รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - ณเดช2499

หน้า: [1] 2 3 ... 6
1

ขายพลูคาว มะละกอ เป็นไม้ผลที่มีเนื้อในสีเหลืองส้ม ห่อด้วยเปลือกชั้นนอกบางๆสีเขียว เปลี่ยนเป็นสีส้มหรือแดงเมื่อผลใกล้สุกสุดกำลัi;i;งแล้ว แม้ยังผิดผ่าออก มะละกอจะไม่ส่งกลิ่นใดๆก็ตามแต่เมื่อylylrhtrถูกyltปอกแล้วก็จำหน่ายพลูคาวผ่าจนกระทั่งมองเห็นเนื้rk78l7lอใน มะละกdejyukuอจะส่งกลิ่นหอมหวานออกมา นytอกเหนือจuliolากคนจะนิยมlkuluytlyioรับประทานมะละกอสุกคือผลykyukuklไม้ของว่างแล้ว มะละกอยังถูกเอามาเตdekutklulรียl;iมอาหารไtliy;;ทยหลายแบบ โดยเฉพาะตำส้ม ของกินยอดนิยมและก็ลือชื่อเป็นเอilkกลักษณ์อย่างหนึ่งของเมือu;i;;yงไทยมะละกอในoiด้ulานคุณประโยชน์ทางโภชนาการ มะละกอtlgioคือผลไม้ที่ประกอบไปด้วยสารอาหululารนานาประเภทที่ulมีสาulระต่อร่าlkงกkuilาย ขายพลูคาวมีแคลอรี่ต่ำ ปราศจากไขมันหรืyi;iotluอคอtkjเลสเตอรอล แi;ล้วก็ยังเป็นแหล่งอาหารi;lที่สำคัญของวิตามินเอ วิตามินซี โพi;io;i;แทสเซีi;ยม โฟเลต แล้วก็เส้i;นใยอาหาร จำหน่ายพลูคาวยิ่งกว่านั้น ในมะละกulอยังมีสารikuiliol;พาเพนul(Papain) ซึ่งulเป็นเอulio;lนไซม์ที่ช่ilวยย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และก็ไข;iมันได้เป็นอrhtyย่างดี เuylioกิดผลดีต่อกระilioบวนการเสื่อมสภาพอาหารพวlioll;ulกเนื้อสัuilioulตว์ที่ถูก;ftรับประทานเข้าไป และยังมีสารค;loipาร์เพน (Carpain) ที่คาดว่าtlอาจมีฤทธิ์ในการulาทำลายปรสิต ulรวมทั้งมีผลดีต่อระบบประสาทได้;i;oอีกด้วยโดยเหตุนั้น ผลแล้วก็ใบของมะละกอจึงเชื่อว่าyukมีสาระ;ioต่อร่างกายในด้านต่lาkl9uงๆylและก็บางทีi;tอาจสามารถนำlioมาใช้รักษาทุเลาลักษณะการป่วยอะไรบางอย่างได้ อาทิi;oช่น ช่วยทำให้ประสาทผ่อนคลาย ช่วยขับi;ขายพลูคาวฉี่ ป้องกันแล้วiolก็รักษาโรคในระบบlil;ทางเดินอาหาร การรับเชื้อและก็โรคพยาธิในลำไส้ และลักษณะของการปวดเส้นประสาทเนื่องจากว่ามีหนอนพยาธิในระfrkuilkบบน้ำเหลือง ฯลฯdr

Tags : ขายพลูคาว,จำหน่ายพลูคาว,ขายพลูคาว

2

ขายขมิ้นชัน ลักษณะของกล้วยเต่าต้นกล้วยเต่า จัดเป็นพรรณไม้พุ่มไม้ขนาดเล็ก มีความสูงได้ราวๆ 1 เมตร ตghmuiามกิ่งอ่อนมีขนอ่อนขึ้นปกคmk89ลุมอย่างหนา87แน่น ส่วนwsjn5ymกิ่งแก่จะเรียบเป็นสีน้ำตาล 56bjkขยายพันธุ์ด้hjljวยวิธีการเพาะi;เlล็ด เ87lkติบโตได้ดิบได้ดีในจำหน่ายขมิ้นชันดินร่วนซุยผykสมทรy;pou;าย ไม่ซับน้ำ ถูกใจแสงแu8lดดจัด มีเขต7ผู้กระทำระจายพันธุ์ในเวียดนามและลrkjาว ในประเทy7lulศไทยพyบกระจายชนิดทางภาค8kเrkjykykหนือ ภาคกลาง แy7lละก็ภา89p89;คทิศตะวันyk8tyklluilออululก โดยเจอขึ้นใu8lนป่าดิบ ป่าเขาหรือป่าโปร่ง ป่าเต็งรั78ol8lง บนulilพื้นที่สูงจากระgดับน้ำท7ol8ejะเลตั้งแต่ 100-350 เมตร1,2,3,4rต้นกล้วยเต่าใบกล้วยเต่า ใบเป็นใบคนเ8kดียว ออกเรียงสลับในราบykเดียวกัน รูปแ09;'0';0ykuul8'บบของใบy;oiเป็นรูปขอบขนานจนถึงykytyรูtjytkop/ปไข่กลัyบปนรูปใบหอก ปลายใบแห8kลมหรือykuiมนรykวมทั้งมีติ่งแหลoip';op'ม โคนใบมนหรือหยักเว้าบางส่วน แผ่ใบแคบ มีulขนาดกว้างu8l9uyk;ราวpoyiu/ๆ kyk2-5 ซม.จำหน่ายขมิ้นชันและยาวประมาณ; 5-13 ซม. {หลัง|ข้างหลัykuk;บเป็rlk97lนสีเขียวเข้มหมดจดวาว ส่วนท้องใบมีขนkj.lk.แล้วก็มีสีจาjtjงกว่า เส้นกิ้tงก้านใบมีข้างละ 7-10 เส้น ก้านใบสั้น trkukuiมีความยาวได้เพียงแi;ค่ 3 มม. drkrjyfut7และมีขนสีเหลืองอ่อนขึ้นห89;l;นาแน่นดอกdekjktrjjulกล้วยเต่า ออกเป็นดอกโดดเrkl76ดี่ยวขนาดเล็ก7tlyuki8yตามง่ามใบ ก้านดอกสั้น ดอกเป็นสีเหi;ลืองykอ่อน กลีบดอกไม้rk78เรียงสลับกันมี 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ รูปแบบของ89lขายขมิ้นชันกrkt98ejyuลีบดอกไม้เป็rk78lนรูปไข่หรือรูปไข่ปนรูปใบหอก ปลายมน มีขนาดกว้uyllางราว 4 มิลลิเมตร แล้วก็ยาวประมาณ 5-8 มม. ข้างนอกกลีบมีขนละเอีย7lดสีเหลืtrluk89lองอ่อน ส่วนกลีบเลี้ยงt7l8y9lดอกมีขนาดเล็กio;และก็มี 3 กลีบ ลักษtkl8y9ณะเป็นสามyl098;เหลี่ยมเปลี่ยนๆมีขนาดกว้างio;รrวdkiulมทั้งยาวราวๆ8l 2 มม.ขายขมิ้นชัน ภายนอกมีขi;7lk8l9อ่อนนุ่ม ดอกมีเ;9;0;กสรเพศผู้เยอะๆอยู่บนdkryfศูนย์กลางของดอก

