฟกช้ำ  ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังมีการผลิตยาที่มีส่วนประกอบของพญายอหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ครีมพญายอ ใช้บรรเทาลักษณะโรคเริม รวมทั้ง งูสวัด ยาป้ายปากพญายอให้รักษาแผลในปาก (aphthaus ulcer) โลชั่นพญายอ ใช้ทุเลาอาการผื่นผื่นคัน ลมพิษ ตุ่มคัน เป็นต้น
แบบ / ขนาดวิธีใช้

  • ทาบริเวณที่แมลงสัตว์กัดต่อยเป็นผื่นคัน


o             - ใช้ใบสด 5-10 ใบ ตำขยี้ทาบริเวณที่เป็นแผลที่แพ้ จะยุบหายได้ประสิทธิภาพที่ดี

  • แก้แผลน้ำร้อนลวก


o             ใช้ใบตำต้มกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกหรือไฟเผา แผลจะแห้ง
o             นำใบมาตำอย่างรอบคอบผสมกับเหล้า ใช้พอกรอบๆที่ถูกไฟเผาหรือน้ำร้อนลวก มีสรรพคุณดับพิษร้อนได้ดิบได้ดี

  • รักษาอาการอักเสบ ทำลายพิษ รักษาแผลร้อนในในปาก เริม งูสวัด


o             ใช้ใบเสมหะพังพอนตัวเมียสด 10-20 ใบ (เลือกใบสีเขียวเข้มสดเป็นเงาไม่อ่อนไม่แก่จนเกินความจำเป็น)เอามาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำกินหรือเอาน้ำทาแผลและเอากากพอกแผล
o             ใช้ใบเสมหะพังพอน 1,000 กรัม หมักใน alcohol 70 % 1,000 ซีซี. หมักไว้ 7 วัน นำมากรองแล้วเอาไประเหยให้เหลือ 500 ซีซี. เพิ่ม glycerine pure ลงไปเท่ากับจำนวนที่ระเหยไป (500 ซีซี.) นำน้ำยาเสลดพังพอนกรีเซอรีนที่ได้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก ถอนพิษต่างๆ

  • ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการกางใบสด 1 กำมือ ตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำแช่ข้าว ใช้พอกบนศีรษะผู้ป่วยโดยประมาณ 30 นาที อาการไข้และก็อาการปวดศีรษะจะหายไป
  • ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (รับประทานอาหารเป็นพิษไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบ) ด้วยการใช้รากสดเอามาต้มรับประทานครั้งละราวๆ 2 ช้อนแกง
  • ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวประมาณ 10 ใบ กลืนเอาแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง
  • แก้คางทูม ด้วยการกางใบสดราวๆ 10-15 ใบ ตำอย่างระมัดระวังผสมกับเหล้าโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป และก็อาการเจ็บปวดจะหายไปข้างใน 30 นาที
  • ใช้แก้ฝี ด้วยการใช้ใบเอามาตำผสมกับเกลือแล้วก็เหล้า ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนยาทุกเช้าตรู่แล้วก็เย็น


