รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Topics - แสงจันทร์5555

หน้า: [1] 2 3 ... 5
1

ขายเจียวกู่หลาน ข้าวโพดกับข้อมูลทางโภชนาการข้าวโพดเป็นเมล็ดพืชเต็มเมล็ด ซึ่งจำพวกที่คนส่วนใหญ่นิยมเอามากิน เป็น ข้rh67j7kาวโพดหวาน ข้าวโพดคั่ว และก็ข้าวโพดข้าวเหนียวหรือข้าวสาลี โดulio;oยนำมาต้มสุกรับปtjhy78klujuระทาน ใช้จำหน่ายเจียวกู่หลานประกอบอาหารหรือทำอาหารหวาน แต่เว้นเสียแต่รสหวานอร่อยแล้ว ข้าวโพดยังปร+6+ะกอบไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต้องต่อสุขภาพ ดังต่อไปนี้วิตามินและธาตุ ข้าวโพดแต่ละชนิดประกอบด้วยวิตามินรวมทั้งแร่ธาตุนาๆประการ โดยข้าวโพดหวาrjyนอุดมไปด้วยวิตามินบี 8i;l09tjntrjซึ่งมีคุณสมบัติช่วยทำให้ร่างกายนำ;ylkgtkสารอาหารชนิดไขมัน คาร์โบไฮเดรต แล้วก็โปรตีนไปใช้ขายเจียวกู่หลานอย่างมีคุณภาพ และยังมีวิตามินเอที่ช่วยบำรุ8l90;9งรักษาสายตาและก็เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการแลเห็น ส่วนข้าวโพดคั่วนั้นเป็นแหล่งของกิ53นสำคัญของแร่ธาตุหลายอย่าง อาทิเช่น ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แมงกานีส สังกะสี และก็53ทองแ7lk98prhtดง 35แต่ข้าวโพดคั่วที่ขายตามตลาดมักมีน้ำมัน เนย เกลือ หรือน้ำตาลเป็นส่ว63+นประกอบ หาtjhy8i8lกกินมากจนเกินความจำเป็นก็อาจทำให้จำหน่ายเจียวกู่หลานเกิดปัญหาด้านสุขภาพตilมมาได้สารต้าrhtyjน9อนุมูลอิสระ ข้าวโพดอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายอย่างที่ช่วยปกป้องหรือy7j7lk9yk;lยับยั้งความทรุดโทรม3+ขอ9งเซลล์ที่เกิtjดขึ้นมาจาก99;อนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุก่อโรคต่างๆอาทิเช่น โรคมะเร็ง โ69รคเส้นเลือด ฯลฯ โดยข้า9l;90;วโyk98l9lพดหวานที่คนส่วนใหญ่นิยมk89olกินประกอบด้วยกรดเฟอรูลิyk3rjkyก (Ferulic Acid) และสารต้านอนุมูลอิสร52ะในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งเป็นสารสีที่ให้สีเหลือง สีส้ม รวมทั้งสีแดงแก่พืชที่ได้เจอขายเจียวกู่หลานในข้าวโพด ยกตัวอย่างเช่น 636ซีแซนทิน 8l9prthj5r(Zeaxanthin) ลูทีน (Lutein) คริปโตแซนทิน (Cryptoxanthin) รวมrhthjทั้งเบต้าแคโรทีน (Beta Carotene)

Tags : จำหน่ายเจียวกู่หลาน

2

ขายกระชายดำ แคนตาลูป (Cantaloupe) หรือ “แตงแคนตาลูป” แคนตาลูป ชื่อuy,iu,.วิทยาศาสตร์ เป็น “Cucumis melo L. varerkjuuili;. cantaloupensis” เป็นผลไม้เพื่อสุejyuklu.lขภาพประเภทหนึ่งuyl.io.io/.ที่มีต้นกำเนิดมาจwsrhjtyykuากปรuuiliะเทศอินเดีย แต่olio;i;;oiul8;ว่ามีผู้นำผลไม้จำพวกนี้ไปปลูi;กที่ประเทศอิตาลีในเมือง “แคนตาลูโป (Cantalupu)” ซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงโรมจำหน่ายกระชายดำจึงเป็oi;op'นสาเหตุของชื่อผลไม้จำพวกจำหน่ายกระชายดำนี้ โดยผลไม้ชนิดนี้ได้นำเข้าyjkyuloi;มาในประเทศไทยเมื่อ พุทpo';p[]ธศักราช2478 โดยปลูกrjyukuililหนแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ แม้ulกluระนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ จนได้มีการเอามาทดลองปลูกที่มหาวิทulio'o'[ยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ปรากฏว่าได้ประสิทธิภาพที่ดี โดยแหล่งปลูกแคนตาลูปที่สำคัญulของประเทศในขณะนี้อยู่ที่ อำเภอพนาulประเทศ จังหวัดสระแก้ว อำเภอไทykuiluรโยค จังหวัดกาญจนบุรี จังหrjyukuiklวัluดเชียงใหม่ ul9'rjykjรวมทั้งกรุงเทพฯผลแคนตาลูปจะมีลักษณะคล้ายกัi;op';p['บแตงไทยบ้านพวกเรา คนประเpทศไทยก็เลยนิยมเรีp['p[ยกulกันว่า แตงเทศ, แตงฝรั่ง, แตงไทยฝรั่ง โดยลักษณะของผลจะกลม ผิวมีสีเขียว เหลือulululง ขาว น้ำตาลคล้ำขายกระชายดำ ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับulสายพันธุ์นั้นๆเป็นหลัก ผิวขluluองผลจะหยาบคาย เปuลือกแข็ullง มีร่อง'p['ลึกบริเวณผล เปลือกจะมีลายเหมือนร่างแหหรือตาข่ายul เมื่อสุกแulนื้อข้างในจะมีสีส้มหulสีจำปา รtjyukuชาติออกหวullาน มีกลิ่นหอม แม้กระulนั้นถ้าจะululนำมาทำน้ำแคนตาลูป ชี้แนะว่าคyulวรp['เลือกแคนตาลูปที่กำลังสุกพอดี ถ้าหากอ่อนมากจนเกินความจำเป็นจะไม่มีกลิ่นหอมสดชื่น แต่ถ้าหากสุกมาtjyukกจนเกิululนความจำเป็นเมื่อทดลองขย่าดูเหมือนมีน้ำอ8k79k8liopยู่ภายใน ยิ่งเสียงน้ำเยอะแค่ไหนแปลว่ายิ่งสุกมากมายเykuพียงแค่นั้น และให้เลือกผลขนาดกลางๆน้ำหนักราว 1 กิโลyklio;ขายกระชายดำ โดยเลือกผิวที่เรียบตึง ไม่เป็นรอยหยักหรือเลือกที่เป็tkuiol;i;rejt77นสีนวลราวกับเปลือกไข่ก็ใช้ได้

Tags : ขายกระชายดำ,จำหน่ายกระชายดำ,ขายกระชายดำ

3

ขายกระชายดำ แคนตาลูป (Cantaloupe) หรือ “แตงแคนตาลูป” แคนตาลูป ชื่อuy,iu,.วิทยาศาสตร์ เป็น “Cucumis melo L. varerkjuuili;. cantaloupensis” คือผลไม้เพื่อสุejyuklu.lขภาพประเภทหนึ่งuyl.io.io/.ที่มีต้นกำเนิดมาจwsrhjtyykuากอินเดีย แต่มีผู้นำผลไม้ชนิดนี้ไปปลูi;กที่ประเทศอิตาลีในเมือง “แคนตาลูโป (Cantalupu)” ซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงโรมจำหน่ายกระชายดำจึงเป็oi;op'นสาเหตุของชื่อผลไม้จำพวกจำหน่ายกระชายดำนี้ โดยผลไม้ปร[ppะเภทนี้ได้นำเข้าyjkyuloi;มาในประเทศไทยเมื่อ wejพ.ศ.2478 โดยปลูกrjyukuililหนแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ว่าไม่ประสบคululวามสำเร็จ จนได้มีการนำมrkาทดลองปลูกที่มหาวิทulio'o'[ยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ปรากฏว่าได้ผลดี โดยแหล่งปลูกแคนตาลูปที่สำคัญulของประเทศในตอนนี้อยู่ที่ อำเภออรัญulประเทศ จังหวัดสระแก้ว อำเภอไทykuiluรโยค จังหวัดกาญจนบุรี จังหrjyukuiklวัluดเชียงใหม่ แ'p['ละuก็กรุงเทพฯผลแคนตาลูปจะมีลักษณะคล้ายกัi;op';p['บแตงไทยบ้านพวกเรา คนประเpทศไทยก็เลยนิยมเรีp['p[ยกulกันว่า แตงเทศ, แตงฝรั่ง, แตงไทยฝรั่ง โดยรูปulululแบบของผลจะกลม ผิวมีสีเขียว เหลือulululง ขาว น้ำตาลคล้ำขายกระชายดำ ดัluงนี้จะขึ้นอยู่กับulสายพันธุ์นั้นๆเป็นหลัก ผิวขluluองผลจะหulยาบ เปuลือกแข็ullง มีร่อง'p['ลึกบริเวณผล เปลือกจะมีลายคล้ายร่างแหหรือตาข่ายul เมื่อสุกแulนื้อข้างในจะมีสีส้มหulสีจำปา รtjyukuชาติออกหวullาน มีกลิ่นหอมสuดชื่น ulแต่ถ้าเกิดจะulเอามาทำน้ำแคนตาลูป แนะนำว่าควรที่จะเpp'อกแคนตาลูปที่กำลังสุกพอดี ถ้าอ่อนมากเกินไปจะไม่มีกลิ่น;o'หอม แต่ว่าหากสุกมาtjyukกจนเกิululนความจำเป็นเมื่อลองขย่าดูเหมือนมีน้ำอ8k79k8liopยู่ด้านใน ยิ่งเสียงน้ำเยอะแค่ไหนแสดงว่ายิ่งสุกมากแค่นั้น รวมทั้งให้เลือกผลขนาดลางน้ำหนักโดยประมาณ 1 กก.ขายกระชายดำ โดยเลือกผิวที่เรียบตึง ไม่เป็นรอยหยักหรือเลือกที่เป็tkuiol;i;rejt77นสีนวลเหมือนเปลือกไข่ก็ใช้ได้

Tags : ขายกระชายดำ,จำหน่ายกระชายดำ

4
อื่น ๆ / ขายถั่งเช่า รูปแบบของลูกพลับ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2018, 07:17:03 PM »

ขายถั่งเช่า ลักษณะของลูกพลับต้นลูกพลับ มีui,uถิ่นกำเนิดในป่าดงดิบขk.;/;/องเมืองไทย ประเทศอินเดีย และก็ในชวาเกาะเซลีเบส4 โดยจัดเป็นไม้ยืนต้hehgนขนาดกลาง ลำ,ehui,ต้นเปลาehตรง มีควาehมสูงของต้น{ปo'ระมาehณ|ราว|ราวๆ|โดยประมาณeh8-15 เมตร ทรงพุ่มกลมทึบ เปrhลือกต้นเรียบytjเป็นสีเทาจำหน่ายถั่งเช่าคละkykเคล้าดำ หรือบางครั้งบางคราวแตกเป็นร่องo'เล็กๆตui,ามยาว o'ส่วนเนื้อไo'ม้เป็นสีo'ขาว แพร่พันธุ์ด้วยแuil8ulนวทางเพาะเมล็tymjyukykykmด เจริญวัยได้ดีo'ykในoiดินop;l;ซึ่egrงร่op'วนซุย มีน้ำรวมทั้งความykชุ่มชื้นปานกลาง รวมทั้งถูกใจเเสงtyjyukอาทิตย์จัด มะพลัo'บเป็ykนไม้ป่าดงดิบ เจอขึ้นในป่าที่ลุ่tykmuilมต่ำ{บริเวoงป่าo'บกแmuyi,iล้วก็ป่าชายเลน ชายrnyjtmป่าพรุ รอบๆชายลำคลองจำหน่ายถั่งเช่า ป่าดิi;.oiiบใกล้แหล่งน้ำ ป่io.io/io/าละเมาะoชoายหาด และตามเรือกสวนทั่วไป ที่ระดับความสูงเหulนือรop'ะดับน้ำทะเลราว 2-30 เมตร (ส่o'วนอีกข้อมูลบอกว่าราวๆ 50-400 เมo'ตร) ในประเทศop'ไทยเจอได้ทางภาคใต้ ส่วนในเมืองนอกเจอขายถั่งเช่าถึงที่กะไว้มาเลเซียต้นมะพลับใบมะพลับ ใบเป็นใo'บคนเดียวo'ออกเรียงสลับ ลักi;ษณะของใบเป็นi;รูปขอบขi;านหรือรูปขอบขนานแ;iกมรูปหo'อo'กกลับ i;ปลายใบi;rhtjแหลมทู่ โคนใบมน ส่วนio;ขอบของใบเรียบ ใบมีขนuil;าดกว้างราวๆ 2.5-8 ซม.รวมทั้งยาวโดยประมาณ 10-30 เซนติเมตร เนื้อใบหนา ข้างหลังใบเรียบi;วาว ส่วนท้องใบเรียบแo'ม้กi;ระนั้นมีสีอ่อนกuว่า หรือมีขนเรี่ยรายบ้างตามเส้นกลางใบด้านล่าง โดยมีเส้นใi;โo'ดยo'ประมi;าณ 6-12 คู่ แต่ละเส้นมีลักษณะคด;oo'o'ไปมา พอเพียงแลเo'ห็นได้ทั้งสองด้าน ส่วนo'ก้านใบยาวราว 1-1.5 เซo'o'นติเมตร ขายถั่งเช่าแoo'op'u'ละก็o'แล้วก็6ykyo'รวมทั้งมีขนประปo'รายo'

Tags : ขายถั่งเช่า

5

ขายยากษัยเส้น สารอาหารของอะโวคาโดอะโวคาโดมีประโยชน์ต่อร่างกาย ด้วยเหตุว่าอุดม56u6ไปด้วยวิตามิน รวมทั้งเกลือแร่ต่างๆเป็นต้5tyjk789l8lนว่า- วิตามินอี บำรุงผิวพรรณ ลดไขi;มันy'/[p'y;pตันจำหน่ายากษัยเส้นในเส้นโลหิต- สารต้านอนุมูลอิสระ ชy'o['ะลอค;op;วามชราภาพ ลดการเสี่ยงของโรคมะเร็ulkiง- โพแทสเซียม lop'rjk8yลดระดับความดันโลหิต- โฟเลท ลดระดับความดันrk98l;เลือด- วิตามินเl;oipอ บำรุงสายตา- วิตามินopบี แก้อาการเหน็บชา- y8p0'วิตามินซี ปกป้องโรคiไข้หวัด บำรุงiy;น กรดrkiulekไขมันดี ประเภทtkiไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นแบบเดียวกับน้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะกอก ช่วยลjku;opilop'ดคอเลสเตอรอลในเลือด และคุ้มครองป้องกันโรคหัวใจได้t- สารแคโรทีนอยด์ต่างๆถึง 11 ประเภท โดยจะพบได้ทั่วdjuiulไปรอบๆเนื้อที่เป็นสีเขีย';oวเข้มที่dsjykykykใกล้กับใต้เปลือกเป็นต้นได้รับสารอาหารที่มีสาระจำหน่ายากษัยเส้นเยอะที่สุด?1. ผ่าครึ่ง โดยใช้มีดกดตามแนวยาว จนกระทั่งมีดติgtlio;ดเม็ด แล้วดันมีดออกไปบริเวณ2. ใช้มือบิดอะโวคาโดให้[เนื้อหลุดออกekui;opมาจากกัน3. ขายยากษัยเส้นใช้มีดสับบนเม็ดเบาๆให้มีดติดเมล็ด แล้วบิดมีดrli;k;l'ให้เม็ดหลุดติดมีดออกมา4. ผ่าครึ่งเนื้ออะโวคาโดอีกรอบ5. ใช้มือดึงเปลือกอะโวคาโดออกมา แทdui;li'p[djuyนการใช้ช้อนขูดเก็บอะโy;lop;วคาโดเช่นไร ไม่ให้ดำ?อะโวคาโดก็เหมือนผลไม้หลายๆชนิด ที่แม้จะเfloi';p['ก็บเอาไว้ภายในตู้แช่เdiulย็น ก็อาจจะเป็นผลให้สีของเนื้อrl9igfkแปรไปเป็นสีน้ำตาล เพราะว่าเนื้อผลไม้จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดyilioชั่น ที่เกิดขึ้นจากสารประกอบที่อยู่ในt7k8;;อะโวคาโดที่เรียกว่า ฟินอล พบกับอากาศขายยากษัยเส้น แปลงเป็นสาlio;o;op'รประกอบที่มีชื่อว่า ควิโนน เมื่อควิโนนจับกันเป็นโพลีเมอร์ที่มีโมเp'ppลกุลใหญ่ขึ้น ก็จะกำเนิดเป็นเม็ดสีที่เรียกว่า เมลานิน นั่นเอง;;

