รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Topics - กาลครั้งหนึ่ง2560

หน้า: [1] 2 3 ... 7
1
อื่น ๆ / ขายตรีผลา ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
« เมื่อ: ตุลาคม 25, 2018, 03:45:46 PM »

ขายตรีผลา ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์ลำต้นมะขวิดเป็นไม้ยืนต้นrjuili;o ขนาดกึ่งกลางถึงใหญ่ ลำejyukuiต้นมีความสูง 6 – 15 เมตร หรือมากกว่า ลำต้นตั้งชัน ชะลูด แตกกิ่งรอบๆส่วนปลายของลำต้น ผิวเปลือกลำต้นขรุขระ แตกเป็นสะเก็ดเululล็กๆสีเปลืykอกลำต้นที่เล็กมีสีเทาน้ำตาลyk ส่วนเปลือกต้นโulตuต็มกำลังจlulะมีykสีน้ำตาลอมเทาใบมะชนใบมะykขวิด|ชน}เป็นใบปulระtjulอykบแบบขนulชนิดใบเดี่ยว (ใบสุดท้ulยมีใบเดียyluilว) ใบแyukykทงออกรอบๆตาใkykบที่กิ่ง ประกอบด้วยจำหน่ายตรีผลาก้านใบหลักที่มีก้านใบย่อย 2ul5 ก้าน ukhyuแต่ละก้านแตtgfhhululigกออกชิดกันเป็นกululลุ่ม แต่ละก้านมีใบย่อยkjykuliออกเป็นคู่ๆ2-3 ;i;iคู่ ตรงข้ามกัน {แลuii;lioliะ|และก็|แล้วก็|รวมทั้งi;ปลาyยก้านออกเป็นใบลำพัง รวมเป็นใบ 5ykuluulil หรือ 7 ใบ ใบykมีลักษณะเป็นรูjhtkjyปyklullไข่ขนาดเล็ก โคนใบเรียวเล็ก ใบกว้าง 0.5-1 ขายตรีผลาเซนติเมตร ยาวราวๆ 1.5-4.5 เซloนติเม.;o;/kykตulร ใบอ่อนมีสีเขียวสด ใบแก่มีyสีเขียuioylเข้ม แผ่นtluiuiol;ใบ และก็o;ขอบใบเรียบ ใบค่อiนข้างครึ้ม และก็เหykuนียว ykมีเส้นกลางใบo;มองเห็นแ;io;น่ชัด บริเวณขjh,อบใบมีต่อมน้ำมัulนกระจายอยู่ทั่วykดอกมะขวิดจำหน่ายตรีผลาดอกมะขวิดulออกแบบเulป็;hj,uyนช่อ แio;ทงออกบริhjmเวณปลายกิ่งที่ซอกใบ ดอกแบ่งเป็นดอกตัวผู้ ulดอกตัวเมีย รวมทั้งดulอกขายตรีผลาบริบูykรณ์เพศ ulที่ซึ่งอยู่ในต้นเดียวกัน ดอykกประกอบด้วยกyuliulลีulบดอกไม้ภายนอกที่มีสีเหลืองปนเขียo;iว แล้วก็ก้านเกio;สรด้านในที่มีเหลืองอมสีแดงiolol

Tags : ขายตรีผลา,จำหน่ายตรีผลา,ขายตรีผลา

2
อื่น ๆ / ขายกวาวเครือเเดง สำหรับการ
« เมื่อ: ตุลาคม 06, 2018, 07:50:40 PM »

ขายกวาวเครือเเดง สำหรับi;เพื่อการเรียนเกี่ยวกับfnuy67kคุณภาพในการลดระดับคfอเลสเตอรอลของกล้วย มีการให้อาสาสมัครที่มีสภาวะคอเลสเตอรอลสูงจำหน่ายกวาวเครือเเดงปริมาณ 30 คน รวมทั้งคนป่วยเบาหวานชtnjy7lk8นิดที่ 2 ปริมาณ 15 คน รับประทานกล้วยเป็นอาหารเช้าj.ikข้าวเช้าuu,o;ในปริมาณ 250 หรือ 500 กรัม {ทุกวัน|ทุกวี่ทุกp"Pวัน|ทุกเมื่อเชื่อวัน|วันแล้วo?Pi.op'-pทุกๆวัน นานo/p 12 สัปดาห์u8,k/[p ผลที่ตามมาระดับน้ำตาลแล้วก็คอเลสเตอรui.,po;อลในเลือดขอloo'/p[/oงกรุ๊ปที่มีคอเลสเตอรอลสูงลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญภายหลังจากกินกล้วยไปแล้วตรlk/iuงเวลาi;. 2 ชั่วโt,t,loiง ส่วนในคนเป็นโรคเบาหวานนั้นไม่พบการเปลี่ยนแu.io;ปลงของระดับน้ำตo/ลo/หรือไขมันในเลือดมากเท่าไรนัก แม้กระนั้นพบว่าระดับของฮอร์โมนอดิโพเhgm,u'/p0'uiนคตินที่ทำหน้าที่ควบคุมน้ำตาลและไขมัน ซึ่งมักจะน้อยลงต่ำในคนเป็นเบาหวานนั้นกลับมากขึ้น ส่วนด้านความปลอดภัย การบริโภคกล้l'/p[วยเป็นประจำu,op;วันละ 250 กรัม uliปลอดภัยต่อoop"คนป่วยเบาหวานและคนเจ็บภาวะคอเลสเตอรอลสูงอะไtykuร จากข้อสรุปดังกล่าวมาแล้วข้างต้น มั่นใจว่าถ้ามีขายกวาวเครือเเดงงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่ดีจำหน่ายกวาวเครือเเดงเสริมเติมต่อไปคงmuy,ioสามารถกำหนดได้ว่าการรับประทานกล้วยช่วยลดระดับคอเลสเตอรอi.i/.jลได้ผลใช่หรือไม่
เบาหวาน งานศึกษาเรียนรู้วิจัยหนึ่งศึกษาเกี่ยวกับความสามารถในการควบคุมน้ำหนักและก็ระดับความไวต่ออินซูลินในคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 ด้87l.9i;วยการเปรียบเทียบระหว่างการใช้พลังงานจากกล้วยที่เก็บโดยรวมจากทั้งประเทศกับนมถั่วเหลืองอย่างละ 24 กรัgt,yl8มที่เอามาละลายในน้ำ 240 มิลลิลิตร ให้ดื่มทุกเมื่อเชื่อวันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ช่วยทำให้ผู้เจ็บป่วยโรคนี้มีน้ำหนักตัวลดน้อยลง ทั้งยังส่งผลให้อินซูลินในเลือดและความต้านทานuiต่ออินซูลินลดต่ำกว่าปกติขายกวาวเครือเเดงแม้กระนั้นก็ลดน้อยลงไม่มากนัytjegdhykilกเมื่อเทียบกับอีกกลุ่มที่รับประทานนมถั่วเหลือง

Tags : ขายกวาวเครือเเดง,ขายกวาวเครือเเดง

3
ไขมันส่วนเกิน สาเหตุของพุงและความอ้วน
เดือนพฤษภาคม 19, 2018  kungtep
ไขมันส่วนเกิน เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายหลายแบบ จำต้องรีบสลายไขมัน กำจัดไขมันส่วนเกินออกไป มิฉะนั้นจะพบกับความอ้วน น้ำหนักตัวสูง รูปร่างอ้วนกลมบ๊อก เซลลูไลน์(cellulite)หนักอึ๊ง
[url=https://kungtep.com/]ไขมันส่วนเกิน[/i][/url] สาเหตุของความอ้วน ต้องเผาผลาญไขมันออกไป[/b]
พุงที่เด่นกว่าใบหน้า ความอ้วนที่แบกรับมานานจากปัญหาของไขมันสะสม เรื่องใหญ่ของลักษณะท่าทางด้านนอก กำจัดให้ออกไปได้ เพียงใช้สมุนไพรส้มแขก เรียกหุ่นที่ดูดีน่ามองกลับมาอีกที
ความอ้วน ทำให้ลักษณะท่าทางเสีย ขาดความมั่นใจและความเชื่อมั่น
ปัญหาด้านสุขภาพนับสิบนับร้อย ถือเป็นความรู้สึกหนักใจอย่างหนึ่งในชีวิต เนื่องจากเมื่อได้มีการเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาแล้ว มันก็ย่อมมีผลเสียตามมาต่อการดำรงชีวิตหลายประเภท ไม่ว่าจะการทำงาน การพบปะผู้คน การประกอบกิจวัตรที่ทำทุกๆวันต่างๆซึ่งเรื่องของปัญหาด้านสุขภาพในปัจจุบันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องโรครุนแรงหรือเรื้อรังอย่างเดียว แต่ยังมีปัญหาสุขภาพในด้านของลักษณะท่าทางลักษณ์ที่ส่งผลต่อความไม่มั่นใจในตัวเอง
 
ไขมันส่วนเกิน
ไขมันส่วนเกินสูง cr.adrianjamesnutrition.com
ทางแก้ไขมันส่วนเกินสูง อยากลดหุ่น คุณทำเองได้
ปัญหาความอ้วน เซลลูไลท์มากมาย ไขมันภายในร่างกายสูง ซึ่งเกิดเรื่องที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทยเราเวลานี้ รวมทั้งในอีกหลายประเทศทั้งโลกเลยก็ว่าได้ และนับได้ว่าเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากในระดับหนึ่งเลย แต่ก็เพียงพอมีแนวทางที่จะช่วยจัดการปัญหานี้ได้ ตัวอย่างเช่น
ลดอาหารจำพวกแป้งและก็น้ำตาล
ลดอาหารประเภททอด
ลดของกินที่มีไขมันสูง ได้แก่ หมู่ เนื้อ ไก่
ออกกำลังกาย เพื่อ{เผาผลาญไขมัน|สลายไขมันส่วนเกิน
รับประทานน้ำให้มาก อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
รับประทานผัก ผลไม้ เป็นของกินหลัก อย่างเช่น สลัด
ลดอาหารมื้อเย็น รับประทานให้น้อยลง
อย่าให้ความอ้วน ไขมันส่วนเกิน เข้ามาเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเรา
เพราะเหตุว่าเรื่องของความอ้วนไม่ใช่เรื่องที่จะจับมาล้อเลียนกันได้กล้วยๆเสมือนอย่างที่คนจำนวนไม่น้อยเคยทำกันมา ผู้ที่ล้ออาจรู้สึกสนุก และไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าการหัวเราะชอบใจ คิดแค่ขำๆหน่า แต่ว่าถูกล้อนี่สิ คงจะไม่ขำด้วย ด้วยเหตุว่าสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องขบขันเอาเสียเลย แถมยังเกิดเรื่องที่รู้สึกขายขี้หน้าในรูปภาพลักษณ์ที่ดูแย่ แปลกกว่าปกติทั่วๆไปด้วย บางคนที่ถูกล้อหนักๆเสมอๆก็เก็บไปคิดมากกระทั่งเป็นความทุกข์ แล้วก็สูญเสียความแน่ใจไปหมดทุกเรื่องในชีวิตเลยก็มี ไม่ใช่ว่าเขาเล่านั้นต้องการอ้วนจนกระทั่งถูกล้อเลียนแบบงี้หรอก แต่แบบการใช้ชีวิตแต่ละคนมันเลี่ยงความอ้วนได้ยาก รวมทั้งหลายๆคนก็อ้วนง่ายแม้กระนั้นลดยากมากมายไป จริงไหม ?

เส้นทางลัด ลดความอ้วน ลดหุ่น ลดไขมันส่วนเกิน
“ส้มแขก” สมุนไพรช่วยระบายไขมัน ขับความอ้วนออกไป ทุเลาอาการท้องผูก สลายเซลลูไลน์(Cellulite) เมื่อมีปัญหาเรื่องความอ้วน ไขมันส่วนเกินสูง ทดลองใช้

Tags : ไขมันส่วนเกิน

4
อื่น ๆ / รู้จัก พญายอ สมุนไพรฆ่าเชื้อไวรัส
« เมื่อ: สิงหาคม 22, 2018, 04:35:30 AM »

พญายอ
พญายอเป็นไม้พุ่งแกมเลื้อย เถาและใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้งามในดินที่สมบูรณ์ แสงแดดปานกลาง พบได้ทั่วไปตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาดีแล้วก็ย้ายไปปลูกในแปลง ดูแลรักษาเหมือน พืชไม้ทั่วไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกลางที่สมบูรณ์ ไม่แก่หรือไม่อ่อนจนเกินไป ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูได้ดี โดยเฉพาะส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” วงศ์สถิต ฉั่วกุล และคณะได้ศึกษาพบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโวนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต้านพิษงูยังไม่ชัดเจน แต่ปลอดภัยพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ไม่มีไข้) จากแมลงที่มีพิษกัดต่อย เช่น ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากน้อยตามบริเวณที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำให้ละเอียด เติมแอลกอฮอล์พอชุ่มยา ตั้งทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ หมั่นคนยาทุกวัน กรองน้ำยา ใช้น้ำ และกากทาบบริเวณที่เจ็บปวดบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
ข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่า สารสกัดจากใบพญายอ สามารถฆ่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใส งูสวัด (varicella zoster virus) ทั้งภายในและภายนอกเซลล์ คือ ยับยั้งไวรัสโดยตรง และยับยั้งการเพิ่มจำนสวนของไวรัส
ผู้ป่วยโรคเริมบริเวณอวัยยะสืบพันธุ์ที่ติดเชื้อครั้งแรกและติดเชื้อซ้ำ เมื่อรักษาโดยทาแผลของผู้ป่วยด้วยครีมพญายอ (5%) เปรียบเทียบกับยามาตรฐาน acyclovir พบว่า แผลของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอและ acyclovir จะตกสะเก็ดภายในวันที่ 3 และหายภายในวันที่ 7 แสดงว่าครีมพญายอและครีม acyclovir มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโรคเริมบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ให้หายได้เร็วพอกัน แต่ครีมพญายอ ไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง ในขณะที่ครีมทำให้แสบและราคาแพง
ผู้ป่วยโรคงูสวัด เมื่อรักษาโดยทาแผลด้วยครีมพญายอ (5%) วันละ 5 ครั้งทุกวัน ปรากฎว่าแผลจะตกสะเก็ดภายใน 1-3 วัน และหายภายใน 7-10 วัน พบว่าผู้ป่วยจะหายเร็วกว่าการใช้ยาชนิดอื่น และไม่พบอาการข้างเคียงใดๆ จากการใช้สารสกัดใบพญายอ
เห็นได้ชัดว่า สมุนไพรไทย พญายอ มีสรรพคุณมากมาย อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้สมุนไพร คุณผู้อื่นต้องศึกษาให้ละเอียด
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
รากของพญาปล้องทอง ประกอบด้วยสาร Lupeol, B-Sitosterol, Stigmasterol และมีการทดลองพบว่าสารสกัดด้วยสารละลายบิวทานอล (butanol) จากใบของพญาปล้องทอง มีสารประกอบฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) สามารถระงับอาการอักเสบได้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงได้มีการผลิต ครีมพญายอ ขึ้นเพื่อนำมารักษาผู้ป่วยโรคงูสวัดได้ ทำให้แผลตกสะเก็ดหายเร็ว ลดอาการปวดได้ดี และไม่พบผลข้างเคียงใดๆ จากการใช้ครีมพญายอ จึงไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง มีการนำมาออกจำหน่ายในระดับอุตสาหกรรม