ส่วนการใช้พญายอรักษาอาการเพราะว่าแมลงกัดต่อย และเริมตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขนั้น  ให้ใช้ใบขยี้ทาบริเวณที่ถูกแมลง สัตว์ กัดต่อย หรือเป็นเริมและก็สำหรับครีม ที่มีสารสกัดพญายอปริมาณร้อยละ 4 – 5   และสารละลาย (สำหรับป้ายปาก) ที่มีสารสกัดพญายอในกลีเซอรีนจำนวนร้อยละ 2.5 – 4                  รวมทั้งโลชัน ที่มีสารสกัดพญายอปริมาณร้อยละ 1.25  ให้ใช้  ทาบริเวณที่มีลักษณะ วันละ 5 ครั้ง
การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ลดการอักเสบ  สารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบให้ทางปากหนูขาว จะลดการอักเสบของอุ้งเท้าหนูที่ถูกเหนี่ยวนำโดย carrageenan และลดการอักเสบของถุงลมหนูขาวที่รั้งนำให้กำเนิดโดยฉีดลมและก็น้ำมันละหุ่ง (1-3) แม้กระนั้นถ้าหากใช้แนวทางทาสารสกัดที่ผิวหนังจะไม่สามารถที่จะลดน้ำหนองของถุงลมหนูได้ สารสกัดเอ็นบิวทานอล ขนาด 270 มก./กิโลกรัม จะลดอาการบวมของอุ้งเท้าหนูได้เท่ากับแอสไพรินขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (2) เมื่อใช้ 5% ของพญายอในรูป cold cream สารสกัดเอทานอล 95% และสารสกัดเอทานอลในน้ำ ทาเฉพาะที่ให้หนูขาว  สามารถลดหนองแล้วก็การเกิด granuloma ได้ 50.98%, 50.10% และก็ 48.30% เป็นลำดับ สารสกัดเอทานอลจากใบ ขนาด 20 มคก./มิลลิลิตร ส่งผลต่อ cytokines  ที่เกิดในแนวทางการอักเสบหมายถึงยับยั้ง  interleukin-1-b แม้กระนั้นไม่สามารถยั้ง interleukin-6 รวมทั้ง  tumor necrosing factor-a
ฤทธิ์รักษาโรคงูสวัด  นำสารสกัดจากใบพญายอความเข้มข้นต่างๆมาตรวจ DNA hybridization แล้วก็ plaque reduction assay พบว่า ขนาด 1:2,000 รวมทั้ง 1:1,200 เป็นลำดับ จะยั้งเชื้อไวรัส Varicella zoster ก่อนไปสู่เซลล์ได้ 50% ขนาด 1:6,000 และ 1:4,800 เป็นลำดับ จะฆ่าเชื้อไวรัส  Varicella zoster  ในเซลล์  ขนาดมากกว่า 1:18,000 รวมทั้ง 1:9,600 เป็นลำดับ สามารถทำลายเชื้อไวรัส Varicella zoster โดยตรงได้ 50% จะเห็นว่าเมื่อเชื้อเข้าสู่เซลล์แล้วฤทธิ์ในการยั้งไวรัสต่ำลง
          คนป่วยโรคงูสวัด ปริมาณ 51 ราย  ได้รับการดูแลและรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอเปรียบเทียบกับยาหลอกแบ่งเป็น 2 กรุ๊ป ตามจำพวกของยา และให้ยาเรียงสลับแบบสุ่ม คนเจ็บทุกรายมาพบแพทย์ข้างใน 48 ชั่วโมงภายหลังจากมีอาการ  โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 7-14 วัน จนกว่าแผลจะหาย พบว่าคนป่วยสุดที่รักษาด้วยสารสกัดใบพญายอแผลจะตกสะเก็ดภายใน 3 วัน และหายด้านใน 7-10 วัน มีมากไม่น้อยเลยทีเดียวกว่ากรุ๊ปสุดที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ หรูหราความเจ็บปวดลดน้อยลงเร็วกว่า และไม่พบผลข้างเคียงใดๆ
ฤทธิ์ต่อต้านเริม  สารสกัดน้ำจากใบ มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส Herpes simplex type 1 และก็ type 2 โดยตรงก่อนที่จะไวรัสจะเข้าสู่เซลล์ รวมทั้งสารสกัดจากใบความเข้มข้นตั้งแต่ 1:1,200 นาน 30 นาที สามารถออกฤทธิ์ทำลายเชื้อ HSV 2 โดยตรงก่อนเพาะเลี้ยงลงเซลล์ สารสกัดเมทานอลและก็สารสกัดน้ำจากใบไม่สามารถที่จะยับยั้งเชื้อไวรัส HSV-2 แล้วก็ HSV-1, HSV-2 ในเซลล์ ตามลำดับ
คนเจ็บโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ทั้งชายแล้วก็หญิงจำนวน 27 คน ได้รับการรักษาด้วยครีมจากสารสกัดเอทานอลจากใบพญายอ 5% (dilution 1:4,800) เปรียบเทียบกับการดูแลและรักษาด้วยยา acyclovir cream จำนวน 26 คน และยาหลอก 24 คน  โดยทาแผลวันละ 4 ครั้ง ต่อเนื่องกัน 6 วัน พบว่า คนเจ็บที่ได้รับการรักษาด้วยครีมพญายอ และ acyclovir cream แผลเป็นสะเก็ดในวันที่ 3 แล้วก็หายด้านในวันที่ 7 ไม่เหมือนกับแผลของผู้ป่วยที่ใช้ยาหลอก จะเป็นสะเก็ดในวันที่ 4–7 และหายในวันที่ 7-14 หรือเป็นเวลานานกว่านั้น ครีมพญายอไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการอักเสบ เคือง ตอนที่ acyclovir cream ทำให้แสบ
ผู้ป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำ ปริมาณ 56 ราย ได้รับการดูแลรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอ เปรียบการดูแลรักษากับยา acyclovir cream ปริมาณ 54 คน และยาหลอก 53 คน ทาตุ่มหรือแผลวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่ากลุ่มหวานใจษาด้วยยาจากสารสกัดพญายอแผลจะตกสะเก็ดข้างใน 3 วัน รวมทั้งหายภายใน 7 วัน ไม่มีอาการแสบแผล  และไม่มีไม่เหมือนกันจากการดูแลและรักษาด้วย acyclovir cream แต่ว่ายา acyclovir cream จะทำให้แสบแผล (13)
ฤทธิ์แก้ปวด  เมื่อให้ส่วนสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบ ขนาด 30, 90, 270, 540, 810 และก็ 2,430 มก./กก.  แก่หนูถีบจักรทางปาก จะลดการบิดตัวของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำโดยกรดอะซีตำหนิค แล้วก็เพิ่มการซึมผ่านของฝาผนังเส้นเลือด เป็นสัดส่วนกับขนาดของส่วนสกัด ส่วนสกัดเอ็นบิวทานอลขนาด 90 มิลลิกรัม/กก. จะมีความแรงพอกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มิลลิกรัม/กก. สำหรับในการลดการบิดตัว แต่จะมีความแรงน้อยกว่าสำหรับเพื่อการลดการซึมผ่านผนังเส้นเลือด เมื่อให้สารสกัดนี้โดยการฉีดเข้าท้อง ไม่ทำให้เห็นว่ามีฤทธิ์ระงับปวดเมื่อใช้วิธี hot water bath  และให้ส่วนสกัดคลอโรฟอร์มจากใบขนาดดังที่กล่าวมาแล้วทางปากหนูถีบจักร  ไม่มีผลลดการบิดตัวของหนูเหมือนกัน
นอกจากนั้น พญายอมีสารออกฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ในหลอดทดสอบรวมทั้งมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย สารสกัดจากใบด้วยเอทธิลอะสิเตทเข้มข้น 1.39-6.31 มิลลิกรัม/มล. สามารถยั้ง Bacillus cereus รวมทั้ง candida albican สาร    Flavonoids รวมทั้ง    Phenolic compounds ในสมุนไพรทุกประเภท ยั้งแบคทีเรียได้ไพเราะเพราะพริ้งมี Carbonyl group รวมทั้ง    พญายอยังมีฤทธิ์ต่อต้านพิษงู: มีการเรียนพบว่าสารสกัดพญายอมีฤทธิ์คุ้มครองทําลายเซลล์เนื้อเยื่อแผล แม้กระนั้นไม่มีฤทธิ์ยับยั้งพิษต่อระบบประสาทของงูเห่า ที่มีต่อNeuromuscular transmission
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา หลักฐานความเป็นพิษและก็การทดสอบความเป็นพิษ
          การทดสอบความเป็นพิษพบว่า สารสกัดเอ็นบิวทานอลมีค่า LD50 13.4 กรัม/กก. 48 ชม. หลังให้ทางปาก และก็มีค่า 3.4 ก./กก. เมื่อฉีดเข้าช่องท้อง การให้สารสกัดทุกวันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ไม่เป็นผลต่อการเติบโตของหนูขาว แต่เจอน้ำหนักไธมัสลดลงในช่วงเวลาที่น้ำหนักตับเพิ่มขึ้น ไม่เจอความผิดปกติต่ออวัยวะอื่นๆและไม่มีลักษณะอาการไม่พึงประสงค์อื่นๆส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัม/กิโลกรัม (หรือเทียบเท่าใบแห้ง 5.44 กรัม/กก.) เมื่อป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ ไม่ก่อให้เกิดอาการพิษใดๆก็ตามและก็เมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบขนาด 270 มก./กิโลกรัม และก็ 540 มิลลิกรัม/โล ทุกวี่วัน นาน 6 อาทิตย์ พบว่าไม่มีผลต่อการเติบโต แต่ว่าน้ำหนักต่อมธัยมัเสียใจลง เวลาที่น้ำหนักตับเพิ่มขึ้น ไม่เจอความเปลี่ยนไปจากปกติต่ออวัยวะอื่น และไม่เจออาการไม่ปรารถนาอะไรก็ตาม
ข้อเสนอแนะ / ข้อควรคำนึง พญายอก็อย่างกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆคือ ควรที่จะใช้ในจำนวนที่พอดิบพอดีไม่สมควรใช้มากเกินความจำเป็นหรือนานกระทั่งเกินไปเพราะว่าบางทีอาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ รวมทั้งหากแม้ในอดีตจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกรอบๆที่เป็นแผล และได้ผลการดูแลรักษาที่ดี แม้กระนั้นในปัจจุบันแนวทางลักษณะนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบแล้ว เพราะจะทำความสะอาดแผลได้ยาก รวมทั้งอาจจะก่อให้แผลติดเชื้อโรคและก็เป็นหนองกระทั่งขยายไปยังรอบๆอื่นได้
เอกสารอ้างอิง