Tags : ขายยากษัยเส้น

6

ขายพลูคาว[/u] มะละกอ เป็นไม้ผลที่มีเนื้อในสีเหลืองส้ม ห่อด้วยเปลือกชั้นนอกบางๆสีเขียว กลาพykyuklยเป็นสีส้มหรือแดงเมื่อผลใกล้สุกสุดกำลัi;i;งแล้ว ถ้ายังผิดผ่าออก มะละกอจะไม่ส่งกลิ่นอะไรก็i;iแล้วแต่แม้กระนั้นเมื่อylylrhtrถูกyltปอกเปลือกแล้วก็จำหน่ายพลูคาวผ่าจนกระทั่งเห็นเนื้rk78l7lอใน มะละกdejyukuอจะส่งกลิ่นหอมหวานออกมา นytอกเหนือจuliolากคนจะนิยมlkuluytlyioกินมะละกอสุกคือผลykyukuklไม้ของว่างแล้ว มะละกอยังถูกyulululนำมาทำอาfrkuilulหารไtliy;;ทยหลายประเภท โดยยิ่งไปกว่านั้นliolตำส้ม อาหารที่ได้รับความนิยมและก็ขึ้นชื่อลือนามเป็นเอilkกลักษณ์อย่างหนึ่งของเมือu;i;;yงไทยมะละกอในoiด้ulานคุณประโยชน์ทางโภชนาการ มะละกอเป็นผลไม้ที่ประกอบไปด้วยสารอาหululารนานาจำพวกที่ulมีสาulระต่อสุขภาพ ขายพลูคาวมีแคลอรี่ต่ำ ปราศจากไขมันหรืyi;iotluอคอtkjเลสเตอรอล แfliuluละยังเป็นแหล่งของกินi;lที่สำคัญของวิตามินเอ วิตามินซี โพi;io;i;แทสเซีi;ยม โฟเลต และก็i;ulเส้i;นใยอาหาร จำหน่ายพลูคาวนอกนั้น ในมะละกulอยังมีสารikuiliol;พาเพนul(Papain) ซึ่งulเป็นเอulio;lนไซม์ที่ช่วยili;สำหรับในการiย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต แล้lวก็ไข;iมันได้เป็นอrhtyย่างดี เuylioกิดผลดีต่อกระilioบวนการulสลายตัวiolioของกินประu;ii;ภทเนื้อสัuilioulตว์ที่ถูก;ftรับประทานเข้าไป รวมทั้งยังมีสารค;loipาร์เพน (Carpain) ที่คาดว่าtlอาจมีฤทธิ์ในการulาทำลายปรสิต ulและiolก็เกิylดผลดีต่อระบบประสาทได้;i;oอีกด้วยโดยเหตุนั้น ผลและก็ใบของมะละกอจึงเชื่อว่ามีประโยชylน์ต่อร่างกายในด้านต่lาkl9uงๆแล้วrfก็บางทีi;tอาจสามารถประยุกต์ใช้รักษาทุเลาอาการป่วยบางอย่างได้ ได้แก่ ช่วยให้ประสาทบรรเทา ช่วยขับi;ขายพลูคาวปัสสาวะ ;i;iปกป้องและรักษาโรคในระบบlil;ทางเดินอาหาร การรับเชื้อและก็โรคพยาธิในไส้ แล้วก็ลักษณะของการปวดเส้นประสาทเนื่องi;iจากมีหนอนพยาธิในระfrkuilkบบน้ำเหลือง ฯลฯdr

Tags : ขายพลูคาว,จำหน่ายพลูคาว

7
อื่น ๆ / ขายถั่งเช่า ลักษณะของพลับ
« เมื่อ: ตุลาคม 14, 2018, 06:04:26 AM »

ขายถั่งเช่า ลักษณะของพลับต้นลูกพลับ มีui,uถิ่นกำเนิดในป่าดงดิบขk.;/;/องเมืองไทย อินเดีย แล้u,u,,uวก็ในชวาเกาะเซลีเบส4 โดยจัดเป็นไม้ยืนต้hehgนขนาดกลาง ลำ,ehui,ต้นเปลาehตรง มีควาehมสูงของต้น{ปo'ระมาehณ|ราว|ราวๆ|โดยประมาณeh8-15 เมตร ทรงพุ่มกลมทึบ เปrhลือกต้นเรียบytjเป็นสีเทาจำหน่ายถั่งเช่าผสมดำ หรือบางโอกาo'สehแตกเป็นร่องo'เล็กๆตามทางยาว o'ส่วนแก่นไม้เป็นสีo'ขาว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเม็ด เติบโตก้uykาวkน้าในoikดิyนร่วนซุย มีน้ำรวมทั้งความykชุ่มชื้นปานกลาง แล้วก็ชอบแดดจัด มะพลัo'บเป็ykนไม้ป่าดงดิบ พบขึ้นในป่าที่ลุ่tykmuilมต่ำ{บริเวoงป่าo'บกและก็ป่าชายเลน ชายrnyjtmป่าพรุ รอบๆชายคลองจำหน่ายถั่งเช่า ป่าดิi;.oiiบใกล้แหล่งน้ำ ป่io.io/io/าละเมาะoริมทะเล แrtjturki8lละก็ตามเรือกสวนทั่วไป ที่ระดับความสูงเหulนือรop'ะดับน้ำทะเลราวๆ 2-30 เมตร (ส่o'วนอีกข้อมูลกล่าวว่าราวๆ 50-400 เมo'ตร) ในประเทศop'ไทยพบได้ทางภาคใต้ ส่วนในต่างแดนเจอขายถั่งเช่าถึงที่เหมาะมาเลเซียต้นมะพลับใบลูกพo'ลับo/ ใบเป็นใo'บคนเดียวo'ออกเรียงสลับ ลักi;ษณะของใบเป็นi;รูปขอบขi;านหรือรูปขอบขนานปนรูปหo'อo'กกลับ i;ปลายใบi;rhtjแหลมทื่อ โคนใบมน ส่วนio;ขอบของใบเรียบ ใบมีขนuil;าดกว้างโดi;ยประมาณ 2.5-8 เซนติเมตรแtjytkลi;ะยาวราว 10-30 เซนติเมตร เนื้อใบคi;รึ้ม ข้างหลังใบเรียบเป็นเงา ส่วนท้องใบเรียบแต่ว่ามีสีอ่อนกuว่า หรือมีขนเรี่ยรายบ้างตามเส้นกึ่งกลางใบด้านล่าง โดยมีเส้นใi;ประมาณ 6-12 คู่ แต่ละเส้นมีลักษณะคดงอไปๆมo'าๆ เพียงพอมองo'เlio;o;oห็นได้ทั้งคู่ด้าน ส่วนo'ก้านใบยาวโดยประมาณ 1-1.5 เซo'o'นติเมตร ขายถั่งเช่าและมีขนเรี่ยรายo'

Tags : ขายถั่งเช่า

8

บัวบก
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่เจริญวัยในแถบอินเดีย แอฟริกา และก็เอเซียอาคเนย์ ใบและลำต้นประยุกต์ใช้เป็นยารักษาโรคตามแพทย์แผนโบราณของอินเดียแล้วก็จีนมาอย่างนาน ใช้รักษาหลายโรค เป็นต้นว่า โรคซิฟิลิส โรคหอบหืด หรือโรคสะเก็ดเงิน แล้วก็ยังเอามาทำอาหารได้อีกด้วย
ใบบัวบก
ใบบัวบกประกอบด้วยสารออกฤทธิ์หลักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอยู่หลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ซาโปนิน (Saponin) หรือสามเทอร์พีนอยด์ (Triterpenoids) เอเชียติโคไซด์ (Asiaticoside) กรดทวีปเอเชียตำหนิก (Asiatic Acid) มาเดแคสโซไซด์ (Madecassoside) รวมทั้งกรดมาดีคาสสิค (Madecassic Acid) จึงทำให้ประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์ โดยเชื่อว่ามีสรรพคุณหลายชนิด ตัวอย่างเช่น ทุเลาอาการอักเสบ แม้ใช้กินอาจมีคุณสมบัติช่วยลดระดับความดันโลหิตในเส้นเลือดดำ และก็นำมาใช้รักษาโรคหรืออาการที่เป็นผลมาจากการตำหนิดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิตต่างๆได้แก่ หวัด ไข้หวัดใหญ่ การต่อว่าดเชื้อที่ระบบฟุตบาทฉี่ โรคงูสวัด โรคเรื้อน อหิวาต์ โรคบิด โรคเท้าช้าง วัณโรค โรคพยาธิใบไม้ในเลือด ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีความเห็นกันว่าแม้ใช้ใบบัวบกทาที่ผิวหนังบางทีอาจช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสมานรอยแผล ลดลางเลือนรอยแผลเป็น รวมทั้งปัญหาท้องลายที่เกิดจากการตั้งท้อง แต่ว่าสิ่งพิสูจน์หรือหลักฐานทางด้านการแพทย์มีมากมายน้อยมีมากมายน้อยเพียงใดที่จะช่วยยืนยันความเชื่อถือ คุณประโยชน์ รวมทั้งความปลอดภัยของใบบัวบกสำหรับการรักษาโรคพวกนี้
การดูแลรักษาด้วยใบบัวบกที่บางทีอาจสำเร็จ
เส้นเลือดขอด มีการศึกษาชิ้นหนึ่งแถลงการณ์ว่าใบบัวบกอาจมีส่วนช่วยบำรุงรักษาและสร้างสมดุลสำหรับในการเจริญวัยของเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissues) เพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นโลหิต ส่งผลต่อความดันในเส้นเลือดฝอยและก็เส้นโลหิตขอด ลดอัตราการกรองของเส้นเลือดฝอยโดยปรับปรุงการไหลเวียนของโลหิต นอกจากนั้น ยังมีการเล่าเรียนโดยการทบทวนงานค้นคว้าที่เกี่ยวข้อง 8 ชิ้นเกี่ยวกับการดูแลรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบกในผู้ป่วยที่มีปัญหาเส้นโลหิตขอดเรื้อรัง พบว่าลักษณะของการปวดขา ขาหนัก และก็อาการบวมน้ำบรรเทาลงอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้ว่าสารสกัดจากใบบัวบกบางทีอาจช่วยบรรเทาอาการคนไข้เส้นโลหิตขอดเรื้อรังลงได้ แต่จากงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยระบุว่าผลสรุปข้างต้นจำต้องแปลความหมายด้วยความระแวดระวังเพราะเหตุว่าความจำกัดต่างๆของงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัย แล้วก็ยังจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เพิ่มอีกเพื่อหาหลักฐานที่มีความถูกต้องชัดเจนและมีคุณภาพมากพอสำหรับในการประเมินความสามารถการรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบก
การรักษาด้วยใบบัวบกที่เป็นไปได้ แต่ว่ายังมีหลักฐานเกื้อหนุนน้อยเกินไป
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง (Atherosclerosis) ใบบัวบกอาจช่วยสำหรับการลดจำนวนไขมันในเส้นเลือดได้ จากการศึกษาชิ้นหนึ่งโดยให้อาสาสมัครโรคเส้นโลหิตแดงแข็งที่ไม่ออกอาการกลุ่มหนึ่งรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกเป็นเวลา 6 เดือน รวมทั้งอีกกลุ่มไม่รับประทาน แล้วตรวจค้นความหนาแน่นของไขมันหรือพลัค (Plagues) ที่เกาะอยู่ตามเยื่อบุของเส้นเลือด พบว่า ระดับคอเลสเตอรอลของอาสาสมัครอีกทั้ง 2 กลุ่มไม่ได้แตกต่างกัน แต่ว่าในกลุ่มที่กินอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกพบว่า อนุมูลอิสระในเลือดน้อยลง ปริมาณไขมันหรือพลัคที่เส้นโลหิตแดงใหญ่ที่คอและก็ขาลดลง รวมถึงลักษณะของพลัคอีกทั้งความครึ้มแล้วก็ความยาวก็ต่ำลงด้วยด้วยเหมือนกัน ทั้งยังยังไม่เจออาการที่ไม่พึงประสงค์ สามารถทนต่ออาการใกล้กันได้ และก็มีการบันทึกผลของการตรวจเลือดบ่อยๆ เนื่องด้วยหลักฐานสนับสนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อโรคเส้นโลหิตแดงแข็งยังไม่พอ ก็เลยจำเป็นจะต้องศึกษาต่อไป
คุ้มครองปกป้องลิ่มเลือด การรับประทานใบบัวบกอาจช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดลิ่มเลือดที่ขาซึ่งมีสาเหตุจากการขึ้นรถเครื่องบินเป็นระยะเวลานาน จากหลักฐานที่ได้รับการพัฒนาชี้แนะว่าใบบัวบกอาจช่วยลดของเหลวรวมทั้งเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในคนที่โดยสารเรือบินติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่แจ้งชัดว่าการเรียนรู้ชิ้นนี้จะหมายความว่าการลดการสะสมของลิ่มเลือด เพราะหลักฐานสนับสนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการคุ้มครองลิ่มเลือดยังไม่เพียงพอ จึงต้องศึกษาต่อไป
กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ในคนป่วยโรคเบาหวาน งานค้นคว้าหนึ่งให้คนไข้เบาหวานที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดฝอยปริมาณ 50 คน รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกซึ่งมีสารไตรเทอร์พีนอยด์เป็นหัวใจหลัก ขนาด 60 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 6 เดือน เปรียบเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก พบว่าสารสามเทอร์พีนอยด์ของใบบัวบกเป็นประโยชน์ต่อการไหลเวียนเลือดในเส้นเลือดฝอยของคนเจ็บโรคเบาหวาน แม้กระนั้นหลักฐานช่วยเหลือคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการไหลเวียนเลือดยังไม่เพียงพอ ก็เลยควรต้องศึกษาต่อไป
แผลโรคเบาหวาน มีการทำการวิจัยเกี่ยวกับความสามารถรวมทั้งผลข้างเคียงของการกินสารสกัดจากใบบัวบกต่อแผลเบาหวาน โดยแบ่งคนป่วยเบาหวานปริมาณ 200 คนออกเป็น 2 กรุ๊ป โดยกลุ่มหนึ่งกินสารเอเชียว่ากล่าวโคไซด์ซึ่งเป็นสกัดจากใบบัวบกขนาด 50 มิลลิกรัม แล้วก็อีกกลุ่มรับประทานยาหลอกจำนวน 2 แคปซูลหลังมื้อของกินวันละ 3 ครั้ง และมีการประเมินผลทุก 7 วัน พบว่าแผลของผู้เจ็บป่วยที่กินสารสกัดจากใบบัวบกมีการหดรั้ง (Wound Contraction) ที่ดีมากยิ่งกว่าและไม่พบผลข้างเคียง หรือพูดได้ว่าสารสกัดจากใบบัวบกอาจมีประสิทธิภาพในการสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น และก็สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่เกิดผลข้างๆ แต่ว่าเพราะว่าหลักฐานเกื้อหนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการดูแลรักษาแผลโรคเบาหวานยังไม่เพียงพอ จึงจะต้องศึกษาต่อไป
แผล สารออกฤทธิ์ของใบบัวบก เช่น เอเชียตำหนิวัวไซด์ กรดทวีปเอเชียว่ากล่าวก มาเดแคสโซไซด์ รวมทั้งกรดมาดีค้างสสิค เป็นสารช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกายและอาจมีคุณภาพสำหรับเพื่อการรักษาแผลต่างๆทั้งแผลขนาดเล็ก แผลไฟลุก แผลเป็นจากโรคสะเก็ดเงินหรือโรคหนังแข็ง รวมถึงแผลเป็นแบบนูน ซึ่งจากงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยชิ้นหนึ่งได้ชี้แนะว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกรอบๆผิวหนังภายหลังจากเย็บแผลแล้ว 2 ครั้งต่อวัน ตลอดนาน 6-8 สัปดาห์ อาจช่วยลดการเกิดแผลเป็นได้ รวมทั้งแผลเป็นแบบนูนหรือคีลอยด์ แต่ว่าด้วยเหตุว่าหลักฐานเกื้อหนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อแผลยังไม่เพียงพอ ก็เลยจึงควรศึกษาต่อไป
ท้องลาย จากการตั้งครรภ์ ได้มีงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยเสนอแนะให้คนที่กำลังตั้งครรภ์ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี แล้วก็คอลลาเจน เป็นประจำทุกวันในตอน 6 เดือนท้ายที่สุดก่อนจะมีการคลอด ซึ่งอาจช่วยปัญหารอยแตกได้ นอกนั้น ยังมีการทดลองโดยให้หญิงมีครรภ์ปริมาณ 100 คน ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี แล้วก็คอลลาเจน-อีลาสติน ไฮโดรไลเซท ทาบริเวณผิวหนังที่มีรอยแตกเปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอก พบว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของใบบัวบกอาจทำให้เกิดรอยแตกหรือท้องลายน้อยกว่าในกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก แม้กระนั้นเหตุเพราะหลักฐานส่งเสริมคุณลักษณะของใบบัวบกต่อรอยแตกหรือท้องลายยังไม่แน่นอน ก็เลยควรต้องศึกษาต่อไป
ลดความหนักใจ การดูแลรักษาแบบหมอแผนจีนมีการนำใบบัวบกมาใช้เพื่อทุเลาอาการเหงาหงอยรวมทั้งความรู้สึกกังวล ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเล่าเรียนทดสอบชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับความสามารถของใบบัวบกสำหรับการลดความรู้สึกไม่สบายใจ โดยสุ่มให้อาสาสมัครรับประทานใบบัวบกในจำนวน 12 กรัมหรือรับประทานยาหลอก จากผลการทดสอบชี้ให้เห็นว่าใบบัวบกมีฤทธิ์ต่อต้านความวิตก ช่วยลดความเคร่งเครียด แต่ว่ายังคงจำเป็นต้องเรียนเพิ่มต่อไปถึงสมรรถนะของใบบัวบกในการรักษาโรคตื่นตระหนก
โรคแล้วก็อาการอื่นๆยกตัวอย่างเช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นลมแดด การต่อว่าดเชื้อทางเท้าเยี่ยว โรคตับอักเสบ โรคดีซ่าน ท้องเดิน อาหารไม่ย่อย ซึ่งยังจำเป็นจะต้องศึกษาค้นคว้าหาประสิทธิภาพและก็ความปลอดภัยในการรักษาถัดไป

ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานใบบัวบก
 การใช้สารสกัดจากใบบัวบกทาบริเวณผิวหนังอาจมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ว่าการรับประทานใบบัวบกบางทีอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ผู้ที่กำลังมีครรภ์ หรือคนที่อยู่ในตอนให้นมบุตร เพราะยังไม่มีหลักฐานทางด้านการแพทย์พอเพียงที่จะส่งเสริมถึงเรื่องความปลอดภัยทั้งต่อเด็ก แม่ หรือทารกในท้อง
การกินใบบัวบกบางทีอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความเสื่อมโทรมต่อตับ โดยเหตุนั้นคนที่เป็นโรคตับหรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับไม่สมควรรับประทานใบบัวบก เนื่องจากว่าอาจส่งผลให้อาการต่างๆห่วยลงได้ รวมถึงไม่สมควรรับประทานใบบัวบกร่วมกับยาที่ส่งผลต่อตับในกรุ๊ปพวกนี้ ยกตัวอย่างเช่น พาราเซตามอล อะมิโอดาโรน คาร์บามาซีตะกาย ไอโซไนอะสิด ซิมวาสแตติเตียนน ฯลฯ
การกินใบบัวบกในจำนวนมากอาจส่งผลให้รู้สึกง่วงได้มากกว่าธรรมดา หรือหากรับประทานร่วมกับยานอนหลับหรือยาความหนักใจลดลง ตัวอย่างเช่น โคลนาซีแพม ลอราซีแพม ฟิโนบาร์บิทอล แล้วก็โซลพิเดม
ควรจะหยุดกินใบบัวบกขั้นต่ำ 2 สัปดาห์สำหรับคนที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ด้วยเหตุว่าอาจเกิดปฏิกิริยากับยาที่ใช้สำหรับการผ่าตัดรวมทั้งอาจทำให้รู้สึกง่วงงุนได้มากขึ้น
ควรขอความเห็นแพทย์ก่อนรับประทานใบบัวบก ถ้าหากอยู่ในตอนการใช้ยาหรืออาหารเสริมชนิดอื่นๆอยู่เป็นประจำ เนื่องจากว่าอาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่พึงปรารถนาถ้าหากกินใบบัวบกในระหว่างการดูแลรักษาของคนไข้โรควิตก ผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวาน คนที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ รวมทั้งคนที่ใช้ยานอนหลับหรือยาความไม่ค่อยสบายใจลดลง แล้วก็คนที่ดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจทำให้กดประสาทเพิ่มมากขึ้น http://www.disthai.com/

9

เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ขี้กลากเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มหมอ แก้มหมอเล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในตำราเรียนยาไทยกล่าวว่า เหงือกปลาแพทย์สามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกชนิด
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์เด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้กระทั้ง โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสก็จะบรรเทาเบาบางลง
สมุนไพร เหงือกปลาแพทย์เป็นไม้พุ่มที่มีขนาดกลางๆสูงประมาณ 1-2 เมตร ส่วนของลำต้นรวมทั้งใบจะมีหนามมีหนาม ใบหนามแข็งและก็มีขอบเว้าหนามแหลมใบออกเป็นคู้ตรงข้ามกัน ส่วนของดอกจะออกเป็นช่อตามยอด กลีบดอกไม้จะมีสีขาอมม่วง มี 4 กลีบแยกจากกันผลเป็นฝักสีน้ำตาล มี เม็ด จะสามารถมักพบตามชายน้ำ ริมฝั่งลำคลองรอบๆปากแม่น้ำ
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสโรคภูมิคุมกันบกพร่อง แม้จะรุนแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วไป แม้กระนั้นเมื่อใช้เหงือกปลาหมอเป็นยารับประทานและต้มน้ำอาบต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 3 เดือนขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะลดน้อยลงลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับผู้เจ็บป่วยโรคผิวหนังด้วย
วิธีปรุงยารวมทั้งการใช้ยาก็มีหลายวิธีเป็น
แนวทางต้มยากินและก็อาบ
เอาเหงือกปลาแพทย์สดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มรับประทานขณะอุ่นๆทีละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง ตอนเช้า-เย็น ก่อนที่จะรับประทานอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น ต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจำต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดเสียก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำธรรมดาตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง ยามเช้า-เย็นครั้งละ 3-4 ขัน แต่ถ้าหากมีเหงือกปลาหมอเยอะมากๆ บางครั้งก็อาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่หมดทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
แนวทางการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมออีกทั้ง 5 ครั้งตากแห้งมาบดเป็นผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 2 เม็ด เด็กอาจจะรับประทานทีละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุและก็น้ำหนัก รับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้าตรู่-เย็น รับประทานไปเรื่อยจนกว่าจะหาย แม้กระนั้นถ้าเกิดเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานผิดพลาดก็ต้องรับประทานตลอดไป

แนวทางการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาแพทย์ที่ผ่านการบินร่อนเป็นผงละเอียดเสมือนแป้งบรรจุแคปซูลขนาด 250 มก. ผู้ใหญ่รับประทานทีละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนกินอาหาร เด็กต่ำลงตามส่วน
เหงือกปลาแพทย์มีคุณประโยชน์มากมายก่ายกอง เป็นต้นว่า
-ราก มีคุณประโยชน์สำหรับในการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ และก็ใช้ขับเสมหะ
-ต้น มีคุณประโยชน์รักษาโรคหลายชนิด โดยใช้ต้นตำผสมน้ำกินรักษาวัณโรค อาการซูบซีด หากใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาไม่เหมือนกันออกไปอีก
-ทั้งยังต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้หัวลม แก้โรคผิวหนังทุกประเภท
-อีกทั้งต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังทำลายพิษ ต้มกินแก้พิษฝีดาษ ฝีทั้งมวล ผลรับประทานเป็นยาขับโลหิตระดู นอกเหนือจากนี้ หากตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ทั้งยังต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาตลอดตัว
- ทั้งยังต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดียิ่งขึ้น
- ตำเอาน้ำดื่มกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงกิน โรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ป่วยจับสั่น
- ต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนรับประทาน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ซูบผอมเหลืองทั้งตัว รับประทานทุกเมื่อเชื่อวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเสมอกันใส่หม้อ เกลือนิดเดียว หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำกระทั่งเดือดให้งวดจึงยกลง กลั้นหายใจกินขณะอุ่นกระทั่งหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนทั้งตัว วิงเวียน ตามัว เจ็บระบมหมดทั้งตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาแพทย์" อีกทั้ง 5 รวมราก กับ อาหารเย็นเหนือ อาหารเย็นใต้ จำนวนเท่ากัน กะตามอยาก ต้มกับน้ำจนกระทั่งเดือดดื่มขณะอุ่นทีละ 1 แก้ว 3 เวลา เช้าตรู่ กลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดีขึ้น ไปให้หมอเอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย แล้วก็ต้องระมัดระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาแพทย์" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นรับประทานแต่ละวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค สติปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกชนิดหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 พวก หูดี
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่รู้จักอ่อนล้า
กินได้ 7 เดือน ผิวงาม
กินได้ 8 เดือน เสียงน่าฟัง
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงรับประทานกับน้ำร้อนหากผิวแตกหมดทั้งตัวหายได้ ทั้งปวงที่บอกเป็นหนังสือเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่สมควรดูถูกดูแคลน ทราบไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

10
อื่น ๆ / ตะไคร้มีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร
« เมื่อ: สิงหาคม 08, 2018, 06:53:23 AM »

ตะไคร้
ตะไคร้ ชื่อสามัญ Lemongrass
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbopogon citratus (DC.) Stapf จัดอยู่ในวงศ์หญ้า (POACEAE หรือ GRAMINEAE)
ตะไคร้จัดเป็นพืชล้มลุกเครือญาติต้นหญ้า ใบมีลักษณะเรียวยาว ปลายใบมีขนหนาม เป็นสมุนไพรไทยที่นิยมเอามาประกอบอาหาร โดยตะไคร้แบ่งได้เป็น 6 ชนิด เป็นต้นว่า ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้ต้น ตะไคร้น้ำ ตะไคร้หางนาค และตะไคร้หางสิงห์ ซึ่งเป็นสมุนไพรไทยที่นิยมปลูกทั่วไปในบ้านพวกเรา โดยมีถื่นกำเนิดในประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ศรีลังกา รวมทั้งไทย
ตะไคร้ เป็นทั้งยารักษาโรครวมทั้งยังมีวิตามินรวมทั้งแร่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย อย่างเช่น วิตามินเอ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ฯลฯ
สรรพคุณของตะไคร้
มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการขับเหงื่อ
เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญรุ่งเรือง (ต้นตะไคร้)
มีคุณประโยชน์เป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยสำหรับเพื่อการเจริญอาหาร
ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร (ต้น)
สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
แก้รวมทั้งทุเลาอาการหวัด อาการไอ
ช่วยรักษาลักษณะของการมีไข้ (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก)
น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้สามารถบรรเทาลักษณะของการปวดได้
ช่วยแก้ลักษณะของการปวดหัว
ช่วยรักษาโรคความดันเลือดสูง (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้อ้วกถ้าหากเอาไปใช้ร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆ(หัวตะไคร้)
ช่่วยแก้อาการกษัยเส้นแล้วก็แก้ลมใบ (หัวตะไคร้)
รักษาโรคหอบหืดด้วยการใช้ต้นตะไคร้
ช่วยแก้อาการเสียดแน่นแสบบริเวณทรวงอก (ราก)
ใช้เป็นยาแก้อาการปวดท้องรวมทั้งอาการท้องเดิน (ราก)
ช่วยแก้และบรรเทาลักษณะของการปวดท้อง
ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อ (หัวตะไคร้)
ช่วยสำหรับในการขับน้ำดีมาช่วยในการย่อยอาหาร
น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้มีส่วนช่วยลดการบีบตัวของไส้ได้
มีฤทธิ์ช่วยในการขับเยี่ยว
ช่วยแก้อาการเยี่ยวทุพพลภาพและรักษาโรคนิ่ว (หัวตะไคร้)
ช่วยแก้อาการขัดเบา (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยาแก้ขับลม (ต้น)
ช่วยรักษาอหิวาตกโรค
ช่วยแก้ลมอัมพาต (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยารักษาเกลื้อน (หัวตะไคร้)
น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ สามารถช่วยต้านทานเชื้อราบนผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยแก้โรคหนองใน ถ้านำไปผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ

คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากตะไคร้
ประยุกต์ใช้ทำเป็นน้ำตะไคร้หอม น้ำตะไคร้ใบเตย ช่วยดับร้อนแก้กระหายได้เป็นอย่างดี
ช่วยในการบำรุงแล้วก็รักษาสายตา
มีส่วนช่วยสำหรับในการบำรุงกระดูกแล้วก็ฟันให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการบำรุงสมองแล้วก็เพิ่มสมาธิ
สามารถประยุกต์ใช้ทำเป็นยานวดได้
ช่วยจัดการกับปัญหาผมแตกปลาย (ต้น)
มีฤทธิ์เป็นยาช่วยสำหรับในการนอนหลับ
การปลูกตะไคร้ร่วมกับผักจำพวกอื่นๆจะช่วยคุ้มครองป้องกันแมลงได้เป็นอย่างดี
นำมาใช้เป็นองค์ประกอบของสารหยุดกลิ่นต่างๆ
ต้นตะไคร้ช่วยขจัดกลิ่นคาวหรือเหม็นคาวของปลาได้อย่างดีเยี่ยม
กลิ่นหอมหวนของตะไคร้สามารถช่วยไล่ยุงและก็กำจัดยุงได้อย่างดีเยี่ยม
เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ชนิดยากันยุงจำพวกต่างๆอาทิเช่น ยากันยุงตะไคร้หอม
สามารถนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายชนิด ตัวอย่างเช่น เครื่องปรุงอบแห้ง ตะไคร้แห้งสำหรับชงดื่ม เอามาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย เป็นต้น
มักนิยมนำมาใช้สำหรับการประกอบอาหารหลายประเภท ได้แก่ ต้มยำ แล้วก็อาหารไทยอื่นๆเพื่อเพิ่มรส
แนวทางทําน้ําตะไคร้หอม
คุณประโยชน์ตะไคร้ตระเตรียมวัตถุดิบดังต่อไปนี้ ตะไคร้ 1 ต้น / น้ำเชื่อม 15 กรัม / น้ำกิน 240 กรัม
ล้างตะไคร้ให้สะอาด แล้วนำมาหั่นเป็นท่อน ทุบให้แตก
ใส่ลงหม้อต้มกับน้ำให้เดือด จนถึงน้ำตะไคร้ออกมาคละเคล้ากับน้ำกระทั่งเป็นสีเขียว
รอสักครู่แล้วยกลง จากนั้นกรองเอาตะไคร้ออกแล้วเพิ่มน้ำเชื่อมให้ได้รสตามพึงพอใจ
เสร็จแล้วขั้นตอนการทำน้ำตะไคร้
วิธีทําน้ําตะไคร้ใบเตย
น้ำตะไคร้ การทําน้ําตะไคร้ใบเตยนั้นสิ่งแรกให้ตระเตรียมวัตถุดิบดังนี้ ตะไคร้ 2 ต้น / ใบเตย 3 ใบ / น้ำ 1-2 ลิตร / น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา (จะใส่หรือไม่ก็ได้)
นำตะไคร้มาทุบให้แหลกพอสมควร แล้วก็ใช้ใบเตยมัดตะไคร้ไว้ให้เป็นก้อน
ใส่ตะไคร้และก็ใบเตยลงไปในหม้อแล้วเพิ่มน้ำ 1 ถึง 2 ลิตร แล้วต้มให้เดือดสักราวๆ 5 นาที เป็นอันเสร็จสำหรับวิธีการทําน้ํา ตะไคร้
โดยตะไคร้และใบเตยชุดเดียวกัน สามารถเติมน้ำสุกใหม่ได้ 2-3 รอบ แต่ว่ารสอาจจืดชืดลงไปบ้าง นำมาดื่มแทนน้ำช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวา แถมช่วยบำรุงสุขภาพอีกด้วย
คุณค่าทางโภชนาการของตะไคร้
การศึกษาของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญมี โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มก. ธาตุฟอสฟอรัส 30 มก. เหล็ก 2.6 มก. วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มก. ไรโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม ไนอาซิน 2.2 มก. วิตามินซี 1 มิลลิกรัม และ เถ้า 1.4 กรัม
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมันตะไคร้ ปริมาณน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งหนึ่งของจำนวนหนูขาวทั้งปวง ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มิลลิกรัม/กิโล แล้วก็การให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาอาหารแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งหนึ่ง พบว่า มีจำนวนความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษทันควันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับต้องมาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากรุ๊ปที่ไม้ได้รับ รวมทั้งค่าทางเคมีของเลือดไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร

Tags : ประโยชน์ตะไคร้

11

ขิง
ข้อดีของสรรพคุณขิง
25 คุณประโยชน์ดีๆของ’’คุณประโยชน์สำหรับในการรักษาโรค
1.ขิงสดช่วยลดความเจ็บปวดตามข้อ ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
2.ขิงมีสรรพคุณช่วยสมานแผล ฆ่าเชื้อโรคในแผลได้
3.ขิงช่วยทำให้สบายท้อง ขับลม แก้ท้องผูก
4.ขิงเป็นสมุนไพรที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียภายในร่างกาย ช่วยขับเสลด ทำให้หายใจสะดวก
5.ขิงช่วยแก้อาการตาลาย หน้ามืด อ้วก เมารถ เมาเรือ
6.ขิงช่วยสลายไขมัน และก็เป็นยาระบายอ่อนๆจึงแป็นต้นเหตุที่ทำให้ขิงช่วยลดหุ่น ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลได้
7.ขิงช่วยบำรุงรักษาหัวใจ เหมาะสมกับผู้ป่วยโรคหัวใจ
8.ขิงช่วยแก้โรคลมพิษ แก้แพ้เกสรดอกไม้ และก็อาหารทะเลได้
9.ประโยชน์ที่ได้รับมาจากเนื้อขิงใหม่ๆทำมาทาแก้ผื่นคัน แก้แมลงกัดต่อยได้
10.ขิงช่วยบำรุงรักษาสายตา คุ้มครองป้องกันโรคตาแดง อาการน้ำในตามาก ตาฝ้าฟาง
11.ขิงเป็นสมุนไพรดับกลิ่น ช่วยลดกลิ่นเต่า
12.ขิงมีสรรพคุณแก้ฟันเหลือง ฟันพุ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนให้เข้ากัน นำมาอม กลัวปากเป็นประจำ แล้วทดลองสังเกตว่าลักษณะของการปวดจะค่อยๆน้อยลง
13.มีคุณประโยชน์ลดกลิ่นปากได้ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนให้เข้ากัน นำมาอม กลั้วปากเสมอๆ ช่วย จัดการกับแบคทีเรียในปาก ลดปัญหากลิ่นปากได้อย่างดี
14.ขิงช่วยทุเลาอาการปวดไมเกรนได้ โดยให้กินน้ำขิงเป็นประจำ แล้วลองสังเกตว่าลักษณะของการปวดจะเบาๆลดน้อยลง
15.ขิงบรรเทาโรคประสาทลักษณะโรคประสาท การกินน้ำขิงจะช่วยลดความขุ่นมันของหัวใจ
16.ขิงช่วยการไหลเวียนของนมคุณแม่ให้ดียิ่งขึ้น ควรจะเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับหญิงให้นมบุตรอย่างดีเยี่ยม
17.ขิงช่วยบำบัดผู้ติดสิ่งเสพติดได้ โดยคุณประโยชน์ของขิงมีส่วนช่วยลดความอยากเสพยาเสพติด
18.คุณประโยชน์ของขิงช่วยต้านทานโรคมะเร็ง จากการศึกษาเรียนรู้พบว่าสาระสำคัญในขิงช่วยต้านทานการเจริญเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี
19.ขิงช่วยควมคุมความดันเลือดได้ สำหรับคนที่มีปัญหาความดันสูง และก็ ความดันต่อ ควรฝานขิงสดมาต้มกับน้า ดื่มเสมอๆ จะช่วยควบคุมความดันให้ปกติ
20.คุณประโยชน์ของขิงช่วยผ่อมคลาย ช่วยให้นอนสบาย ก็เลยเหมาะเป็นของกินสำหรับคนที่มีปัญหานอนไม่หลับ
21.ขิงช่วยทำนุบำรุงผิวพรรณ โดยช่วยให้ผิวเรียบเนียนเพิ่มขึ้น กำจัดเซลลูไลท์
22.ใบเหลวดอกของขิงช่วยแก้อาการขัดเยี่ยว คุ้มครองโรคนิ่วได้
23.ขิงช่วยรักษาอาการมือ เท้าเย็นได้ เพราะเหตุว่าขิงมีฤทธิ์ร้อน จึงช่วยปรับให้สมดุลภายในร่างกายได้
24.เหง้าขิงช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดแผลในกระเพราะของกินได้
25.ขิงช่วยแก้อึกได้โดยตำขิงสดให้แหลกคั้นเอาน้ำแล้วผสมกับน้ำผึ้ง น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากันดื่มแก้สะอึกได้
การประยุกต์ใช้ทางคลินิก
1.บรรรเทาอาการเจียนรุนแรงใช้ขิงสดพอกที่จุดฝังเข็มไก่กวน(เหนือข้อมือใน 2 ชุ่น)ทิ้งเอาไว้โดยประมาณครึ่งชั่วโมงถึง  ชั่วโมงอาการจะ
2.ทุเลาอาการแผลในกระเพาะและลำไส้เล็กส่วนต้น ต้มขิงสดที่ตำให้ละเอียดกับน้ำ 300 มิลลิลิตร นาน 30 นาที รับประทานวันละ 3 เวลา เป็นเวลา 2 วัน ในคนป่วยที่เป็นโรคกระเพาะ และลำไส้เล็กส่วนต้น พบว่าอาการปวดกระด้วยเหตุว่าน้อยลงหรือหายไป ความรู้สึกแสบท้องเวลาหิวดีขึ้น มากท้องผูก หรือถ่ายอุจจาระสีดำ (แสดงว่ามีเลือดออก)ธรรมดา ความต้องการอาหาร (พบว่าคนไข้พวกนั้นโดยมากกลับเป็นซ้ำได้อีก ซึ้งบางทีอาจจำต้องรักษาต่อเนื่อง หรือควบคุมต้นสายปลายเหตุอื่นๆร่วมด้วยก็เลยจะรักษาหายขาดได้)
3.รักษาโรคบิด ใช้ขิงสด 75 กรัม น้ำตาลทรายแดงตำเข้าด้วยกัน แบ่งรับประทานเป็น 3 มื้อต่อตำหรับ
4.ป้องกันรักษาอาการเมารถ เมารือ
-ใช้ขิงสดเป็นแผ่นปิดที่จุดไน่กวน(เหนือข้อมือข้างใน 2 ชุ่น(ใช้เหริยญ เงินขนาดพอเหมาะปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์หรือยางยืดรัดไว้
-ใช้ขิงสด 25 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาเฉพาะน้ำมันดื่ม (ไม่ต้องดื่มน้ำตาม)
5.รักษาเยี่ยวรดที่พักผ่อนในผู้เจ็บป่วยที่มีสภาวะหยางพร่อง มีความเย็นในร่างกายเป็นเหตุ
ให้ใช้ขิง 30 กรัม(ตำ)ยาสมุนนพงฟู่จื่อ 6 กรัม ปู่กู่จื้อ 12 กรัม บดคลุกจะกว่าจะเข้ากันขัดในแอ่งสะดือ ใช้ผ้าผ้าก๊อซสะอาดปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์ปิดให้แน่น
6.รักษาคอไส้อุดกันจากพยาธิตัวกลม
ใช้ ขิง [/b]สด 120 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาน้ำขิงผสมกับน้ำผึ้ง 120 กรัม กินครั้งเดียว หรือเบาๆรับประทานหมดด้านในครึ่งชั่วโมง การทดลองในคนไข้ 64 คน พบว่าสามารถลดอุดกั้นของลำใส้ร้ยละ 96.8 ฤทธิ์สำหรับในการขับพยาธิปริมาณร้อยละ 61.3
7.เป็นหวัดตัวร้อนเป็นไข้เนื่องไข้เนื่อง จากกระทบความเย็น ดังเช่น โดนฝน โดนลม ทำให้หนาว มีไข้ต่ำ ให้หั่นขิงฝอย 30 กรัม

ชงกับน้ำตาลทรายแดง หรืออาจใส่หัวหอมทุบ 3-4 (ช่วยกระจัดกระจายลม)ดื่มขณะร้อนๆแล้วคลุมผ้าให้เหงือออก
8.ฟื้นฟูร่างกายภายหลังคลอดลูก นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดบุตร นิยมให้หญิงหลังคลอดรับประทานไก่ผัดขิง โดยเฉพาะไก่ดำเพศผู้จะยิ่งมีหยางมากยิ่งกว่าไก่ตัวเมีย
ร่างกายของหญิงข้างหลังคลอดจะเสียทั้งพลังหยางรวมทั้งเลือด มีน้ำในร่างกายหลงเหลืออยู่มากมายการกินไก่ผัดขิงจะเสริมทั้งเลือดหยางช่วยทำให้การสรุปยดูดซึมของกินดีขึ้น มีการขับระบายของเสียน้ำตกค้าง น้ำคาวปลาได้ดิบได้ดีขึ้นทำให้ร่างกายกลับสู่ภาวการณ์ธรรมดาเร็วขึ้น
ข้อควรพิจารณาในการทานขิง
-อาจทำให้เกิดภาวะแทรซ้อนสำหรับในการมีครรภ์ได้
มีบางการศึกษาเล่าเรียนพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนสำหรับในการมีครรภ์ และก็การแท้ง แต่ว่าสำหรับในการตั้งครรภ์รายอื่นๆนั้นๆไม่เจอการกินขิงจะมีผลให้เกิดอาการเหล่านั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอาเจียนจากการแพ้ท้องได้อีกด้วย โดยเหตุนี้คุณควรไปขอคำแนะนำแพทย์ก่อ่นจะที่ใช้ขิงสำหรับเพื่อการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเอง
-นำมาซึ่งแผลร้อนในภายในปากได้
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้าเกิดหารรับประทานเข้าไปในปริมาณที่มากก็จะสามารถเยื่อบุภายในโพรงปากเกิดการอักเสบจนกระทั่งเป็นอาการร้อนในได้ ด้วยเหตุนี้ไม่ควรรับประทานขุงมากกระทั่งเกินไป
-ยั้งการแข็งตัวของเลือด
การเล่าเรียนหนึ่งในหนึ่งในออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีคุณประโยชน์สำหรับในการต้านการแข็งตัวของเลือดมากยิ่งกว่ายาแอสไพริน สถานที่บันสุขภาพของออสเลียได้ออกการเตือนเตือนให้งดการกินขิงในเวลาที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดเนื่องจากว่าจะทำให้กำเนิดความเสี่ยงสำหรับในการเกิดอาการช้ำเลือดหรืออาการเลือดหรืออาการเลือดออกได้ โดยเหตุนั้นถ้าหากคุณมีอากเลือดออกเลือดออกผิดปกติหรือหรือกำลังใข้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีก แกงเลียงการกินขิง
เมื่อรู้แบบงี้แล้ว หวังหลายคนที่กำลังคิดจะใช้ขิงช่วยทุเลาอาการโรคต่างๆก็คงต้องระวังตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ
เพราะเหตุว่าบางทีหากราใช้ ขิงสำหรับเพื่อการรักษาโรคหนึ่งแต่ก็อาจช่วยกระตุ้นให้อีกโรคนั้นอาการเกิดขึ้นอีกได้ โดยเหตุนั้นควรจะรับประทานขิงอย่างละเอียด แต่ว่าถ้าไม่มั่นใจล่ะก็ ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนเสมอ

12
อื่น ๆ / น้ำมันนวดใช้ทาเเล้วดีอย่างไร
« เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2018, 01:29:12 AM »

น้ำมันนวด
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ผลิตมาจากสมุนไพรแท้ 100% ไม่มีส่วนผสมจากสเตอรอยด์หรือสารเคมีอันตรายใด  ซึ่งก็มีสิ่งที่ห้ามจำกัดอยู่อย่างเดียวกันสำหรับในการใช้ ซึ่งในเรื่องที่มีการแพ้สาร Notoginsenoside, Flavonoid, การบูร
มาดูคุณประโยชน์ของน้ำมันนวดกันจ้ะ



