รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุหมีที่พบเจอในประเทศไทย  (อ่าน 391 ครั้ง)

แสงจันทร์5555

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 77
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุหมีที่พบเจอในประเทศไทย
« เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2017, 06:41:11 AM »


หมีที่พบในประเทศไทย
๑. หมีควาย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Selenarctos  thibetanus (G. Cuvier)
มีชื่อพ้อง Ursus  thibetanus  G. Cuvier
ชื่อสามัญว่า Asiatic black  bear
ขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๑.๒๐-๑.๕๐ เมตร หางยาว ๖.๕-๑๐ เซนติเมตร น้ำหนักตัว ๖๐-๑๐๐ กิโล หัวค่อนข้างแบน แคบ ปากยาวกว่าหมีหมา ขนรอบจมูก คาง แล้วก็รอบๆเหนือตามีสีขาว ใบหูใหญ่ ขอบกลมมน ตามลำตัวมีขนยาวสีดำ ทรวงอกมีขนสีขาวรูปตัววี  (V)  แต่ละขามี ๕ นิ้ว มีเล็บขนาดใหญ่โค้ง ปลายแหลม   ไม่หดกลับ หมีควายชอบออกหากินเพียงลำพังในเวลากลางคืน  ยกเว้นในช่วงฤดูสืบพันธุ์  ช่วงกลางวันมักหลบอยู่ในโพรงดิน ตามโคลนรากของต้นไม้ใหญ่หรือตามโพรงหิน ลางครั้งออกมาหาเลี้ยงชีพผลไม้สุกหรือรวงผึ้งในเวลากลางวัน ขึ้นต้นไม้เก่ง เดินด้วยขาทั้งยัง ๔ ข้าง เมื่อสู้กับศัตรูจะยืนด้วยขาหลังทั้งคู่ขา แล้วก็ใช้ฝ่าตีนของขาหน้าตะปบศัตรู  อาหารที่กินเป็นผลไม้ น้ำผึ้ง กวาง เก้ง หมูป่า ปลา หมีควายโตเต็มวัยพร้อมผสมพันธุ์เมื่ออายุราว ๓ ปี ตั้งครรภ์นาน ๗-๘ เดือน  ออกลูกครั้งละ ๑-๒ ตัว ออกลูกในถ้ำ หรือในโพรงไม้   อายุยืนราว ๓๐ ปี เจอในทุกภาคของไทย ในต่างประเทศเจอที่กัมพูชา เวียดนาม ประเทศปากีสถาน ประเทศอินเดีย เนปาล ประเทศทิเบต ประเทศเกาหลี  จีน  ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน
๒. หมีหมา
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Helarctos  malayanus  (Raffles)
มีชื่อพ้อง  Ursus  malayanus  Raffles
ชื่อสามัญว่า  Malayan  sun  bear
หมีคน ก็เรียกเป็นหมีจำพวกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๑-๑.๔๐ เมตร  หางยาว ๓-๕ ซม. น้ำหนักตัว ๓๐-๔๐กก. หัวกลม   ปากสั้น ตามลำตัวมีขนยาวสีดำ หน้าอกมีขนสีขาวหรือสีขาวอมเหลืองเป็นรูปตัวยู (U) แต่ละขามี ๕ นิ้ว มีเล็บขนาดใหญ่ โค้ง ปลายแหลม ไม่หดกลับ มีเต้านม ๔ เต้าบริเวณทรวงอกแล้วก็หน้าท้อง หมีสุนัขถูกใจออกหากินเป็นคู่ในช่วงเวลาค่ำคืน   ลางครั้งพบในตอนกลางวันบ้าง ปีนต้นไม้ได้กระฉับกระเฉง