  • เสลดพังพอนตัวเมีย.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุ์กรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.
  • ฉัตรชัย สวัสดิไขย,สุรศักดิ์ อิ่มเอี่ยม.พญายอ.คอลัมน์ยาน่ารู้.วารสารศูนย์การศึกษาแพยทศาสตร์คลินิกโรงพยาบาลพระปกเกล้า.ปีที่35. ฉบับที่1.มกราคม-มีนาคม 2561.หน้า106-110
  • สมชาย แสงกิจพร เครือวัลย์ พลจันทร ปราณี ธวัชสุภา ปราณี จันทเพ็ชร.  การรักษาผู้ป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำด้วยยาสารสกัดของใบพญายอ.  วารสารกรมการแพทย์ 2536;18(5):226-31
  • ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม.“พญาปล้องทอง”.  หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.    หน้า 521-522.
  • Alam A,   Ferdosh S,   Ghafoor K,   Hakim A, Juraimi AS,    Khatib A,   et  al.   Clinacanthus nutans: A  review of   the   medicinal uses, pharmacology and    phytochemistry. AsianPac J Trop Med 2016:9: 402-9.
  • Thamaree S, Rugrungtham K, Ruangrungsi N, Thaworn N, Kemsri W.  The inhibitory effects of extracts of some herbal medicines on the production of proinflammatory cytokines by in vitro stimulated humam blood cells.  Thai J Pharm Sci 1998;22(3):S47. http://www.disthai.com/
  • พญายอ.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
  • Panyakom K.   Strutcural elucidation of bioactive compounds of   clinacanthusnutans (Burm. f.)  lindau leaves [disserta-tion].    Nakhon Rathchasima. SuranareeUniversity of Technology; 2006.
  • ชุตินันท์ กันตสุข.  การทดสอบเบื้องต้นเพื่อหาฤทธิ์ยับยั้งไวรัสเฮอร์ปีส์ซิมเพลกซ์ของสารสกัดสมุนไพรไทยบางชนิด.  วิทยานิพนธ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2534.
  • “พญาปล้องทอง”.  หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ.  (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  หน้า 88.
  • Kittisiripornkul S, Bunyapraphatsara, N, Tanasomwong W, Satayavivad J.  The antiinflammatory action and toxicological studies of Clinacanthus nutans.  การประชุม Princess Congress I, 10-13 Dec 1987, กรุงเทพฯ:AC-5.
  • Cherdchu C,   Poopyruchpong N,   Adchari-yasucha R,   Ratanabanangkoon K.   The absence of  antagonism between extracts of   Clinacanthus nutans Burm. and    Naja naja    siamensis venom. Southeast Asian J  Trop    Med    Public Health 1977;8:249-54.
  • Thamaree S, Rugrungtham K, Ruangrungsi N, Thaworn N, Kemsri W.  The inhibitory effects of extracts of some herbal medicines on the production of proinflammatory cytokines by in vitro stimulated humam blood cells.  Thai J Pharm Sci 1998;22(3):S47.
  • Sangkitporn S, Balachandra K, Bunjob M. Chaiwat S, Dechatiwongse Na-Ayudhaya T, Jayavasu C.  Treatment of Herpes zoster with Clinacanthus nutans (Bi Phaya Yaw) extract.  J Med Assoc Thai 1995;78(11):624-7.
  • Dampawan P,   Huntrakul C,   Reutrakul V, Raston CL,    White AH.    Constituents of Clinacanthus nutans and    crystal structureof   Lup-20(29)-Ene-3-One. J  Sci    Soc  Thailand 1977; 3: 14-26.
  • พญายอ.สมุนไพรที่มีการใช้ในสาธารณสุขมูลฐาน.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • วิทยา บุญวรพัฒน์. “เสลดพังพอนตัวเมีย”.  หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.   หน้า 562.
  • ชื่นฤดี ไชยวสุ ทวีผล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา เครือวัลย์ พลจันทร ปราณี ชวลิตธำรง สุทธิโชค จงตระกูลศิริ.  การศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดจากใบเสลดพังพอนและใบพญายอต่อเชื้อ Herpes simplex virus type-2 ในหลอดทดลอง.  วารสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 2535;34(4):153-8.
  • Dechatiwongse T,  Sakkarat S, ShuypromA,   Pattamadilok D,   Bansiddhi J,   Water-man    PG,    et  al.   Chemical constituents of the   leaves of Clinacanthus nutans Lindau.Thai    Journal of  Phytopharm 2001;8(1):1.
  • Satayavivad J, Bunyapraphatsara N, Kittisiripornkul S, Tanasomwang W.  Analgesic and anti-inflammatory activities of extract of Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau.  Thai J Phytopharm 1996;3(1):7-17.
  • Thawaranantha D, Balachandra K, Jongtrakulsiri S, Chavalittumrong P, Bhumiswasdi J, Jayavasu C.  In vitro antiviral activity of Clinacanthus nutans on Varicella-zoster virus.  Siriraj Hosp Gaz 1992;44(4):285-91.
  • Yoosook C, Bunyapraphatsara N, Boonyakiat Y, Kantasuk C.  Anti-Herpes simplex virus activities of crude water extracts of Thai medicinal plants.  Phytomedicine 1999;6(6): 411-9.
  • Tanasomwang W.  The screening of anti-inflammatory action of Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau : a critical evaluation of carrangeenan-induced hind paw edema model.  MS Thesis, Mahidol Univ, 1986.
  • Yoosook C, Panpisutchai Y, Chaichana S, Santisuk T, Reutrakul V.  Evaluation of anti-HSV-2 activities of Barleria lupulina and Clinacanltus nutans.  J Ethnopharmacol 1999;67:179-87.
  • Suntararuks S, Satayavivad J, Vongsakul M, Wanichanon C, Thiantanawat A, Akanimanee J.  The study of immunologic effects of Clinacanthus nutans extract in male Wistar rats.  The Fourth Princess Chulabhorn International Science Congress Chemicals in the 21st Century, 28 Nov–2 Dec 1999, Bangkok, Thailand: P-24.