          ซึ่งพวกเรามาดูผลร้ายจากการทานยาคลายกล้ามกันนะคะ เพราะอะไรถึงต้องเลือก น้ำมันนวดเพราะเหตุว่า ยาคลายกล้ามเนื้อธรรมดาที่พวกเราทาน ทำให้กล้ามเนื้อรู้สึกหายปกติจริง พวกเราจะคิดว่ามันหายเป็นปกติ และก็ออกกำลังกายได้ธรรมดาไม่เจ็บ แม้กระนั้นในความเป็นจริงแล้วกล้ามยังอักเสบอยู่ ถ้าเรายังคงใช้งานกล้ามเหมือนเดิมจะมีผลให้กล้ามเนื้ออักเสบเยอะขึ้นเรื่อยๆ การที่กินยาแล้วบริหารร่างกายส่วนนั้นต่อเป็นเวลานานๆเข้า ก็บางทีอาจจะอักเสบเรื้อรังได้ อันนี้เป็นข้อผลกระทบในทางร้ายทางอ้อมมาจากการทานยาคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งคนส่วนมากรวมทั้งจะใช้กล้ามเนื้อหรือดำเนินงานธรรมดาทุกอย่างเพราะเหตุว่าเราไม่รู้จักสึกปวดหรือเจ็บแล้ว ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่ถูกเพราะการทานยาคลายกล้ามเนื้อยาเมื่อพวกเราทาน
          ข้อเสนอคือ หลังจากใช้น้ำมันนวดยาแล้ว 48 ชั่วโมงให้ยาสิ้นฤทธิ์แล้วจริงๆนะคะ จึงค่อยไปบริหารร่างกายหรือดำเนินงานตามเดิมจ้ะ ส่วนจะต้องพักนานแค่ไหนนั้น ไม่มีผู้ใดเข้าใจกันดีเท่าตัวคุณว่าร่างกายของคุณคืออะไรด้วยเหตุว่ามีหลายสาเหตุร่วมกัน อย่างเช่นเราเจ็บเยอะแค่ไหน รักษาอย่างไร รับประทานยาแล้วปล่อยให้ร่างกายปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมตนเอง แบบงี้นานหน่อยนะคะ ซึ่งนอกเหนือจากที่จะรับประทานยาแล้วจำต้องกายภาพบำบัดช่วยนะคะ ยกตัวอย่างเช่น ยืดกล้ามเนื้อ ประคบ นวด อย่างถูกวิธีนะคะ ขอย้ำนะคะจำต้องถูกวิธี
          ซึ่ง การใช้น้ำมันตัวนี้นะคะ พวกเราแค่ทาลงไปในส่วนที่พวกเราปวดนะคะ หรือมีการอักเสบของกล้ามเนื้อ เท่านี้จ้ะตัวยาจะซึมเข้าไปทำให้ลักษณะของการปวดปวดเมื่อยลดลง อีกอย่างที่สำคัญนะคะ
นํ้ามันนวด ตัวนี้เหมาะสำหรับคนใดกันบ้าง?

  • ผู้ที่บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
  • ผู้ที่ปวดเมื่อยจากการทำงานหนัก
  • คนที่ปวดมือและคอจากการเล่นมือถือ
  • ปวดหลังจาก Office syndrome
  • ปวดข้อจากโรคเกาท์
  • ปวดหัวเข่าจากโรคข้อต่ออักเสบ
  • คนที่ปวดขาจากการเดิน Shopping
  • บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
  • ตีดอท จนปวดมือ
  • ปวดคอจากการเล่นโทรศัพท์เคลื่อนที่
การเลือกน้ำมันนวด
การเลือกน้ำมันนวดขึ้นกับการใช้งาน แล้วก็คุณประโยชน์ต่างๆของน้ำมันนวดแต่ละชนิด โดยส่วนใหญ่น้ำมันเบื้องต้นที่นิยมนำมาผสมทำน้ำมัน  เป็นต้น ซึ่งมีวิตามินอี สูงขึ้นยิ่งกว่าน้ำมันที่ทำขึ้นมาจากถั่วเหลือง และก็น้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ และก็ทำลายของเสียที่ทำร้ายเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นโลหิต คุ้มครองปกป้องการเกิดมะเร็ง นอกนั้นน้ำมันเม็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อสุขภาพ อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวยโดยทั้งนี้น้ำมันแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติ และก็คุณค่าที่ต่างๆนาๆ ขึ้นกับการเลือกใช้ให้เหมาะสมตามการใช้แรงงานนวดน้ำมันที่ดีเยี่ยมที่สุดของคุณบรรเทาร่างกายและก็สนับสนุนการนอนหลับที่ดีมากกว่าสำหรับวัน.
ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจากความเปลี่ยนไปจากปกติของการนอนต่างๆได้มองเห็นการปรับปรุงแก้ไขในนิสัยการนอนของพวกเขาหลังการดูแลและรักษาด้วยการนวดผ่อนคลาย. น้ำมันนวดกระตุ้นจิตใจและจิตวิญญาณ การบำบัด, เพราะฉะนั้นคนจำนวนมากมีประสบการณ์การนอนหลับลึกแล้วก็พักผ่อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ.
ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น
นวดน้ำมันเพิ่มขึ้นและรักษาความยืดหยุ่นของข้อต่อของคุณ. นวดตัวที่มีประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามทั้งหมด, เยื่อและข้อต่อจึงเปลี่ยนแปลงการแสดงกีฬาแล้วก็การดูแลด้านความสะดวกในการเคลื่อนร่างกายของคุณง่ายมากยิ่งขึ้น. นอกจากสิ่งพวกนี้กำเนิดประโยชน์ต่อร่างกาย, น้ำมันนวดยังช่วยคุ้มครองปกป้องการบาดเจ็บแล้วก็เพิ่มความเร็วในการหาย. นวดแผนโบราณยังเป็นแนวทางที่ดีสำหรับการทุเลาความตึงเครียดของกล้ามและก็ทะนุบำรุงร่างกายของคุณ พอดี รวมทั้งมีความยืดหยุ่นเป็นระยะเวลานาน.
กำจัดพิษ
ข้อดีที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการนวดน้ำมันซึ่งมันช่วยให้ร่างกายได้อย่างมีคุณภาพกำจัดพิษจากสิ่งมีชีวิตดังนั้นการส่งเสริมร่างกายที่แข็งแรงขึ้น.
ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน
บริการน้ำมันนวดแล้วก็โดยมากสร้างความแข็งแรง ระบบภูมิคุ้มกันรวมทั้งช่วยสำหรับในการย่อยอาหารดีขึ้น.
ศิลป์ที่งดงามของการนวดได้ทวีความร้ายแรงเยอะขึ้นด้วยการนวดน้ำมันบางมากมาย. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณลักษณะรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อให้บริการด้านต่างๆสำหรับเพื่อการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันที่ดีที่สุดสำหรับความจำเป็นเฉพาะบุคคลของคุณและผ่อนคลายร่างกายของคุณด้วยการนวดบรรเทาและก็ฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อจะรักษาความสมดุลด้านจิตวิญญาณของคุณและสุขภาพที่ดีที่สุดของร่างกายของคุณ.
โรคนี้จะไม่อาจจะหายไปได้เอง!
โรคต่างๆเกี่ยวกับข้อจะไม่สามารถที่จะหายสนิทได้เอง ถึงแม้อาการที่แสดงออกมาจะรุนแรงลดลงก็ตาม และก็ในที่สุดก็จะเปลี่ยนเป็นโรคเรื้อรังและนำมาซึ่งความลำบากสำหรับการดำรงชีพเพิ่มมากขึ้น

13

ฝรั่ง
ชื่อสมุนไพร  ฝรั่ง
ชื่ออื่นๆ/ ชื่อแคว้น มะก้วย  มะก้วยกา มะกา (เชียงใหม่) , มะปั่น (จังหวัดลำปาง) , บักสีดา (อีสาน) , สีดา (จังหวัดนครพนม) จุ่มโป่ (สุราษฎร์) , ชมพู่ (ปัตตานี) , ยามู ,คุณย่าหมู (ภาคใต้) ยะมูบุเตบันยา (ท้องนาราธิวาส , มลายู) , ยะริง (ละว้า) , ฮวงเจี๊ยะหลิ่วกังซิวก้วยแปะจีฉิ่ว (จีน)
ชื่อสามัญ  Guava
ชื่อวิทยาศาสตร์  Psidium guajava Linn
ตระกูล  MYRTACEAE
ถิ่นกำเนิด ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีบ้านเกิดหรือเป็นพืชพื้นเมืองของเมริกาเขตร้อน De Candolle เชื่อว่าอยู่ระหว่างประเทศเม็กซิโก และเปรู รวมทั้งหมู่เกาะอินดีสตะวันตกด้วยชาวประเทศสเปนนำจากฝั่งแปซิฟิคไปยังฟิลิปปินส์ รวมทั้งประเทศโปรตุเกสนำจากฝั่งตะวันตกไปยังประเทศอินเดีย สำหรับในประเทศไทยนั้น คาดว่ามีการนำเข้ามาในประเทศไทยในช่วงยุคของสมเด็จพระที่นารายณ์มหาราช ปัจจุบันนี้เป็นพืชมีขึ้นทั่วไปในเขตร้อนและกึ่งร้อน ปลูกเป็นไม้ผลตามบ้าน ตามสวนทั่วไป
ลักษณะทั่วไป ฝรั่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กสูง 5-10 เมตร ลำต้นกิ่งไม้มีเนื้อไม้เหนียวแข็งดี เปลือกต้นเรียบมีเหลืองอ่อนออกเทา และมีรอยลอกออกเป็นแผ่นๆก้านอ่อนมีลักษณะสี่เหลี่ยม มีขนสีขาวๆสั้น ก้านแก่ ขนหล่นไปหมด ยอดอ่อนมีขนสีขาวสั้นๆปกคลุม ใบเป็นใบโดดเดี่ยวออกตรงข้ามกันมีน้อยที่ออกเป็นวง (ที่ข้อเดียวกันออกเกินกว่า 2 ใบ) ใบรูปไข่ยาว 5-12 เซลเซียสมัธยม หรือกว้าง 3-5 ซ.มัธยม ขยี้ใบสูดดมดูจะมีกลิ่นหอมสดชื่น ใบบางเหมือนแผ่นหนัง ปลายใบมนหรือแหลมสั้น ฐานใบค่อยๆขยายแหลมออกมายังกลางใบ ขอบใบเรียบหลังใบมีสีเขียวแก่ มีรอยเส้นใบ (บุบลงไปน้อย) ท้องใบมีขนสั้นๆสีขาวนุ่ม แล้วก็มีเส้นใบเป็นรอยนูนออกมา มีเส้นใบ 7-11 คู่ ก้านใบยาว 4 ซม. ดอกบางทีอาจออกเป็นช่อ 1-4 ดอก มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียวกลมมน กลีบดอกไม้สาวบางๆหลุดร่วงง่าย ยาว 2-2.5 ซ.มัธยม มีเกสรตัวผู้มากมาย มีก้านเกสรตัวผู้สีขาวยาวเท่าๆกับกลีบดอก มีอับเรณูสีเหลืองอ่อน มีก้านเกสรตัวเมีย 1 อันยาวพุ่งขึ้นมาสูงยิ่งกว่าก้านเกสรตัวผู้ รังไข่อยู่ข้างล่างมี 5 ห้องรวมทั้งลักษณะทรงกลม รวมทั้งมีกลีบเลี้ยงเหลือติดอยู่ที่ปลายผล ผลทรงกลม  มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวโดยประมาณ 3-15 ซ.มัธยม เนื้อผลส่วนใหญ่มีสีเหลือง ขาว หรือชมพู มีกลิ่นหอมหวน เมล็ดแข็ง เป็นรูปไตมีเยอะๆ ขนาดเม็ด 0.3-0.5 ซม. สีขาวอ่อน พบได้ทั่วไปปลูกตามบ้านหรือสวนทั่วไปเอาผลไว้กินหรือขาย
การขยายพันธุ์    สามารถเจริญวัยได้ดีในทุกสภาพดิน และทนต่อความแล้ง แล้วก็น้ำนองได้น้อย แต่ว่าโดยปกติมักถูกใจเติบโตเจริญในดินร่วนซุยคละเคล้าทราย ที่มีสภาพพื้นที่มีการระบายน้ำดี สามารถได้ผลผลิตได้ประมาณ 1 ปีหลังปลูก ผลสามารถเก็บได้ในตอน 4-5 เดือน ข้างหลังติดดอก  โดยธรรมดาจะให้ผลได้ในช่วงปลายฤดูแล้งถึงต้นฤดูฝนหมายถึงช่วงเดือนมีนาคม-เดือนมิถุนายน
                สำหรับในการแพร่พันธุ์ฝรั่งสามารถทำได้หลายแนวทาง ยกตัวอย่างเช่น การปลูกด้วยเม็ด การทาบกิ่ง การติดตา การปักชำ แต่วิธีที่นิยมมากที่สุด คือ การตอนกิ่ง
การเตรียมดิน และการเตรียมแปลง สำหรับในการปลูกฝรั่งนั้น สามารถทำได้ 2 แบบอย่างตามภาวะพื้นที่ เป็น

  • พื้นที่ดินเหนียว อุทกภัยขังง่าย แล้วก็มีระบบน้ำมากเกินพอเพียง ให้ทำขุดร่องลุกราวๆ 1 เมตร กว้าง 1-2 เมตร เพื่อเป็นแถวร่องสำหรับเพื่อการให้น้ำ การเตรียมแปลง รวมทั้งการปลูกเอาไว้ในรูปแบบนี้พบบ่อยในพื้นที่ลุ่มภาคกลางเป็นส่วนใหญ่
  • พื้นที่ทั่วๆไปที่มีระบบระเบียบน้ำไม่เพียงพอ สามารถปลูกในแปลงโดยไม่ยกร่องหรือการยกร่องสูงราวๆ 30 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างร่องราวๆ 3-4 เมตร ดังนี้ ให้ทำไถดะ 1 ครั้ง เพื่อตากดิน และก็กำจัดวัชพืช และไถแปร 1 ครั้ง โดยเว้นตอนห่างประมาณ 1-2 อาทิตย์ จากนั้นทำไถชูร่อง
ส่วนวิธีการปลูกฝรั่ง มีดังนี้

  • ใช้กิ่งชนิดจากการตอนหรือการปักชำ
  • ขุดหลุมปลูก กว้าง ลึก ขนาด 50×50 ซม. แต่ละหลุมห่างกันโดยประมาณ 3 เมตร ระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 3-4 เมตร หรือตามขนาดระยะห่างของร่อง
  • รองพื้นด้วยปุ๋ยมูลสัตว์หรือมูลสัตว์ราว 0.5 กิโลกรัม/หลุม หรือขนาด 1 พลั่วตัก พร้อมคลุกดินผสมตูดหลุมให้สูงราว 1 ฝ่ามือ ทั้งนี้อาจผสมปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 ในอัตรา 1 กำมือ/หลุมก็ได้
  • นำกิ่งจำพวก จากการทำหมันหรือการปักชำลงหลุมปลูก โดยกลบดินสูงเหนือปากหลุมเล็กน้อย ดังนี้ควรให้ดินกลบเหนือเขตรากสูงประมาณ 10-15 ซม.
  • ใช้หลักไม้ปักหลุม รวมทั้งผูกเชือกยึดลำต้น
  • เมื่อปลูกเสร็จควรจะให้น้ำให้เปียกโดยทันที