Tags : ขายขมิ้นชัน,จำหน่ายขมิ้นชัน,ขายขมิ้นชัน

3

ขายขมิ้นชัน ลักษณะของกล้วยเต่าต้นกล้วยเต่า จัดเป็นพรรณไม้พุ่มไม้ขนาดเล็ก มีความสูงได้ราวๆ 1 เมตร ตghmuiามกิ่งอ่อนมีขนอ่อนขึ้นปกคmk89ลุมอย่างหนา87แน่น ส่วนwsjn5ymกิ่งแก่จะเรียบเป็นสีน้ำตาล 56bjkเพio;i;าะพันธุ์ด้วyhkยแrkuilวทางเพาะi;เlล็ด เจhkuilริญเติบโตได้ดิบได้ดีในจำหน่ายขมิ้นชันดินร่วนซุยผykสมทรy;pou;าย ไม่ซับน้ำ ชอdjyrjบแสงอาทิตย์จัด มีเขต7การกระจายชนิ9';0'ดในเวียดนามแล้วก็ลrkjาว ในประเทy7lulศไทยเจอกระyukจัดกระykายพันธุ์ทางภาค8kเrkjykykหนือ ภาคกลาง gkและภา89p89;คทิศตะวันyk8tyklluilออululก โดยพบขึ้นใu8lนป่าดิบ ชายเขาหรือป่าโปร่ง ป่าเต็งรั78ol8lง บนulilพื้นที่สูงจากระgดับน้ำท7ol8ejะเลตั้งแต่ 100-350 เมตร1,2,3,4rต้นกล้วยเต่าใบกล้วยเต่า ใบเป็นใบโukดดเดี่lยว ออกเรียงสลับในราบykเดียวกัน รูปแ09;'0';0ykuul8'บบของใบy;oiเป็นรูปขอบขนานจนกระทั่งรูtjytkop/ปไข่กลัyบปนรูปใบหอก ปลายใบแห8kลมหรือykuiมนแล้วก็มีติ่งแหลoip';op'ม โคนใบมนหรือหยักเว้าบางส่วน แผ่ใบแคบ มีulขนาดกว้างu8l9uyk;ราวpoyiu/ๆ kyk2-5 ซม.จำหน่ายขมิ้นชันรวoi;มทั้งยาวราว 5-13 ซม. {หลัง|ข้างหลัykuk;บเป็rlk97lนสีเขียวเข้มเกลี้ยงเป็นมัน ส่วนท้องใบมีขนkj.lk.ykuuรวมทั้งมีสีจาjtjงกว่า เส้นกิ่งก้าyนสykาขาใบมีข้างละ 7-10 เส้น ก้านใบสั้น trkukuiมีความยาวได้เพีi;ยง 3 มม. drkrjyfut7และก็มีขนสีเหลืองอ่อนขึ้นห89;l;นาแน่นดอกdekjktrjjulกล้วยเต่า ออกเป็นดอกโดดเrkl76ดี่ยวขนาดเล็ก7tlyuki8yตามง่ามใบ ก้านดอกสั้น ดอกเป็นสีเหi;ลืองykอ่อน กลีบ ดอกเรียงสลับกันมี 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ ลักษณะของขายขมิ้นชัน[/u]กลีบเป็rk78lนรูปไข่หรือรูปไข่ปนรูปใบหอก ปลายมน มีขนาดกว้uyllางราว 4 มม. รวมทั้งยาวราt7k8lว 5-8 มิลลิเมตร rlt7ltภา98l89lยนอกกลีบมีขนละเอีย7lดสีเหลืtrluk89lองอ่อน ส่วนกลีบเลี้ยงt7l8y9lดอกมีขนาดเล็กio;และมี 3 กลีบ ลักษtkl8y9ณะเป็นรูปสามเหลี่ยมกลายๆมีขนาดกว้างio;รrวdkiulมทั้งยาวโดยประมาณ8l 2 มม.ขายขมิ้นชัน ภายนอกมีขi;7lk8l9อ่อนนุ่ม ดอกมีเ;9;0;กสรเพศผู้มากไม่น้อยเลยทีเดีi;ย8;y90วอยู่บนdkryfศูนย์กลางของดอก

Tags : จำหน่ายขมิ้นชัน,ขายขมิ้นชัน

4
อื่น ๆ / Re: ขายถั่งเช่า ลักษณะของพลับ
« เมื่อ: ตุลาคม 18, 2018, 06:44:22 AM »
ขายถั่งเช่า ถั่งเช่าขายดี

5
ขายเห็ดหลินจือ รับผลิตเห็ดหลินจือ

6
ขายสมุนไพร

7
ประโยชน์ สรรพคุณ ยาสมุนไพร

8
น้ำมันนวดสมุนไพร

9
อื่น ๆ / Re: น้ำมันนวดใช้ทาเเล้วดีอย่างไร
« เมื่อ: สิงหาคม 29, 2018, 03:55:02 AM »
ผลิตสมุนไพร ขายสมุนไพร

10

สมุนไพรพญายอ
เสลดพังพอนตัวเมีย
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในวงศ์เหงือกปลาแพทย์ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสมหะพังพอนตัวเมีย พญายอ มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาข้อคำ (ลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาบ้องดำ พญาปล้องทอง (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (ภาษาจีนกลาง) เป็นต้น
รูปแบบของเสลดพังพอนตัวเมีย
ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มไม้ปนเถา มักเลื้อยพิงไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ราวๆ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะสะอาด ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นข้อสีเขียว เพาะพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำหรือแยกเหง้ากิ่งก้านสาขาไปปลูก เจริญวัยก้าวหน้าในดินทุกประเภท ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี มีแสงแดดจัด มีเขตการกระจายชนิดในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในประเทศไทยพบบ่อยขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือเจอปลูกกันตามบ้านทั่วๆไป
ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสมหะพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบผู้เดียว ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ๆลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบรวมทั้งโคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราว 2-3 ซม. และยาวราวๆ 7-9 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสมหะพังพอนตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกประมาณ 3-6 ดอก กลีบดอกไม้เป็นสีแดงส้ม โคนกลีบดอกไม้เชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาวราวๆ 3-4 ซม. ปลายแยกออกเป็น 2 ปาก คือ ปากด้านล่างและก็ปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนคือต่อมเหนียวๆอยู่รอบๆ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียหมดจดไม่มีขน มีดอกในช่วงราวๆเดือนตุลาคมถึงเดือนมกราคม (แต่ว่าชอบไม่ค่อยออกดอก)
ดอกเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญาข้อทอง
ลิ้นงูเห่า
ผลเสมหะพังพอนตัวเมีย ผลได้ผลสำเร็จแห้งรวมทั้งแตกได้ (แต่ผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) ลักษณะของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ประมาณ 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ข้างในผลมีเม็ดราว 4 เม็ด
หมายเหตุ : เสลดพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 จำพวกหมายถึงเสลดพังพอนเพศผู้ และเสลดพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะแตกต่างกันตรงที่เสมหะพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามรวมทั้งมีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสลดพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามรวมทั้งมีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงงวยหลายๆตำราเรียนจึงนิยมเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาข้อทอง” โดยเสมหะพังพอนเพศผู้นั้นจะมีคุณประโยชน์ทางยาอ่อนกว่าเสมหะพังพอนตัวเมีย รวมทั้งตำราเรียนยาไทยนิยมนำมาใช้ทำยากันมาก
คุณประโยชน์ของเสมหะพังพอนตัวเมีย
รากและก็เปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงกำลัง (รากและเปลือกต้น)
อีกทั้งต้นและใบใช้กินเป็นยาทำลายพิษไข้ ดับพิษร้อน (ทั้งยังต้นและใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการกางใบสด 1 กำมือ ตำอย่างระมัดระวัง ผสมกับน้ำแช่ข้าว ใช้พอกบนหัวคนป่วยโดยประมาณ 30 นาที อาการไข้และอาการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (ทานอาหารเป็นพิษไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบเสิบสาน) ด้วยการใช้รากสดเอามาต้มกินทีละราว 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาบดประมาณ 10 ใบ กลืนเอาแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 10-15 ใบ ตำอย่างระมัดระวังผสมกับสุราโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป และลักษณะการเจ็บปวดจะหายไปข้างใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (อีกทั้งต้นและก็ใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับเยี่ยว ขับรอบเดือน (ราก)
ใช้เป็นยาแก้รอบเดือนมาไม่ดีเหมือนปกติ (ต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบดีซ่าน (ต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบเป็นไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการกางใบสดราว 3-4 ใบ นำมาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำเพียงพอแฉะ ใช้พอกประมาณ 2-3 รอบ จะช่วยทำให้อาการดีขึ้น (ใบ)
ลำต้นเอามาฝนแล้วก็ใช้ทาแผลสดจะช่วยทำให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากสุนัขกัดมีเลือดไหล ด้วยการกางใบสดประมาณ 5 ใบ เอามาตำพอกบริเวณแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดเอามาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำอย่างถี่ถ้วนผสมกับสุรา ใช้เป็นยาพอกบริเวณที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก จะมีคุณประโยชน์ช่วยดับพิษร้อนเจริญ4 ส่วนอีกหนังสือเรียนกล่าวว่า นอกเหนือจากการที่จะใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลยุ่ยเนื่องจากว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด รวมทั้งแผลที่เกิดขึ้นมาจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย แค่เพียงนำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ใบราว 3-4 ใบ กับข้าวสาร 5-6 เม็ด เติมน้ำลงไปให้พอแฉะ แล้วเอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองเจริญ ทำให้แผลแห้งไว โดยให้เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปครู่หนึ่งหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการใช้ใบสดตำผสมกับสุราใช้ทา หรือใช้เหล้าสกัดใบเสมหะพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวนำมาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผื่นผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวแล้วก็เม็ดผดผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการใช้ใบนำมาโขลกผสมกับเกลือและเหล้า ใช้พอกบริเวณที่เป็น แปลงยาทุกตอนเช้าและก็เย็น (ใบ)
ทั้งยังต้นและใบใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยยิ่งไปกว่านั้นพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ยกตัวอย่างเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมถึงผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ผื่นคัน แผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดราวๆ 5-10 ใบ เอามาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดนำมาตำให้พอแหลก แช่ในเหล้าขาวราวๆ 1 อาทิตย์ แล้วหลังจากนั้นก็ให้นำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ลมพิษ ตามข้อมูลกล่าวว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำน้อย ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)

ชาวเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังจำพวกเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนหมา และใช้เป็นยาทำลายพิษต่างๆด้วยการใช้ใบเสมหะพังพอนตัวเมียสดราวๆ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นมัน ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินความจำเป็น) แล้วนำมาตำผสมกับสุราหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลและก็เอากากพอกรอบๆแผล หรืออีกแนวทางให้จัดแจงเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 กิโลกรัม เอามาปั่นอย่างระมัดระวัง เพิ่มเติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังละอองน้ำให้ปริมาตรน้อยลงครึ่งหนึ่ง (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) และก็เพิ่มกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสมหะพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก และใช้ถอนพิษต่างๆสำหรับแบบเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับดอกลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเสมอกัน รวมกันตำให้เพียงพอแหลก แช่กับเหล้า แล้วประยุกต์ใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามพุงดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลุกลี้ลุกลนไฟให้ร้อน แล้วเอามากดเพื่อดูดเอาขนย้ายใบตะลังตังช้างออกซะก่อน แล้วจึงใช้ใบเสมหะพังพอนผสมกับเหล้าทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า รวมทั้งยางสาวน้อยผัดแป้ง ด้วยการกางใบผสมกับเหล้า นำมาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้ฝึกหัด เหือด ด้วยการกางใบสดราวๆ 7 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกแล้วก็ผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งสองมาผสมกัน ใช้อีกทั้งกินแล้วก็ทาทา (ยาทาให้ใส่พิมเสนลงไปน้อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้กินวันละ 3 ครั้ง ทีละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ทั้งยังต้นใช้เป็นยาแก้ปวดบวม กลยุทธ์ปวดเมื่อย ฟกช้ำดำเขียว กระดูกร้าว ช่วยขับความชุ่มชื้นในร่างกาย แก้อาการปวดปวดเมื่อยด้วยเหตุว่าเย็นชื้น (ทั้งยังต้น)
รากใช้เป็นยาแก้อาการปวดเมื่อยบั้นเอว (ราก)
ขนาดแล้วก็วิธีใช้ : ยาแห้งให้ใช้ทีละ 5-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน ส่วนยาสดให้ใช้ครั้งละ 30 กรัม นำมาตำคั้นเอาน้ำรับประทาน หรือตำพอกแผลภายนอก
ข้อควรคำนึงพญายอ
: ในอดีตกาลจะมีการใช้ใบสดเอามาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็นแผล แต่ว่าในตอนนี้แนวทางลักษณะนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบแล้ว เพราะว่าจะชำระล้างได้ยาก ทำให้กากติดแผล แล้วก็อาจจะทำให้ติดเชื้อโรคเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบพบสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกลุ่ม monoglycosyl diglycerides อาทิเช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol แล้วก็สารกรุ๊ป glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยั้งไวรัสเริม
จากการทดสอบในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสลดพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสลดพังพอนตัวเมียปริมาณร้อยละ 5 ใน Cold cream แล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เอามาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่ว่าเมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่เป็นผล
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กิโล มีประสิทธิภาพต่อต้านการอักเสบได้ดี
เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกรั้งนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติเตียนคได้ ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มก.ต่อกิโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มิลลิกรัมต่อโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำและก็สารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่มีผลลดความเจ็บ
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล รวมทั้งเอทิลอะสิเตทจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต้านทานไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 4 และก็ใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสเจริญและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในขณะที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ และก็จากรายงานการรักษาคนเจ็บโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์จำพวกเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสลดพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir และก็ยาหลอก โดยให้ผู้เจ็บป่วยป้ายยาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่ได้ต่างอะไรในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลผู้เจ็บป่วยที่ใช้ยาจากสารสกัดใบและยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดด้านใน 3 วัน และหายสนิทข้างใน 7 วัน ซึ่งผิดแผกกับยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยยาที่สกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียจะไม่ทำให้มีการเกิดการอักเสบและก็ระคาย ในตอนที่ acyclovir จะก่อให้แสบ นอกจากนี้ยังมีการใช้ยาที่ทำจากเสลดพังพอนตัวเมียในคนไข้โรคเริม งูสวัด และก็แผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลแล้วก็ลดการอักเสบได้ดิบได้ดี
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสลดพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสจำพวกที่ส่งผลให้เกิดเริมและอีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลและรักษาผู้ป่วยโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 1-2 อาทิตย์ ตราบจนกระทั่งแผลจะหาย พบว่าผู้เจ็บป่วยสุดที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน รวมทั้งหายภายใน 7-10 วัน จะมีจำนวนไม่น้อยกว่ากรุ๊ปที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ รวมทั้งระดับความเจ็บปวดจะลดน้อยลงเร็วกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก โดยไม่พบผลข้างเคียงใดๆก็ตาม9
จากการทดสอบความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษเล็กน้อย แต่ว่าจะมีพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อโล (เสมอกันใบแห้ง 5.44 กรัมต่อกิโลกรัม) เมื่อเอามาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการเป็นพิษใดๆ
จากการศึกษาพิษกึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 แล้วก็ 540 มก.ต่อกก. ให้หนูแรทแต่ละวัน นาน 6 อาทิตย์ พบว่าไม่เป็นผลต่อการเจริญเติบโต แต่ว่าพบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในเวลาที่น้ำหนักของตับเพิ่มขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดปกติต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่พึงประสงค์แต่อ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเสลดพังพอน (พญายอ)

11

สมุนไพรพญายอ
ชื่อสมุนไพร พญายอ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau
ชื่อตระกูล ACANTHACEAE
ชื่อพ้อง Clinacanthus burmanni  Nees
ชื่ออังกฤษ ไม่มี
ชื่อท้องถิ่นผักมันไก่  ผักลิ้นเขียด  พญาบ้องคำ  พญาบ้องดำ พญายอ  โพะโซ่จาง  เสมหะพังพอนตัวเมีย


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์


          ไม้พุ่มคอยเลื้อย ลำต้นและแขนงหมดจดวาว สูงได้ถึง 3 เมตร ใบเดี่ยวออกเรียงตรงกันข้าม รูปขอบขนานหรือขอบขนานปนใบหอก กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 7-9 เซ็นติเมตร โคนใบมน ปลายใบแหลม ก้านใบยาว 0.5 เซนติเมตร ดอกเป็นช่อ ออกเป็นกลุ่มที่ปลายยอด กลีบดอกไม้สีส้มแดงเชื่อมชิดกันเป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 2 ปาก ยาว 3-4 ซม. ไม่ติดฝัก


ส่วนที่ใช้เป็นยาแล้วก็คุณประโยชน์


-ส่วนใบ รักษาอาการเนื่องจากว่าแมลงกัดต่อยและโรคเริม


สารสำคัญที่ออกฤทธิ์


สารฟลาโวนอยด์ มีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides ดังเช่นว่า 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol รวมทั้งสารกรุ๊ป glycoglycerolipids จากใบ  มีฤทธิ์ยั้งไวรัสเริม


ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา


ฤทธิ์ลดการอักเสบ
       เมื่อป้อนสารสกัดจากใบด้วยเอ็นบิวทานอลให้หนูแรท  หรือฉีดสารสกัดด้วยน้ำจากใบเข้าช่องท้องของหนูแรท  จะลดการอักเสบของข้อเท้าหนูแรทที่ทำให้บวมด้วยสารคาราจีแนน (carrageenan) ได้   ตำรับยาที่มีพญายอจำนวนร้อยละ 5  ใน cold cream รวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เมื่อเอามาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะสามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้  แต่เมื่อใช้สารสกัดด้วยนเอ็นบิวทานอลทาที่ผิวหนังจะไม่เป็นผล
ฤทธิ์ลดลักษณะของการปวด
                 เมื่อให้หนูเม้าส์รับประทานสารสกัดด้วยเอ็นบิวทานอลจากใบ จะลดความเจ็บของหนูที่ถูกรั้งนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติค  ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มก./กก. จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก./โล (5)  ส่วนสารสกัดด้วยคลอโรฟอร์ม (2)  สารสกัดด้วยน้ำ แล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอล 50% จากใบ (3) ไม่มีผลลดความเจ็บปวด

ฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส
ไวรัสเริม
       พญายอสารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และเอทิลอะสิเตทจากใบ มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสเชื้อเริม HSV-1  และก็เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นร้อยละ 4 และใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล  พบว่า มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสก้าวหน้าและไม่เป็นพิษต่อเซลล์  ในระหว่างที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะเป็นพิษต่อเซลล์
                 จากรายงานการดูแลและรักษาผู้เจ็บป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ประเภทเป็นซ้ำด้วยยาจากสารสกัดพญายอ เปรียบเทียบกับยา acyclovir  และก็ยาหลอก  โดยให้คนป่วยทายาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่แตกต่างในช่วงเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนเจ็บที่ใช้ยาจากสารสกัดใบพญายอรวมทั้งยา acyclovir   โดยแผลจะเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน รวมทั้งหายสนิทภายใน 7 วัน ซึ่งแตกต่างกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ ยาที่สกัดจากใบพญายอไม่นำไปสู่การอักเสบ ระคาย ในระหว่างที่ acyclovir ทำให้แสบ   ยิ่งกว่านั้นมีการใช้ยาที่ทำจากพญายอ ในผู้ป่วยโรคเริม งูสวัด แล้วก็แผลอักเสบในปาก พบว่าสามารถรักษาแผลแล้วก็ลดการอักเสบก้าวหน้า   
เชื้อไวรัส Varicella zoster
                 สารสกัดจากใบพญายอออกฤทธิ์ทำลายไวรัส Varicella zoster ที่เป็นต้นเหตุโรคงูสวัดแล้วก็อีสุกอีใสได้โดยตรงก่อนที่เชื้อไวรัสจะเข้าสู่เซลล์
จากรายงานการดูแลและรักษาผู้ป่วยโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอเปรียบเทียบกับยาหลอก  โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 7-14 วัน จนกว่าแผลจะหาย  พบว่าผู้เจ็บป่วยที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบพญายอ แล้วมีแผลตกสะเก็ดภายใน 3 วัน และหายภายใน 7-10 วัน จะมีจำนวนไม่ใช่น้อยกว่ากรุ๊ปสุดที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ ระดับความเจ็บลดลงเร็วกว่ากรุ๊ปยาหลอก และไม่พบผลกระทบอะไรก็แล้วแต่


อาการข้างๆ


ความเป็นพิษทั่วไปแล้วก็ต่อระบบขยายพันธุ์


การทดสอบความเป็นพิษ
เมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอ็นบิวทานอลจากใบให้หนูเม้าส์ พบว่าเป็นพิษน้อย แม้กระนั้นเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง  ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัม/กิโล (หรือเทียบเท่าใบแห้ง 5.44 กรัม/กิโลกรัม) เมื่อป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ ไม่นำมาซึ่งอาการพิษอะไรก็แล้วแต่
การเรียนรู้พิษ
[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url]กึ่งเรื้อรัง พบว่าเมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบขนาด 270 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และ 540 มก./กก. ทุกวี่ทุกวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต แต่น้ำหนักต่อมธัยมัเสียใจลง ในขณะที่น้ำหนักตับมากขึ้น ไม่เจอความไม่ปกติต่ออวัยวะอื่น และไม่เจออาการไม่ประสงค์ใดๆก็ตาม หนูแรทที่กินสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1 กรัม/กิโล ทุกวี่ทุกวันนาน 90 วัน พบว่าการกินของกินของกลุ่มที่ได้รับสารสกัดและกรุ๊ปควบคุมไม่ได้มีความแตกต่างกัน แม้กระนั้นน้ำหนักของหนูเพศผู้ที่ได้สารสกัดขนาด 1.0 กรัม/โล ต่ำกว่าพญายอกรุ๊ปควบคุม  เกร็ดเลือดของหนูแรททั้งสองเพศสูงกว่า และครีอาว่ากล่าวนินต่ำลงยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุม  แต่ไม่พบความแตกต่างจากปกติด้านจุลพยาธิวิทยาของอวัยวะภายใน รวมทั้งพยาธิสภาพภายนอกhttp://www.disthai.com/

12

กระเทียม
คุณประโยชน์กระเทียม
ปรับความดันเลือดให้อยู่ในระดับธรรมดา
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ก็เลยเหมาะสมกับผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวาน
บำรุงเลือด คุ้มครองอาการโลหิตจาง
เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
ปกป้องโรคหัวใจ
ลดอาการท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายดำเนินการได้ดีขึ้น
ช่วยขับลม แก้อาการจุดเสียดแน่นท้อง
ปกป้องไข้หวัด ยับยั้งการเติบโตของไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
มีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ รวมทั้งลดความเสี่ยงสำหรับการเป็นโรคโรคมะเร็ง
chopped-garlicsiStock
กระเทียม กับ 10 ประโยชน์ดีๆที่เราอยากให้คุณทานทุกวัน
วิธีทานกระเทียมให้ได้ประโยชน์
สารอัลลิซินในกระเทียมที่มีสาระต่อสภาพร่างกายของพวกเรา จะต้องผ่านการหั่น สับ ตี หรือบด จำเป็นที่จะต้องหั่น สับ ตี หรือบดกระเทียมก่อนเอามาประกอบอาหาร 5-10 นาที โดยสารอัลลิซินนี้จะไม่สลายหายไปเมื่อถูกความร้อน ด้วยเหตุดังกล่าวจะทานสด หรือจะทำอาหารในน้ำมันก็ไม่เป็นไร
จำนวนกระเทียมที่ควรทานต่อวัน
ในวัยผู้ใหญ่สามารถทานกระเทียมได้ประมาณ4 กรัมต่อวัน แม้กระนั้นไม่ควรทานมากเกินกว่านี้ต่อเนื่องกันเกิน 10 วัน เพราะจะเพิ่มการเสี่ยงภาวการณ์เลือดแข็งช้า  หรือเลือดไหลไม่หยุดเมื่อเกิดรอยแผล
แนวทางเลือกซื้อกระเทียมมาทำกับข้าว
ควรที่จะทำการเลือกกระเทียมที่หัวแน่นๆไม่ฝ่อ เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองอ่อน สด ไม่เน่า ไม่มีราขึ้น และถ้าเกิดอยากได้รสของกระเทียมแบบแรงๆควรที่จะเลือกกระเทียมหัวเล็กๆ
ว่าแล้วของกินมื้อถัดไปก็บอกให้แม่ครัวพ่อครัวใส่กระเทียมลงไปในของกินให้ด้วยนะคะ แต่ว่าระวังสักหน่อย หากทานกระเทียมมากๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเทียมสด อาจมีอาการเจ็บคอวันหลัง และก็อย่าลืมระแวดระวังกลิ่นปากกันด้วยค่ะ ประเดี๋ยวจะกล่าวหาไม่เตือนนะ
ลักษณะทั่วไปของกระเทียม
กระเทียมเป็นพืชล้มลุกประเภทกินหัว ลำต้นสูง 1-2 ฟุต มีหัวลักษณะกลมแป้นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว ภายนอกของหัวกระเทียมมีเปลือกบางๆหุ้มอยู่หลายชั้น ภายในหัวประกอบแกนแข็งตรงกลาง ภายนอกเป็นกลีบเล็กๆปริมาณ 10-20 กลีบ เนื้อกระเทียมในกลีบมีสีเหลืองอ่อนแล้วก็ใส  มีน้ำเป็นองค์ประกอบสูง มีกลิ่นแรงจัด
ลำต้นและก็หัวกระเทียมสด
แหล่งเพาะปลูก
กระเทียมสามารถปลูกได้ทั่วๆไปในทุกภาคของประเทศไทย แม้กระนั้นนิยมนำมาปลูกกันมากมายทางภาคเหนือและก็ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะเหตุว่ามีสภาพดินแล้วก็สถานการณ์อากาศที่เหมาะมากกว่าภาคอื่นๆทำให้กระเทียมเจริญวัยเจริญ สำเร็จผลิตสูงแล้วก็มีรสชาติที่ดีมากยิ่งกว่า