Tags : พญายอ

15
งาดำ
ชื่อสมุนไพร งาดำ
ชื่อสามัญ  Black Sasame seeds Black
ชื่อวิทยาศาสตร์ Sesamum indicum Linn
สกุล Pedaliaceae
บ้านเกิดเมืองนอน  งามีบ้านเกิดเมืองนอนในทวีปแอฟริกา รอบๆประเทศเอธิโอเปีย แล้วแผ่กระจายไปยังอินเดีย จีน และประเทศต่างๆในแถบทวีปเอเชียรวมทั้งเมืองไทยด้วย ส่วนในประเทศอินเดียมีการบอกว่ามีการปลูกงามาแล้วหลายพันปี ก่อนที่จะพ่อค้าชาวอาหรับ แล้วก็เมดิเตอร์เรเนียลจะนำงาไปปลูกแถบอาหรับ และก็ ยุโรป
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีผู้เจอหลักฐานว่า ชาวบาบิโลนในประเทศโซมาเลียมีการปลูกงามาเป็นเวลานานกว่า 2,500 ปี ก่อนคริสตกาล และก็ใช้นํ้ามันงาสำหรับทำยา แล้วก็อาหาร ซึ่งมีบันทึกใน Medical Papyrus of Thebes กล่าวว่า ทหารโรมันได้นำงาไปปลูกเอาไว้ในประเทศอิตาลีในคริสศตวรรษที่ 1 แต่ว่าปรากฏว่าสภาพภูมิอากาศไม่เหมาะสมกับการปลูก แล้วก็ในช่วงปลายศตวรรษที่17 แล้วก็18 มีการนำงามาปลูกภายในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยทาสชาวแอฟริกัน
ด้านการใช้คุณประโยชน์จากงาดำนั้นอินเดีย จีน และก็ประเทศอื่นๆในแถบเอเซียจะใช้งาทำเป็นนํ้ามันเพื่อประกอบอาหาร ส่วนชาวยุโรปจะนำงามาทำเค้ก ไวน์ และนํ้ามัน รวมถึงใช้ในการประกอบอาหาร แล้วก็เป็นเครื่องหอม ส่วนชาวแอฟริกันใช้ใบงาทำ ตะไล และก็พอกผิวหนัง และก็ใช้เป็นสารไล่แมลงให้สัตว์เลี้ยงฯลฯ
ลักษณะทั่วไป
งาดำ เป็นไม้ล้มลุกที่แก่ฤดูเดียว มีลำต้นตั้งตรง อาจแตกกิ่งไหมแตกกิ่งกิ่งก้านสาขา ลำต้นสูงประมาณ 50-150 ซม. ลำต้นมีลักษณะสีเหลี่ยม มีร่องตามแนวยาว ไม่มีแก่น มีลักษณะอวบน้ำ และมีขนสั้นปกคลุม เปลือกลำต้นบาง มีสีเขียว  ใบงาดำ ออกเป็นใบผู้เดียว เรียงตรงกันข้ามกันเป็นชั้นๆตามความสูง มีก้านใบสั้น ยาวโดยประมาณ แผ่นใบมีรูปหอก สีเขียวสด กว้างโดยประมาณ 3-6 เซนติเมตร ยาวโดยประมาณ 8-16 ซม. โคนใบมนกว้าง ปลายใบแหลม ขอบใบหยักน้อย มีเส้นกิ่งก้านสาขาใบตรงข้ามกันเป็นคู่ๆยาวถึงขอบของใบ ดอกงาดำเป็นดอกผู้เดียวหรือเป็นกรุ๊ปตรงซอกใบ จำนวน 1-3 ดอก ดอกย่อยมีก้านดอกสั้น มีกลีบรองดอก จำนวน 5 กลีบ ส่วนกลีบดอกมีลักษณะเป็นกรวย ห้วยลงดิน กลีบดอกอ่อนมีสีเขียวอมเหลือง กลีบเมื่อบานมีสีขาว ยาวราว 4-5 ซม. แบ่งเป็น 2 ส่วนหมายถึงกลีบข้างล่าง แล้วก็กลีบบน โดยกลีบล่างจะยาวกว่ากลีบบน ข้างในดอกมีเกสรตัวผู้ 2 คู่ มี 1 คู่ยาว ส่วนอีกคู่สั้นกว่า ส่วนเกสรตัวเมียมี 1 อัน มีก้านเกสรยาว 1.5-2 ซม. ปลายก้านเกสรเว้าแหว่งเป็น 2-4 แฉก  ผลงาดำเรียกว่า ฝัก มีลักษณะทรงกระบอกยาว ผิวฝักเรียบ ปลายฝักแหลมเป็นติ่ง รวมทั้งแบ่งออกเป็นร่องพู 2-4 ร่อง กว้างราวๆ 1 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2-3 ซม. ฝักอ่อนมีสีเขียว และก็มีขนปกคลุม ฝักแก่กลายเป็นสีน้ำตาล แล้วก็เบาๆกลายเป็นสีดำอมเทา หลังจากนั้น ร่องพูจะปริแตก เพื่อให้เม็ดร่วงลงดิน  ด้านในฝักมีเมล็ดขนาดเล็ก สีดำมากมาย เมล็ดเรียงซ้อนในร่องพู เม็ดมีรูปรี รวมทั้งแบน ขนาดเมล็ดราวๆ 2-3 มม. เปลือกเมล็ดบางมีสีดำ มีกลิ่นหอมหวน แต่ละฝักมีเม็ดราวๆ 80-100 เม็ด
การขยายพันธุ์ งาดำเพาะพันธุ์ด้วยการใช้เมล็ด ซึ่งนิยมนำมาปลูกร่วมกัน 2 แบบเป็นการหว่านเมล็ด และโรยเม็ดเป็นแนว แบ่งตอนปลูกออกเป็น 3 ช่วง เป็น

  • ตอนต้นหน้าฝน ประมาณพฤษภาคม-มิถุนายน และเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนกรกฎาคม-เดือนสิงหาคม
  • ช่วงปลายหน้าฝน โดยประมาณเดือนกรกฎาคม-ส.ค. และก็เก็บเกี่ยวในช่วงเดือนกันยายน-เดือนตุลาคม
  • ช่วงหลังการเก็บเกี่ยวข้าว ประมาณพ.ย.-ธันวาคม และเก็บเกี่ยวในช่วงมกราคม-ก.พ.


การเตรียมแปลงปลูก ในพื้นที่ที่มีระบบชลประทานเข้าถึง สามารถปลูกงาดำได้ทุกฤดู ส่วนพื้นที่ที่ไม่มีระบบชลประทานมักปลูกในพักหลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ
พื้นที่แปลงปลูกต้องไถกลบดิน 1 รอบก่อน แล้วก็ตากดินนาน 7-10 วัน แล้วต่อจากนั้น หว่านด้วยปุ๋ยมูลสัตว์ ราวๆ 1-2 ตัน/ไร่ ก่อนไถกระพรวนดินกลบอีกครั้ง หรือหว่านปุ๋ยธรรมชาติตั้งแต่ตอนไถรอบแรก (ใช้สำหรับพื้นที่ไม่รกมากมาย) เนื่องจากรอบถัดมาจะเป็นการหว่านเม็ดได้เลย ส่วนการปลูกแบบหยอดเมล็ด ให้ไถร่องตื้นหรือใช้คราดดึงทำแนวร่องก่อน
การปลูก

  • การปลูกแบบหว่านลงแปลง หลังไถกลบรอบแรกหรือไถพรวนดินในรอบ 2 แล้ว ให้หว่านเมล็ดงาดำ อัตรา 0.5-1 กิโล/ไร่ ควรจะหว่านเม็ดให้กระจัดกระจายให้เยอะที่สุด ก่อนไถกระพรวนหน้าดินตื้นๆกลบ
  • การปลูกแบบหยดเม็ดเป็นแนว หลังไถชูร่องหรือดึงคราดทำแนวร่องเสร็จ ให้โรยเมล็ดตามความยาวของร่อง ให้เม็ดห่างกันอย่างสม่ำเสมอ ใช้เมล็ดในอัตราเดียวกับการหว่านเม็ด ก่อนคราดหรือเกลี่ยหน้าดินกลบ