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย สูง 1-3 เมตร มีลำต้นและกิ่งก้านสีเขียวเข้ม ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน รูปรีแคบขอบขนานกว้าง 1-3 ซม. ยาว 4-12 ซม. ดอกช่อ ออกเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีแดงส้ม มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียยาวโผล่พ้นหลอดออกมา ปลายแยกเป็น 2 ปาก ผลเป็นผลแห้ง ไม่ค่อยออกดอก ส่วนมากขึ้นตามป่า หรือปลูกกันตามบ้าน ดังนั้นการขยายพันธุ์จึงทำได้โดยการปักชำหรือ การแยกเหง้าแขนงไปปลูก
วิธีการปลูก
การปลูกพญายอ ส่วนใหญ่ใช้กิ่งปักชำโดยเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ปราศจากโรค ไม่แก่ หรือไม่อ่อนเกินไป ตัดกิ่งพันธุ์ให้มีความยาว 6-8 นิ้ว และมีตาบนกิ่งประมาณ 1-3 ตา ให้มีใบเหลืออยู่ที่ปลายยอด ประมาณ 1/3 ของกิ่ง ทาปูนแดงบริเวณรอยตัดของต้นตอ และกิ่งพันธุ์เพื่อป้องกันเชื้อรา ปักชำลงในถุงที่มีวัสดุปักชำเป็นดินร่วนปนทราย จะช่วยให้อัตราการออกรากของกิ่งชำสูง คุณภาพของรากดี และสะดวกในการขุดย้ายต้นไปปลูก โดยปักชำกิ่งลงในวัสดุปลูกลึกประมาณ 3 นิ้ว เอียง 45 องศา รดน้ำให้ชุ่มและรักษาความชื้นให้เพียงพอ โดยกิ่งชำไม่ควรถูกแสงแดดโดยตรง และควรดูแลความชื้นในอากาศ กิ่งปักชำจะออกรากภายใน 3-4 สัปดาห์ เมื่อกิ่งชำที่มีอายุ 3-4 สัปดาห์ ที่ชำไว้ในแปลงชำหรือในถุงชำ โดยใช้ช้อนขุดหรือเสียมแซะกิ่งชำลงปลูกในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ 1 ต้นต่อหลุม กลบดิน และกดดินที่โคนให้แน่น รดน้ำหลังจากปลูกทันที
การเก็บ เก็บใบขนาดกลาง ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป การเก็บเกี่ยวให้ใช้วิธีการตัดต้นเหนือระดับผิวดินประมาณ 10 ซม. หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ต้นตอเดิมยังงอกแตกแขนงเติบโตได้อีก และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อไปได้
การดูแลรักษา ควรให้น้ำในระยะ 1-2 เดือนแรก ควรรดน้ำทุกวัน ถ้าแดดจัดควรรดน้ำเช้า-เย็น เมื่ออายุ 2 เดือนขึ้นไปแล้วอาจให้น้ำวันเว้นวัน ในฤดูฝนถ้ามีฝนตกอาจจะไม่ต้องให้น้ำ สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินอุดมสมบูรณ์ ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี ไม่ชอบดินลูกรังหรือดินเหนียว ชอบอากาศร้อนชื้น ขึ้นได้ดีทั้งที่มีแดดและที่ร่ม
ลักษณะใบพญาปล้องทอง
ส่วนที่นำมาใช้ ใช้ได้ทั้งใบ และราก
ใบ

  • นำมารักษาอาการอักเสบ ถอนพิษ รักษาแผลร้อนในในปาก เริม งูสวัด ให้ใช้ใบสด 10-20 ใบ นำมาตำผสมกับเหล้าหรือ น้ำมะนาว คั้นเอาน้ำดื่มหรือเอาน้ำทาแผลและเอากากพอกแผล
  • นำมาทาบริเวณที่แมลงสัตว์กัดต่อยเป็นผื่นคัน ให้ใช้ใบสด 5-10 ใบ ตำขยี้ทาบริเวณที่เป็นแผลที่แพ้ จะยุบหายได้ผลดี
  • นำมาแก้แผลน้ำร้อนลวก ให้ใช้ใบตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกหรือไฟไหม้ แผลจะแห้ง หรือ นำใบมาตำให้ละเอียดผสมกับสุรา มีสรรพคุณดับพิษร้อนได้ดี


รากพญายอ
ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับระดู แก้ปวดเมื่อยบั้นเอว
http://www.disthai.com/

5

บัวบก
ใบบัวบกสมุนไพรจีนโบราณที่ได้ยินชื่อกันมานาน นี่คือ สรรพคุณของใบบัวบกที่ทราบดีแล้วต้องรักเจ้าสมุนไพรนี้ยิ่งกว่าเดิม
          เชื่อว่าคนไม่ใช่น้อยก็น่าจะเคยรับรู้กันมานักต่อนักว่าเวลาช้ำในให้ดื่มน้ำใบบัวบก เพราะว่าจะช่วยให้หายจากอาการบอบช้ำในเร็วขึ้น แต่ว่าหารู้ไม่ว่าอันที่จริงแล้วเจ้าสมุนไพรที่มีนามว่าใบบัวบก ซึ่งเป็นสมุนไพรจีนที่ประยุกต์ใช้กันตั้งแต่โบราณนั้นก็ยังมีคุณประโยชน์ฯลฯ ทั้งช่วยบำรุงสุขภาพ รักษาโรค หรือแม้แต่ช่วยบำรุงรักษาความสวยงาม ต้องการรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะว่าใบบัวบก สมุนไพรที่เชิญให้รู้สึกเหม็นเขียวจะมีคุณประโยชน์อะไรดีๆอีกบ้าง งั้นทดลองไปดูที่เราจับมานำเสนอในวันนี้กันเลยดีกว่า บอกได้คำเดียวเลยว่า เข้าใจดีแล้วต้องลืมกลิ่นเขียวๆเหล่านั้นไปเลยแน่ๆ

  • จัดการกับปัญหาเส้นโลหิตขอด


          เมื่อเส้นเลือดสูญเสียความยืดหยุ่นก็ทำให้เส้นเลือดดำมีการฉีกจนขาดและก็ทำให้เลือดไหลออกมาคั่งอยู่บริเวณขา เป็นต้นเหตุที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการบวมที่เรียกว่าอาการเส้นเลือดขอดนั่นเอง โดยมีการศึกษาเล่าเรียนพบว่าการกินใบบัวบก สามารถลดอาการบวมรวมทั้งกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ โดยในการศึกษาวิจัยนั้นได้กระทำการทดลองกับอาสาสมัครกว่า 90 คน ที่มีลักษณะของเส้นโลหิตขอด และก็เมื่อกินใบบัวบกเข้าไปแล้วก็พบว่าอาการเส้นโลหิตขอดนั้นดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับคนที่กินยาหลอก และเมื่อทำอัลตราซาวด์ก็พบว่าคนที่รับประทานใบบัวบกมีการรั่วไหลของหลอดเลือดดำน้อยลงจ้ะ

  • สมานแผลและรักษาโรคผิวหนังบางประเภท


          หนึ่งในสารสำคัญที่นำมาซึ่งการทำให้ใบบัวบกแปลงเป็นสมุนไพรที่มากคุณประโยชน์ก็คือสารไตรเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ที่มีการเรียนรู้กับสัตว์แล้วพบว่าสามารถช่วยสมานบาดแผลได้ โน่นก็เป็นเพราะสารดังที่ได้กล่าวมาแล้วจะปฏิบัติภารกิจในการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้กับรอยแผล และช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนไปยังบริเวณบาดแผลเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้รอยแผลค่อยๆหายในระยะเวลาที่น้อยลง อีกทั้งสารจากใบบัวบกก็ยังช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดรอยแผลได้อีกด้วย การใช้ก็ไม่จำเป็นต้องนำใบบัวบกมาตำแล้วพอกให้ยาก เพราะเหตุว่าในช่วงเวลานี้มีแบบที่เป็นครีมผสมสารสกัดไว้ทาโดยยิ่งไปกว่านั้น แค่เพียงเลือกให้เหมาะกับชนิดบาดแผลก็ช่วยได้มากเลยล่ะ

  • ระบายความร้อน


          ความร้อนในร่างกายแม้สูงมากจนเกินไปอาจจะก่อให้ร่างกายกำเนิดลักษณะของการมีไข้ ตัวร้อน อยากกินน้ำ ตลอดจนการอักเสบ ดังนั้นการรับประทานใบบัวบกที่มีฤทธิ์เย็น จึงสามารถช่วยลดความร้อนในร่างกายได้ อีกทั้งยังช่วยขับพิษร้อนออกจากร่างกายได้อีกด้วย

  • ขับพิษร้อน และความชื้น


          โรคต่างๆที่เกิดขึ้นจากความร้อนและความชื้น อาทิเช่น โรคตับเหลือง นิ่วในทางเดินเยี่ยว หรือโรคบิด สามารถบรรเทาได้ด้วยการรับประทานใบบัวบก เนื่องจากว่าใบบัวบกนั้นมีฤทธิ์ขมเย็น สามารถช่วยสลายความชื้นภายในร่างกายและก็ขับความร้อนออกมาได้ แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่สมควร เนื่องจากว่าแม้รับประทานมากๆอาจจะทำให้ร่างกายเย็นจนกระทั่งเกินไปรวมทั้งมีอันตรายได้
สรรพคุณใบบัวบก ผลดีเลอค่า

  • ลดความกระวนกระวายใจ ช่วยทำให้จิตใจสงบ


          สารตรีเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในใบบัวบกนั้น นอกเหนือจากที่จะช่วยสำหรับการรักษาแผลและก็รักษาโรคผิวหนังบางประเภทได้รวมทั้งยังมีฤทธิ์สำหรับในการลดความกระวนกระวายและช่วยกระตุ้นกลไกรูปแบบการทำงานของสมอง โดยมีการเรียนรู้หนึ่งพบว่าผู้ที่กินใบบัวบกมีลักษณะท่าทางที่จะสะดุ้งกับเสียงรบกวนน้อยกว่าคนที่กินยาหลอก แม้กระนั้นก็จำเป็นต้องใช้ในจำนวนที่สูงมากมาย จึงยังไม่มีการรับรองกระจ่างแจ้งว่าควรจะใช้จำนวนใดจึงจะได้ผลและไม่มีผลข้างๆต่อสุขภาพตามมาจ้ะ

  • รักษาโรคหนังแข็ง


          เพราะว่าใบบัวบก มีฤทธิ์สำหรับเพื่อการลดการอักเสบต่างๆในร่างกาย ก็เลยสามารถใช้ทุเลาลักษณะของผู้ป่วยโรคหนังแข็งได้ โดยมีการเล่าเรียนกับผู้หญิง 13 คนที่มีลักษณะอาการของโรคหนังแข็งพบว่า การใช้ใบบัวบกสามารถลดลักษณะของการปวดตามข้อ รวมทั้งลดการเกิดหนังแข็ง และทำให้การเคลื่อนไหวของนิ้วมือเป็นไปในทางที่ดียิ่งขึ้น แต่ว่าดังนี้ก็จำเป็นต้องอยู่ในปริมาณที่แพทย์ควบคุมเท่านั้น

  • ช่วยทุเลาอาการนอนไม่หลับ


          คนใดกันแน่ที่ชอบนอนไม่หลับเสมอๆทดลองหาใบบัวบกมารับประทานก็ดีเช่นกันนะ เนื่องจากว่าใบบัวบกไม่เฉพาะแต่ช่วยลดความกระวายกระวนเท่านั้น แต่ก็ยังช่วยให้จิตใจสงบแล้วก็ผ่อนคลายลงได้ ทำให้สามารถนอนได้ง่ายขึ้น โดยแค่เพียงกินเป็นประจำก่อนนอน ก็จะสามารถช่วยทำให้การนอนดียิ่งขึ้นได้อย่างน่าประหลาดใจเลย
คุณประโยชน์ใบบัวบก ประโยชน์เลอค่า

  • ลดความดันเลือด


        กรมวิวัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์โอกาส ได้ออกมาแนะนำว่าใบบัวบกเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ช่วยลดระดับความดันเลือดได้ เพราะเหตุว่าเจ้าใบบัวบกนั้นจะไปทำให้หลอดเลือดดำและก็เส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ทั้งยังยังช่วยลดภาวการณ์ความเคร่งเครียดอันเป็นมูลเหตุที่ทำให้มีการเกิดความดันโลหิตสูง ดังนี้กรรมวิธีการกินก็ไม่ได้ยากอะไร เพียงนำใบบัวบกไปคั้นน้ำแล้วนำมาดื่ม จะนำไปผสมกับน้ำผึ้งสักเล็กน้อย หรือผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆเพื่อลดความเหม็นเขียวก็ทำเป็นจ้ะ

  • ลดอาการบวม


          อาการบวมช้ำมีสาเหตุมาจากการที่ระบบไหลเวียนเลือดรอบๆดังที่ได้กล่าวมาแล้วปฏิบัติงานแตกต่างจากปกตินำมาซึ่งอาการคั่งของเลือด การกินใบบัวบกไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำคั้นดื่ม หรือแบบที่เป็นสารสกัดแคปซูล สามารถช่วยลดอาการบวมช้ำบริเวณรอยแผลได้ รวมทั้งยังลดอาการอักเสบที่ก่อให้เกิดอาการบวมได้อีกด้วย