การให้น้ำ เริ่มให้น้ำครั้งแรกข้างหลังการปลูกเสร็จให้เปียกชุ่ม หลังจากนั้น ให้น้ำทุก 2 ครั้ง/วัน เช้าตรู่-เย็น จนถึงต้นฝรั่งตั้งตัวได้ โดยอาจเลือกใช้ระบบการให้น้ำที่มีคุณภาพ ต่อไปอาจกระทำให้น้ำลดลง ขึ้นอยู่กับภาวะอากาศ และก็ความชื้นของดิน ซึ่งไม่ควรปลดปล่อยให้ดินแห้ง ขาดน้ำ โดยยิ่งไปกว่านั้นในตอนติดผล แต่ในช่วงติดดอกไม่ควรให้น้ำมากซึ่งในระยะนี้เพียงระวังไม่หน้าดินแห้งก็ เพียงพอ
                โดยสายพันธุ์ของฝรั่งที่ได้รับความนิยมในตอนนี้ เช่น จำพวก แป้นสีทอง , จำพวกกิมจู , พันธุ์กลมสาลี่ , ประเภทไม่มีเมล็ด , ประเภทเวียดนาม เป็นต้น
องค์ประกอบทางเคมี
quercetin, quercetin-3-arabinoside , quercetin 3-O-b-L-arabinoside (guajavarin),                                    quercetin 3-O-b-D-glucoside (isoquercetin), quercetin 3-O-b-D-galactoside (hyperin),                             quercetin 3-O-b-L-rhamnoside (quercitrin) แล้วก็ quercetin 3-O gentiobioside , Tannin ในผิวฝรั่งเมื่อนำมาสกัดน้ำมันระเหย พบสารต่างๆอาทิเช่น 1,8-cineole  ,   a-copaene,  trans-caryophyllene  , humulene  ,  a-amorphene ,    nerolidol   , caryophyllene oxide ,  epigiobulol, longitorenedehyde , aromaden dendrene , helifdenolC อื่นๆอีกมากมาย  และสำหรับคุณค่าทางโภชนาการของฝรั่งต่อ (165 กรัม) เป็น

  • พลังงาน 112 กิโลแคลอรี
  • ใยอาหาร 8.9 กรัม
  • โปรตีน 4.2 กรัม
  • ไขมัน 1.6 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 23.6 กรัม
  • วิตามินเอ 1030 IU
  • วิตามินซี 377 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 1 0.1 มก.
  • วิตามินบี 2 0.1 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 3 1.8 มก.
  • กรดโฟลิก 81 ไมโครกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 30 มก.
  • ธาตุฟอสฟอรัส 66 มก.
  • ธาตุเหล็ก 0.4 มก.
  • ธาตุโพแทสเซียม 688 มิลลิกรัม
  • ธาตุทองแดง 0.4 มก. ที่มา : Wikipedia


คุณประโยชน์/คุณประโยชน์ ฝรั่งเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่เหมาะกับผู้ที่อยากได้ลดความอ้วน ลดหุ่น หรือคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เนื่องมาจากฝรั่งอุดมไปด้วยกากใยอาหาร เมื่อรับประทานแล้วจะมีผลให้อิ่มนาน ช่วยกำจัดท้องร้อง ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงเดิม ช่วยปรับให้ระดับการใช้อินซูลินของร่างกายให้เหมาะสม และยังช่วยล้างพิษโดยรวมได้อีกด้วย ก็เลยมีผลทำให้ผิวพรรณมองผ่องใสสดใส โดยฝรั่งจัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทุกชนิด และก็ยังมีวิตามินซีสูขี้ตระหนี่ว่าส้มถึง 5 เท่า และก็ยังนิยมนำฝรั่งไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆตัวอย่างเช่น ฝรั่งดอง ฝรั่งแช่บ๊วย พายฝรั่ง แล้วก็ของหวานอีกหลายประเภท รวมถึงนำมาใช้ทำเป็นยาแคปซูลแก้ท้องเสียจากใบฝรั่ง ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม ซึ่งบรรจุแคปซูลละ 250 มก.
                นอกนั้นน้ำมันหอมระเหยในใบฝรั่งยังมีการเอาไปใช้ในอุตสาหกรรมของกิน ยกตัวอย่างเช่น หมากฝรั่ง ลูกกวาด รวมถึงนำมาผสมหรือแต่งกลิ่นในน้ำยาบ้วนปากได้อีกด้วย ส่วนสรรพคุณทางยาของฝรั่งนั้นมีดังนี้ ตำรายาไทยบอกว่า เปลือกต้น, ราก รสฝาด สุขุม ใช้แก้แผลเป็นพิษ แก้ปวดฟัน โรคลักปิดลักเปิด แก้อาการเลือดกำเดา แก้น้ำเหลืองเสีย แผลพุพอง ใบรสฝาดเปียกแฉะ สุขุมไม่มีพิษ ใช้เป็นยาฝาดสมาน แก้ท้องร่วง บิดเรื้อรัง ผื่นคัน ผื่นคัน รอยแผลที่มีเลือดออก ผลที่ยังไม่สุก รสเปรี้ยว ฝาดสุขุม ใช้แก้ท้องร่วง บิด ขจัดกลิ่นปาก แก้ปวดฟัน ผลสุกรสหวานหอมใช้เป็นยาระบาย แก้ท้องผูก ใช้ห้ามเลือดต้านการอักเสบ ลดน้ำตาลในเลือด โดยใช้เปลือกแห้งหนัก 10 กรัม ต้มน้ำกิน ใบแห้งหนัก 3-5 กรัม ถ้าเป็นใบสดใช้หนัก 15-30กรัม ต้มน้ำกิน หากใช้ภายนอกต้มเอาน้ำชะล้างหรือตำพอก ผลที่ยังไม่สุก แห้งหนัก 6-10 กรัม ต้มน้ำดื่ม
รูปแบบ/ขนาดวิธีใช้

  • แก้ลำไส้อักเสบ บิด ใช้ใบสด 30-60 กรัม ต้มน้ำดื่ม
  • แก้กระเพาะลำไส้อักเสบเฉียบพลันและก็ท้องเสีย ที่เกิดจากการย่อยไม่ดี ใช้ใบแห้งหนัก 10-15 กรัม ต้มน้ำดื่ม
  • แก้บาดแผลมีสาเหตุจากการหกล้มหรือกระทบกระแทกหรือรอยแผลมีเลือดออก ใช้ใบสดตำพอกแผลข้างนอก
  • แก้ปวดฟัน ใช้เปลือกรากผสมน้ำส้มสายชูต้มเอามาอมแก้ปวดฟัน
  • แก้เด็กเป็นแผลเล็กแผลน้อยเรื้อรัง ใช้เปลือก ราก ต้มร่วมกับขนไก่ เอามาล้างบาดแผล
  • แก้ผิวหนังเป็นผื่นผื่นคัน ใช้เปลือกต้นสดและก็ใบต้นเอาน้ำชะล้างรอบๆที่เป็น
  • แก้ท้องเสีย ใช้ใบหรือผลดิบ ต้มรับประทานต่างชา (ใบแห้ง 5 กรัม ใส่น้ำ 100 มล.)
  • ใช้สวนล้างช่องคลอดข้างหลังคลอด ใช้น้ำต้มจากใบสดอุ่นๆสวนล้าง
  • ใช้เพื่อการกำจัดกลิ่นปาก ด้วยการนำใบสด 3-5 ใบมาเคี้ยวแล้วคายกากทิ้ง
  • ช่วยรักษาอาการเสียงแห้ง แก้คออักเสบโดยการใช้ผลที่ตากแห้งต้มน้ำกิน
  • ยอดอ่อนๆปิ้งไฟให้เหลืองกรอบ ชงน้ำกินแก้ท้องร่วง บิด ใบสดเคี้ยวอมดับกลิ่นบุหรี่ สุรา และกลิ่นปากได้ดิบได้ดี
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ลดการบีบตัวของไส้ แก้ท้องเสีย             จากการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยฤทธิ์ทางยาของฝรั่งพบว่าการให้ยาเม็ดแคปซูลใบฝรั่งทีละ 500 มก. ทุก 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 วัน กับคนป่วยที่เป็นโรคอุจจาระตก 122 คน สามารถลดจำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระ ระยะเวลาที่อุจจาระ และปริมาณน้ำเกลือที่ให้ตอบแทนได้  การให้ยาเม็ดแคปซูลฝรั่งขนาด 500 มก. (ที่มีสารฟลาโวนอยด์ 1 มก./แคปซูล 500 มก.)  ทุก 8 ชั่วโมง ตรงเวลา 3 วันในคนป่วยที่มีลักษณะท้องเดิน ปวดท้อง ปริมาณ 50 คน จะสามารถลดการบีบตัวของลำไส้รวมทั้งลดระยะเวลาเจ็บท้องได้   การให้ยาต้มของฝรั่งในคนป่วยเด็กที่เป็นโรคไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส (Rota virus) 62 คน ทำให้อาการดีขึ้นด้านใน 3 วัน ช่วงเวลาท้องร่วงสั้นลง และไม่เจอเชื้อ Rota virus ในอุจจาระมากกว่าเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม
                 สารสกัดใบฝรั่งด้วยคลอโรฟอร์ม เฮกเซน เมทานอล รวมทั้งน้ำ สามารถลดการเคลื่อนไหว รวมทั้งการหดเกร็งของลำไส้เล็กของหนูตะเภาและก็หนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้มีการเคลื่อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยอะเซทิลโคลีน  สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอลปริมาณร้อยละ 50 สามารถยั้งการหดตัวของลำไส้เล็กส่วนปลายของหนูเม้าส์ที่ถูกรั้งนำให้หดตัวด้วยกระแสไฟฟ้า อะเซทิลโคลีน และธาตุแบเรียมคลอไรด์ได้อย่างสมบูรณ์ และก็สามารถยับยั้งอาการท้องเสียในหนูเม้าส์ที่ถูกโน้มน้าวให้เกิดอาการท้องเสียด้วยน้ำมันละหุ่ง โดยฝรั่งจะไปเพิ่มการดูดซึมน้ำในไส้รวมทั้งลดการบีบตัวของลำไส้   สารสกัดด้วยน้ำของใบฝรั่งสดสามารถยั้งอาการท้องเดินได้ โดยลดปริมาณครั้งของการอุจจาระในหนูซึ่งถูกเหนี่ยวนำให้เกิดอาการท้องเดินด้วยยา microlax ได้
                 ส่วนสกัดของสารกรุ๊ป polyphenolic, saponin แล้วก็ alkaloid จากใบฝรั่ง สามารถยั้งการหดเกร็งของลำไส้เล็กของหนูตะเภาที่เหนี่ยวนำให้หดเกร็งด้วยอะเซทิลโคลีนและก็โปแตสเซียมคลอไรด์ได้   สาร quercetin แล้วก็ quercetin-3-arabinoside จากใบฝรั่ง สามารถต้านการหดตัวของลำไส้เล็กที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยอะเซทิลโคลีน ทำให้ลำไส้มีการขยับเขยื้อนน้อยลง  นอกจากนี้สาร quercetin ในใบฝรั่งยังสามารถยับยั้งการยุบเกร็งของลำไส้เล็กในหนูแรทรวมทั้งหนูตะเภาซึ่งเหนี่ยวนำให้เกิดอาการหดเกร็งด้วยสารละลายโปแตสเซียม  อะเซทิลโคลีน แบเรียมคลอไรด์ ฮีสตามีน และซีโรโทนินได้ แล้วก็สามารถลดความรู้ความเข้าใจในการซึมผ่านของๆเหลวของหลอดเลือดฝอยบริเวณท้องซึ่งส่งผลช่วยรักษาอาการท้องร่วง  สาร quercetin 3-O-b-L-arabinoside (guajavarin), quercetin 3-O-b-D-glucoside (isoquercetin), quercetin 3-O-b-D-galactoside (hyperin), quercetin 3-O-b-L-rhamnoside (quercitrin) และ quercetin 3-O-gentiobioside จากใบฝรั่ง สามารถลดการยุบเกร็งของลำไส้เล็กหนูเม้าส์ได้   สาร asiatic acid จากใบฝรั่งมีผลทำให้กล้ามเนื้อของลำไส้เล็กส่วนปลายของกระต่ายคลายตัว  สารสกัดผลฝรั่งดิบด้วยเมทานอลมีฤทธิ์ต้านการหลั่งอะเซทิลโคลีนในลำไส้เล็กของหนูแรทและหนูตะเภาได้ แม้กระนั้นมีฤทธิ์น้อยกว่าอะโทรป่ายปีน โดยฝรั่งส่งผลทำให้ไส้มีการเคลื่อนลดน้อยลง ทำให้รักษาอาการท้องเสียได้    สารสกัดฝรั่ง (ไม่เจาะจงส่วน) สามารถลดการบีบตัวของลำไส้เล็กของหนูแรทได้
ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียมีการเรียนรู้การต้านเชื้อแบคทีเรียหลายรายงาน ดังเช่นว่า สารสกัดเอทานอลของฝรั่ง สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli, Salmonella enteritidis, Shigella flexneri ได้  สารสกัดน้ำ ความเข้มข้น 10-5 มคล./มล. ทดลองในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ  พบว่าสามารถยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Shigella dysenteriae ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคบิดได้ สารสกัดเปลือกต้น
ด้วย 70% เอทานอล  ความเข้มข้น 250 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ทดลองในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ พบว่าสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้มีการเกิดโรคอุจจาระร่วงหมายถึงStaphylococcus aureus, Vibrio cholerae และก็ V. parahaemolyticus แต่ไม่เป็นผลต่อเชื้อ E. coli, Shigella  flexneri, Salmonella typhimurium สารสกัดราก กิ่ง และใบฝรั่งด้วย 50% เอทิลอัลกอฮอล์  ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ  พบว่าสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย E. coli, Sh. dysenteriae, Sh. flexneri, S. typhimurium ที่เป็นสาเหตุส่งผลให้เกิดโรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร แต่ว่าไม่เป็นผลต่อเชื้อ Salmonella enteritidis สารสกัดกิ่งฝรั่งด้วยเอทานอล:น้ำ อัตราส่วน 1:1 ความเข้มข้น 50 มคล. สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Sh. dysenteriae, Sh. flexneri (ซึ่งกระตุ้นให้เกิดโรคบิด) E. coli (แบคทีเรียในลำไส้) S. typhimurium (กระตุ้นให้เกิดโรคไข้รากสาดน้อย) แต่ไม่เป็นผลต่อเชื้อ S. enteritidis สารสกัดทิงเจอร์ของฝรั่ง สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย V. chlorea ที่เป็นต้นเหตุของอหิวาตกโรค ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้แต่เห็นผลปานกลาง  น้ำมันหอมระเหยของใบฝรั่ง สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus แม้กระนั้นไม่เป็นผลต่อเชื้อ Bacillus subtilis, E. coli, S. typhimurium ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้  สารสกัดใบฝรั่งด้วยปิโตรเลียมอีเทอร์ ความเข้มข้น 1,000 มคก./มิลลิลิตร สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Enterococcus faecalis ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ แต่ไม่มีผลต่อเชื้อ E. coli, S. typhimurium, S. aureus สารสกัดใบฝรั่งด้วยน้ำ ความเข้มข้น 20 มิลลิกรัม/มล. พบว่าสามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย S. dysenteriae 1 (นำมาซึ่งโรคบิด) และก็ V. chlorea (ส่งผลให้เกิดอหิวาต์) ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งขนาดความเข้มข้นต่ำสุดที่ยั้งได้ (MIC) มีค่าพอๆกับ 1.25, 5 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร เป็นลำดับ
สารสกัดผลดิบของฝรั่งด้วยเมทานอล  ในขนาด 50,100, 300 มก./กิโลกรัม สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Sh. dysenteriae 1, Sh. dysenteriae 2, Sh. dysenteriae 4, Sh. dysenteriae 8 และก็ V. chlorea 1350 ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยั้งได้ (MIC) มีค่าเท่ากับ 100-200 มคก./มล. สารสกัดหยาบของใบฝรั่ง สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Vibrio ที่แยกได้จากกุ้งว่าวกุลาดำที่เป็นโรค 23 สายพันธุ์ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้งได้ (MIC) มีค่าพอๆกับ 1.25-5.00 มก./มิลลิลิตร สารสกัดใบฝรั่งด้วยอะซีโตน และก็ 95% เอทานอล สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย Salmonella B, S. newport, S. typhimurium, Sh.  flexneri นอกนั้นสารสกัดใบ ลำต้นฝรั่งด้วย 95% เอทานอล ยังสามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้อีกด้วย  สารสกัดใบ ลำต้นฝรั่งด้วยน้ำ สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย E. coli, Sh. flexneri, S. aureus แต่ว่าไม่มีผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. newport รวมทั้ง S. typhimurium ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ
สารสกัดใบฝรั่งด้วยเมทานอล  สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Sh. flexneri ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้งได้ (MIC) มีค่าเท่ากับ 10 มก./วัน แม้กระนั้นได้ผลไม่แน่นอนต่อเชื้อ E. coli, S. typhimurium สารสกัดใบฝรั่งด้วย 95% เอทานอล ความเข้มข้น 1,000 มคกรัม/มิลลิลิตร พบว่าสามารถต้านเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลให้เกิดโรคอุจจาระหล่น ดังเช่น Salmonella D, Sh. dysenteriae 1, Sh. flexneri 2A, Sh. flexneri 4A  ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้  แต่ไม่เป็นผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. typhimurium type 2, Shigella bodyii, Sh. bodyii 5, Sh. dysenteriae 2, Sh. flexneri 3A, Sh. sonnei  ส่วนสกัดแทนนินจากใบฝรั่ง ความเข้มข้น 85, 95, 95, 100, 110 มคกรัม/มล. สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย Sh. flexneri, S. enteritidis, S. aureus , Escherichia piracoli, E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ เป็นลำดับ    สารสกัดใบฝรั่งด้วยเมทานอล  สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย Salmonella spp. ได้ 2 สายพันธุ์  แล้วก็ต้านเชื้อ Sh.  flexneri, Sh. virchow, Sh. dysenteriae และก็เชื้อ E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอล:น้ำ(1:1)รวมทั้งอะซีโตน สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย E. coli ที่เป็นสาเหตุของโรคอุจจาระตกได้ สารสกัดลำต้นฝรั่งด้วย 95% เอทานอล สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย S. newport รวมทั้ง S. typhimurium, Sh. flexneri ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ แม้กระนั้นไม่เป็นผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. aureus   น้ำคั้นจากผลฝรั่ง ไม่อาจจะต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Bacillus typhosus ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคไข้รากสาดน้อยได้ สารสกัดส่วนที่อยู่เหนือดินด้วยอัลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำ (1:1) ความเข้มข้นมากกว่า 25 มคกรัม/มล. ไม่อาจจะต้านเชื้อแบคทีเรีย B. subtilis, E. coli, S. typhosa
มีการทำการศึกษาโดย ปัญจางค์ ธนังข้าล และก็แผนก ในคนไข้ 122 คน ที่เป็นโรคอุจจาระหล่น เป็นชาย 64 คน และก็หญิง 58 คน ซึ่งอยู่ในช่วงอายุ 16-55 ปี ศึกษาค้นคว้าเทียบโดยกระบวนการสุ่ม โดยนำใบฝรั่งอบแห้งแล้วบดเป็นผุยผง บรรจุแคปซูล ขนาด 250 มก. ลักษณะเดียวและก็ขนาดเดียวกับ tetracyclin และก็บริหารการรับประทานยาสิ่งเดียวกัน คือ 500 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 วัน ทั้งสองกรุ๊ป พบว่าใบฝรั่งสามารถลดจำนวนอุจจาระ ระยะเวลาที่ขี้ แล้วก็จำนวนน้ำเกลือที่ให้ชดเชยได้
มีการศึกษาในผู้เจ็บป่วยเด็ก 62 คน ที่เป็นโรคไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส (Rota virus) โดยให้รับประทานยาต้มของฝรั่ง พบว่าอาการดีขึ้นข้างใน 3 วัน รวมทั้งระยะเวลาท้องเสียสั้นลงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05) ปริมาณโซเดียมรวมทั้งกลูโคสในอุจจาระน้อยลง แล้วก็ผลของการตรวจอุจจาระไม่พบเชื้อ Rota virus สูงถึง 87.1% เวลาที่กรุ๊ปควบคุมไม่พบเชื้อ Rota virus 58.1% มีความหมายว่ายาต้มของฝรั่งมีคุณภาพในการรักษาอาการท้องเสียในคนไข้ไส้อักเสบจากเชื้อ Rota virus ได้
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ   จากการเรียนทางสถานพยาบาลในคนเจ็บ 70 คน ที่มีเหงือกอักเสบ พบว่าน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบฝรั่งสามารถลดการอักเสบได้จำนวนร้อยละ 19.8 และก็ลดรอยโรคที่ความรุนแรง ได้จำนวนร้อยละ 40 เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีส่วนประกอบของสารสกัดจากใบฝรั่ง หลังจากที่ใช้เป็นเวลา 3 สัปดาห์
            สารสกัดใบฝรั่งด้วยน้ำขนาด 50-800 มก./กก. เมื่อฉีดเข้าช่องท้องพบว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบแบบกะทันหัน  เมื่อทดลองกับอุ้งเท้าหนูที่ถูกรั้งนำให้เกิดการอักเสบด้วยไข่ขาวสด ยิ่งกว่านั้นเมื่อฉีดน้ำมันหอมระเหยจากใบฝรั่งเข้าทางช่องท้องของหนูแรทในขนาด 0.8 มล./กิโล พบว่าสามารถยั้งการอักเสบที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยสาร carrageenan ได้
สารสกัดจากผลฝรั่งด้วยเมทานอลเมื่อฉีดเข้าทางท้องของหนูแรท พบว่าสามารถยับยั้งการอักเสบของอุ้งเท้าหนูที่ถูกรั้งนำให้เกิดการอักเสบด้วยสาร carrageenan, kaolin และ formaldehyde ได้ ยิ่งกว่านั้นสารสกัดผลฝรั่งด้วยเมทานอลเมื่อฉีดเข้าทางช่องท้องของหนูเม้าส์จะสามารถยั้งการอักเสบและก็ลดลักษณะการเจ็บปวดที่ถูกเหนี่ยวนำด้วย acetic acid  ได้ดีมากว่าแอสไพรินที่ให้ในขนาดเท่ากันเล็กน้อย
เมื่อนำใบฝรั่งมาหมักกับราแล้วก็แบคทีเรียดังเช่นว่า Phellinus linteus (ส่วนเส้นใย) Lactobacillus plantarum รวมทั้ง Saccharomyces cerevisiae แล้วเอามาสกัดด้วยเอทานอล พบว่าสารสกัดที่ได้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยยับยั้งการสร้างสารที่นำมาซึ่งการอักเสบเป็น ไนตริกออกไซด์แล้วก็ พรอสต้ามึงรนดิน อี 2 ในหลอดทดลอง ยิ่งกว่านั้นสารสกัดฝรั่งด้วยเอทานอลและก็น้ำยังออกฤทธิ์ยั้งการสร้างไนตริกออกไซด์
             สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทิลอะซีเตตมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ แล้วก็แก้แพ้โดยยับยั้งการตอบสนองต่อแอนติเจนที่โน้มน้าวให้มีการแพ้และก็การอักเสบ
ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด                 สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอลมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในหนูแรทที่ถูกชักพาให้เป็นเบาหวานด้วยการฉีด alloxan เข้าหลอดโลหิตดำโดยสารสกัดใบฝรั่งออกฤทธิ์ใน 2 ชั่วโมง มีฤทธิ์สูงสุดในชั่วโมงที่ 6 และก็สิ้นฤทธิ์ใน 1 วัน
ฤทธิ์ต้านเซลล์ของโรคมะเร็ง      สารสกัดใบฝรั่งมีความเป็นพิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็ง murine fibrosarcoma และก็เซลล์ของโรคมะเร็งเต้านม