การรักษา ข้างหลังการหว่านเม็ด ถ้าหากปลูกเอาไว้ภายในช่วงแล้ง เกษตรมักติดตั้งระบบให้น้ำ ซึ่งควรจะให้เสมอๆ 2-3 ครั้ง/อาทิตย์ ส่วนการปลูกไว้ในหน้าฝน เกษตรมักปล่อยให้งาดำเติบโตโดยอาศัยน้ำฝนจากธรรมชาติ ทั้งนี้ หากเจอโรคหรือแมลงให้ฉีดพ่นด้วยสารเคมีกำจัด ส่วนการใส่ปุ๋ย ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ในระยะ 1-1.5 เดือน แรกข้างหลังปลูก รวมทั้งอาจใส่ร่วมกับปุ๋ยหมัก อัตรา 1-2 ตัน/ไร่ ส่วนการกำจัดวัชพืช ให้ลงแปลงถอนวัชพืชด้วยมือเสมอๆ ทุก 2 ครั้ง/ เดือน โดยยิ่งไปกว่านั้นใน 1-1.5 เดือนแรก
การเก็บเกี่ยวผลิตผล งาดำ สามารถเก็บเกี่ยวเม็ดได้หลังการปลูกราว 70-120 วัน ขึ้นกับสายพันธุ์ โดยสังเกตจากฝักที่เริ่มกลายเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาลอมดำ ส่วนใบจะเริ่มสีเหลือง แล้วก็บางพันธุ์มีการร่วงแล้ว ดังนี้ จะต้องเก็บฝักก่อนที่เปลือกฝักจะปริแตก ส่วนชนิดงาดำที่นิยมปลูกในขณะนี้นั้นมีด้วยกัน 4 ชนิดเป็น

  • งาดำ จังหวัดบุรีรัมย์ จัดเป็นพันธุ์ประจำถิ่น มีลักษณะเด่นเป็นฝักแบ่งได้ 4 กลีบใหญ่ เม็ดมีขนาดใหญ่ สีเกือบดำสนิท มีอายุเก็บเกี่ยวปานกลาง ราว 90-100 วัน ให้ผลผลิต ราว 60-130 โล/ไร่
  • งาดำ นครสวรรค์ จัดเป็นประเภทพื้นบ้านที่นิยมมากมายในแทบทุกภาค โดยเฉพาะภาคกลาง เหนือ รวมทั้งอีสาน มีลักษณะเด่นหมายถึงลำต้นค่อนข้างจะสูง มีการเลื้อย รวมทั้งแตกกิ่งก้านมากมาย ใบมีขนาดใหญ่ มีลักษณะค่อนข้างจะกลม ส่วนเม็ดมีสีดำ อวบ รวมทั้งขนาดใหญ่ แก่เก็บเกี่ยวปานกลาง ประมาณ 95-100 วัน ได้ผลผลิต 60-130 กก./ไร่
  • งาดำ มก.18 เป็นจำพวกงาดำแท้ ที่พัฒนาขึ้นโดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในตอนปี 2528-2530 ที่ได้จากการผสมของงาพันธุ์ col.34 กับงาดำ จังหวัดนครสวรรค์ มีลักษณะเด่นหมายถึงลำต้นค่อนข้างสูง มีการเลื้อย แม้กระนั้นไม่แตกกิ่ง ลำต้นมีข้อสั้น ทำให้จำนวนของฝักต่อต้นสูง เม็ดมีสีดำสนิท 1,000 เม็ด มีน้ำหนักประมาณ 3 กรัม หากในฤดูฝนจะแก่การเก็บเกี่ยวประมาณ 85 วัน ถ้าปลูกฤดูหนาวหรือหน้าแล้ง แก่การเก็บเกี่ยว ราวๆ 90 วัน ได้ผลผลิต แต่ค่อนข้างสูง ในตอน 60-148 โล/ไร่
  • งาดำ มข.2 เป็นชนิดไม่ไวต่อตอนแสงสว่างที่ปรับปรุงขึ้นโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีชนิดดั้งเดิมเป็นงาดำ ชนิด ซีบี 80 ที่นำเข้ามาจากเมืองจีน มีลักษณะเด่นหมายถึงลำต้นสูงประมาณ 105-115 ซม. ลำต้นมีการแตกกิ่ง แต่แตกน้อย ราวๆ 3-4 กิ่ง/ต้น เมล็ดสีดำสนิท 1,000 เมล็ด หนักราวๆ 2.77 กรัม แก่เก็บเกี่ยวสั้นกว่าชนิดอื่นๆประมาณ 70-75 วัน ได้ผลผลิตปานกลางถึงสูง ราวๆ 80-150 กก./ไร่ เป็นพันธุ์ที่ทนแล้ง แล้วก็ต่อต้านต่อโรค เน่าดำได้ดี
ส่วนประกอบทางเคมี
ในเม็ดมีน้ำมันอยู่ราว 45-55% ประกอบด้วยกรดไขมันตัวอย่างเช่น oleic acid, linoleic acid, palmitic acid, stearic acid, นอกเหนือจากนั้นยังมี สารกลุ่ม lignan, ชื่อ Sesamin , sesamol, 
d-sesamin, sesamolin, สารอื่นๆอาทิเช่น sitosterol  (สารกันเหม็นหืนคือ sesamol ทำให้น้ำมันงาไม่กลิ่นหืน)
                ยิ่งไปกว่านี้งาดำยังมีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
ค่าทางโภชนาการของงาดำ (งาดำ 100 กรัม)
น้ำ                           4.2          กรัม
พลังงาน                 603         กิโลแคลอรี่
โปรตีน                    20.6        กรัม
ไขมัน                       48.2        กรัม
คาร์โบไฮเดรต                        21.8        กรัม
ใยอาหาร                                9.9          กรัม
ขี้เถ้า                           5.2          กรัม
แคลเซียม                               1228       มก.
เหล็ก                       8.8          มก.
ฟอสฟอรัส                              584         มก.
 
ไทอะมีน                 0.94        มิลลิกรัม
ไรโบฟลาวิน                           0.27        มิลลิกรัม
ไนอะซีน                  3.5          มิลลิกรัม
กรดกลูดามิก                         3.955     กรัม
กรดแอสพาร์ว่ากล่าวก                     1.646     กรัม
เมไธโอนีน                              0.586     กรัม
ทรีโอนีน                  0.736     กรัม
ซีสคราวอีน                   0.358     กรัม
ซีรีน                         0.967     กรัม
ฟีนิลอะลานีน                        0.940     กรัม
อะลานีน                 0.927     กรัม
อาร์จินีน                 2.630     กรัม
โปรลีน                    0.810     กรัม
ไกลซีน                    1.215     กรัม
ฮิสทิดีน                   0.522     กรัม
ทริปโตเฟน                             0.388     กรัม
ไทโรซีน                   0.743     กรัม
วาลีน                      0.990     กรัม
ไอโซลิวซีน                              0.763     กรัม
ลิวซีน                      1.358     กรัม
ไลซีน                       0.569     กรัม
ธาตุแคลเซียม                        975         มก.
ธาตุเหล็ก                               14.55     มิลลิกรัม
ธาตุซีลีเนียม                          5.7          มก.
ธาตุโซเดียม                           11           มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส                      629         มก.
ธาตุสังกะสี                            7.75        มก.
ธาตุโพแทสเซียม                   468         มก.
ธาตุแมกนีเซียม                     351         มก.
ธาตุแมงกานีส                       2.460     มก.
ธาตุทองแดง                          4.082     มิลลิกรัม
 