สร้างรังนอนโดยดึงก้านไม้ กาบไม้   มาวางไว้ใต้ท้อง   แล้วปลดปล่อยขาห้อยคร่อมก้านไม้ไว้ โดยเอาคางเกยไว้ตรงง่ามไม้   ยืนด้วย ๒ ขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยากมองในระยะไกลหรือมองหาศัตรู เวลาเข้าทำร้ายจะส่งเสียงร้องราวกับหมา ของกินที่กินเป็นพวกผลไม้ แมลง ผึ้ง ปลวก ใบไม้ สัตว์ขนาดเล็ก หมีสุนัขโตเต็มวัยพร้อมผสมพันธุ์เมื่ออายุราว ๓-๕ ปี ตั้งท้องนานราว ๙๕ วัน ตกลูกทีละ ๑-๒ ตัว อายุยืนราว ๒๐ ปี เจอในทุกภาคของไทย  แม้กระนั้นมักพบมากทางภาคใต้ ในต่างประเทศพบที่ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า บังกลาเทศ   จีน   มาเลเชีย และอินโดนีเชีย
ดีหมีในยาจีน
ดีหมีเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งที่ใช้ในยาจีน มีราคาแพงมากมายและก็หายาก เครื่องยานี้มีชื่อภาษาละตินตามตำรายาว่า Fel  Ursi มีชื่อสามัญว่า bear  gall  จีนเรียก สงต่าน  (สำเนียงแมนดาริน) ได้จากถุงน้ำดีของหมี ๒ ชนิดหมายถึงหมีควาย Selenarctos  thibetanus (G. Cuvier) และหมีสีน้ำตาล หรือ brown bear (Ursus  arctos  Linnaeus) สกุล Ursidae ชนิดหลังไม่พบในธรรมชาติในประเทศไทย ดีหมีที่ได้จากบริเวณยูนนาน ส่วนใหญ่เป็นดีของหมีควาย จัดเป็นดีหมีที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม ในทางกิจการค้า เรียก อวิ๋นต่าน  (ดีจากยูนนาน) แต่ดีหมีที่มีขายในตลาดมักมากจากหมีที่เจอทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยเฉพาะบริเวณเฮย์หลงเจียงและบริเวณจี๋หลิน โดยมากได้จากหมีสีน้ำตาล ในทางกิจการค้าเรียก ตงต่าน  (ดีจากภาคทิศตะวันออก) ซึ่งมีจำนวนมากกว่า
รูปแบบของดีหมี
ดีหมีแห้งมีรูปร่างกลม ยาวรูปไข่  ส่วนบนเรียวและกลวง ด้านล่างเป็นถุงใหญ่  ยาว ๑๐-๒๐ ซม.  กว้าง ๕-๑๐ ซม. (ด้านล่าง) เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเทา สีน้ำตาลอมดำ หรือสีเหลืองอมสีน้ำตาล เป็นเงานิดหน่อย ส่วนบนใส ดูได้เกือบจะทะลุผิวบางและย่นย่อ เมื่อฉีกขาดจะมองเห็นเป็นเส้นใย ในถุงน้ำดีมีน้ำดีที่แห้งแล้วเป็นก้อนหรือเป็นเม็ด บางครั้งก็เป็นผุยผงหรือก้อนเหนียวๆสีเหลืองทองคำ เป็นเงาเงา เปราะ ดีหมีที่มีสีเหลืองทองคล้ายสีอำพัน เนื้อบาง เปราะ วาวเงา มักเรียก ดีหมีสีทอง หรือ ดีหมีสีทองแดง ชนิดทีมีสีดำหรือสีเขียวอมดำ แข็ง มีลักษณะเป็นแผ่น มักเรียก ดีหมีสีดำ  หรือ ดีหมีสีเหล็ก ส่วนชนิดที่มีสีเขียวอมเหลืองเนื้อเปราะ มักเรียก ดีหมีสีกะหล่ำดอกเมื่อเรียกชิม  ดีหมีมีรสขมก่อน ต่อมาจะรู้สึกหวาน กลิ่นหอมยวนใจเย็นๆหรือ คาวเล็กน้อย อมในปากจะละลายจนหมด ดีหมีที่มีคุณภาพดีควรจะมีรสขม  เย็น ไม่ติดฟัน  ก้อนน้ำดีสีเหลืองทองคำวาวเงา รสขมตอนแรก  แล้วหวานตามหลัง