การศึกษาทางพิษวิทยา
การทดลองความเป็นพิษ  พิษกระทันหัน  สารสกัดด้วยน้ำจากใบ LD50 มีค่ามากกว่าหรือพอๆกับ 20 ก./กก.  เมื่อให้ทางปากในหนูถีบจักรทั้ง 2 เพศ และก็มีค่ามากกว่า 5 ก./กิโลกรัม  เมื่อฉีดเข้าทางช่องท้อง สารสกัดเอทานอล (50%) จากส่วนเหนือดิน LD50 มีค่าพอๆกับ 0.188 เมื่อฉีดเข้าท้องในหนูถีบจักร พิษเรื้อรัง  การให้สารสกัดน้ำจากใบทางปาก ขนาด 0.2, 2 และก็ 20 ก./กิโลกรัม วันแล้ววันเล่าติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือน  พบว่าอัตราการเพิ่มของน้ำหนักตัวลดน้อยลง ในกรุ๊ปที่ได้รับสารสกัด เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่ได้รับน้ำ ขณะที่ไม่พบไม่เหมือนกันของปริมาณของกินที่รับประทานในทุกกลุ่ม การกระทำทั่วไปปกติในทุกกรุ๊ป หนูเพศผู้หรูหรา ALP, SGPT (หลักการทำงานของตับ), BUN (แนวทางการทำงานของไต) และก็ WBC สูงมากขึ้น ขณะที่ระดับของโซเดียมรวมทั้งคลอเลสเตอรอลในเลือดน้อยลง น้ำหนักของตับรวมทั้งไตเพิ่มขึ้น การตรวจทางจุลทัศนกายส่วน พบการเปลี่ยนแปลงของไขมันและก็ลักษณะ hydronephrosis หนูเพศ

14

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือมีผลอย่างไรต่อเซลล์ต่อมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน โรคความดันสูง รวมทั้งโรคอื่นๆอันแสนเหนื่อยที่จะรักษา ติดตามผลการศึกษาวิจัยยืนยันคุณประโยชน์ได้ในบทความนี้จ้ะ
บทความสมุนไพร พวกนี้อ้างอิงคุณประโยชน์ของเห็ดหลินจือจากผลการศึกษาวิจัยรับรองจากที่ต่างๆเพื่อให้เพื่อนฝูงได้พินิจพิเคราะห์ด้วยตัวเองว่ารักษาโรคเจริญแค่ไหนและน่าไว้วางใจเพียงใด หากเพื่อนๆเคยอ่านบทความเกี่ยวกับสรรรพคุณหรืองานค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับเห็ดหลินจือจากที่อื่นมาก่อน แล้วรู้สึกอ่านไม่ง่ายเท่าไรหรือไม่เข้าใจ บทความในเว็บไซต์นี้ผู้เขียนได้คัดรวมทั้งเก็บจากหลายที่และก็เขียนในภาษาที่อ่านง่ายที่สุดเท่าที่จะทำเป็น
เพื่อนพ้องๆถูกใจบทความนี้ก็จะเป็นอันมากจิตใจให้นักเขียนได้บทความดีๆให้เพื่อนอ่านกันอีกต่อไปบทความเห็ดหลินจือรักษาโรคเด็ดๆที่สมุนไพร เพื่อนฝูงๆต้องชอบ
เห็ดหลินจือยั้งโรคมะเร็ง
เห็ดหลินจือ ผลวิจัยพบว่า เห็ดหลินจือ มีสารสามารถยั้งมะเร็งไดและโดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติ สารดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นมีอยู่มากมายที่สปอร์ที่กะเทาะฝาผนังห่อสปอร์แล้วนอกนี้ผลที่เกิดขึ้นจากงานวิจัยจากกรมวิวัฒนาการหมอแผนไทยพบว่าเห็ดหลินจือมีสารกรุ๊ป Polysaccharide ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้ม และก็สารกรุ๊ป Triterpenes (พบที่สปอร์ของเห็ดหลินจือ สูงที่สุด ) ซึ่งกลุ่มหลังสามารถยับยั้งเซลล์ของมะเร็งได้ โดยสปอร์กะเทาะผนังห่อหุ้มจะให้ผลดีมากยิ่งกว่าแบบไม่กะเทาะมาก
แม้กระนั้นฤทธิ์ฆ่าเซลล์ของมะเร็งของโรคมะเร็งของสารสกัดเห็ดหลินจือที่กล่าวไปนั้น ยังคงเป็นเพียงผลของการทดลองในหลอดทดสอบเท่านั้น ตอนนี้คณะแพทย์ศาสตร์ของมหาลัยจังหวัดเชียงใหม่กำลังวิจัยผลที่มีต่อคนไข้โรคมะเร็วจริงๆรวมทั้งคาดว่าผลการค้นคว้านี้น่าจะเปิดเผยให้เพื่อนฝูงๆได้ทราบกันในเร็วๆนี้จ้ะ แต่เดี๋ยวนี้มีรายงานการศึกษาจากประเทศจีนพบว่า เห็ดหลินจือสามารถเสริมภูมิคุ้มกันได้จริงในผู้ป่วยมะเล็กลำไส้ใหญ่ ปอด รวมทั้งผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งขั้นแพร่กระจาย โดยไม่เป็นผลข้างๆและก็สามารถใช้ได้ติดต่อกันนานได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็แล้วแต่ในประเทศไทย การใช้เห็ดหลินจือสำหรับเพื่อการรักษาโรคมะเร็งนั้นยังไม่ใช่ช่องทางหลักในการรักษา ย้ำเรื่องเสริมภูมิคุ้มกันมากยิ่งกว่า
สมุนไพร เวลานี้มีผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือขายเยอะมากตามตลาด มีทั้งที่ผลิตในไทยและนำเข้าจากต่างชาติ ถ้าเกิดเพื่อนๆอยากเลือกซื้อ จำเป็นต้องดูให้ดี ว่าผลิตภัณฑ์ตัวนั้นมีที่มารวมทั้งแหล่งผลิตน่าไว้ใจหรือเปล่า มีการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ไหม รวมทั้งสินค้าที่สามารถกันความชุ่มชื้นก้าวหน้าหรือป่าวร้อง
ชาวจีนรู้จักการใช้เห็ดหลินจือรักษาโรคหัวใจมาตั้งแต่ยุคราชวงค์หมิง เดี๋ยวนี้แพทย์แผนจีนก็ยังคงใช้เห็ดหลินจือการรักษาโรคหัวใจมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าดึงดูดด้วยเหตุว่าถ้าเกิดไม่ดีจริงก็คงเลิกใช้กันไปนานแล้วใช่ไหม จึงมีการทำการค้นคว้ากันอย่างจริงๆจังมากมายสำหรับประเด็นนี้