คุณประโยชน์/สรรพคุณ งาดำนิยมนำมาใช้เป็นสัดส่วนผสมของขนมต่างๆตัวอย่างเช่น ไอศกรีมงาดำ , คุกกี้งาดำ , เค้กงาดำ , นมงาดำ , กระยาสารท ฯลฯ หรือใช้เป็นส่วนผสมภัณฑ์เสริมความสวยงามต่างๆดังเช่นว่า สบู่ ครีมที่เอาไว้สำหรับดูแลผิว อื่นๆอีกมากมาย ส่วนสรรพคุณทางยาของงาดำนั้นสามารถช่วยบำรุงร่างกายแทบทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็น ผม ผิวพรรณ กระดูก เล็บ ระบบขับถ่าย การบำรุงหัวใจ จึงเหมาะกับทุกวัย แม้กระทั่งเด็กที่มีลักษณะป่วยไข้อยู่แล้ว หรือเพศหญิงที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทอง งาดำจะจำเป็นมากอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยคุ้มครองโรคภาวะกระดูกพรุนอย่างได้ผล โดยในหนังสือเรียนยาไทยบอกว่า ใช้น้ำมันระเหยยากที่บีบจากเมล็ด หุงเป็นน้ำมันใส่รอยแผล และก็ผสมเป็นน้ำมันทาถูนวดแก้เคล็ดลับปวดเมื่อย บวมช้ำ ปวดบวม ลดการอักเสบ ใส่แผลรักษาอาการผื่นคัน ทำน้ำมันใส่ผม เป็นยาระบายอ่อนๆทาผิวหนังให้นุ่มและเปียกชื้น หญิงไทยโบราณใช้ทาเพื่อประทินโฉมผิว สรรพคุณท้องถิ่นกล่าวว่า เมล็ด นำมาซึ่งกำลัง ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย แต่ว่าทำให้ดีกำเริบ น้ำมัน ทำน้ำมันใส่แผล ใส่แผลเน่า มักใช้ผสมยาทาสำหรับกระดูกหัก บำรุงเอ็น ไขข้อ ทานวดแก้เคล็ดลับยอก ปวดบวม หรือใช้ทาบำรุงรากผม
ตำรับยาสมุนไพรล้านนา: ใช้รักษาโรคผิวหนัง ขี้กลาก โรคเกลื้อน น้ำร้อนลวก ไฟไหม้
           ตำรับยาน้ำมันที่ระบุในหนังสือเรียนพระยารักษาโรคพระนารายณ์: มีรวม 3 ตำรับ ที่ใช้น้ำมันงาเป็นองค์ประกอบ ดังต่อไปนี้ “น้ำมันทรงแก้พระเส้นผมร่วง (ผมหล่น)ให้คันให้หงอก” ประกอบด้วยสมุนไพร 19 จำพวก เอามาต้มแล้วกรองกากออก เติมน้ำมันงา แล้วหุงให้เหลือแค่น้ำมันใช้แก้พระเกศาเธอ คัน ขาว “น้ำมันแก้เปื่อยพังทลาย” มีสรรพคุณ แก้ขัดค่อยหรือฉี่ไม่ออก แก้ปวดขบ แก้หนอง มีรวม 2 ตำรับ แต่ละตำรับ มีสมุนไพร 12 ชนิด แล้วก็น้ำมันงาพอสมควร หุงให้เหลือแค่น้ำมัน ยานี้ใช้ ยอนเป่าเข้าไปในลำกล้องถ่ายภาพ (ทางเดินปัสสาวะในองคชาติ)
ส่วนหนังสือเรียนหมอแผนปัจจุบันบอกว่าสารออกฤทธิ์ในงาดำมีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ ต่อต้านการอักเสบ ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ต่อต้านเซลล์มะเร็ง  รักษาอาการไอ จากการกำหนดสมรรถนะการดูแลรักษาโรคของเม็ดงาโดยฐานข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ที่ว่าช่วยทุเลาอาการไอ นับเป็นประโยชน์ข้อเดียวของงาดำรวมทั้งงาขาวที่มีข้อมูลมากที่สุดในปัจจุบัน  ลดระดับคอเลสเตอรอล น้ำมันงายอดเยี่ยมในน้ำมันจากพืชที่กล่าวกันว่าดีต่อสุขภาพ โดยเชื่อว่าอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นไขมันประเภทดีที่ช่วยลดจำนวนคอเลสเตอรอลและในน้ำมันงานี้ยังพบไขมันอิ่มตัวในปริมาณน้อย วัยทอง หญิงที่เข้าสู่วัยหมดระดูซึ่งเป็นภาวะของความเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและจิตใจจากการที่ร่างกายไม่ผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนอีกต่อไป บางทีอาจได้ใช้ประโยชน์จากสารเซซาไม่น (Sesamin) ในเมล็ดงาที่มั่นใจว่าเมื่อไปสู่ร่างกายจะถูกจุลชีพในลำไส้เปลี่ยนไปเป็นสารสำคัญอย่างเอนเทอโรแลกโตน (Enterolactone) ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์เอสโตรเจนและก็มีองค์ประกอบทางเคมีเหมือนฮอร์โมนเอสโตเจนของผู้หญิงอย่างไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogens) งาเป็นอาหารที่มีแร่มากมายที่สำคัญหมายถึงธาตุเหล็ก ไอโอดีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส โดยปริมาณแคลเซียมที่เจอจะมีมากยิ่งกว่าผักทั่วไปกว่า 40 เท่า แล้วก็ธาตุฟอสฟอรัสมากกว่าผักทั่วไปกว่า 20 เท่า ซึ่งเป็นธาตุที่ปฏิบัติภารกิจสร้างเสริมกระดูก โดยเฉพาะเด็กเล็ก รวมทั้งสตรีวัยหมดประจำเดือน กรดไขมันไลโนเลอิค และกรดไขมันจำพวกโอเลอิค ช่วยในการลดระดับไขมันประเภทต่างๆในเส้นโลหิต รวมทั้งช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดเกล็ดเลือด และก็ลิ่มเลือด  งามีคาร์โบไฮเดรตในปริมาณตํ่า แต่ว่ามีวิตามินบีทุกชนิดสูงจึงนับได้ว่างามีวิตามินบีอยู่ดูเหมือนจะทุกชนิด ก็เลยมีสรรพคุณช่วยทำนุบำรุงระบบประสาท บำรุงสมอง ทุเลาอาการเหน็บชา แก้ร่างกายอ่อนแรง แก้ลักษณะของการปวดเมื่อย รวมทั้งแก้การเบื่ออาหาร  งามีปริมาณใยอาหารในปริมาณสูง ปฏิบัติหน้าที่เสริมสร้าง แล้วก็กระตุ้นรูปแบบการทำงานของลำไส้ การย่อย การดูดซึม แล้วก็การขับถ่าย ช่วยคุ้มครองปกป้องอาการท้องผูก ยับยั้ง และดูดซับสารพิษ พร้อมขับออกทางอุจจาระ ทำให้ป้องกันโรคมะเร็งในลำไส้ และควบคุมระดับไขมันในเลือด      กรดไลโนเลอิคเจอในเม็ดงาเยอะแยะ เป็นกรดที่มีบทบาทสำคัญต่อการเติบโต และช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง เนื่องจากว่าทำให้ผนังเซลล์ด้านในข้างนอกทำงานอย่างธรรมดา
แบบ/ขนาดวิธีใช้ ในปัจจุบันงาดำนั้นโดยมากจะนิยมเอามาทำเป็นขนมหรือส่วนประกอบของของหวานแล้วก็สินค้าที่ใช้บริโภคมากยิ่งกว่าการใช้คุณประโยชน์ในด้านอื่นๆแต่ก็มีตำรายาไทยแผนโบราณที่ได้กำหนดจำนวนการใช้เพื่อบำบัดรักษาโรคต่างๆดังเช่นว่า