  • บำรุงสมอง


          ใบบัวบกเป็นพืชอีกประเภทที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ก็เลยช่วยปกป้องสารอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายเซลล์สมอง รวมถึงช่วยคลายความเมื่อยล้าของสมอง เพิ่มหลักการทำงานของสมองและก็ความจำ แถมยังสามารถลดสภาวะกลัดกลุ้ม แล้วก็สามารถช่วยยั้งลักษณะของโรคอัลไซเมอร์ที่เกิดขึ้นในสมองได้
สรรพคุณใบบัวบก ประโยชน์เลอค่า

  • รักษาอาการติดเชื้อโรค


          ใบบัวบกเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งจำพวกที่ช่วยรักษาโรคหวัดได้อย่างมีคุณภาพ แถมช่วยรักษาอาการติดเชื้อในทางเดินฉี่ รวมถึงอาการติดเชื้อโรคแบคทีเรียและก็เชื้อไวรัสต่างๆได้อีกเพียบเลย กล่าวได้ว่าไม่ว่าจะติดเชื้อโรคใดๆ ใบบัวบกสามารถช่วยรักษาได้หมด แต่ว่าดังนี้ก็ต้องใช้ในปริมาณที่สมควร และภายใต้การดูแลของผู้ชำนาญนะ

  • ทุเลาอาการเหน็ดเหนื่อย


          นอกเหนือจากรักษาลักษณะของการป่วยต่างๆแล้ว ใบบัวบกยังสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความอ่อนแรงได้ และก็ถ้ากินในช่วงอากาศร้อนๆด้วยละก็ น้ำใบบัวบกก็สามารถช่วยลดความร้อนในร่างกายและก็ดับกระหายได้เป็นอย่างดีเลยเชียวล่ะ

สรรพคุณใบบัวบก ผลดีเลอค่า

  • บำรุงผิวพรรณให้อ่อนเยาว์


          ใบบัวบก เป็นอีกหนึ่งในสมุนไพรเพื่อความงดงามที่อยู่ใกล้ตัวมากมายๆที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจากใบบัวบกมีสารที่ช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนแล้วก็อิลาสตินในร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื้น มองอ่อนวัย นอกนั้นสารต้านอนุมูลอิสระในใบบัวบกก็ยังช่วยยับยั้งการเกิดริ้วรอยที่วัย จึงไม่น่าแปลกเลยล่ะถ้าคุณจะได้มองเห็นชื่อของเจ้าใบบัวบกเป็นเยี่ยมในส่วนประกอบของเครื่องทำความสะอาดผิว ทั้งนี้ยังสามารถนำใบบัวบกใหม่ๆมาใช้พอกหน้าได้อีกด้วย โดยมีแนวทางดังนี้จ้ะ
           - ใบบัวพอกหน้า บำรุงผิวสวยใส ลบรอยตีนกา
วิธีการทำ

  • นำใบบัวบกสดมาล้างชำระล้าง แล้วก็ค่อยนำไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • เอามาปั่นหรือบดกับน้ำที่สะอาด 1 แก้ว
  • นำมาพอกหน้า หรือนำสำลีชุบน้ำใบบัวบกขึ้นมาทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ราวๆ 15 นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำบ่อยเป็นประจำทุกเมื่อเชื่อวันก่อนนอนจะช่วยทำให้บริเวณใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
  • กำจัดเซลลูไลท์


          ผู้หญิงที่กลุ้มใจกับเซลลูไลท์ที่เป็นศัตรูความสวยของคุณสาวๆอยู่ ขอบอกใบบัวบกช่วยคุณได้ค่ะ แค่เพียงรับประทานใบบัวบกเสมอๆก็สามารถที่จะช่วยให้เซลล์ไขมันเซลลูไลท์ถูกขับออกมาจากร่างกายได้ง่ายขึ้น รวมถึงช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดปฏิบัติงานเจริญขึ้น รวมทั้งลดการอักเสบอันมีต้นเหตุมาจากเซลลูไลท์ได้อีกด้วยล่ะ

  • บำรุงเส้นผมและก็หนังหัว


          คนไม่ใช่น้อยที่มีปัญหาเกี่ยวกับผมหล่นก็อาจค้นหาทุกแนวทางเพื่อบำรุงให้เส้นผมรวมทั้งหนังหัวแข็งแรงเพื่อได้มีผมดกดำ ใบบัวบกก็เป็นอีกสมุนไพรหนึ่งที่มีสรรพคุณเด่นในด้านนี้ โดยปัญหาผมร่วงจำนวนมากก็มีสาเหตุจากรากผมที่อ่อนแอและการไหลเวียนของโลหิตบนหนังหัวไม่ดี ซึ่งใบบัวบกนี้มีฤทธิ์ในการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะ และก็ยังช่วยทำนุบำรุงให้รากผมแข็งแรง คุ้มครองผมหล่นทำให้ผมที่ขึ้นใหม่มีความแข็งแรงแล้วก็ดกดำเงาสวยได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีแต่อย่างใด
          ได้มองเห็นประโยชน์ดีๆของใบบัวบกกันไปแล้วอย่างงี้ คนไหนกันแน่ที่ยังสั่นหน้าให้กับกลิ่นเขียวๆของใบบัวบก ก็น่าจะลองหันกลับมาดูเสียใหม่ แม้อาจจะมีกลิ่นฉุนไปเสียหน่อย แต่ผลดีที่ได้รับดีแล้วไม่น้อยเลย ถ้าไม่ทดลองเสียดายห่วยเลยนะ http://www.disthai.com/

6

บัวบก
บัวบก ชื่อสามัญ Gotu kola
บัวบก ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica (L.) Urb. จัดอยู่ในตระกูลผักชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE)
สมุนไพรบัวบก มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ผักหนอก (ภาคเหนือ), ผักแว่น (ภาคใต้), กะโต่ ฯลฯ จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดในแถบเอเชีย เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก มีกลิ่นแรง มีรสขมหวาน
เมื่อเอ๋ยถึงบัวบก สมุนไพรชนิดนี้ขึ้นมาทีไร คนจำนวนไม่น้อยคงนึกไปว่ามันเพียงแค่ช่วยแก้อาการบอบช้ำในเฉยๆ(ส่วนอาการอกหักนี้ไม่เกี่ยวกันนะ) แต่ว่าอันที่จริงแล้ว บัวบกหรือใบบัวบกนั้นมีคุณประโยชน์เยอะมาก เพราะเหตุว่าได้รับการเล่าขานเกี่ยวการดูแลและรักษาโรคได้หลายอย่าง อย่างโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเดิน ท้องขึ้น แผลในกระเพาะอาหาร มีฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยทำนุบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ช่วยลดความอ่อนเพลียของสมอง
ใบบัวบก มีสารประกอบสำคัญหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น บราโมซัยด์ บราไม่โนซัยด์ ไตรเตอพีนอยด์ มาดิแคสโซซัยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต้านทานการอักเสบ รวมทั้งยังมีกรดมาดิแคสสิค วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินเอ วิตามินเค ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม และกรดอะมิโน ดังเช่น แอสพาเรต กรดกลูตามิก เซรีน ทรีโอนีน อะลานีน ไลซีน ฮีสครั้งดิน เป็นต้น
ใบบัวบกเหมาะสำหรับคนที่ขี้ร้อน มีภาวะแข็ง หรือมีความร้อนเปียกชื้น เนื่องจากว่าเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น
บัวบกคุณประโยช์จากใบบัวบกประโยชน์ซึ่งมาจากใบบัวบก
ประโยชน์ซึ่งมาจากใบบัวบก
บัวบกเป็นพืชที่มีแคลเซียมในระดับปานกลางถึงสูง แม้กระนั้นหรูหราสารออกซาเลตที่เกิดอันตรายต่อสภาพร่างกายในจำนวนต่ำ
ใบบัวบกช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุรวมทั้งวัย
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยสร้างเสริมแล้วก็กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและก็อีลาสติน
มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านการเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากใบบัวบก ช่วยบำรุงและก็รักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา เพราะว่าบัวบกมีวิตามินเอสูง
ช่วยรักษาอาการตาอักเสบบวมแดง ด้วยการใช้ใบบัวบกล้างน้ำสะอาด คั้นมัวแต่น้ำเอามาหยดที่ตา 3-4 ครั้งต่อวัน
ช่วยบำรุงประสาทรวมทั้งสมองเสมือนใบแปะก๊วย
ช่วยให้ความจำแล้วก็ทำให้มีปฏิภาณไหวพริบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ช่วยเพิ่มความจำในคนวัยแก่
เชื่อว่าใบบัวบกมีส่วนช่วยเพิ่มไอคิว ความฉลาด และก็ความสามารถสำหรับเพื่อการศึกษา
ใบบัวบกมีสรรพคุณช่วยชะลออาการของโรคโรคสมองเสื่อมในคนวัยแก่ สตรีวัยทอง โรคอัลไซเมอร์หรืออาการลืมระยะสั้นได้
ช่วยเพิ่มสมาธิ แก้สมาธิสั้น
ช่วยเพิ่มความสามารถสำหรับการตกลงใจเฉพาะหน้า
ช่วยแก้ลักษณะของการปวดศีรษะ ปวดหัวด้านเดียว
ช่วยแก้อาการเวียนหัวศีรษะ
ช่วยเครียดน้อยลง
ช่วยเสริมรูปแบบการทำงานของกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ ก็เลยช่วยผ่อนคลายและทำให้หลับง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ดิบได้ดีเพิ่มขึ้น
ช่วยกระตุ้นการสร้างเยื่อใหม่
ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
ช่วยบำรุงรักษาโลหิตภายในร่างกาย
ช่วยทำนุบำรุงหัวใจ
ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ช่วยทำให้จิตใจสดชื่น อารมณ์แจ่มใส
ช่วยทำให้เค้าหน้าสดใสเหมือนเป็นวัยรุ่น
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยทำนุบำรุงเสียง
ช่วยรักษาลักษณะการเจ็บคอ ด้วยการใช้บัวบกสดราวๆ 1 กำมือ เอามาตำคั้นเอาน้ำแล้วเพิ่มน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อนแกง แล้วจิบกินเสมอๆ
ช่วยแก้หิวน้ำคุณประโยชน์ใบบัวบก
ใบบัวบกมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อาการร้อนใน ตัวร้อน
ใบบัวบกมีสารยับยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง
ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในคนไข้เบาหวานก้าวหน้า
ช่วยรักษาโรคโรคตับเหลืองจากสภาวะร้อนชื้น ด้วยการใช้บัวบก 30 กรัม น้ำตาลก้อนกรวด 30 กรัม ต้มน้ำกิน
ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยรักษาอาหารโรคหืด
ช่วยรักษาโรคความดันเลือดสูง ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำแล้วเอามาดื่ม หรือจะใช้บัวบกใหม่ๆอีกทั้งต้นโดยประมาณ 30 กรัมเอามาค้นเอาน้ำ เพิ่มน้ำตาลเล็กน้อยแล้วดื่มกินโดยประมาณ 5-7 วัน
ช่วยรักษาโรคลมชัก
ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
ช่วยรักษาอาการเต้านมอักเสบเป็นหนองในช่วงแรก ด้วยการใช้บัวบกแล้วก็เปลือกของลูกหมาก 1 ผล นำมาต้มกับสุราดื่ม
ช่วยแก้คนเป็นบ้า
ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือด
ช่วยลดระดับความดันเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้เส้นโลหิต และก็ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
ช่วยรักษาโรคที่มีสมุฏฐานจากเสลด
ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย อ่อนล้า
ช่วยแก้ไข้
ช่วยห้ามเลือดกำเดา เนื่องจากทำให้เลือดเดิน แต่ว่าเลือดจะไม่ออกมาจากเส้นโลหิตและยังมีผลให้ใจยักษ์อีกด้วย
ช่วยแก้อาการช้ำใน เจ็บจากการกระทบชน
เป็นพืชที่ย่อยได้ง่าย
ช่วยทำให้เจริญอาหาร กินอาหารได้มากขึ้น
ช่วยแก้อาการท้องร่วง
สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์คุ้มครองรวมทั้งยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้อาการเริ่มที่จะเป็นบิด
ช่วยรักษาโรคบิดหรือมีมูกเลือดคละเคล้าเมื่อถ่าย
ช่วยรักษากระเพาะเป็นแผล
ใช้เป็นยาระบาย ช่วยระบายท้อง แก้ลม
ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
แก้อาการฉี่ขัดข้อง ด้วยการใช้ใบบัวบกราว 50 กรัม นำมาตำแล้วพอกบริเวณสะดือ เมื่อปัสสาวะคล่องก็ดีค่อยคัดออก
ช่วยขับความร้อนชื้นทางเดินฉี่ คุ้มครองปกป้องการเกิดนิ่ว
ช่วยรักษาโรคนิ่วทางเท้าฉี่ด้วยการใช้บัวบก 50 กรัมต้มกับน้ำแช่ข้าวครั้งที่ 2 แล้วนำมาดื่ม
ช่วยรักษาอาการมีหนองออกจากปัสสาวะ
ช่วยแก้อาการน้ำดีในร่างกายมากจนเกินความจำเป็น
ช่วยรักษาโรคม้ามโต
ช่วยรักษาอาการติดเชื้อโรคของเชื้อไวรัสตับอักเสบ
แก้อาการปวดข้อรูมาตอยด์
ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 20 ใบนำมาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด
ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น ช่วยรีบการสร้างเยื่อ
ช่วยแก้อาการฟกช้ำดำเขียว ด้วยการใช้ใบบัวบกมาตีให้แหลกแล้วนำมาโปะรอบๆที่ฟกช้ำ หรือจะใช้ใบบัวบกโดยประมาณ 40 กรัม ต้มกับเหล้าแดงราว 250 cc. ราว 1 ชั่วโมงแล้วนำมาดื่ม
ใช้บัวบกตำนำมาพอกรักษาความร้อนบวมของโรคไฟลามทุ่ง หรือใช้รักษาอาการด้วยการใช้น้ำคั้นบัวบกนำมาผสมกับแป้งข้าวเหนียวทำเป็นแป้งเหลว พอกบริเวณที่เป็น
ช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆดังเช่น โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด ฝึกหัด ฯลฯ
ช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุนำมาซึ่งการก่อให้เกิดหนอง
ช่วยลดอาการอักเสบของแผลได้อย่างดีเยี่ยมรวมทั้งใช้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัดได้อีกด้วย
ช่วยรักษาผิวหนังเป็นด่างขาว
ใช้เป็นยาทำลายพิษ ช่วยลดลักษณะของการปวดแสบปวดร้อนจากแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ต้นสดของบัวบกโดยประมาณ 3 ต้นเอามาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลกแล้วนำมาพอกแผลไฟเผา
บัวบกมีการเอามาผลิตเป็นแคปซูลวางขาย มีสรรพคุณสำหรับเพื่อการช่วยบำรุงรักษาสมองเป็นหลัก (Brain tonic)
เดี๋ยวนี้มีการนำไปทำเป็นยาเป็นแผนปัจจุบันในแบบเป็นผงใช้โรยแผล แล้วก็ในรูปแบบเม็ดรับประทานเพื่อรักษาแผลผ่าตัด แผลสด ไฟเผา น้ำร้อนลวก หรือฝีหนองได้ และก็ยังช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดแผลอีกด้วย
ช่วยแก้อาการก้างติดคอ ด้วยการนำบัวบกไปต้มน้ำ แล้วค่อยๆกลืนน้ำลงคอ
ใบรวมทั้งเถาบัวบกใช้รับประทานเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุปหน่อไม้ เป็นต้น
น้ำคั้นจากใบบัวบกเอามาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ชโลมศีรษะ มีสรรพคุณช่วยบำรุงรักษาหนังหัวและเส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ จัดการกับปัญหาผมหล่น ผมหงอกก่อนวัย
น้ำใบบัวบกเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับหน้าร้อนเป็นอย่างมาก เพราะมีฤทธิ์เป็นยาเย็นดับร้อนในร่างกายได้สารพัน
สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณลักษณะช่วยลดการระคายเคืองผิวและก็ไม่เป็นอันตรายต่อสภาพร่างกาย
สารสกัดจากใบบัวบกมีการนำมาใช้เพื่อเป็นส่วนประกอบสำหรับในการผลิตเครื่องสำอาง
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาใช้ทำเป็นอุปกรณ์ปิดแผล
ลบรอยตีนกาตื้นๆด้วยน้ำใบบัวบก ด้วยการนำบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นกระทั่งละเอียด แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้สำลีชุบน้ำทาทั่วรอบๆหางตาหรือทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ราวๆ 15 นาทีแล้วล้างออก โดยควรจะทาทุกวี่วันก่อนนอน
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาผลิตเป็นสบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้ผลิตอ้างว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างขาวสวยใส ผิวหน้าเต่งตึงได้