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
กระเทียมเป็นไม้ล้มลุกและก็ใหญ่ยาว สูง 30-60 ซม. มีกลิ่นแรง มีหัวใต้ดิน2 ลักษณะกลมแป้น เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-4 เซนติเมตร มีแผ่นเยื่อสีขาวหรือสีม่วงอมชมพูห่ออยู่ 3-4 ชั้น ซึ่งลอกออกได้ แต่ละหัวมี 6-10 กลีบ กลีบมีสาเหตุมาจากตาซอกใบของใบอ่อน ลำต้นลดรูปลงไปมาก ใบโดดเดี่ยว (Simple leaf) ขึ้นมาจากดิน เรียงซ้อนสลับ แบนเป็นแถบแคบ กว้าง 0.5-2.5 เซนติเมตร ยาว 30-60 เซนติเมตร ปลายแหลมแบบ Acute ขอบเรียบแล้วก็พับทบเป็นสันตลอดความยาวของใบ โคนแผ่เป็นแผ่นรวมทั้งเชื่อมติดกันเป็นวงหุ้มห่อรอบใบที่อ่อนกว่าแล้วก็ก้านช่อดอกนำมาซึ่งการก่อให้เกิดเป็นลำต้นเทียม ปลายใบสีเขียวรวมทั้งสีจะค่อยๆจางลงจนกระทั่งถึงโคนใบ ส่วนที่ห่อหัวอยู่มีสีขาวหรือขาวอมเขียว ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (Umbel) ประกอบด้วยตะเกียงรูปไข่เล็กๆจำนวนไม่น้อยอยู่ปะปนกับดอกขนาดเล็กซึ่งมีจำนวนน้อย มีใบเสริมแต่งใหญ่ 1 ใบ ยาว 7.5-10 เซนติเมตร ลักษณะบาง ใส แห้ง เป็นจะงอยแหลมหุ้มห่อช่อดอกในเวลาที่ยังตูมอยู่ แม้กระนั้นเมื่อช่อดอกบานใบประดับจะเปิดอ้าออกและก็ห้อยลงรองรับช่อดอกไว้ ก้านช่อดอกเป็นก้านกระโดด เรียบ รูปทรงกระบอกตัน ยาว 40-60 ซม. ดอกบริบูรณ์เพศ กลีบรวม 6 กลีบ แยกจากกันหรือติดกันที่โคน รูปใบหอกปลายแหลม ยาวประมาณ 4 มม. สีขาวหรือขาวอมชมพู เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดที่โคนกลีบรวม อับเรณูรวมทั้งก้านเกสรเพศเมียยื่นขึ้นมาสูงขึ้นมากยิ่งกว่าส่วนอื่นๆของดอก รังไข่ 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 1-2 เม็ด ผลเล็กเป็นกระเปาะสั้นๆรูปไข่หรือค่อนข้างจะกลม มี 3 พู เมล็ดเล็ก สีดำ
ในประเทศไทยปลูกมากมายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้วก็ภาคเหนือ แม้กระนั้นกระเทียมที่เป็นที่รู้จักว่าเป็นกระเทียมคุณภาพดี กลิ่นแรง ดังเช่นว่ากระเทียมจากจังหวัดศรีสะเกศา
แนวทางเลือกซื้อกระเทียม
วิธีสำหรับการเลือกซื้อกระเทียมนั้น มีหลักพิจารณง่ายๆเป็น เลือกกระเทียมที่หัวแน่น กลีบแน่น เปลือกบาง มีเนื้อสีเหลืองอ่อน สด แน่น ไม่ฝ่อและไม่มีเชื้อรา ที่สำคัญถ้าจำต้องทำอาหารที่อยากได้กลิ่นฉุนๆต้องเลือกกระเทียมหัวเล็กเท่านั้น
กระเทียมสดคุณภาพดี
จะมีความเห็นว่ากระเทียมมีประโยชน์และก็คุณประโยชน์มากไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงกระเทียมจะมีกลิ่นแรง แต่ก้ไม่ยากเกินความจำเป็นที่จะกินนะครับ ด้วยเหตุผลดังกล่าวอย่าลืมเพิ่ข้อควรพิจารณาสำหรับในการกินกระเทียมโดยเฉพาะบุคคลในกรุ๊ปต่อไปนี้
ผู้ที่กำลังมีท้องหรือคนที่อยู่ในช่วงให้นมลูก การรับประทานกระเทียมในช่วงการมีท้องค่อนข้างไม่เป็นอันตรายถ้าเกิดกินเป็นของกินหรือในปริมาณที่เหมาะสม แม้กระนั้นบางทีอาจไม่ปลอดภัยถ้ากินกระเทียมเป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้วางใจพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่บริเวณผิวหนังในตอนการตั้งท้องหรือให้นมบุตร
เด็ก การรับประทานกระเทียมในปริมาณที่เหมาะสมรวมทั้งในระยะสั้นๆบางทีอาจไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แต่การใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะก่อให้เกิดอาการแสบร้อนและก็ระคาย
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยของอาหาร อาจก่อให้มีการระคายที่ดินเดินอาหารได้
คนที่มีความดันเลือดต่ำ การกินกระเทียมอาจก่อให้ระดับความดันโลหิตลดต่ำลงมากกว่าปกติ
คนที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรจะหยุดรับประทานกระเทียมก่อนที่จะมีการผ่าตัดขั้นต่ำ 2 สัปดาห์เพราะว่าอาจก่อให้เลือดออกมากรวมทั้งส่งผลต่อความดันโลหิตในระหว่างการผ่าตัด และผู้ที่มีภาวะเลือดออกไม่ดีเหมือนปกติไม่ควรกินกระเทียม โดยยิ่งไปกว่านั้นกระเทียมสด เพราะว่าอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาโรค ดังเช่นว่า ไอโซไนอะสิด เนื่องจากว่ากระเทียมบางทีอาจลดการดูดซึมของยาภายในร่างกายและส่งผลต่อความสามารถการทำงานของยา รวมถึงไม่สมควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคเอดส์
ยาคุม
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านทานเกล็ดเลือดกระเทียมลงในเมนูอาหารของท่านครับ คุณประโยชน์แล้วก็คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากกระเทียมนั้นเหลือร้ายจริงๆ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรกระเทียม

13

บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะยังไงนี่ พวกเรากำลังดูหนังการทำศึกอยู่หรอ เปล่านะครับ บุกในที่นี้ไม่ได้ถึงศัตรูบุก แม้กระนั้นหมายถึงหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านพวกเรา ต่างหาก แล้วก็ที่จำต้องหนี ไม่ใช่ใครกันแน่ที่ไหน แต่เป็นโรคฮอตฮิตในปัจจุบันอย่างโรคอ้วน เบาหวาน ต่างหากที่จำเป็นต้องหนีไป
บุก ส่วนที่มองเห็นเป็น หัวบุก ตอนแรกเรื่องของบุกในเมืองไทย มันก็มิได้แพร่หลายหรือเป็นที่ได้รับความนิยมราวกับทุกๆวันนี้เพราะจริงๆทีแรกมันก็เป็นพืชพื้นบ้านอยู่ดี  คนในท้องถิ่นก็นำบุกมาทำอาหาร เหมือนเผือก เสมือนมันทั่วไปเพียงพอเริ่มมีคนมาวิจัย   สรรพคุณต่างๆของมัน เลยแปลงเป็นพืชสมุนไพรไทยยอดนิยม มีการแปรรูปเป็นต้นแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก รวมทั้งอื่นๆอีกมาก วันนี้เองก็คงไม่ช้าเหลือเกินที่จะนำทุกท่านมารู้จะ พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบถึงกึ๋นมารู้จะบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นปิศาจ  น่าสยองนะครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากรูปแบบของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อวงศ์    ARACEAE
ชื่อตามเขตแดน  :  บุกปะทุงคก (จังหวัดชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (จังหวัดปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
เราพบบุกถึงที่กะไว้ไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่พบทั่วๆไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นกับตาม ชายเขา แล้วก็บางโอกาสก็เจอตามพื้นที่ ปลูกข้าว อาทิเช่นที่ปทุมธานี และก็นนทบุรี เป็นต้น บุกขึ้นได้ในภาวะดินทุกประเภท แม้กระนั้นจะเจริญวัยได้ดิบได้ดีให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินซึ่งร่วนซุย น้ำไม่ขังและก็ดินที่มีฮิวมัส หรืออินทรียวัตถุสูง
รูปแบบของต้นบุก
รูปแบบของต้น บุก บอกให้เห็นองค์ประกอบเป็นใบบุก รวมทั้งหัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่เราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  ชนิดเดียวกันกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่ราวๆ 25 ซม. (บางพันธ์บางทีอาจเล็กกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แต่ว่าบางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษแตกต่างออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมของกินของบุก
 ใบบุก  ลักษณะเหมือนใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางจำพวกมีก้านใย เป็นลวดลายบางชนิดมีหนามอ่อนๆ หรือบางโอกาสบุกบางชนิดก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวข้างบน  จะเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่มากมายมากมาย  แม้กระนั้นที่เด่นๆพินิจง่ายว่าเป็บุกเป็น จะมีก้านตรงจากกึ่งกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีทรงแผ่กว้างแบบร่ม แม้กระนั้นบาง จำพวกจะแปลกตรงที่กลับขึ้นด้านบนเสมือนหงายร่ม ดังนั้นรูปแบบของใบบุก มีหลายแบบอย่างสังกัดประเภทของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกเหมือนต้นหน้าโค แต่ละประเภทมีขนาด สี และก็รูป ทรงไม่เหมือนกัน บางชนิดมีดอกใหญ่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นเสมือนเนื้อสัตว์เน่า บุกประเภทอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกึ่งกลางหัวบุก เช่นเดียวกับก้านใบ บุกชอบมีดอกในช่วงปลายฤดูแล้ง แม้กระนั้นบุกสามารถมีดอกได้ในช่วง เวลาต่างๆกัน ช่วงเวลาสำหรับการแก่เต็มที่ ของดอกที่จะติดผลก็ต่างกัน
 ผลบุก (อย่างวยงงกับหัวบุกนะ ) หลังจากดอก ผสมพันธุ์ก็จะเป็นผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง พอเพียงอายุ ได้ 1-2 เดือน จะมีผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายคล้ายผลกล้วย ผล ของบุกส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายๆกัน แต่ว่าเม็ดภายในแตกต่าง พบว่าโดยมากมีเมล็ดเป็นทรงอูมยาว  บุกบางชนิดก็มีเมล็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม

บุกกับการนำมาประกอบอาหาร
เป็นพืชอาหารพื้นบ้านซึ่งคนประเทศไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ส่วนหัวบุกมีการนำไปปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงตามแต่ละภูมิภาค เช่นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการทำของหวานที่เรียกว่าของหวานบุก แกงบรรพชามันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคทิศตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วเอามานึ่งรับประทานกับข้าว ทางภาคเหนือโดยเฉพาะชาวดอย มักนำมา ปิ้งกิน ภาคกึ่งกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งแล้วจึงนำไปทำเป็นของว่าง
*บุกมีหลายแบบหลายจำพวก อาจขมรวมทั้งเป็นพิษ ทุกชนิดมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ทั้งๆที่ก้านใบและก็หัว ซึ่งอาจจะก่อให้คัน ก่อนนำมาประกอบอาหารจะต้องต้มเสียก่อน มิเช่นนั้นรับประทานเข้าไปทำให้คันปากรวมทั้งลิ้นพอง
ของกินที่แปรรูปมาจากบุก
เดี๋ยวนี้มีการนำบุกมาดัดแปลง ในลักษณะของเส้นบุก ซึ่งคือสินค้าดัดแปลงจากท่อนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถเอามาปรุงเป็นของกินจานอร่อยได้ ผมว่าคนไหนเคยไปกินเนื้อย่างคงเคยพบบ้าง เว้นแต่เส้นบุกแล้วมีการนำมาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบได้รับความนิยมๆสมัยเก่าเป็นเจเล่ ผสมผงบุก หากจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (เจ้าของบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าโฆษณาด้วยนะครับ)
คุณประโยชน์ของบุก
จากการศึกษาเล่าเรียนพบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูโคแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่มีน้ำตาล 2 ชนิด คือ ดี-เดกซ์โทรส (D-glucose) และก็ (D-mannose) เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แต่ร่างกายเสื่อมสภาพได้ยาก ดูดซึมได้ช้า จึงให้พลังงานรวมทั้งสารอาหารน้อย เหลือกากมากมาย ทำให้ระบบขับถ่ายปฏิบัติงานดี ผู้ที่ต้องการลดความอ้วนนิยมกินอาหารจากแป้งบุก ตัวอย่างเช่น วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เนื่องจากว่ากินอิ่มได้ ระบายท้อง แม้กระนั้นไม่ทำให้อ้วน
ยิ่งกว่านั้นเองเจ้า สารกลูโคแมนแนนนี้ สามารถลดจำนวนน้ำตาลในเลือดได้ ก็เนื่องจากความรั้ง ซึ่งยั้งการดูดซึมของกลูวัวลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งเหนียวหนืดมาก็ยิ่งมีผลลดการดูดซึมกลูโคลส เพราะฉะนั้น กลูวัวแมนแนนช่วยลดน้ำตาลได้ดีมาก ปัจจุบันนี้จึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นอาหารสำหรับคนป่วยเป็นโรคโรคเบาหวาน รวมทั้งสำหรับผู้เจ็บป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละนะครับคือคุณประโยชน์จากบุก ลองหามาทานกันครับผม มีสาระขนาดนี้ สมัยปัจจุบันไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว เสนอแนะมามายำแบบยำวุ้นเส้นครับ รับรองอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/