  • รักษาอาการปวดตามข้อ ใช้งาคั่วรับประทาน 2-3 ช้อนโต๊ะ 2-3 อาทิตย์
  • รักษาอาการอ่อนแรง เมื่อตามร่างกาย รับประทานงาคั่ว 2-3 ช้อนโต๊ะ 2-3 อาทิตย์
  • รักษาอาการเหน็บชา คั่วเม็ดงา 1 ลิตร ร่วมกับรำข้าว 1 ลิตร และกระเทียมหั่น 1 กำมือ แล้ว ตำบดผสมกัน แล้วก็ผสมน้ำผึ้งหรือน้ำตาลกิน 1 เดือน
  • รักษาอาการคัดจมูก ใช้งาคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับอาหารสุกหรือนมถั่วเหลืองกิน 2-3 วัน
  • รักษาอาการเป็นหวัด กินงาคั่ว วันละ 4 ช้อนโต๊ะ
  • รักษาอาการท้องผูก ใช้งาคั่วผสมกับเกลือรับประทานร่วมกับข้าว
  • รักษาลักษณะของการปวดรอบเดือน รับประทานงาผง ½ ช้อนชา วันละ 2 ครั้ง
  • ใช้บำรุงสมอง และก็ระบบประสาท ใช้งาคั่วผสมกับมะขามป้อม และน้ำผึ้ง กินวันละ 1 ครั้ง
การเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ลดการอักเสบ      สาร sesamin จากน้ำมันเมล็ดงา เมื่อทำการทดสอบโดยผสมลงในของกินของหนูถีบจักร และป้อนให้หนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการติดโรค รวมทั้งการอักเสบที่ลำไส้ใหญ่ ซึ่งหนูที่มีการอักเสบจะมีการหลั่งสาร dienoic, eicosanoids, TNF-a (tumor necrosis factor-a) แล้วก็ cyclooxygenase เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากผลการทดลอง พบว่าสาร sesamin ในน้ำมันเม็ดงา มีฤทธิ์ลดการอักเสบที่ลำไส้ของหนูได้ โดยลดการผลิตสารจำพวก Prostaglandin E2 (PGE2), Thromboxane B2 (TXB2) และ TNF-a อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (1) เมื่อทำทดสอบในชายปกติ 11 คน โดยฉีดสารที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการอักเสบ Auromyose ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ของ TNF-a, PGE2 แล้วก็ leukotriene B4 (LTB4) หลังจากนั้นให้ชายทั้งยัง 11 คน รับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของน้ำมันงา 18 กรัม/วัน นาน 12 อาทิตย์ และทำวัดระดับ TNF-a, PGE2  และ LTB4 ในกระแสโลหิตทั้งยังก่อนและข้างหลังให้อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของน้ำมันงา พบว่าระดับของสารที่ทำให้มีการเกิดการอักเสบดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง แปลว่าน้ำมันงาไม่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ (2) 0.5 ก. ของสารสกัดเมทานอล 100% จากเม็ดงา 100 ก. ไม่มีผลยั้ง cyclooxygenase 2 รวมทั้ง nitric oxide ในเซลล์ RAW 264.7 ที่ถูกรั้งนำโดย lipopolysaccharide (3)
ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย        สารสกัดอัลกอฮอล์หรืออะซีโตนจากเมล็ดงา ความเข้มข้น 25 มคก./มิลลิลิตร (4) แล้วก็สารสกัดเอทานอล 80% จากใบ ลำต้น ราก และผล ความเข้มข้น 500 มิลลิกรัม/มล. (5) ไม่เป็นผลยับยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus (4, 5) และเชื้อ Pseudomonas aeruginosa (5)
การเรียนรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของงาดำและก็งาขาวที่ช่วยรักษาอาการไอ เป็นการทดลองในเด็กอายุ 2-12 ปี จำนวน 107 คน ที่มีลักษณะอาการไอจากหวัด โดยให้รับประทานน้ำมันงา 5 มล.ก่อนนอนติดต่อกัน 3 วัน เพื่อลดความร้ายแรงรวมทั้งความถี่ของการไอ ผลสรุปพบว่าในวันแรกอาการไอของเด็กที่รับประทานน้ำมันงาดียิ่งขึ้นกว่ากลุ่มรับประทานยาหลอก แม้กระนั้นอยู่ในระดับไม่มากเท่าไรนัก แล้วก็เมื่อผ่านไป 3 วัน เด็กทั้ง 2 กลุ่มต่างมีลักษณะอาการ และไม่พบว่าการใช้น้ำมันงานำมาซึ่งผลข้างเคียงอะไรก็ตามทำการวิจัยคนเจ็บที่เจ็บในโรงหมอทั้งหมด 150 คน โดยกลุ่มหนึ่งให้การรักษาโดยใช้การทาน้ำมันงาควบคู่ไปกับการดูแลและรักษาธรรมดา ส่วนอีกกรุ๊ปให้การรักษาปกติเพียงอย่างเดียว ผลปรากฏว่าน้ำมันงาช่วยลดความรุนแรงของความเจ็บปวดรวมทั้งนำมาซึ่งการทำให้คนไข้กินยาแก้ปวดน้อยลง
แผนกแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ศึกษาและทำการค้นพบว่าในเมล็ดงาดำ มีสารเซซาไม่นอยู่ด้านในซึ่งสารตัวนี้สามารถที่จะช่วยสำหรับเพื่อการยั้งการพัฒนาเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์สลายกระดูก ที่ให้กำเนิดโรคข้อเสื่อม โรคกระดูกพรุน ได้โดยจะเข้าไปทำให้แคลเซียมประสานกับกระดูกมากขึ้นยิ่งไปกว่านี้ยังช่วยในเรื่องของโรคสมอง ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดตันในสมองเส้นเลือดแตก ที่ทำให้เป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตโดยสารเซซามินจะเข้าไปช่วยปกป้องรักษาเซลล์ประสาทที่ยังดีอยู่ แล้วก็ช่วยฟื้นฟูเซลล์ประสาทที่ย่อยสลายสุดท้ายก็เป็นโรคโรคมะเร็ง ที่นับว่าเป็นโรคที่เกิดมากมายเป็นชั้น 1 เวลานี้ซึ่งเซลล์มะเร็งนั้นจะแพร่ไปไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากว่ามีเส้นโลหิตใหม่ที่เกิดขึ้นมาแล้วไปสร้างการหล่อเลี้ยงให้กับเซลล์ของโรคมะเร็งนั้นๆจากนั้นก็จะแพร่ไปเรื่อยซึ่งสารเซซาไม่น ก็จะเข้าไปปกป้องรักษาเซลล์กับตัดวงจรหรือลดเส้นเลือดใหม่ที่เป็นน้ำเลี้ยงให้กับเซลล์ของมะเร็งพร้อมทั้งค่อยๆฟื้นฟูสภาพเซลล์ให้คืนมา
โดยผลของการวิจัยในห้องแลปที่ได้ร่วมกับนักศึกษาปริญญาโท ได้ทดสอบกับไข่ไก่ที่ธรรมดาหลังจากนั้นได้ทำฉีดเซลล์หรือพิษเข้าไป ก็พบว่าไข่ไก่จะกำเนิดอาการเป็นพิษหรือคล้ายกับการเป็นโรคมะเร็ง จากนั้นก็ทำการฉีดสารเซซาไม่น เข้าไปก็พบว่าการฟื้นฟูของเซลล์เริ่มกลับคืนมาแล้วก็ได้ทดลองด้วยการฉีดสารเซซามินเข้าไปในไข่ไก่ธรรมดา แล้วเมื่อเวลาผ่านไป 6 ชั่วโมงถึงฉีดสารพิษ หรือเซลล์มะเร็งเข้าไป ก็พบว่ามีการปกป้องเซลล์ได้มากกว่าไข่ไก่ที่ไม่ถูกฉีดสารเซซาไม่นอย่างเห็นได้ชัด
การเรียนทางพิษวิทยา