ของแท้หรือของปลอม
ด้วยเหตุว่าดีหมีเป็นเครื่องยาที่หายาก จึงมีของที่เป็นของปลอมขายมากในหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น ปลอมด้วยดีหมู ดีวัว หรือดีแกะ แม้กระนั้นบางทีอาจตรวจตราดีหมีแท้ได้ด้วยแนวทางดังนี้
๑. กรรมวิธีการตรวจด้านกายภาพ อาจทำได้ด้วยการดูลักษณะทั่วไปภายนอก และผิวและก็รูปร่าง ตรวจสอบรูเปิดของถุงน้ำดีและก็รอบๆที่มัด มองปริมาณของน้ำดีแห้ง (ถ้าเกิดมีมากรวมทั้งเต็มบางทีอาจเป็นของเลียนแบบ) ตรวจทานน้ำหนักของดี (ถ้าหากมีน้ำหนักมากเกินความจำเป็น บางทีอาจเป็นของปนเลียนแบบด้วยโลหะลางเป็นต้นว่าตะกั่ว หรือเหล็กผสมทราย) ตรวจด้วยการเอาผงดีหมีเล็กน้อยวางบนนิ้วชี้ หยดน้ำลงไป ๑ หยด แล้วขยี้ด้วยนิ้วโป้งมือ (ถ้าหากเป็นของแท้จะมีกลิ่นหอมหวนเย็น) น้ำดีที่เป็นของแท้จะเปราะ แตกง่าย ได้ผลึกรูปหลายเหลี่ยม   (หากเป็นของเลียนแบบจะเหนียวรวมทั้งแข็ง ไม่เป็นเงา) อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้จึงควรอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากมาย
๒. วิธีเผาไฟ เอาเข็มเขี่ยๆผงดีหมีน้อย   เผาไฟ แม้เป็นของแท้จะปุดเป็นฟอง  แต่ว่าแม้เป็นของเลียนแบบจะติดไฟหรือเยิ้มเหลว หรืออาจมีปุดเป็นฟองแต่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์
๓. แนวทางตรวจด้วยน้ำ เพิ่มน้ำลงในแก้วน้ำ ปริมาตรราว ๓ ใน ๔ แก้ว เอาเกล็ดดีหมีบางส่วนใส่ลงเบาๆบนผิวน้ำ เกล็ดดีหมีนั้นจะหมุนอย่างเร็วครู่เดียว ขณะหมุนอยู่ก็จะละลายไปเรื่อยแล้วจมลงในน้ำ ทำให้เห็นเป็น “เส้นเหลือง” ลงสู่ก้นแก้ว เส้นเหลืองนี้คงอยู่เป็นเวลายาวนานกว่าจะหายไป ถ้าที่ผิวน้ำมีฝุ่นผงเล็กน้อยเมื่อใส่เกล็ดดีหมีลงบนผิวน้ำ   ผงดีหมีจะหมุนอย่างรวดเร็วและผลักฝุ่นที่ผิวน้ำให้กระจายออก นอกจาก วิธีนี้ยังคงอาจใช้เหล้าขาวแทนน้ำ จะเกิดเส้นเหลืองให้เห็นเช่นเดียวกัน
๔. แนวทางตรวจทางเคมี ทำเป็นโดยตรวจสาระสำคัญในดีหมีซึ่งไม่เจอในดีของสัตว์อื่นเป็นกรดเออร์โซเดสออกศสิโคลิก (ursodesoxycholic acid)  ดังเช่นว่า ด้วยวิธีรงคเลขผิวบาง  (thin-layered  chromatography) หรือด้วยวิธีรงคเลขของเหลวสมรรถนะสูง  (high  performance  liquid  chromatography  หรือ  HPLC)

คุณประโยชน์และขนาดที่ใช้