14

ขิง
ขิง ชื่อสามัญ Ginger (จิน’พบ)
ขิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)
ขิง จัดเป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายๆด้าน เพราะอุดมไปด้วยวิตามินแล้วก็แร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกายของพวกเรา ตัวอย่างเช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต แล้วก็เส้นใยมากมายอีกด้วย ซึ่งคุณประโยชน์ของขิงนั้น พวกเราสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น และผลก็ได้ทั้งหมด
คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากขิง
-ขิงจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นยอดเยี่ยม
มีสารต้านอนุมูลอิสระไม่น้อยเลยทีเดียว ช่วยชะลอความแก่แล้วก็ชะลอการเกิดริ้วรอย
มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการป้องกัน ต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง ต้านการเติบโตของเซลล์ของมะเร็ง
ช่วยลดผลข้างเคียงจากสารเคมีที่ใช้สำหรับการรักษาโรคมะเร็ง ด้วยเหตุดังกล่าวควรรับประทานขิงพร้อมกันไปกับการดูแลรักษาโรคมะเร็งจะเป็นประโยชน์
ขิง มีฤทธิ์อุ่น ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และก็ช่วยในการขับเหงื่อ
ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการใช้ลำต้นสดๆเอามาทุบให้แหลกราวๆ 1 กำมือ แล้วต้มกับน้ำกิน
ช่วยลดน้ำหนัก ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล ด้วยการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากลำไส้ แล้วปลดปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกทางอุจจาระ
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดศีรษะและก็ไมเกรน ด้วยการรับประทานน้ำขิงเป็นประจำ
ช่วยลดความอยากของผู้ติดยาเสพติดลงได้
แก้ตานขโมย ด้วยการใช้ขิง ใบกะเพรา พริกไทย ไพล มาบดผสมกันแล้วเอามารับประทาน
ช่วยรักษาโรคความดันเลือด ด้วยการนำขิงสดมาฝานต้มกับน้ำ
ช่วยทำนุบำรุงหัวใจของคุณให้แข็งแรง
ช่วยทุเลาลักษณะของโรคประสาท ซึ่งทำให้จิตใจหม่นหมอง (ดอก)
ช่วยฟื้นฟูร่างการสำหรับคุณแม่ข้างหลังคลอดลูก ด้วยการรับประทานไก่ผัดขิง
มีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร (ราก, เหง้า) ด้วยการใช้เหง้าสดประมาณ 1 องคุลีเอามาต้มกับน้ำกิน ก็จะได้เป็นยาขมเจริญอาหาร
ใช้กินเพื่อบำรุงเป็นยาธาตุ บำรุงธาตุไฟ (เหง้า, ดอก)
ใช้บำรุงนมของแม่ (ผล)
ช่วยทำให้นอนหลับได้อย่างสบาย
การกินขิงจะช่วยให้เลือดแข็งเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง
ใช้แก้ไข้ (ผล) ด้วยการนำขิงสดมาคั้นเป็นน้ำให้ได้ราวครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา เอามาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วเอามาดื่มวันละ 3 ครั้ง จะช่วยทุเลาอาการได้
ช่วยแก้หวัด บรรเทาอาการไอ ทุเลาหวัดจับเสมหะ ด้วยการใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือนิดเดียว
ไอน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยทำลายเชื้อไวรัสหวัดในทางเดินหายใจได้
แก้ลม (ราก)
ในผู้ป่วยที่มีอาการเมายาสลบหลังผ่าตัด น้ำขิงช่วยแก้เมาได้
ช่วยแก้อาการเมารถ เมาเรือได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้ขิงสดนำมาตำให้แหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำ (ไม่ต้องดื่มน้ำตาม)
ช่วยไขปัญหาผมตก หัวล้าน ด้วยการนำเหง้าสดไปผิงไฟจนถึงอุ่น แล้วเอามาตำให้แหลก เอามาพอกบริเวณที่มีผมร่วง วันละ 2 ครั้งจนกระทั่งอาการ หรืออีกวิธีก็คือคั้นเอาเฉพาะน้ำขิงมาผสมกับน้ำมันที่สกัดจากมะกอกแล้วนำมาหมักผม นวดให้ทั่วศีรษะประมาณ 30 นาทีก็ช่วยลดปัญหาผมหล่นได้เช่นกัน แถมยังช่วยให้ผมงาม แข็งแรง มีความนิ่มลื่น ไม่ขาดง่ายอีกด้วย
-ช่วยบำรุงรักษาสายตา รักษาโรคเกี่ยวกับตา และใช้แก้อาการตาพร่า (ผล, ใบ)
ช่วยรักษาอาการตาแฉะ (ดอก)
ช่วยแก้โรคกำเดา (ใบ)
ใช้แก้อาการคอแห้งผาก เจ็บคอ (ผล)
ใช้รักษาอาการปากคอเปื่อยยุ่ย ท้องผูก (เหง้า,ดอก)
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดฟัน ด้วยการนำขิงแก่มาตีอย่างถี่ถ้วนคั่วกับน้ำสารส้มกระทั่งเกรียม แล้วบดจนกระทั่งเป็นผุยผง แล้วนำมาพอกบริเวณฟันที่ปวดแก้เสมหะ เสลดขาวเหลวปริมาณมากมีฟอง (ผล, ราก)ช่วยรักษาสภาวะน้ำลายมาก คลื่นไส้เป็นน้ำใสช่วยลดกลิ่นปาก แก้อาการปากเหม็น ด้วยการนำขิงมาคั้นผสมน้ำอุ่นและเกลือนิดหน่อย นำมาอมบ้วนปาก ช่วยฆ่าเชื้อโรคในปากได้อีกด้วยช่วยบำรุงรักษาฟันและก็คุ้มครองป้องกันการเกิดฟันผุ
ช่วยกำจัดกลิ่นจั๊กกะแร้ ด้วยการใช้เหง้าขิงแก่นำมาทุบให้แหลก แล้วเอามาคั้นเอาน้ำมาทารักแร้บ่อยๆ จะสามารถช่วยในการกำจัดคราบกลิ่นได้
ช่วยแก้อาการสะอึก ด้วยการใช้ขิงสดตำจนแหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำผสมกับน้ำผึ้งน้อย คนจนเข้ากันแล้วนำมาดื่ม
ช่วยรักษาโรคบิด (ผล, ราก, ดอก) ด้วยการใช้ขิงสดประมาณ 75 กรัม ผสมกับน้ำตาลแดง เอามาตำจนกระทั่งถูกกัน แล้วรับประทาน 3 มื้อต่อวัน
ช่วยแก้อาการอาเจียน (เหง้า, ผล) ด้วยการนำขิงสดโดยประมาณ 5 กรัมหรือขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ เอามาทุบให้แตกแล้วต้มกับน้ำกิน
ช่วยลดการคลื่นไส้อ้วกจากการแพ้ท้อง (สำหรับหญิงตั้งท้องไม่ควรกินบ่อยจนกระทั่งเหลือเกิน)
แก้อาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในไส้ (ผล, ราก, ใบ) ด้วยการนำขิงแก่มาตีเพียงพอแหลก เทน้ำเดือดลงไปครึ่งแก้ว แล้วปิดฝาตั้งทิ้งเอาไว้ราวๆ 5 นาทีแล้วนำน้ำมาดื่มระหว่างมื้อของกิน
ช่วยรักษาอาการปวดในตอนก่อนหรือหลังรอบเดือน ด้วยการนำขิงแก่ที่แห้งแล้วประมาณ 30 กรัมมาต้มกับน้ำเสมอๆ
ช่วยสำหรับในการย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ดอก)
ช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะ ลดอาการจุกเสียด (เหง้า)
ช่วยสำหรับในการขับถ่าย รวมทั้งช่วยในเรื่องของระบบไส้ให้ดำเนินงานได้อย่างปกติ
ช่วยฆ่าพยาธิ พยาธิกลมจุกลำไส้ (ใบ) ใช้น้ำขิงผสมกับน้ำผึ้งแล้วเอามาดื่ม
ช่วยแก้อาการขัดเยี่ยว (ดอก, ใบ)
ช่วยรักษาฉี่รดที่พักผ่อนในคนไข้ที่มีภาวะหยางพร่อง มีความเย็นภายในร่างกายเป็นเหตุ
ช่วยรักษาโรคนิ่ว (ใบ, ดอก)
ช่วยแก้อาการฟกช้ำ (ใบ)
ขิง ช่วยรักษาอาการปวดข้อตามร่างกายด้วยการรับประทานขิงสดเสมอๆ
มีฤทธิ์ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย
ใช้เป็นยาแก้คัน ด้วยการนำแก่นของขิงฝนทำเป็นยา (แก่น)
แก้ไขปัญหาหนังที่มือลอกเป็นสะเก็ด ด้วยการใช้เหง้าสดมาหั่นเป็นแผ่น แล้วเอามาแช่สุรา 1 ถ้วยชา ทิ้งเอาไว้ 1 วัน แล้วนำแผ่นขิงมาเช็ดบริเวณดังที่กล่าวมาข้างต้นวันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาแผลเริมบริเวณข้างหลัง ด้วยการใช้เหง้า 1 หัว เอามาเผาเปลือกนอกกระทั่งเป็นถ่าน คอยเฉือนถ่านที่ผิวนอกออกไปเรื่อยแล้วนำผงที่ได้มาผสมกับน้ำดีหมูเอามาทาบริเวณที่เป็นแผลถ้าหากว่าถูกแมงมุมกัด ใช้ขิงสดฝานบางๆนำมาวางทับบริเวณที่ถูกกัดจะช่วยบรรเทาอาการได้ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น กลัวหนาว เย็นท้อง เป็นต้น ช่วยปกป้องการแพ้อาหารทะเลจนกระทั่งเกิดผื่นคัน ลมพิษ หรือของกินช็อกประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิง
ช่วยรักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการนำขิงสดมาตำให้แหลก แล้วนำกากมาพอกบริเวณแผล เพื่อป้องกันการอักเสบแล้วก็การเกิดหนองในขิงมีสารที่สามารถใช้กันบูดกันหืนในน้ำมันได้
ในด้านการปรุงอาหารนั้น ขิงสามารถช่วยเพิ่มรสชาติของกินได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารได้ดีอีกด้วย
ในด้านความงดงามนั้นมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของขิงอีกด้วย
ช่วยทำให้ผิวพรรณเรียบเนียนยิ่งขึ้น ด้วยการนำขิงสดมาขูดเป็นฝอยแล้วเอามานวดบริเวณต้นขา ก้น หรือบริเวณที่มีเซลลูไลต์จะช่วยลดความขรุขระของผิวได้อีกด้วย
สินค้าจากขิงนั้นนำมาดัดแปลงได้หลายอย่าง อย่างเช่น ขนมบัวลอยน้ำขิง ขิงแช่อิ่ม ขิงเชื่อม ขิงกระป๋อง ขิงแคปซูล น้ำขิงมะนาว ฯลฯ

ขั้นตอนการทำน้ำขิง
ขั้นตอนการทำน้ำขิงวิธีทำน้ำขิงอันดับแรกให้จัดเตรียมส่วนผสมดังนี้ ขิงแก่ 1 กก. / น้ำตาล 1 ถ้วยตวง / น้ำที่สะอาด 3 ลิตร
นำขิงที่ได้ไปล้างให้สะอาด นำมาตีให้แตก แล้วนำมาใส่ด้านในหม้อต้ม เติมน้ำสะอาดลงไป เอาขึ้นตั้งไฟ
เมื่อต้มกระทั่งน้ำเดือดและก็หลังจากนั้นจึงค่อยค่อยไฟลง ต้มราว 20 นาทีจนกระทั่งน้ำขิงละลายออกมาจนกระทั่งหมด (น้ำจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ) แล้วชูลงจากเตา
เสร็จแล้วให้ตักน้ำขิงใส่แก้ว เติมน้ำตาลลงไป 1-2 ช้อนชา (ตามความปรารถนา) แล้วคนจะกว่าจะเข้ากัน
เรียบร้อยและสามารถเอามากินได้ โดยนำมาดื่มแบบร้อนๆได้เลย
หรือจะดื่มแบบเย็นๆด้วยการใส่น้ำแข็งลงไปก็ได้ด้วยเหมือนกัน แต่ควรจะเติมน้ำตาลมากกว่า 2-3 เท่า (จะช่วยไม่ให้รสจืดมากเกินไป เพราะเหตุว่ามีน้ำแข็งผสมอยู่นั่นเอง)
น้ำขิงที่คั้นมานั้นไม่สมควรใช้ปริมาณที่เข้มข้นจนเกินไป เพราะเหตุว่าจะมีอันตรายต่อสุขภาพได้ เพราะเหตุว่าจะไปยับยั้งการบีบตัวของลำไส้ กระทั่งทำให้ลำไส้หยุดการบีบตัว ดังนั้นควรจะคั้นในปริมาณน้อยๆหรือดื่มจนเคยชินก่อน
เราชอบรู้จักคุ้นเคยกับขิงว่าเป็นอาหารที่นิยมนำมาใช้ในการทำอาหารและก็ทำเครื่องดื่ม ซึ่งอันที่จริงแล้วขิงจัดเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยการเยียวยารักษาโรคต่างๆได้สารพัดสารพัน ถือได้ว่าตัวช่วยสำหรับเพื่อการรักษาโรคได้อย่างยิ่งจริงๆ แม้กระนั้นทั้งนี้พวกเราก็ไม่สมควรจะหวังพึ่งคุณประโยชน์ของขิงเพียงอย่างเดียวในการบรรเทาโรค น่าจะทำอันอื่นหรือดูแลสุขภาพของพวกเราร่วมด้วยจะได้ผลลัพธ์ที่ดีนักแล
พวกเรามักนิยมใช้ขิงแก่ เพราะยิ่งแก่จะยิ่งให้ความเผ็ดร้อน ก็เลยมีคุณประโยชน์ทางยาที่มากกว่าขิงอ่อน แล้วก็ยังมีใยอาหารเยอะขึ้นตามไปด้วย แต่เนื่องมาจากขิงมีรสเผ็ด มีคุณสมบัติอุ่น ก็เลยไม่เหมาะกับคนที่มีความร้อนภายในร่างกายอยู่แล้ว อาทิเช่นคนที่เหงื่อออกมาก เหงื่อออกช่วงกลางคืน ตาแดง หรือมีไฟในตัวมากกว่าธรรมดา แต่ถ้าจะรับประทานควรระมัดระวังเป็นพิเศษ http://www.disthai.com/