วิธีการทำน้ำบัวบก
แนวทางการทำน้ำบัวบกขั้นตอนการทำน้ำบัวบก ควรเลือกใช้ใบบัวบกที่แก่กว่า รับประทานเป็นผักสด โดยใช้อีกทั้งรากเอามาล้างน้ำทำความสะอาด
ใบบัวบกจะเหนียวให้ตัดเป็น 2-3 ท่อน ก่อนนำมาบด
คั้นน้ำแรกโดยผสมน้ำกับใบบัวบกที่บด แล้วนำกากที่เหลือมาคั้นน้ำที่สองเพื่อได้ตัวยาสมุนไพรที่ยังเหลืออยู่ (ควรที่จะใช้น้ำที่สะอาด และห้ามใช้น้ำร้อนหรือนำน้ำที่คั้นได้ไปต้ม)
กรองน้ำบัวบกด้วยผ้าขาวบางห่างๆ(แบบผ้ามุ้ง ถี่มากจะกรองไม่ได้)
ข้างหลังกรองจะมีกากให้ทิ้งไป ให้รินเฉพาะน้ำส่วนใสๆมาดื่ม
น้ำบัวบกจำต้องคั้นใหม่ๆจากใบสดๆและไม่ควรจะเก็บน้ำที่คั้นได้ไว้นานหรือควรแช่เย็นเก็บไว้
น้ำเชื่อมถ้าทำจากน้ำสุกใบเตย จะทำให้น้ำบัวบกอร่อยมากขึ้น
คุณประโยชน์ของน้ำใบบัวบกช่วยแก้ร้อนใน บอบช้ำใน
ไข่เจียวบัวบก
ใบบัวบกวัตถุดิบที่ต้องจัดแจงดังเช่นว่า บัวบกสด 20 กรัม / ไข่ 2 ฟอง / น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำปลาน้อย / น้ำมันพืชสำหรับใช้ในการทอด
นำบัวบกมาล้างจนถึงสะอาดแล้วหั่นซอกซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
นำไข่มาตอกแล้วตีไข่ เพิ่มเติมเครื่องปรุงต่างๆ
นำใบบัวบกที่ซอกซอยแล้วผสมลงไปในไข่ คนให้เข้ากัน
นำมาทอดในไฟอ่อนจนไข่สุก
คุณประโยชน์ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ แล้วก็หน้ามืดหัว
ข่างปองบัวบก (บัวบกชุบแป้งทอด)
เตรียมวัตถุดิบดังต่อไปนี้ บัวบกสด / ไข่ไก่ / แป้งทอดกรอบ / กระเทียมหั่นหยาบ / หอมแดงหั่นหยาบ / เกลือ / พริกไทยป่น
นำบัวบกสดที่ได้มาล้างทำความสะอาด แล้วหั่นหยาบๆให้พอดิบพอดีคำ
นำแป้งที่ใช้ในการทอดกรอบมาผสมกับไข่ไก่ กระเทียม หอมแดง พริกไทย แล้วก็เกลือ ผสมเข้าด้วยกัน
นำบัวบกที่หั่นจัดแจงไว้ เอามาชุบกับแป้งที่ผสมไว้
หลักแล้วต่อจากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน
แล้วจึงน้ำบัวบกที่ชุบแป้งแล้ว นำมาทอดให้พอเหลืองกรอบแล้วยกลงให้สะเด็ดน้ำมัน
เท่านี้ก็เรียบร้อย เอามาจิ้มรับประทานกับน้ำจิ้มไก่ตามใจชอบได้เลย
คุกกี้บัวบก
ให้จัดเตรียมวัตถุดิบดังต่อไปนี้ บัวบกหั่นละเอียด 2 ถ้วยตวง / ไข่ไก่ 1 ฟอง / แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง / เนยสดรสเค็ม 2 ถ้วยตวง / น้ำตาลทราย 1.1/2 ถ้วยตวง / ผงฟู 2 ช้อนชา / กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
นำใบบัวบกมาล้างทำความสะอาดแล้วหั่นอย่างถี่ถ้วน โดยตัดก้านและก็ใบออกจากกัน ก้านให้หั่นเป็นท่อนเล็กๆส่วนใบนำมาเรียงทับกันแล้วหั่นตามขวางและกลับมาหั่นอีกข้าง แล้วพักไว้
นำแป้งรวมทั้งผงฟูมาร่อนผ่านที่กรอง 2 รอบ แล้วพักไว้
นำเนยสดมาตีให้กับน้ำตาลด้วยความเร็วปานกลางจนกระทั่งขึ้นฟู ราวๆ 1 นาที
ใส่ไข่ไก่แล้วก็กลิ่นวานิลลาลงไป แล้วตีให้ถูกกัน
ค่อยๆใส่แป้งที่ร่อนไว้แล้วลงไปทีละเล็กละน้อย (ทีละ 1 ส่วน 3 ของแป้งทั้งหมดทั้งปวง) แล้วตีแป้งให้กับส่วนผสมทั้งสิ้น
นำบัวบกที่หั่นละเอียดแล้วใส่ลงไปในแป้ง แล้วผสมกันไปจนกว่าจะเข้ากันอีกรอบ
นำไปอบในตู้อบ โดยวางใส่ถาดที่ทาเนยหรือกระดาษทนไฟ ซึ่งจะต้องตักแป้งให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ
ใช้เวลาอบราวๆ 6-8 นาที ด้วยอุณหภูมิราว 250 องศา หรือดูว่าขอบเริ่มเหลืองก็เป็นอันใช้ได้แล้ว เสร็จแล้ว คุกกี้บัวบก
แนวทางการทำน้ำมันบัวบก
จัดเตรียมส่วนประกอบดังนี้ บัวบก 4 กก. / น้ำมันที่ทำจากมะพร้าว 1 ลิตร / น้ำที่สะอาด 1 ลิตร
นำบัวบกมาล้างน้ำทำความสะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
เพิ่มน้ำลงไปในบัวบก และจากนั้นจึงนำไปปั่นกระทั่งละเอียด
เสร็จแล้วให้กรองเอาแต่น้ำบัวบกที่ได้จากการปั่น
นำน้ำบัวบกที่กรองได้ไปต้มกับน้ำมันที่สกัดจากมะพร้าวโดยใช้ไฟอ่อนๆราว 80 องศาเซลเซียส
เคี่ยวไปเรื่อยกระทั่งเหลือแค่น้ำมันที่ทำจากมะพร้าว โดยให้ดูลักษณะกากของน้ำมัน จะมีลักษณะแห้งแบบทราย ถือได้ว่าอันใช้ได้ ชูลงจากเตาแล้วกรองเอาน้ำมัน เป็นอันเสร็จ
การใช้น้ำมันบัวบก
ใช้น้ำมันที่ได้นำมาชโลมเส้นผม แล้วนวดให้ทั่วหนังหัว
นวดเสร็จแล้วให้หมักทิ้งไว้โดยประมาณ 30 นาที
ครบเวลาแล้วให้สระผมด้วยน้ำอุ่นพร้อมแชมพูตามเดิม เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย
น้ำมันบัวบก สรรพคุณช่วยบำรุงรักษาหนังศีรษะและก็เส้นผม ช่วยให้เส้นผมดกดำ แก้ไขปัญหาผมหล่น ผมหงอกก่อนวัย
การตักเตือนรวมทั้งข้อเสนอแนะ
สรรพคุณของใบบัวบกการกินใบบัวบกคุณควรไตร่ตรองฐานรากของร่างกาย อย่าดูแม้กระนั้นสรรพคุณเพียงอย่างเดียว
บัวบกไม่เหมาะสมกับมีภาวะเย็นพร่อง หรือขี้หนาว อาการท้องอืดเป็นประจำ
การกินบัวบกในจำนวนที่มากเกินไป จะมีผลให้ธาตุในร่างกา
http://www.disthai.com/

Tags : ประโยชน์บัวบก

7

กระเทียม
กระเทียม ชื่อสามัญ Garlic
กระเทียม ชื่อวิทยาศาสตร์ เป็นคำว่า Allium sativum L. จัดอยู่ในตระกูลพลับพลึง (AMARYLLIDACEAE) รวมทั้งอยู่ในสกุลย่อย ALLIOIDEAE (ALLIACEAE)
สำหรับในประเทศไทยนิยมปลูกมากในทางภาคเหนือแล้วก็ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม้กระนั้นสำหรับกระเทียมที่ขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพดี กลิ่นแรงอาจหนีไม่พ้นจังหวัดศรีสะเกศ
สรรพคุณของกระเทียม
ช่วยบำรุงรักษาผิวหนังให้มีสุขภาพดีแล้วก็แข็งแรง
ช่วยเสริมสร้างการเติบโตของเยื่อภายในร่างกาย
ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและก็น้ำตาลในเลือด
ช่วยทำให้ปรับสมดุลภายในร่างกาย
ช่วยแก้อาการหน้ามืดหัว อาการงงงัน ปวดศีรษะ หูอื้อ
ช่วยในเรื่องระบบขยายพันธุ์และก็ระบบทางเท้าปัสสาวะ ด้วยเหตุว่ามีสารที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนทั้งหญิงและชาย ช่วยให้มดลูกบีบตัว เพิ่มกำลังให้มีเรี่ยวแรง
ช่วยรักษาโรคความดันเลือด
ช่วยปกป้องการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวฉับพลัน
ช่วยต้านเนื้องอก
ช่วยจัดการกับปัญหาศีรษะบาง ยาวช้า มีสีเทา
ช่วยปกป้องการเกิดแล้วก็รักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยสำหรับเพื่อการขับพิษและพิษอันตรายที่แปดเปื้อนในเม็ดเลือด
ช่วยคุ้มครองฝาผนังเส้นเลือดดกแล้วก็แข็งตัว
สารสกัดน้ำมันกระเทียมมีสารที่มีส่วนช่วยในการละลายลิ่มเลือด
ช่วยปกป้องการเกิดเส้นเลือดอุดตัน
มีสารต้านทานไม่ให้เม็ดเลือดแดงแตก
ช่วยบรรเทาอาการไอ น้ำมูกไหล คุ้มครองปกป้องหวัด
ช่วยรักษาโรคหวัดและก็ไข้หวัดใหญ่
ช่วยรักษาอาการเยื่อบุจมูกอักเสบรวมทั้งไซนัส
ช่วยรักษาโรคไอกรน
ช่วยแก้อาการหอบ โรคหืด
ช่วยรักษาโรคหลอดลม
ช่วยหยุดกลิ่นปากกระเทียม
ช่วยในการขับเหงื่อ
ช่วยในการขับเสลด
ช่วยควบคุมโรคกระเพาะ ด้วยสารที่ช่วยยั้งไม่ให้น้ำย่อยของกินมาย่อยแผลในกระเพาะ
ช่วยสำหรับในการขับลม
ช่วยรักษาอาการจุกเสียดแน่นท้อง อาการท้องอืด ท้องอืด
ช่วยคุ้มครองโรคท้องผูก
ช่วยรักษาโรคบิด
ช่วยสำหรับการขับฉี่
ช่วยสำหรับในการขับพยาธิได้หลายอย่าง เป็นต้นว่า พยาธิแส้ม้า พยาธิด้าย พยาธิเข็มหมุด พยาธิไส้เดือน เป็นต้น
ช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบจำพวกร้ายแรงได้
ช่วยป้องกันการเกิดโรคไต
ช่วยฆ่าเชื้อโรครา เชื้อแบคทีเรียต่างๆรวมทั้งเชื้อราตามหนังศีรษะแล้วก็รอบๆเล็บ
ช่วยยับยั้งเชื้อต่างๆตัวอย่างเช่น เชื้อที่ทำให้เกิดฝีหนอง คออักเสบ เชื้อปอดบวม เชื้อวัณโรค ฯลฯ
ช่วยกำจัดพิษจากสารตะกั่วกระเทียมสรรพคุณ
ช่วยรักษากลาก เกลื้อน
ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเยื่อ บำรุงข้อต่อและก็กระดูกภายในร่างกาย
ทุเลาลักษณะของการปวดข้อรวมทั้งปวดเมื่อยตามร่างกาย
ช่วยแก้อาการเคล็ดขัดยอกและก็เท้าพลิก เพราะว่ามีสารที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมายังบริเวณที่นวดยาเจริญเยอะขึ้นนั่นเอง
มีสารต่อต้านอาการไขข้ออักเสบ โรคข้อรูมาว่ากล่าวสซั่ม
กระเทียมมีกลิ่นฉุนจึงสามารถช่วยไล่ยุงได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย เพิ่มความยากของกิน
ประโยชน์ซึ่งมาจากกระเทียม
ผลดีสำคัญๆของกระเทียมอาจจะหนีไม่พ้นการนำมาใช้เพื่อช่วยแต่งรสชาติของอาหาร ไม่ว่าจะใช้ผัด แกง ทอด ยำ ต้มยำ หรือน้ำพริกต่างๆอีกสารพัน
กระเทียมเป็นเครื่องสมุนไพรที่อุดมไปด้วยวิตามินรวมทั้งแร่ธาตุหลายประเภท และก็ยังเป็นพืชที่ธาตุซีลีเนียมสูงยิ่งกว่าพืชชนิดอื่นๆอีกทั้งยังมีสารอะดีโนซีน (Adenosine) ซึ่งเป็นกรดนิวคลีอิกที่เป็นตัวสร้าง DNA และก็ RNA ของเซลล์ภายในร่างกาย
นอกจากนี้ยังมีการนำกระเทียมไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆอย่างมากมาย ดังเช่น กระเทียมเสริมของกิน กระเทียมสกัดผง สารสกัดน้ำมันกระเทียม กระเทียมดอง ฯลฯ