  • การทดสอบความเป็นพิษ เมื่อฉีดสารสกัดเม็ดด้วยเอทานอลรวมทั้งน้ำ (1:1) เข้าทางช่องท้องของหนูถีบจักร พบว่าขนาดที่ทำให้หนูตายเป็นปริมาณครึ่งเดียว (LD50) มีค่าพอๆกับ 500 มิลลิกรัม/กก. น้ำมันจากเม็ดงาไม่เจาะจงความเข้มข้น พบว่ามีพิษต่อเซลล์เม็ดเลือดแดง รวมทั้งเมื่อฉีดน้ำมันจากเมล็ดงาเข้าทางเส้นเลือดดำของกระต่าย พบว่า MIC มีค่าเท่ากับ 0.74 มล./กิโลกรัม เมื่อป้อนอาหารที่มีส่วนผสมของข้าวโพด เม็ดฝ้าย น้ำมันมะกอก และน้ำมันงาให้กับหนูเพศผู้-เมีย ในขนาด 0.1, 0.5% ของของกินเป็นเวลานาน 105 วัน พบว่าหนูทุกตัวมีการเปลี่ยนแปลงของระดับไขมันที่ตับ และในหนูเพศเมีย เนื้อเยื่อที่
ต่อม thyroid ชนิด microfollicular จะมีจำนวนเซลล์เพิ่มขึ้นมากผิดปกติ  และในหนูทุกตัวที่ป้อนอาหารที่มีส่วนผสมในขนาด 0.5% ของอาหาร พบว่าน้ำหนักของหัวใจเพิ่มมากขึ้น

  • ทำให้เกิดอาการแพ้ มีรายงานว่าคนรับประทานเมล็ดงา แล้วเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง เช่น ในคนเพศชายพบว่ามีอาการแพ้ด้วยการสูดดม และทำ skin prick tests ผล positive และเมื่อรับประทานเมล็ดงาขนาด 2 มก./วัน พบว่าเกิดอาการผื่นขึ้นคล้ายลมพิษ นอกจากนี้มีรายงานในคนเพศหญิง เมื่อรับประทานเมล็ดงาขนาด 10 ก./คน และสูดดม พบว่าเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง มีอาการหอบ จมูกอักเสบ และมีผื่นขึ้นคล้ายลมพิษ และมีรายงานว่าผู้ที่รับประทานเมล็ดงา  และเกิดอาการแพ้แบบ anaphylactic shock เนื่องจากสารในเมล็ดงาไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันชนิด non-IgE ผู้ป่วยอายุ 46 ปี เกิดอาการแพ้หลังจากการใช้น้ำมันงาในเยื่อหุ้มฟัน ทำให้เกิด anaphylactic shock ด้วยเช่นกัน มีรายงานในผู้ป่วยที่รับประทานอาหารที่มีงาเป็นส่วนผสม และเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง 10 ราย ผู้ป่วยทุกคนทำ skin prick test ต่องา และตรวจ IgE antibodies พบว่าได้ผล positive ทั้ง 2 ชนิด ทุกคน  และพบว่าสารที่ทำให้เกิดการแพ้อย่างรุนแรงในงาคือ 2S albumin
  • พิษต่อระบบสืบพันธุ์ สารสกัดเมล็ดด้วยบิวทานอล เอทานอล (95%) และน้ำ เมื่อป้อนให้กับหนูขาวเพศเมียขนาด 3.05 ก./กก. กรอกเข้าทางกระเพาะอาหาร พบว่าไม่มีผลต้านการฝังตัวของตัวอ่อน สารสกัดเมล็ดด้วยเอทานอล เมื่อป้อนให้กับหนูขาวที่ตั้งครรภ์ขนาด 200 มก./กก. กรอกเข้าทางกระเพาะอาหาร พบว่าไม่มีผลทำให้แท้ง และไม่มีผลต้านการฝังตัวของตัวอ่อน สารสกัดเมล็ดด้วยเอทานอล:น้ำ (1:1) เมื่อป้อนให้กับหนูขาวเพศเมียทางปากขนาด 200 มก./กก.  พบว่าไม่มีพิษต่อตัวอ่อน สารสกัดเมล็ดด้วยเบนซีนและปิโตรเลียมอีเทอร์  เมื่อป้อนให้กับหนูขาวที่ตั้งครรภ์ทางสายยางให้อาหารขนาด 150 มก./กก. พบว่าไม่เป็นพิษต่อตัวอ่อน น้ำมันจากเมล็ดงาเมื่อป้อนให้หนูที่ตั้งครรภ์ทางสายยางสู่กระเพาะอาหาร ในขนาด 4 มล./ตัว  โดยให้ในช่วงสัปดาห์ที่ 6-10 ของการตั้งครรภ์ พบว่าไม่มีผลทำให้เกิดความพิการของตัวอ่อน
  • พิษต่อเซลล์ สารสกัดทั้งต้นด้วยเอทานอล (90%) ขนาด 0.25 มก./มล. พบว่ามีพิษต่อเซลล์เม็ดเลือดขาวในคน (Lymphocytes Human) และสารสกัดเดิมเมื่อทำการทดสอบกับ Cells vero, Cell-CHO (Chinese Hamster Ovary) และเซลล์ Lymphoma Daltons

หน้า: [1] 2 3 ... 7