15

น้ำมันเหลือง เป็นยังไง?
[url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3https://www.chiangdaonaturefood.com/product/45/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือง[/url] ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรคุณภาพเลิศ ทำจากพืชสมุนไพรประเภทต่างๆกัน คุณประโยชน์ที่ใช้ดม ทา นวด เพื่อทุเลาอาการต่างๆสรรพคุณนี้ไม่ด้อยกว่ายาแผนปัจจุบันเลยทีเดียว
บริการนวดน้ำมันเหลืองและก็ส่วนใหญ่สร้างความแข็งแรง ระบบภูมิต้านทานแล้วก็ช่วยในการย่อยของกิน.
ศิลป์ที่สวยงามของการนวดได้ทวีความรุนแรงเยอะขึ้นเรื่อยๆด้วยการนวดน้ำมันบางมากมาย. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณลักษณะรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อให้บริการด้านต่างๆในการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันที่ดีที่สุดสำหรับความจำเป็นส่วนบุคคลของคุณแล้วก็ผ่อนคลายร่างกายของคุณด้วยการนวดบรรเทาแล้วก็ฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อรักษาความสมดุลทางจิตวิญญาณของคุณและสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงที่สุดของร่างกายของคุณ.
คุณประโยช์จากการนวดน้ำมัน
นวดจริงหมายถึงการกระตุ้นเยื่อของร่างกายด้วยมือ, เพื่อผลักดันสุขภาพและก็ฟื้นฟูให้ร่างกายทั้งสิ้น. น้ำมันนวดถูกดีไซน์มาเพื่อมือเลื่อนได้ง่ายมากยิ่งขึ้นในระหว่างนวด แล้วก็ในเวลาเดียวกันเครื่องหอมอโรมาให้มีความผ่อนคลายสูงที่สุดสำหรับทั้งร่างกายและจิตใจ. อ่านต่อไปเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณประโยช์จากการนวดน้ำมันเหลืองและก็ผ่อนคลายร่างกายของคุณที่มีประสบการณ์นวดสดชื่น.
การใช้นำมันนวดตามจุดต่างๆ
การนวดน้ำมันเหลืองเป็นวิธีสำหรับดูแลสภาพผิวและสุขภาพที่ขอชี้แนะเป็นการนวด ที่สกัดจากสมุนไพรและพืชต่างๆที่อุดมไปด้วยประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย โดนการนำสารสกัดกลิ่นและเนื้อน้ำมันพวกนั้นมานวดตามจุดต่างๆของร่างกายด้วยกลิ่นหอม รวมทั้งสัมผัสของของน้ำมันที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะเข้าไปช่วยกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกาย ลดความเคร่งเครียด ทำให้พวกเราผ่อนคลาย น้ำมันเหลือง รวมไปถึงช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้นแล้วก็ผิวพรรณให้ดูดีขึ้นด้วย วันนี้เราจะพาไปดูประโยชน์ซึ่งมาจากการนวดน้ำมันว่ามีคุณประโยชน์ในด้านใดบ้าง
          ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ สร้างขึ้นมาจากสมุนไพรแท้ 100% ไม่มีส่วนผสมจากสเตอรอยด์หรือสารเคมีอันตรายใด  ซึ่งก็มีสิ่งที่ห้ามจำกัดอยู่ด้วยเหมือนกันสำหรับในการใช้ ซึ่งในกรณีที่มีการแพ้สาร Notoginsenoside, Flavonoid, การบูร
มาดูคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากน้ำมันนวดกันจ้ะ

  • ปวดต้นคอ บ่า ไหล่ จากการนั่งทํางานนานๆทํางานหน้าคอมฯ Office syndrome ฯลฯ
  • คนทํางานที่จำเป็นต้องใช้กล้าม อย่างเช่น ยกของหนัก
  • นักกีฬา หรือผู้ที่บาดเจ็บจากการออกกําลังกาย
  • นักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยว
  • คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับ กระดูก ข้อต่อ เอ็น กล้าม ตัวอย่างเช่น ข้อหัวเข่าอักเสบ, เอ็นอักเสบ, กระดูกทับ เส้นประสาท ฯลฯ


        น้ำมันเหลือง ซึ่งเรามาดูผลเสียจากการทานยาคลายกล้ามกันนะคะ ทำไมถึงต้องเลือก น้ำมันนวดด้วยเหตุว่า ยาคลายกล้ามเนื้อธรรมดาที่เราทาน ทำให้กล้ามเนื้อรู้สึกหายเป็นปกติจริง พวกเราจะคิดว่ามันหายเป็นปกติ รวมทั้งออกกำลังกายได้ปกติไม่เจ็บ แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วกล้ามเนื้อยังอักเสบอยู่ ถ้าพวกเรายังใช้งานกล้ามเนื้อดังเดิมจะมีผลให้กล้ามอักเสบมากขึ้น การที่กินยาแล้วบริหารร่างกายส่วนนั้นต่อเป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆเข้า ก็บางครั้งอาจจะอัดเสบเรื้อรังได้ อันนี้เป็นข้อผลร้ายทางอ้อมมาจากการทานยาคลายกล้ามเนื้อน้ำมันเหลือง ซึ่งคนจำนวนมากรวมทั้งจะใช้กล้ามเนื้อหรือทำงานปกติทุกสิ่งเนื่องจากว่าพวกเราไม่รู้เรื่องสึกปวดหรือเจ็บแล้ว ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่ถูกเพราะการทานยาคลายกล้ามเนื้อยาเมื่อพวกเราทาน
นํ้ามันนวด ตัวนี้เหมาะกับคนใดกันบ้าง?

  • คนที่ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
  • ผู้ที่ปวดเมื่อยจากการทำงานหนัก
  • คนที่ปวดมือและก็คอจากการเล่นโทรศัพท์มือถือ
  • ปวดหลังจาก Office syndrome
  • คนที่ปวดข้อจากโรคเกาท์
  • ผู้ที่ปวดหัวเข่าจากโรคข้อต่ออักเสบ
  • ปวดขาจากการเดิน Shopping
  • เจ็บจากการเล่นกีฬา
  • ตีดอท กระทั่งปวดมือ
  • ปวดคอจากการเล่นโทรศัพท์มือถือ
  • ปวดเมื่อยจากการทำงานหนัก
  • ช๊อปจัดหนัก กระทั่งปวดขา


          สำหรับคนไหนที่  มีติดบ้านกันไว้ก็ดีนะคะ บทความนี้เป็นเพียงรีวิวการใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นความความเห็นส่วนตัวแค่นั้นนะคะไม่ได้ขายคอแต่อย่างใด พวกเราใช้แล้วเห็นผลจริงก็เลยมาบอกต่อซึ่ง บทความนี้พวกเราได้หาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บต่างๆนะคะ น้ำมันเหลืองเพื่อมาประกอบสำหรับในการรีวิว ซึ่งถ้าหากมีจุดบกพร่องอย่างใด สามารถติชมและก็แนะนำกันเข้ามาได้ และก็สามารถติดตามบทความรีวิว ของเราได้เรื่อยเลย และพวกเราจะมีผลิตภัณฑ์ดีๆตัวไหนมาชี้แนะอีกห้ามพลาดเด็ดขาดนะคะ เจอกันในบทความหน้า
การเลือกน้ำมันนวด
การเลือกน้ำมันเหลืองนวดขึ้นอยู่กับการใช้แรงงาน และก็สรรพคุณต่างๆของน้ำมันนวดแต่ละประเภท โดยส่วนมากน้ำมันเบื้องต้นที่นิยมเอามาผสมทำน้ำมันนวด เช่น น้ำมันที่ทำจากเมล็ดทานตะวัน เป็นต้น ซึ่งมีวิตามินอี สูงกว่าน้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากถั่วเหลือง แล้วก็น้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ปฏิบัติหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ รวมทั้งทำลายของเสียที่รังแกเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นโลหิต คุ้มครองการเกิดโรคมะเร็ง น้ำมันเหลือง นอกจากนี้น้ำมันเม็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต้องต่อสุขภาพร่างกาย อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวย

Tags : น้ำมันเหลือง

หน้า: [1] 2 3 ... 6