คุณประโยชน์ทางโภชนาการของกระเทียมดิบ ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 149 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 33.06 กรัม
น้ำตาล 1 กรัม
ใยอาหาร 2.1 กรัม
ไขมัน 0.5 กรัม
โปรตีน 6.36 กรัม
วิตามินบี 1 0.2 มก. 17%
วิตามินบี 2 0.11 มิลลิกรัม 9%
วิตามินบี 3 0.7 มิลลิกรัม 5%
วิตามินบี 5 0.596 มิลลิกรัม 12%
วิตามินบี 6 1.235 มก. 95%
วิตามินบี 9 3 ไมโครกรัม 1%
วิตามินซี 31.2 มก. 38%
ธาตุแคลเซียม 181 มิลลิกรัม 18%
ธาตุเหล็ก 1.7 มก. 13%
ธาตุแมกนีเซียม 25 มก. 7%
ธาตุแมงกานีส 1.672 มก. 80%
ธาตุฟอสฟอรัส 153 มก. 22%
ธาตุโพแทสเซียม 401 มิลลิกรัม 9%
ธาตุสังกะสี 1.16 มิลลิกรัม 12%
ธาตุซีลีเนียม 14.2 ไมโครกรัม
% ปริมาณร้อยละของปริมาณเสนอแนะที่ร่างกายอยากได้ในแต่ละวันสำหรับคนแก่ (ที่มา : USDA Nutrient database)
คำแนะนำแล้วก็ข้อควรพิจารณาสำหรับการใช้กระเทียม
กระเทียมยิ่งสดเท่าใดก็ยิ่งมีสรรพคุณที่ดีเยี่ยมขึ้นแค่นั้น แต่สำหรับกระเทียมที่ผ่านความร้อนด้วยวิธีการต่างๆหรือผ่านการหมักดอง จะทำให้วิตามินรวมทั้งสารอัลลิซินที่มีอยู่ในกระเทียมนั้นย่อยสลายไป
วิตามินแล้วก็แร่ธาตุที่อยู่ในกระเทียมนั้น จะมีมากหรือน้อยก็ขึ้นกับดินและก็ลักษณะอากาศที่ใช้สำหรับในการเพาะปลูกอีกด้วย
สำหรับหญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมลูก ผู้ที่หรูหราน้ำตาลในเลือดเป็นปกติ มีระดับความดันโลหิตเป็นปกติ คนที่มีลักษณะของเลือดหยุดไหลช้า รวมไปถึงผู้ที่ใช้ยาอื่นๆเป็นประจำ ดังเช่นว่า ยาปฏิชีวนะ ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบ ยาต้านเชื้อไวรัส คุณไม่สมควรรับประทานกระเทียมหรือสินค้ากระเทียมเสริมในจำนวนที่มากจนถึงเกินไป เนื่องจากว่าอาจจะส่งผลให้เป็นอันตรายต่อสภาพทางด้านร่างกายได้
สำหรับคนที่ได้รับกลิ่นของกระเทียมเป็นประจำ อาจจะทำให้กำเนิดอาการแพ้กระเทียมเมื่อรับประทานได้ โดยอาจจะมีอาการอ้วก รวมทั้งมีอาหารหัวใจที่เต้นแรงไม่ดีเหมือนปกติ แต่ว่าอาการดังที่กล่าวมาข้างต้นจะค่อยๆหายไปเองภายในช่วงระยะเวลา 3-4 ชั่วโมง ซึ่งกระเทียมที่ประยุกต์ใช้สำหรับเพื่อการปรุงอาหารมักจะก่อเกิดอาการแพ้ได้น้อยกว่ากระเทียมแบบสดๆ
สำหรับผู้ที่อยู่ในห้องครัวหรือผู้จำเป็นต้องใช้มือสัมผัสกับกระเทียมบ่อยๆและเป็นเวลานาน อาจจะทำให้ผิวหนังมีการอักเสบ มีตุ่มน้ำได้ ด้วยเหตุนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกระเทียมโดยตรงบ่อยๆด้วยการใส่ถึงมือทุกหนในขณะจะใช้กระเทียม
แม้ว่ากระเทียมจะเป็นพืชที่มีสรรพคุณอยู่จำนวนมาก แม้กระนั้นคุณก็ไม่สมควรที่จะเลือกใช้กระเทียมเพื่อหวังผลสำหรับการรักษาอาการหรือโรคใดโรคหนึ่ง ทั้งยังผลที่ได้ในแต่ละบุคคลก็อาจจะแตกต่างกันออกไป ด้วยเหตุดังกล่าวคุณควรที่จะเลือกรับประทานให้นานัปการและครบ 5 กลุ่ม จะเป็นโอกาสที่เยี่ยมที่สุด เนื่องจากว่าผักสมุนไพรปกติ ถ้าหากศึกษาเล่าเรียนกันที่จริงแล้ว มันก็มีคุณประโยชน์มากพอๆกับกันเลย
ปัจจุบันในบ้านพวกเรายังไม่มีการยืนยันว่ากระเทียมนั้นจะสามารถรักษาโรคได้จริง คงเป็นได้เพียงแต่สมุนไพรช่องทางสำหรับการรักษาและก็สมุนไพรเสริมสุขภาพเท่านั้นhttp://www.disthai.com/

8

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ รักษาโรคมะเร็ง
อีกหนึ่งงานค้นคว้าที่ศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิผลของสารโพลีแซ็คคาไรค์ในเห็ดหลินจือของผู้ในผู้เจ็บป่วยมะเร็งปอด จากการวิเคาะห์พบว่า สารดังที่กล่าวมาแล้วมีส่วนสำหรับในการยัยยั้งลักษณะการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว
จากการศึกษาเรียนรู้วิจัยล้นหลามถึงประสิทธิผลทางการรักษาโรคมะเร็งของเห็ดหลินจืออาจส่งผลต่อการต้านการอักเสบในคนไข้โรคมะเร็งปอดบางราย แต่ยังคงไม่มีหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์หรือการทดสอบทางการแพทย์ที่ให้ข้อมูลเพียงพอที่เกื้อหนุนให้ใช้เห็ดหลินจือสำหรับการรักษาโรคมะเร็งอย่างเป็นทางการ
เมื่อพินิจพิจารณาเปรียบจากการรวบงานศึกษาเรียนรู้วิจัยที่ศึกษาประสิทธิผลของเห็ดหลินจือเพื่อรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ 373 คน แม้ว่าจะพบว่าผู้เจ็บป่วยสนองตอบต่อการดูแลรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีบรรเทาได้ดิบได้ดีขึ้นเมื่อรักษาร่วมกับการใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือ แม้กระนั้นเมื่อทดสอบการใช้เห็ดหลินจือเพียงอย่างเดียวกลับไม่มีประสิทธิผลในสำหรับเพื่อการทำให้โรคมะเร็งลดขนาดลงอย่างใด
ยิ่งกว่านั้น จาการทบทวนงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยพบว่ามีงานค้นคว้าวิจัย 4 ชิ้นที่มีผลลัพธ์สนับสนุนว่าเห็ดหลินจืออาจชมรมต่อการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนป่วยให้ดีขึ้น และก็ในขณะเดียวกัน ก็ส่งผลลัพธ์จากงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยหนึ่งที่แสดงถึงผลข้างคียงของเห็ดหลินจือ เป็นอาการคลื่นใส้แล้วก็นอนไม่หลับด้วย
ดังนั้น ก็เลยอาจกล่าวได้ว่า ข้อพิสูจน์ทางคุณสมบัติรวมทั้งคุณประโยช์จากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง งานศึกษาค้นคว้าวิจัยเป็นการทดลองขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือเป็นเพียงการทดลองในผู้ป่วยบางกรุ๊ปแค่นั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง จึงยังคงเป็นหัวข้อการค้นคว้าที่ควรจัดการทดลองถัดไปเพื่อได้สำเร็จลัพ์ที่ชัดเจนแล้วก็เป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อการรักษาคนป่วยโรคมะเร็งได้ในอนาคต
สภาวะต่อมลูกหมากโต แล้วก็การเจ็บป่วยในระบบทางเท้าฉี่
มีแนวทางการทดลองหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดสอบในผู้เจ็บป่วยเพศ 88 รายซึ่งมีอายุเกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีลักษณะฉี่ขัดข้อง หลังการทดลองกว่า 12 สัปดาห์ คำตอบที่ได้คือ ผู้เจ็บป่วยต่างมีระดับคะแนน IPSS ที่ ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับการวัดปัญหาในระบบฟุตบาทปัสวะของคนป่วยจากการตอบคำถาม แต่ไม่ปรากฏผลในเชิงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากแต่อย่างใด
ดังนั้น การทดลองดังที่กล่าวถึงแล้วก็เลยยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่กระจ่างเพียงพอ ควรต้องมีการค้นคว้าทดลองในด้านนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อค้นหาหลังฐานที่ชัดแจ้งสำหรับเพื่อการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการรักษาภาวะต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาด้านสุขภาพอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยว
ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลการทดลองทางด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีผู้เจ็บป่วยเบาหวานชนิด 2 เข้าร่วมทดสอบกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่มีผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพพอเพียงจะเกื้อหนุนผลทางการรักษาพวกนั้น และไม่มีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับเพื่อการรับรองด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือเช่นกัน โดยหนึ่งในงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยพวกนั้น ได้แสดงถึงผลกระทบจากการบริโภคเห็ดหลินจือในคนป่วยบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเสีย หรือท้องผูก
ดังนั้นจำเป็นต้องมีการค้นคว้าทดสอบถึงสมรรถนะของเห็ดหลินจือในการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆเหล่านี้เพื่อคุ้มครองปกป้องรวมทั้งการรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจต่อไป และให้ได้การแจ่มแจ้งชัดดเจนในด้านดังที่กล่าวถึงมาแล้วเยอะขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นประโยชน์ต่อกรรมวิธีรักษาคุ้มครองโรคเส้นเลือดหัวใจรวมทั้งอาการต่างๆที่เกี่ยวข้องถัดไปในอนาคต
ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับเพื่อการบริโรคเห็ดหลินจืออย่างแจ่มแจ้ง เนื่องประสิทธิผลแล้วก็ผลข้างคียงจากการบริโภค โดยเหตุนั้น ผู้บริโภค ควรทำการศึกษาเรียนรู้และทำการค้นคว้าเนื้อหาสาระเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และก็ขอคำแนะนำหมอหรือเภสัชกรก่อนการบริโรค เนื่องจากว่าถึงแม้เห็ดหลินจือในแต่ละรูปแบบจะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แม้กระนั้นสารเคมีแล้วก็ส่วนประต่างอาจส่งผลใกล้กันที่เป็นอันตรายต่อสภาพทางด้านร่างกายได้เหมือนกัน

โดยทั่วไป จำนวนการบริโภคเห็ดหลินจือ/วันเป็นต้นว่า
-เห็ดหลินจืออบแห้ง ไม่ควรบริโภคเกิน 1.5-9 กรัม/วัน
-ผงสารสกัดเห็ดหลินจือ ไม่ควรบริโภคเกิน 1-1.5 กรัม
-สารละลายเห็ดหลินจือ ไม่สมควรบริโภคเกิน 1 มล./วัน
ความปลอดภัยสำหรับในการบริโภคเห็ดหลินจือ
แม้จะมีการพิสูจน์ถึงคุณค่าในบางด้านที่อาจเกิดขึ้นได้จากการบริโภคเห็ดหลินจือ แม้กระนั้นผู้ซื้อก็ควรศึกษาเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ รวมทั้งขอความเห็นหมอหรือเภสัชกรก่อนจะมีการบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรรอบคอบในด้านปริมาณและแบบอย่างเห็ดหลินจือที่บริโภค เนื่องจากว่าบางทีอาจเป็นผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้ในตอนหลัง
โดยข้อควรคำนึงในการบริโภคเห็ดหลินจือได้แก่
ลูกค้าทั่วๆไป.......
-ควรบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนที่พอดิบพอดี
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 1 ปี อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 1 ปี อาจจะส่งผลให้ทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
-การบริโภคสารสกัดเห็ดหลินจืออาจทำให้เกิดผลกระทบได้ อย่างเช่น ปากแห้ง คอแห้ง คันจมูก เลือดกำเดาไหล ท้องไส้ปั่นป่วน ถ่ายเป็นเลือด
-การดื่มไวน์เห็ดหลินจืออาจส่งผลให้เกิดผลกระทบเป็นอาการผื่นคัน
-การสูดหายใจเอาเซลล์สืบพันธุ์ หรือ สปอร์ (Spores) ของเห็ดหลินจือเข้าไปอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้
ผู้ที่ควรจะระวังสำหรับการบริโภคเป็นพิษ
ผู้ที่ท้อง หรือกำลังให้นมลูก แม้ยังไม่มีการยืนยันผลข้างเคียงที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้ในกรุ๊ปผู้บริโภคนี้แต่ว่าคนที่ท้องรวมทั้งคนที่กำลังให้นมบุตรควรจะเลี่ยงการบริโภคเห็ดหลินจือ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อร่างกายของตนเองรวมทั้งลูกน้อย
คนที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด การบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนมาก บางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนป่วยบางรายที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ด้วยเหตุนี้ เพื่อลดความเสี่ยง คนเจ็บควรจะหยุดบริโภคเห็ดหลินจือ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ
ความดันเลือดต่ำ เห็ดหลินจืออาจทำให้ความดันโลหิตต่ำลง ด้วยเหตุนี้ คนป่วยภาวการณ์ความดันโลหิตต่ำควรต้องเลี่ยงการบริโภคเห็ดหลินจือ
ภาวการณ์เกล็ดเลือดต่ำ การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมากบางทีอาจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนที่มีเกล็ดเลือดต่ำ เพราะฉะนั้นผู้เจ็บป่วยสภาวะเกล็ดเลือดต่ำก็เลยไม่สมควรบริโภคเห็ดหลินจือ
สภาวะมีเลือดออกไม่ดีเหมือนปกติ การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมาก บางทีอาจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับในการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนไข้บางราย โดยเฉพาะในคนที่มีภาวะเลือกออกไม่ปกติอยู่แล้ว http://www.disthai.com/

9

น้ำมันเหลือง
ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรน้ำมันเหลืองประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ทำมาจากพืชสมุนไพรประเภทต่างๆกัน สรรพคุณที่ใช้ดม ทา นวด เพื่อทุเลาอาการต่างๆสรรพคุณนี้ไม่เป็นรองยาแผนปัจจุบันอย่างยิ่งจริงๆ

  • ใช้ได้กับอาการอย่างยังไงบ้าง ?