ตำราจีนว่า ดีหมีมีรสขม ฤทธิ์เย็น ใช้เป็นยาลดไข้ แก้อาการชัก บำรุงสายตา ใช้เป็นยาเจริญอาหารและก็ยาตอบแทนน้ำดี เป็นยาช่วยชีวิตคนป่วยที่หมดสติด้วยเหตุว่าไข้สูง ใช้หยอดตา ทาหัวริดสีดวงทวารหนักที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดลักษณะของการปวดบวม ใช้กินเป็นยาแก้โรคตับอักเสบ โรคความดันโลหิตสูง โรคบิดเรื้อรัง ใช้ทีละ ๐.๖-๑.๕ กรัม   โดยชงน้ำดื่ม   หรือทำเป็นยาลูกกลอนก็ได้ หรือใช้ละลายน้ำเล็กน้อยเป็นยาใช้ภายนอก หรือใช้ทำเป็นยาตาก็ได้
คุณประโยชน์ทางยา
แพทย์แผนไทยใช้ดีหมีเป็นอีกทั้งเครื่องยารวมทั้งกระสายยา แบบเรียนสรรพคุณยาโบราณว่าดีหมีมีรสขม หวาน มีคุณประโยชน์ดับพิษร้อนข้างใน แก้พิษคลุ้มคลั่ง สติลอย ตาเหม่อ บำรุงน้ำดี ขับขี่รถยาให้แล่นทั่วตัว ใช้ดีหมีเป็นยากระจายเลือดลิ่มสำหรับบุคคลที่ซ้ำซอกเนื่องจากตกต้นไม้หรือตกจากที่สูง หรือถูกของแข็งชน ทำให้ฟกช้ำดำเขียว เว้นเสียแต่ดีหมีแล้ว หมอแผนไทยยังรู้จักใช้ “เขี้ยวหมี” เป็นเครื่องยาในตำรับยาหลายขนาน ดังเช่น ยาปรับปรุงขนานหนึ่งใน พระคัมภีร์มหาโชตรัต ดังนี้ สิทธิการิยะ ถ้าเกิดคนไหนกันเปนไข้แลให้ร้อนภายในให้ต้องการน้ำนัก แลตัวคนไข้นั้นให้กระด้างอย่างกับท่อนไม้แลท่อนฟืน ให้ตัวนั้นเปนเหน็บชาไปทั่วอีกทั้งกายหยิกไม่เจ็บ ท่านว่าเกิดกาฬภายในแลให้ปากแห้งคอแห้งผากฟันแห้งนมท้อแท้ให้เปนต่างๆนั้น   ท่านว่ารอยดำผุดออกยังไม่สิ้นยังอยู่ในหัวใจนั้น   ถ้าจะแก้ให้เอารากกะตังบาย ๑   จันทน์ ๒   สนเทศ ๑   ท้อม ๑   พิศทุ่งนาศ ๑   รากแตงไม่มีอารยธรรม ๑   รากหมูปล่อย ๑   หัวมหารอยดำ ๑   หัวกะยามเช้าผีมด ๑   รากไคร้เครือ ๑   ใบหยุด ๑   ใบภิมเสน ๑   ใบเฉมีดพร้าหอม ๑   ใบทองพันชั่ง ๑   เขากวาง ๑   งาช้าง ๑   เขี้ยวเสือ ๑   เขี้ยวหมี ๑   เขี้ยวไอ้เข้ ๑   เขี้ยวหมูป่า ๑   เขี้ยวแรด ๑   กรามพญานาค ๑   เขี้ยวปลาพยูน ๑   เกสรดอกบัวน้ำอีกทั้ง ๗   ผลสมอพิเภก ๑   เทียนดำ ๑   ใบสเดา ๑   เปลือกไข่เป็ดสด ๑   ผลจันทน์ ๑   ดอกจันทน์ ๑   สมอไทย ๑   รากมะรุมบ้าน ๑   รวมยาดังนี้เอาเสมอภาค   ทำผง   แล้วจึงบดปั้นแท่งไว้   ฝนด้วยน้ำดอกไม้   อีกทั้งรับประทานอีกทั้งพ่น   แก้สรรพไข้ทุกอันดังที่ได้กล่าวมาแล้วมานั้น   หายแล อนึ่ง “เขี้ยวหมี”   เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดยาไทยที่เรียก “นวเขี้ยว”   หรือ “เนาวเขี้ยว”   เช่น   เขี้ยวหมูป่า   เขี้ยวหมี   เขี้ยวเสือ   เขี้ยวแรด   เขี้ยวหมาป่า   เขี้ยวปลาพะยูน   เขี้ยวจระเข้  เขี้ยวเลียงเขาหิน   และก็งา
บันทึกการเข้า