สมุนไพร ที่กรุงปักกิ่งได้มีการทดสอบจริงกับคนเจ็บที่มีลักษณะเจ็บทรวงอก จากเส้นเลือดหัวใจตีบ พบว่าภายหลังการให้รับประทานเห็ดหลินจืออปิ้งตลอดเป็นเวลา 3 เดือน ผุ้ป่วยไข้ที่เข้ารับการทดลอง 90% มีอาการที่ดีขึ้น จากการสังเกตร่วมร่วมกับการประมาณคลื่นหัวใจ ECG
เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา มีนักวิทยาศาสตร์คนประเทศญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งได้เจอสารเคมีที่ช่วยลดระดับความดันเลือดในเห็ดหลินจือและก็เจอสารยับยั้งการจับตัวกันมีลักษณะที่กลายเป็นก้อนของเลือดอีกด้วย จากการทดลองใช้เห็ดหลินจือกับคนไข้โรคหัวใจโรงพยาบาล พบว่าสามารถลดอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะได้จริง
นักวิทยาศาสตร์รัสเชียยืนยันอีกเสียงว่าเห็ดหลินจือช่วยเรื่องเลือดแล้วก็หัวใจได้จริง แล้วก็พบว่าเห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรที่เยี่ยมที่สุดสำหรับโรคหัวใจ จากกลุ่มทดลองสมุนไพร 21 ชนิด ที่กรุ๊ปวิจัยได้เลือกจับมาศึกษาทดลอง
เห็ดหลินจือ ปกติในกระแสโลหิตพวกเราจะมีไขมันอยู่แล้วทุกคน จากมากมายน้อยสุดแล้วแต่คนไป แม้กระนั้นถ้าเกิดในกระแสเลือดของเรามีจำนวนไขมันมากเกินความจำเป็นนี่มีปัญหาแน่ค่ะ เรียกภาวะนี้ว่า โรคไขมันในเส้นเลืดสูง ซึ่งโรคนี้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากหลายกรณี ทั้งจากของกิน ภาวะจิตใจ สิ่งแวดล้อม พันธุรวมถึงบางทีอาจเกิดจาผลข้างเคียงของยาบางจำพวกอีกด้วย(ไขมันที่เอ่ยถึง คือ สามกลีเซอไรค์และก็คอลเรสเตอรอคอยล โรคไขมันในเลือดสูงสามารถส่งผลให้เกิดโรคภัยต่างๆตามมาอีก อาทิเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เส้นโลหิตหัวใจตีบ หัวใจขาดเลือด และเส้นโลหิตสมองตีบ ฯลฯ
เห็ดหลินจือ นักวิจัยได้ค้นพบสารหลากหลายประเภทในเหล็ดหลินจือที่ช่วยลดจำนวนไขมันในเส้นเลือดหมายถึงGanoderic Acid และ Lucidenic Acid ซึ่งสาร 2 ประเภทที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้แล้ว ยังป้องกันไม่ให้ไขมันตันเส้นเลือดได้โดยตรงอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสารกรุ๊ป Nucleotide ที่สามารถช่วยลดการอุดตันของลิ่มเลือดในเส้นโลหิต และก็ช่วยลดอัตราเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตได้อีกด้วย
ได้มีนักวิทยาศาสตร์ที่ประเทศญี่ปุ่นทดลองให้สารสกัดเห็ดหลินจือกับคนที่เป็นโรคไขมันเส้นโลหิตสูง 70 ราย แล้วก็ทำการเก็บผลของการทดลองหลังจากผ่านไป 3 เดือน พบว่าวัวเรสเตอรอลของคนรับการทดสอบลดน้อยลงไปถึง 74% ซึ่งก็สอดคล้องกับผลที่เกิดขึ้นจากการวิจัยจากทั่วโลก และก็ยังพบว่าเห็ดหลินจือ นอกเหนือจากช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นเลือดแล้ว ยังมีผลให้โลหิตไหลเวียนดียิ่งขึ้นอีกด้วย
การที่เห็ดหลินจือสามารถจัดการกับภาวะไขมันในเส้นโลหิตสูงได้นั้น ได้รับการรับรองจากนักค้นคว้าทั้งในญี่ปุ่น จีน รัสเชีย รวมทั้งที่อื่นๆอีกทั่วทั้งโลกแล้วว่าสำเร็จจริงละไม่ได้เป็นเพาระความเชื่อถืออีกต่อไป ท้ายที่สุดก็ขอฝากไว้ สภาวะไขมันในเส้นโลหิตสูงเป็นสภาวะที่อันตรายเพราะว่าสามารถเป็นเหตุให้เกิดโรคน่าสยดสยองอื่นๆตามมาได้ ดังนั้นหากสหายๆตรวจเลือดแล้วพบภาวการณ์นี้ก็ควรจะรีบจัดแจงตั้งแต่เนิ่นๆไว้กิ่นจะดีกว่า

15

ถั่งเช่า
การรับประทานถั่งเช่าอย่างปลอดภัย
หากรับประทานในระยะเวลาสั้นแล้วก็จำนวนที่เหมาะเจาะ ถั่งเช่าออกจะมีความปลอดภัย แต่มีข้อควรพิจารณาบางประการ ดังต่อไปนี้
การเลือกกินสมุนไพรถั่งเช่าเป็นอาหารเสริมควรเลือกจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้และก็ผ่านขั้นตอนการที่ถูก เพราะมีความเป็นไปได้ต่อการแปดเปื้อนพิษและสารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสภาพร่างกาย
ถั่งเช่าอาจจะก่อให้เกิดอาการท้องร่วง คลื่นไส้ หรือปากแห้งในบางราย
การรับประทานถั่งเช่าพร้อมกันกับยาบางประเภท ยกตัวอย่างเช่น ยาต่อต้านการแข็งตัวของเลือด ยายับยั้งรูปแบบการทำงานของระบบภูมิต้านทาน ยาซัยวัวลฟอสฟาไมด์ หรือคาเฟอีน อาจจะก่อให้ปฏิกิริยาระหว่างยา ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือใช้ยาบางตัวในขณะนั้นควรจะขอคำแนะนำหมอก่อนทุกครั้ง
ก่อนการรับประทานถั่งเช่าในแบบธรรมดาหรืออาหารเสริม ควรจะหารือแพทย์หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับจำนวนแล้วก็ระยะเวลาสำหรับในการกิน เพื่อลดความเสี่ยงสำหรับเพื่อการเป็นผลใกล้กันหรือปฏิกิริยาระหว่างยาแล้วก็ร่างกาย
สตรีท้องหรืออยู่ในตอนให้นมบุตรควรจะหลีกเลี่ยงที่จะรับประทาน เนื่องด้วยยังไม่มีข้อมูลรับรองความปลอดภัยในการรับประทานมากมายเพียงพอ แม้ต้องการรับประทานควรหารือแพทย์ทุกคราว
ผู้ป่วยในกรุ๊ปโรคภูเขามิต่อต้านตนเอง ยกตัวอย่างเช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งหรือโรคเอมเอส โรคลูปัส โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์  ไม่ควรรับประทาน เนื่องจากถั่งเช่าอาจจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายไวต่อการกระตุ้นเยอะขึ้น ซึ่งนำมาซึ่งการทำให้ลักษณะของคนป่วยห่วยแตกลง
ถั่งเช่าอาจจะทำให้เลือดแข็งตัวช้า ผู้เจ็บป่วยภาวะเลือดออกไม่ปกติอาจมีความเสี่ยงสำหรับในการเกิดเลือดออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งผู้เข้ารับการผ่าตัดควรเลี่ยงที่จะรับประทานถั่งเช่าก่อนเข้ารับการผ่าตัดขั้นต่ำ 2 อาทิตย์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดเลือดออกมากในขณะผ่าตัด
การศึกษาทาวิทยา
จากการศึกษาเล่าเรียนข้างต้นถือว่ายังไม่มีหลักฐานพอเพียงต่อการสรุปข้อมูล เพราะยังเป็นการทดลองใช้ถั่งเช่าในแบบการรักษาเสริมควบคู่กับยาหลักที่รักษาโรค อีกทั้งช่วงเวลาในการทดสอบออกจะสั้น กลุ่มคนเจ็บเป็นเด็ก และไม่มีการติดตามผลในระยะยาว จึงจำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอีกในอนาคตด้านอื่นๆผู้ดูแลหรือผู้เจ็บป่วยควรจะหารือแพทย์ก่อนการใช้สินค้าสมุนไพรอะไรก็แล้วแต่และถั่งเช่าสำหรับในการรักษาโรค
ยืดอายุการเสียชีวิตของคนเจ็บ ถั่งเช่ายังคงใช้เป็นการรักษาโอกาสจากธรรมชาติที่ช่วยต่ออายุคนไข้โรคไตให้ยาวนานขึ้น โดยให้คนเจ็บโรคมะเร็งตับที่เกิดขึ้นจากมูลเหตุต่างๆปริมาณ 101 คน ทดสอบรับประทานถั่งเช่าแล้วก็สารจากธรรมชาติอื่น 11 ประเภท ในจำนวนที่ต่างกันเป็นระยะเวลาราว 13 เดือน ข้างหลังครบกำหนดก็เลยวัดผลด้วยการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ สารชี้มะเร็ง และตรวจการดำเนินงานของตับ ผลพบว่า ผู้เจ็บป่วยสุดที่รักษาด้วยการใช้ถั่งเช่าแล้วก็สารจากธรรมชาติ 4 ชนิดหรือมากยิ่งกว่าขึ้นไป มีชีวิตรอดนานอย่างเห็นได้ชัดกว่าผู้ป่วยที่ได้รับสารจากธรรมชาติน้อยกว่า 3 ประเภท และก็ยังไม่เจอผลข้างเคียง ทั้งนี้ เป็นการวิจัยที่เก็บข้อมูลย้อนหลัง และก็เป็นการเล่าเรียนถั่งเช่าร่วมกับสารธรรมชาติตัวอื่น จึงไม่สามารถที่จะเอามาสรุปผลได้แน่ชัด แต่อาจคอยข้อส่งเสริมอื่นเสริมเติม เพื่อช่วยรับรองคุณภาพของถั่งเช่า
โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี มีการใช้ถั่งเช่าสำหรับในการรักษาโรคที่เกี่ยวโยงกับโรคตับอยู่หลายโรค ซึ่งรวมทั้งโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี โดยมีการเล่าเรียนประสิทธิภาพของการใช้ถั่งเช่าในผู้เจ็บป่วยโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี เรื้อรังปริมาณ 25 คน ในช่วงเวลา 3 เดือน เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนแล้วก็หลังการทดลอง จากการทดลองพบว่าระดับเซลล์เม็ดเลือดขาวครั้งลิมโฟไซต์ที่ชี้ระดับภูมิคุ้มกันของร่างกายเพิ่มขึ้น บางทีอาจมีคุณประโยชน์ต่อการดูแลและรักษาพังผืดในตับของผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบ บี เรื้อรัง
นอกจากนี้ ยังมีการเรียนรู้สมุนไพรผลจากการรับประทานสารสกัดถั่งเช่าในคนป่วยโรคไวรัสตับอักเสบ บี เรื้อรัง ปริมาณ 60 คน เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยแบ่งได้เป็น 2 กรุ๊ป กลุ่มแรกได้รับประทานสารสกัดถั่งเช่า ครั้งละ 8 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง และก็อีกกลุ่มได้รับยาสมุนไพรประเภทอื่น ทีละ 5 เม็ด วันละ 3 ครั้งเช่นเดียวกัน ผลพบว่า ผู้เจ็บป่วยที่กินสารสกัดจากถั่งเช่ามีการอักเสบของตับลดลงราว 81% และก็การเกิดพังผืดลดน้อยลง 52% แต่ว่ายังมีคนไข้อีก 33% ที่ไม่พบความเคลื่อนไหวของการเกิดพังผืดในตับ ก็เลยบางทีอาจเป็นหลักฐานที่เชื่อว่าสมุนไพร ถั่งเช่าอาจช่วยเพิ่มหลักการทำงานของตับ ลดการอักเสบของตับลงและก็ความเสี่ยงสำหรับการเกิดพังผืดที่ตับ

ดูยังไงอันไหนถั่งเช่าเลียนแบบ
สำหรับถั่งเช่าทิเบตซึ่งเป็นถั่งเช่าที่มีราคาแพง ก็เลยมีการทำเลียนแบบกันเยอะ เอาเข้าจริงเกิดเรื่องยากมากๆที่จะดูออกจำต้องมองหลายประเภท แม้กระนั้นหนทางอย่างคร่าวๆก็จะเป็นไปตามนี้
1.ส่วนหัวของ ถั่งเช่านั้นจะต้องเป็นแท่งทรงกลมเป็นเงาคล้ายๆทรงกระบอก
2.เหตุเพราะ ถั่งเช่าเคยเป็นหนอนมาก่อน ของจริงควรจะเป็นหยักๆเรียงกันสวยเสมือนตัวหนอน
3.ราคาจะต้องผิดจนกระทั่งเกินไป ถ้าหากมีคนใดกันเสนอขาย ถั่งเช่าให้พวกเราราคาถูกสันนิฐานไว้ก่อนเลยว่าเลียนแบบ
แต่ว่าถ้าเกิดว่าเป็นถั่งเช่าในแคปซูลเราก็จำเป็นต้องมองว่าได้รับการยืนยันจากหน่วยราชการอย่างถูกต้องหรือเปล่า เนื่องจากว่าถ้าหากเป็นของแท้จะมี ถ้าไม่มีมีความหมายว่ามีโอการเป็นของเลียนแบบสูงมากมาย หรือเปล่าปลอดภัย
แนวทางทานถั่งเช่าให้ได้ประโยชน์สูงสุด
การที่จะทานถั่งเช่าให้ได้ประโยชนสูงสุดนั้นเราก็จะต้องเลือกทานตามแบบของถั่งเช่าเป็นหลัก โดยที่มีหลักๆอยู่ 2 แบบก็คือ แบบธรรมชาติ รวมทั้งแบบ แคปซูล
1.ถั่งเช่าแบบธรรมชาติ-ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยนิยมถั่งเช่าแบบธรรมชาติด้วยการบด ซึ้งถือว่าเป็นการเปลืองที่ไม่ค่อยถูกทางเท่าไร เพราะเหตุว่าคุณสมบัติในตัวถั่งเช่านั้น จะทำงานได้ดีเมื่อถูกความร้อนด้วยเหตุนี้ควรกินแบบที่โนความร้อนดีมากกว่าโดยแนวทางที่ค่อนข้างจะได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดก็คือการนำถั่งเช่าราว 2-3 ตัว ไปแช่ลงไปในน้ำร้อน ทิ้งเอาไว้ซัก 5 นาทีแล้วจากนั้นจึงค่อยนำน้ำมาดื่มกระทั่งน้ำหมด แล้วต่อจากนั้นให้เพิ่มน้ำร้อน ได้อีก 2 ครั้ง ร่างกายก็จะได้สารคอร์ไดเซปินไปอย่างครบถ้วน
2.ถั่งเช่าแบบแคปซูล- ตัวถั่งเช่าแบบแคปซูลเวลาทานจะดูสิ่งที่จำเป็นเป็นหลักว่า อยากทานเพื่อสุขภาพ หรือกำหนดที่โรคอะไร แล้วก็ทานตามปริมาณที่เหมาะสม อย่างหากเราอยากได้ทารเพื่อสุขภาพ ให้ทาน ยามเช้า-เย็น อย่างละ 1 แคปซูล เน้นโรคภูมิแพ้และอื่นๆทาน เช้า เย็น อย่างละ 2 แคปซูลเวลาทานจะทานต่อมาของกินหรือท้องว่างก็ได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดอันตรายหรือกัดกระเพาะ

หน้า: [1] 2 3 ... 5