▪ทุเลาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นหวัด แก้วิงเวียนหัว หน้ามืดเหมือนจะเป็นลม
▪แก้เคล็ดขัดยอก บวมช้ำ ทาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดบวม
▪ทาท้องเพื่อขับลมด้านในท้อง
▪ทาแก้ผื่นผื่น ตุ่มคัน
▪ทาก่อนนอนทำให้หลับง่ายขึ้น จิตใจสงบ ผ่อนคลาย ทาเช็ดนวดอุ้งเท้า ไล่เลือดลม
▪ใช้ทาแก้ เหน็บชา ตะคิว ปวดสันหลังปวดบั้นเอว ปวดเข่า ฟกช้ำดำเขียว ปวดกล้ามเนื้อ ดมกลิ่นแก้อาเจียน วิงเวียน อาการหอบหืด แล้วก็ไซนัส

  • มีสเตอรอยด์ไหม ?


ไม่มีสเตอรอยด์ ไม่มีสารเคมี ทำจากสมุนไพรไทย 100% ก็เลยสามารถใช้ทาได้ทุกเพศทุกวัย ทาบีบนวดเบาๆได้ตลอดเมื่อมีลักษณะ ใช้แล้วไม่มีการสะสม ลูกค้าจึงชื่นชอบมาก
ลักษณะของน้ำมันเหลืองสมุนไพร
น้ำมันเหลืองสมุนไพร ตกทอด คุณประโยชน์ตำรับไทย ไม่มีส่่วนผสมสารเคมี น้ำหอม เป็นน้ำมันซึ่งสกัดจาก สมุนไพรแล้วก็ว่านต่างๆหลายประเภท ใช้สูดดมอาการหวัดคัดจมูก ตาลายหัว หน้ามืด เหมือนจะเป็นลมเป็นแล้ง ทาเช็ดนวด ปวด บวมช้ำ เหน็บชา ปวดตามเส้นตามข้อ เส้นเอ็น เอ็น มือเท้าตาย กลยุทธ์ปวดเมื่อย ปวดเมื่อยกล้ามเหน็ดเสียว ตามร่างกาย โรคผิวหนัง ผดผื่นคัน แมลงสัตว์กัดต่อย อื่นๆอีกมากมาย น้ำมันเหลืองสมุนไพร จังหวัดตราดอกบัวสี : ทาแล้วแห้งเร็ว มีกลิ่นหอมหวนของ สมุนไพร ข้อควรพิจารณา : ควรที่จะทำการเก็บรักษาเอาไว้ข้างในที่ร่มไม่ควรถูกแดด ใช้ทาเช็ดนวดแล้วก็ดมกลิ่น
ใช้งานได้ดิบได้ดีทั้งทางผิวหนังรวมทั้งทางกล้าม เป็นน้ำมันเหลืองสมุนไพรสำหรับอาการหน้ามืดหัวเป็นลมแล้วก็อาการคัดจมูกทาเพื่อทุเลาความอ่อนเพลีย คลายเคียด กลยุทธ์ปวดเมื่อยอักเสบบวมแมลงกัดผื่นคัน และ เมารถเมาเรือ สามารถทำให้ร่างกายปรับสมดุลได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนประกอบของน้ำมันเหลืองสมุนไพร

  • เมนทอล 1000 กรัม 2. พิมเสน 400 กรัม 3. การบูร 300 กรัม 4. น้ำมันเข้มข้นสกัดจากสมุนไพร 200 กรัม 5. เอสเซ็นเชียล ออยล์ 50 กรัม 6. กลิ่นที่ต้องการ
ลักษณะของน้ำมันเหลืองสมุนไพร
ใช้น้ำมันหลืองสมุนไพร 3 หยดแล้วก็ถูบริเวณรอบๆท้องรวมทั้งรอบสะดือ เพื่อทุเลาลักษณะของการปวดท้องหรือท้องอืด ใช้น้ำมันเหลืองสำหรับอาการคัดจมูกโดยการทาที่รอบๆทรวงอกและข้างหลัง2-3หยด ทาบริเวณที่ถูกแมลสัตว์กัดต่อย เบาๆหรืออาการปวดปวดเมื่อยและก็อาการอักเสบก ของกล้ามเนื้อ แล้วนวดเบาๆเพื่อให้น้ำมันเหลืองสมุนไพรซึมไปสู่ผิวได้ง่าย 2-3 ครั้งก็จะกระปรี้กระเปร่าขึ้น เก็บน้ำมันในอุณหภูมิปกติและก็คุ้มครองป้องกันมันจากความร้อน.
น้ำมันเหลืองสมุนไพรผลิตจากสูตรดั้งเดิมจากรุ่นสู่รุ่น โดยมีส่วนผสมของน้ำมันที่สกัดจากสมุนไพรเข้มข้นจากประเทศไทยหลายอย่างอาทิเช่น ไพลเหลือง, ขมิ้นอ้อย,ขมิ้นชัน,ดีปลี,ว่านน้ำ,และก็สมุนไพรฯลฯ ที่มีคุณสมบัติในการทุเลาลักษณะของการปวดกล้ามรวมทั้งร่างกายได้ ที่ใช้มาตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงเดี๋ยวนี้
การใช้นำมันนวดตามจุดต่างๆ
การนวดน้ำมันเหลืองเป็นวิธีสำหรับในการดูแลภาวะผิวและสุขภาพที่ขอเสนอแนะเป็นการนวด ที่สกัดจากสมุนไพรแล้วก็พืชต่างๆที่อุดมไปด้วยผลดีที่ดีต่อสุขภาพ โดนการนำสารสกัดกลิ่นและก็เนื้อน้ำมันเหล่านั้นมานวดตามจุดต่างๆของร่างกายด้วยกลิ่นหอมสดชื่น และสัมผัสของของน้ำมันที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะเข้าไปช่วยกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกาย ลดความตึงเครียด ทำให้พวกเราบรรเทา รวมถึงช่วยในเรื่องของความชื้นแล้วก็ผิวพรรณให้ดูดีขึ้นด้วย วันนี้พวกเราจะพาไปดูประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากการนวดน้ำมันว่ามีคุณประโยชน์ในด้านใดบ้าง
ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยจากมหาวิทยาลัยบอสตันเผยว่า คนเจ็บโรคมะเร็งระยะแพร่ขยายที่ได้รับการนวดตัว จะสามารถนอนเจริญขึ้น ทุเลาลักษณะของการเจ็บปวด รวมถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นด้วย ซึ่งสอดคล้องกับผลงานวิจัยของ Memorial Sloan-Kettering Cancer Center in New York City ในปี 2004 ที่เผยว่า ผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งระยะแพร่ระบาด จะทรมาทรกรรมจากลักษณะของการเจ็บปวดลดลง คลื่นไส้น้อยครั้ง หรือเปล่าอาเจียนเลย รู้สึกชื่นบานขึ้น ความดันดีกว่าเดิม และเครียดจากลักษณะของการป่วยน้อยลง ภายหลังจากได้รับการบำบัดด้วยวิธีการนวด
หมอท้องถิ่นหรือการแพทย์แผนไทย สารภาพในคุณประโยชน์อันดีเลิศของยาแผนโบราณตามตำรายาสมุนไพร ตำรับดั้งเดิมวัดโพธิ์หรือวัดพระเชตุๆพนสะอาดมังคลาราม ซึ่งเป็นยาสมุนไพรแผนโบราณขนานเอกที่มีชื่อเลื่องลือรวมทั้งได้รับความไว้วางใจสำหรับการรักษาโรคมาเนิ่นนานแล้ว สมกับคำที่กล่าวไว้ว่า "นวดแผนโบราณ ยาแผนโบราณ แบบเรียนยาสมุนไพร จะต้องวัดโพธิ์ ภูมิปัญญาของคนประเทศไทยทั้งชาติของบรรพบุรุษไทย"
บริการนวดน้ำมันนวดและก็ส่วนมากสร้างความแข็งแรง ระบบภูมิคุ้มกันและช่วยย่อยของกินดียิ่งขึ้น.
ศิลปะที่สวยสดงดงามของการนวดได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นน้ำมันเหลืองมันบางมาก. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณลักษณะรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อบริการด้านต่างๆสำหรับการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันที่เยี่ยมที่สุดสำหรับสิ่งที่มีความต้องการส่วนบุคคลของคุณและบรรเทาร่างกายของคุณด้วยการนวดบรรเทาและฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อที่จะรักษาความสมดุลทางด้านจิตวิญญาณของคุณและก็สุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงที่สุดของร่างกายของคุณ.

Tags : น้ำมันเหลือง

10

[url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3http://www.chiangdaoherb.com/product/19/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันนวด
สมุนไพร[/url]
[/color][/size][/b]
ลักษณะของโรคปวดต่างๆ
ปวดหลังขวาที่อยู่ข้างล่าง
          หลังข้างล่างก็คือรอบๆข้างหลังตั้งแต่ใต้สะบักไปจนถึงก้นกบ ซึ่งเป็นส่วนที่มักพบอาการปวดได้บ่อยครั้งที่สุด แถมเมื่อมีลักษณะปวดแล้วก็ชอบทำให้ทำอะไรก็ทำเป็นตรากตรำ ทั้งนี้ปัจจัยที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการปวดข้างหลังด้านขวาส่วนล่าง นอกจากการใช้กล้ามมากจนเกินความจำเป็นรวมทั้งผิดลีลาแล้ว ยังมีต้นสายปลายเหตุอื่นๆอีกเช่น

  • มีครรภ์

              อาการปวดหลังเป็นเรื่องปกติของว่าที่แม่ที่กำลังมีท้อง เนื่องจากว่าบริเวณหลังส่วนล่าง เป็นรอบๆที่จะต้องรองรับเด็กทารกตัวน้อย ยิ่งหากว่าที่ม่าม้าจำต้องนั่ง ยืน หรือเดิน ติดต่อกันนานๆก็บางทีอาจจะยิ่งรู้สึกปวดหลังส่วนล่างทางด้านขวาได้ง่ายขึ้น ดังนี้อาการจะเป็นๆหายๆขึ้นอยู่กับอิริยาบถที่ทำอยู่ ถ้าหากได้เอนหลังพักสักครู่ก็จะดีขึ้น แต่ว่าหากเกิดอาการนี้เรื้อรัง แถมยิ่งทวีความร้ายแรงขึ้น ควรจะรีบไปพบหมอ เพราะโน่นอาจมิได้เป็นผลมาจากเพียงแค่ความเจ็บปวดเมื่อยล้า แม้กระนั้นอาจเป็นเพราะความแปลกของครรภ์ได้ค่ะ


    โรคติดเชื้อในกระดูก


              หนึ่งในอาการติดโรคที่คนทั่วๆไปสามารถเจอได้ โดยอาการมักจะเกิดขึ้นที่รอบๆกระดูกสันหลัง ทำให้รู้สึกเจ็บปวดที่กระดูกสันหลังและแพร่กระจายไปทั่วบริเวณข้างหลังส่วนล่างทางด้านขวา โดยส่วนใหญ่แล้วการต่อว่าดเชื้อในกระดูกชอบเกิดกับคนแก่ ผู้ที่มีปัญหาภูมิต้านทานผิดพลาด แล้วก็จะมีแนวโน้มเกิดการติดเชื้อมากเพิ่มขึ้นถ้ามีปัญหาสุขภาพอื่นๆอยู่ก่อนแล้วจ้ะ


    กระดูกสันหลังหักจากแรงกดดัน


              แค่เพียงไอ หรือจาม ก็สามารถทำให้กระดูกสันหลังหักได้ โดยยิ่งไปกว่านั้นคนที่มีลักษณะโรคกระดูกพรุน หรือคนแก่ที่มีภาวะกระดูกเปราะกว่าปกติ โดยถ้าหากกำเนิดอาการกระดูกสันหลังหักเนื่องด้วยแรงกดดัน จะทำให้กำเนิดลักษณะของการปวดที่หลังด้านขวาที่อยู่ข้างล่าง ในลักษณะปวดถ่วงๆบางเวลาอาจะมีอาการปวดรุนแรง ด้วยเหตุดังกล่าวถ้าคุณจาม หรือไอแล้วมีลักษณะอาการปวดที่ข้างหลังด้านขวาที่อยู่ข้างล่าง อย่าชะล่าใจและก็ปล่อยทิ้งเอาไว้ ควรจะรีบไปหาหมออย่างด่วนเลยจ้ะ


    หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท


              น้ำมันนวดสามารถ อาการปวดที่เกิดขึ้นจากมูลเหตุนี้สามารถมักพบมากที่สุด โดยมูลเหตุที่ทำให้หมอนรองกระดูกเขยื้อนทับเส้นประสาทนั้นอาจะกำเนิดได้จากอาการบาดเจ็บ หรือมีเหตุที่เกิดจากปัญหาหมอนรองกระดูกเสื่อม โดยอาการนี้นอกเหนือจากการที่จะทำให้ปวดหลังส่วนล่างทางขวาแล้ว ก็จะมีลักษณะชาบริเวณขาร่วมด้วย ยิ่งถ้าเกิดด้วยเหตุว่าหมอนรองกระดูกไปทับเส้นประสาท ทำให้การทำงานของระบบประสาทที่สั่งงานไปยังขาเกิดความผิดปกติ ยิ่งถ้าเกิดเส้นประสาทที่ถูกกดทับนั้นเป็นเส้นประสาทไซอาว่ากล่าวก (Sciatic) ซึ่งเป็นประสาทขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณใฝ่ถึงหลังส่วนเอวด้วย จะมีผลให้เกิดลักษณะของการปวดร้าวลงขา บางครั้งอาจจะทำให้ถึงกับขนาดไม่สามารถเดินได้ เพราะฉะนั้นหากกำเนิดลักษณะของการปวดหลังร่วมกับอาการชา หรือเจ็บปวดรวดร้าวลงขาอย่างเรื้อรังละก็ ควรรีบไปทำตรวจโดยด่วน เพื่อที่จะได้วางวิธีการรักษาได้อย่างถูกต้องค่ะ


    โรคไต


    ไม่ว่าจะเป็นอาการไตอักเสบ หรือนิ่วในไต ก็นำมาซึ่งการทำให้รู้สึกเจ็บปวดหลังส่วนล่างได้ เพราะว่าไตเป็นอวัยวะที่อยู่ใกล้ข้างหลังมากที่สุด โดยถ้าเกิดอาการไตอักเสบ หรือนิ่วในไตที่ไตข้างขวาก็จะมีผลให้รู้สึกเจ็บปวดหลังขวาล่างมากเป็นพิเศษ รวมทั้งอาการนี้ไม่สามารถหายสนิทได้ ถ้าหากไม่ได้กระทำการรักษาอย่างแม่นยำค่ะ


    การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection)


              การตำหนิดเชื้อในทางเดินฉี่ไม่เฉพาะแต่ทำให้เจ็บท้องข้างล่าง แต่ยังเป็นเหตุให้ปวดหลังข้างล่างทางขวาได้อีก ยิ่งถ้าหากว่าการต่อว่าดเชื้อแพร่ขยายไปที่ไต ทำให้กรวยไต หรือไตอักเสบ ก็จะยิ่งทำให้อาการปวดข้างหลังรุนแรงเยอะขึ้นเรื่อยๆ และมีลักษณะไข้ต่ำๆเกิดขึ้นร่วมด้วย โดยเหตุนั้นถ้าหากมีลักษณะอาการปวดหลังขวาที่อยู่ข้างล่าง พึงสังเกตว่ามีอาการปัสสาวะเป็นเลือด หรือมีกลิ่นเหม็น แล้วก็มีลักษณะอาการเจ็บเวลาปัสสาวะไหม ถ้าเกิดมีละก็ ควรไปพบแพทย์เลยค่ะ


    โรคอ้วน


              ความอ้วนเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังข้างล่างได้ โดยเฉพาะอ้วนมากๆเพราะน้ำหนักส่วนเกินจะไปกดนอนทับที่บริเวณกระดูกสันหลัง และกล้ามเนื้อบริเวณข้างหลังจนถึงทำให้ปวดหลัง ซึ่งถ้าหากเรื้อรังเป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆก็จะก่อให้กระดูกสันหลังผิดรูปผิดรอยได้จ้ะ


    ไม่ออกกำลังกายกล้ามหลัง


              เหมือนกับกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆกล้ามข้างหลังก็อยากบริหารร่างกายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของกล้ามเหมือนกัน ซึ่งหากว่าเราไม่ยอมบริหารร่างกายกล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อก็จะอ่อนแอลง และไม่สามารถรองรับน้ำหนักตัวที่กดทับลงมาได้ จนเป็นต้นเหตุทำให้ปวดหลังขวาที่อยู่ข้างล่าง ทราบแบบนี้และอย่าลืมหมั่นออกกำลังกายกล้ามเนื้อข้างหลังบ่อยๆนะคะ เพียงแค่บริหารร่างกายด้วยท่ายืดกล้าม หรือฝึกหัดโยคะก็จะช่วยกล้ามเนื้อหลังแข็งแรงมากยิ่งขึ้นแล้วล่ะค่ะ
              ที่มาของอาการปวดหลังข้างขวากลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่เป็นต้นเหตุที่พบบ่อย แต่ว่าดังนี้เองก็ยังมีโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการปวดข้างหลังทางด้านขวาได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งหากปวดแบบเรื้อรังไม่หายสักที แทนที่จะพึ่งยาพาราหรือนวดทุเลาอาการก็ควรจะไปพบแพทย์เพื่อรับการวิเคราะห์อย่างแม่นยำจ้ะ
              น้ำมันนวด แต่สำหรับคนใดกันที่มีลักษณะอาการปวดหลังเนื่องจากมีอิริยาบถที่ผิดท่า ชี้แนะให้ออกกำลังกาย หรือยืดเหยียดร่างกายตามนี้เลย
              - 6 ท่าโยคะแก้ปวดหลังสุดเบสิก หยุดทุกลักษณะของการปวดก่อนหรือหลังพัง
              - 10 ท่าโยคะแก้ปวดหลัง ยืดดูหมิ่นเหยียดหยามวันแล้ววันเล่า อาการปวดหายไว !
              และก็ทดลองปรับท่านอนมานอน 4 ท่านอนแก้ปวดหลัง ไม่ได้อยากต้องการหลังพังรีบเปลี่ยนท่านอนด่วน ! บางทีก็อาจจะช่วยทำให้หายปวดหลังได้ค่ะ

11

ย่านาง
ชื่อสมุนไพร ย่านาง
ชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน จอยนาง , จ้อยนาง (ภาคเหนือ) , เถาย่านาง , เถาวัลย์เขียว , หญ้าน้องสาว (ภาคกลาง) , บริเวณนาง , นางวันยอ , ขันยอยาด (ภาคใต้)
ชื่อวิทยาศาสตร์   Tiliacora triandra (Colebr.) Diels,
สกุล  Menispermaceae
บ้านเกิด ย่านางมีถิ่นกำเนิดในตรงกลางของเอเซียอาคเนย์ เป็นต้นว่า ในประเทศ เมียนมาร์ , ไทย , ลาว , เขมร  ข้อเท็จจริงแล้วพืชตระกูลย่านางนี้มีราว 70  เครือญาติ แม้กระนั้นส่วนใหญ่เป็นไม้เลื้อยในป่าเขตร้อนแล้วก็ในป่าไม้ผลัดใบในทวีปเอเชียและอเมริกาเหนือ ส่วนย่านางของพวกเรานั้นเจอขึ้นตามป่าผลัดใบ ป่าดงดิบ แล้วก็ป่าโปร่ง ในทุกภาคของประเทศไทย แต่ในขณะนี้ได้มีการเอามาปลูกใบรอบๆบ้าน เพื่อใช้บริโภคแล้วก็ใช้เป็นยาสมุนไพรกันอย่างล้นหลาม
ลักษณะทั่วไป
       ย่านางเป็นไม้เถาเลื้อย เถากลมขนาดเล็ก มีเนื้อไม้ เลื้อยพันเนตรมต้นไม้ หรือก้านไม้ เถามีสีเขียว ยาว 10-15 เมตร เถาอ่อนสีเขียว เมื่อเถาแก่จะมีสีคล้ำ แตกเป็นแนวถี่ เถาอ่อนมีขนนุ่มสีเทา มีเหง้าใต้ดิน กิ่งมีรอยแผลเป็นรูปจานที่ก้านใบหลุดไป มีขนเล็กน้อย หรือหมดจด ใบลำพัง หนา สีเขียวเข้มเป็นเงา เรียงแบบสลับ รูปไข่ ยาวประมาณ 6-12 ซม. กว้างราวๆ 4-6 ซม. ขอบของใบเรียบ ปลายใบแหลม ฐานใบมน ผิวใบเป็นคลื่นนิดหน่อย ก้านใบยาวราว 1.5 ซม. ผิวใบเรียบมัน ไม่มีหูใบ เนื้อใบเหมือนกระดาษ แต่แข็ง เหนียว มีเส้นใบกึ่งออกมาจากโคนใบรูปฝ่ามือ 3-5 เส้น รวมทั้งมีเส้นแขนงใบ 2-6 คู่ เส้นพวกนี้จะไปเชื่อมกันที่ขอบใบ เส้นกึ่งกลางใบด้านล่างจะร่นละเอียดใกล้ๆโคน ขนหมดจด ก้านใบผิวย่นละเอียด ดอกออกเป็นช่อเล็กๆแบบแยกกิ้งก้านตามข้อแล้วก็ซอกใบ มีดอก 1-3 ดอก สีเหลือง ก้านช่อดอกยาวประมาณ 0.5 ซม. แยกเป็นช่อดอกเพศผู้แล้วก็ช่อดอกเพศภรรยา ดอกเพศผู้สีเหลือง กลีบเลี้ยงมี 6-12 กลีบ กลีบวงนอกสุดมีขนาดเล็กที่สุด กลีบวงในมีขนาดใหญ่กว่าและก็เรียงซ้อนกัน รูปรีกว้าง ยาว 2 มิลลิเมตร ค่อนข้างจะหมดจด กลีบมี 3 หรือ 6 กลีบ สอบแคบ ปลายเว้าตื้น ยาว 1 มม. หมดจด เกสรเพศผู้มี 3 อัน เป็นรูปตะบอง ยาว 1.5-2 มม. ดอกเพศเมีย กลีบเลี้ยงวงในรูปกลม ยาว 2 มิลลิเมตร ข้างนอกมีขนประปราย กลีบมี 6 กลีบ รูปรีแกมขอบขนาน ยาว 1 มม. เกสรเพศเมียมี 8-9 อัน แต่ละอันยาวไม่ถึง 1 มิลลิเมตร ติดอยู่บนก้านยกสั้นๆยอดเกสรเพศเมียไม่มีก้าน ผลได้ผลกลุ่ม ผลกลมรูปไข่กลับ กว้าง 6-7 มิลลิเมตร ยาว 7-10 มม. ผิวเกลี้ยง มีเมล็ดแข็ง ผลสีเขียว ฉ่ำน้ำ ออกเป็นพวง ตามข้อและซอกใบ ติดบนก้านยาว 3-4 มิลลิเมตร เมื่อสุกจะกลายเป็นสีส้มแล้วก็สีแดงสด เม็ดรูปเกือกม้า ฝาผนังผลชั้นในมีสันไม่มีระเบียบ มีดอกช่วงมี.ค.ถึงเมษายน
การขยายพันธุ์
       ย่านางเป็นพืชที่รุ่งเรืองได้ ในดินเกือบทุกประเภท ถูกใจดินร่วนคละเคล้าทรายจะเจริญได้ดิบได้ดี การปลูกเอาไว้ภายในหน้าฝน จะเจริญเติบโตได้ดีมากว่า จะเจริญงอกงามเร็วกว่าปลูกในช่วงอื่น ย่านางที่ปลูกได้ไม่ยากขึ้นง่าย ดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องดูแลมากมาย ทนความแล้งก้าวหน้า
ส่วนการขยายพันธุ์สามารถเพาะพันธุ์ได้ด้วยการเพาะเม็ด หรือการแยกเหง้าปลูก แต่ว่าแนวทางที่ได้รับความนิยมในขณะนี้หมายถึงการเพาะเมล็ด เม็ดย่านางจะมีอัตราการงอกของเม็ดสูง แต่ว่าจำต้องใช้เม็ดที่แก่สุดกำลังที่มีลักษณะสีดำ ซึ่งควรที่จะนำมาตากแห้ง 5-7 วัน ก่อนปลูก การปลูกด้วยการหยอดเม็ดต้องระวังอย่าขุดหลุมลึก เนื่องจากจะก่อให้เมล็ดเน่าได้ง่าย
ส่วนการดูแลรักษาย่านางไม่มียุ่งยากมาก เพราะว่าย่านางจะเติบโตได้ดิบได้ดี ในดินมีความชุ่มชื้นพอเพียง และสามารถเติบโตได้แม้ว่าจะมีวัชพืชขึ้นหนา เพราะต้นย่านางจะสร้างเถาเลื้อยอยู่ข้างบนพืชจำพวกอื่น
สำหรับประเด็นการใส่ปุ๋ยย่านางนั้นไม่สำคัญ หากดินมีภาวะอินทรีย์วัตถุที่พอเพียง เราสามารถใช้เพียงแต่ปุ๋ยธรรมชาติจากมูลสัตว์ 1 ถัง/ต้น ก็เพียงพอ แม้กระนั้นหากต้องการจะให้ใบเขียวเข้มมากขึ้น อาจจำต้องใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 16-8-8 หรือปุ๋ยยูเรียเพิ่มในอัตรา 50-100 กรัม/ต้น หรือราวๆ 1 กำมือ สำหรับต้นที่แตกเถายาว ส่วนต้นขนาดเล็กจะต้องปรับปริมาณต่ำลง แล้วนำต้นกล้าที่ได้มาปลูกลงในแปลงดิน ให้มีระยะห่างระหว่างต้นราว 1×1 เมตร และเมื่อต้นเริ่มเลื้อยทอดยอด ให้ทำหลักปักไว้ ทำค้างให้เถาเลื้อยขึ้น
การเก็บผลผลิตย่านาง  จะเริ่มเก็บผลผลิตใบย่านาง ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ข้างหลังปลูกภายในแปลง ใบมีขนาดโตเต็มที่มีสีเขียว จะสามารถเก็บเกี่ยวใบย่านางได้ แล้วก็จะเก็บได้ตลอดกาลเรื่อย
ส่วนประกอบทางเคมี
                สาระสำคัญที่เจอในใบย่านางส่วนมากจะเป็นสารกรุ๊ปฟินอลิก (phenolic compound) ยกตัวอย่างเช่น มิเนวัวไซด์ (Minecoside), กรดพาราไฮดรอกซีเบนโซอิก (p-hydroxy benzoic acid) แล้วก็สารในกลุ่มฟลาโวนไกลโคไซด์ อาทิเช่น สารโมโนอีพอกซีเบตาแคโรทีน (moonoepoxy-betacarotene) และก็อนุพันธ์ของกรดซินนามิก (flavones glycosidf cinnamic acid derivative) ส่วนสารอัลาลอยด์ (alkaloid) อาทิเช่น ทิเรียวัวรีน
(tiliacorine) , ทิเรียวัวลินิน (Tiliacorinine) , นอร์ทิเรียโครินิน (nor-tiliacorinine) , tiliacorinin 2,-N-oxide Tiliandrine , Tetraandrine และ D-isochondendrine พบได้อีกทั้งในราก และก็ใบย่านาง  รวมทั้งการศึกษาเล่าเรียนส่วนประกอบหลักที่มีฤทธิ์ต่อต้านไข้จับสั่นจากรากย่านาง โดยสกัดรากด้วยตัวทำละลาย  chloroform:methanol:ammonium hydroxide ในอัตราส่วน (50:50:1) ใช้วิธีแยกสารด้วย column chromatography  และการตกผลึก พบว่าได้สารประกอบ alkaloid  2 ประเภท คือ tiliacorinine (I) รวมทั้ง tiliacorine (II) จำนวน  0.0082% แล้วก็ 0.0029% ตามลำดับ  ส่วนค่าทางโภชนาการของย่านางนั้นมีดังนี้
-               พลังงาน 95 กิโลแคลอรี
-               เส้นใย 7.9 กรัม
-               แคลเซียม 155.0 กรัม
-               ธาตุฟอสฟอรัส 11.0 มก.
-               เหล็ก 7.0 มก.
-               วิตามินเอ 30625 (IU)
-               วิตามินบีหนึ่ง 0.03 มิลลิกรัม                              Minecoside
-               วิตามินบีสอง 0.36 มิลลิกรัม
-               ไนอาซิน 1.4 มิลลิกรัม
-               วิตามินซี 141.0 มก.
-               ขี้เถ้า 8.46%
-               ไขมัน 1.26%
-               โปรตีน 15%                                          Tiliacorine
-               น้ำตาลทั้งปวง 59.47%
-               แคลเซียม 1.42%
-               ธาตุฟอสฟอรัส 0.24%
-               โพแทสเซียม 1.29%
-               กรดยูเรนิค 10.12%
-               โมโนแซคติดอยู่ไรด์
-               แรมโนส 0.50%
-               อะราบิโนส 7.70% หน่วยเปอร์เซ็นต์ (ใบย่านาง 100 กรัม/น้ำหนักแห้ง)       tiliacorinine
-               กาแลคโตส 8.36%
-               เดกซ์โทรส 11.04%
-               ไซโลส 72.90%
ผลดี/คุณประโยชน์ ใบย่านางเป็นสมุนไพรเย็น มีคลอโรฟิลล์สดจากธรรมชาติ แล้วก็ยังมีวิตามินที่ต้องต่อร่างกายอีกเพียบเลย ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เบต้าแคโรทีนในจำนวนค่อนข้างสูง โดยเป็นสมุนไพรที่คนอีกหลายคนต่างก็คุ้นเคยกันดี ด้วยเหตุว่านิยมนำมาเป็นเครื่องปรุงรสช่วยเพิ่มความกลมกล่อมของอาหาร อย่างเช่น แกงหน่อไม้ ซุปหน่อไม้ แกงเลียง แกงหวาน
คุณประโยชน์ย่านางที่ใช้เป็นอาหารมีดังนี้
ใบย่านาง เก็บบริโภคได้ทั้งปี ยอดอ่อนแตกใบมากมายในฤดูฝน ยอดอ่อนของเถาย่านางใช้กินแกล้มแนมกับของกินเผ็ด คนประเทศไทยอีสานและก็ชาวลาวใช้ใบย่านางคั้นเอาน้ำปรุงอาหารต่างๆทำให้น้ำซุปข้นขึ้น เช่น แกงหน่อไม้ ซุปหน่อไม้ ย่านางสามารถลดฤทธิ์กรดยูริกในหน่อไม้ได้ ลดความขมของหน่อไม้ และเพิ่มคลอโรฟิลล์รวมทั้งบีตาแคโรทีนให้กับอาหารดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
ยิ่งกว่านั้นยังใส่น้ำคั้นใบย่านางในแกงเห็ด ต้มเปรอะ แกงขี้เหล็ก แกงขนุน แกงผักอีลอก แกงยอดหวาย แกงอีลอก นำไปอ่อมรวมทั้งหมก
ชาวใต้ใช้ยอด ใบเพสลาด (เป็นใบที่ไม่อ่อน ไม่แก่เหลือเกิน) นำไปแกงเลียง แกงหวาน แกงขี้เหล็ก น้ำคั้นจากใบช่วยลดความขมของใบขี้เหล็กได้ นอกจากนั้นยังนำไปผัด แกงกะทิ รวมทั้งหั่นซอยรับประทานกับข้าวยำได้อีก ผลสุกใช้รับประทานเล่น ส่วนคนเหนือใช้ยอดย่านางอ่อนเอามาลวกเป็นผักจิ้มน้ำพริก ใบแก่คั้นน้ำเอามาใส่แกงพื้นเมือง ยกตัวอย่างเช่น แกงหน่อไม้ แกงแค
ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของย่านางหมายถึง ตำรายาไทย  ใช้ ราก รสจืด รสจืดขม ใช้ในตำรับยาแก้ไข้เบญจโลกวิเชียร (มีรากย่านาง รวมกับรากเท้าคุณยายม่อม รากมะเดื่อชุมพร รากคนทา รากต้นกระโรกใหญ่ อย่างละเท่าๆกัน) แก้ไข้ (ใช้รากแห้งทีละ 1 กำมือ หรือโดยประมาณ 15 กรัม ต้มกับน้ำดื่มก่อนรับประทานอาหารเช้า ช่วงกลางวัน เย็น) แก้พิษเมาเบื่อ กระทุ้งพิษไข้ แก้เมาสุรา ถอนพิษผิดสำแดง นำมาต้มรับประทานเป็นยาแก้อีสุกอีใส ตุ่มผื่น แก้ไข้ ขับพิษต่างๆแก้ท้องผูก ปรุงยาแก้ไข้รากสาด ไข้กลับ ไข้หัว ไข้พิษ ไข้สันนิบาต มาลาเรียเรื้องรัง ไข้ทับระดู บำรุงหัวใจ บำรุงธาตุ แก้พิษด้านในให้ตกสิ้น แก้โรคหัวใจบวม แก้กำเดา แก้ลม แก้ไข้จับสั่น แก้เมาสุรา รากผสมกับรากสุนัขน้อย ต้มรับประทานแก้ไข้ไข้มาลาเรีย ลำต้น รสจืดขม ทำลายพิษผิดสำแดง รักษาพิษไข้ แก้ไข้ตัวร้อน แก้ไข้พิษ แก้ไข้รากสาด ไข้ดำแดง ไข้โรคฝีดาษ ไข้เซื่องซึม ไข้กลับไข้ซ้ำ แก้ลิ้นเป็นฝ้าขาว แก้ลิ้นแข็งกระด้าง รักษาโรคปวดข้อ ก้านที่มีใบผสมกับพืชอื่นใช้เป็นยาแก้ท้องเดิน ใบ รสจืดขม กินทำลายพิษ แก้ไข้ แก้ไข้รากสาด ไข้พิษ ไข้เซื่องซึม ไข้หัว ไข้พิษ ปวดศรีษะตัวร้อน อีสุกอีใส ฝึกหัด ลิ้นแข็งกระด้างคางแข็ง เป็นยากวาดคอ แก้ไข้โรคฝีดาษ ไข้ดำแดง
ส่วนอีกตำราหนึ่งกล่าวว่า ราก นำรากมาต้มดื่มแก้ร้อนใน แก้ดับกระหาย ทุเลาอาการไข้ ไข้รากสาด อีสุกอีใส ฝีดาษ ถอนพิษแฮงค์ เมาสุรา บรรเทาท้องผูก ท้องเสีย บำรุงหัวใจ ทำลายพิษ แล้วก็ลดพิษจากพืช สัตว์ แล้วก็สารเคมีในร่างกาย  ลำต้น ลำต้นนำมาต้มหรือบดคั้นน้ำ บรรเทาลักษณะของการมีไข้ประเภทต่างๆลดพิษร้อน พิษจากพืช เห็ด และลดพิษยากำจัดศัตรูพืชภายในร่างกาย  ใบ  นำใบมาบดคั้นน้ำสด หรือนำมาต้มน้ำดื่ม รวมถึงใบตากแห้งอัดใส่แคปซูลรับประทาน มีฤทธิ์ในทางยาหลายด้าน อย่างเช่น ทุเลาอาการร้อนใน ทุเลาอาการเจ็บป่วย ตัวร้อน บรรเทาไข้รากสาด ไข้ไข้ทรพิษลดพิษสารกำจัดแมลงภายในร่างกาย และก็ทำลายพิษอื่นๆ
ภาคอีสานใช้รากต้มเป็นยาแก้อีสุกอีใส ตุ่มผื่น และใช้รากยานางผสมรากหมาน้อย ต้มแก้ไข้ไข้จับสั่น บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เริ่มแรก ตามประกาศคณะกรรมการปรับปรุงระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ กำหนดการใช้ย่านางในตำรับ “ยาห้าราก” มีส่วนประกอบของรากย่านางร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์บรรเทาลักษณะของการมีไข้ ส่วนทางการแพทย์แผนปัจจุบันกล่าวว่า ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของย่านาง โดยพบว่าย่านางมีฤทธิ์ลดไข้ ยับยั้งการเติบโตของเชื้อมาลาเรีย Plasmodium falciparum แก้ปวด ลดความดันโลหิต ต้านเชื้อจุลินทรีย์ ต่อต้านการแพ้ ลดการหดเกร็งของไส้ ต่อต้านการเจริญก้าวหน้าของเซลล์ของโรคมะเร็ง ยั้งเอนไซม์ acetylcholinesterase รวมทั้งมีฤทธิ์อย่างอ่อนๆในการต่อต้านอนุมูลอิสระ  แล้วก็ยังมีคุณลักษณะกระตุ้นการเพิ่มปริมาณของเซลล์เม็ดเลือดขาวหน-ลิมโฟซัยท์ (T-lymphocyte) ต้านทานจุลชีวัน Staphylococcus aureus, Bacillus cereus, Escherichia coli แล้วก็ Salmonellaspp. และก็ยังมีคุณลักษณะกระตุ้นการเพิ่มจำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาวครั้ง-ลิมโฟซัยท์ (T-lymphocyte)  ต้านจุลชีพ Staphylococcus  aureus,  Bacillus  cereus,  Escherichia  coli และ Salmonella spp. ต่อต้านไข้ รวมทั้งต้านทานอนุมูลอิสระ ใบย่านางปราศจากอันตรกิริยา (interaction) กับยารักษาโรคเรื้อรังเช่น โรคหัวใจและเส้นโลหิต โรคกระดูกรวมทั้งข้อโรคเบาหวาน โรคระบบทางเท้าหายใจ
แบบอย่าง/ขนาดวิธีใช้ แก้ไข้ ใช้รากย่านางแห้ง 1 กำมือ ราวๆ 15 กรัม ต้มกับน้ำ 2 แก้วครึ่ง เคี่ยวให้เหลือ 2 แก้ว ให้ดื่มครั้ง1-2 แก้ว ก่อนที่จะกินอาหาร 3 เวลา   แก้ป่วง (ปวดท้องเพราะเหตุว่ากินอาหารผิดสำแดง)ใช้รากย่านางแดงแล้วก็รากมะปรางหวาน ฝนกับน้ำอุ่น แม้กระนั้นไม่ถึงกับข้น ดื่มทีละ 1-2  แก้วต่อครั้ง วันละ 3-4 ครั้ง หรือทุกๆ2 ชั่วโมง ถ้าไม่มีรากมะปรางหวาน ก็ใช้รากย่านางแดงอย่างเดียวก็ได้ หรือหากให้ดีขึ้น ใช้รากมะขามฝนรวมด้วย   ทำลายพิษเบื่อเมาในอาหาร ดังเช่นว่า เห็ด กลอย ใช้รากย่านางต้นแล้วก็ใบ 1 กำมือ  ตำผสมอาหารสารเจ้า 1 จับมือ เพิ่มเติมน้ำคั้นให้ได้ 1 แก้ว กรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่เกลือรวมทั้งน้ำตาลเล็กน้อยเพียงพอดื่มง่ายให้หมดทั้งแก้ว ทำให้คลื่นไส้ออกมา จะช่วยทำให้ดียิ่งขึ้น   ดับพิษร้อน ทำลายพิษไข้ ใช้หัวย่านางต้มกับน้ำ 3 ส่วน ให้เหลือ 1 ส่วนดื่มทีละ 1-2 แก้ว  การใช้เป็นยาประจำถิ่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   ใช้ราก ต้มเป็นยาแก้อีสุกอีใส ตุ่มผื่น   ใช้รากย่านางผสมรากหมาน้อย ต้มแก้ไข้ไข้จับสั่น   ใช้ราก ต้มขับพิษต่างๆ น้ำย่านางเมื่อเอามาผสมกับดินสอพองหรือปูนบดหมากผสมจนกระทั่งเหลว สามารถเอามาทา สิว ฝ้า ตุ่มคัน ตุ่มใส ผื่นคัน พอกฝีหนองได้อีกด้วย

การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อมาลาเรีย        เรียนฤทธิ์ต่อต้านเชื้อมาลาเรีย Plasmodium falciparum ของสารสกัดรากย่านางด้วยเมทานอล ซึ่งสารสกัดมีสาร alkaloid เป็นองค์ประกอบ 2 ส่วนสกัด เป็นส่วนที่ละลายน้ำ และก็ส่วนที่ไม่ละลายน้ำ พบว่าเฉพาะสาร alkaloid ที่ไม่ละลายน้ำ (water-insoluble alkaloid) มีฤทธิ์เพิ่มการขัดขวางเชื้อมาลาเรีย จากองค์ประกอบทางเคมีที่แยกได้ พบสาร alkaloid ที่แตกต่างกัน 5 ประเภท ในกลุ่ม bisbenzyl isoquinoline ตัวอย่างเช่น tiliacorine, tiliacorinine, nor-tiliacorinine A, รวมทั้งสาร alkaloid ที่ไม่อาจจะกำหนดโครงสร้างได้ คือ G แล้วก็ H ซึ่งพบว่าสาร alkaloid G มีฤทธิ์สูงสุดสำหรับการกำจัดเชื้อไข้จับสั่นระยะ schizont (เป็นระยะที่เชื้อไข้จับสั่นไปสู่เซลล์ตับ แล้วเปลี่ยนรูปร่างเป็นกลมรี รวมทั้งมีขนาดใหญ่ขึ้น มีการแบ่งนิวเคลียสเป็นหลายๆก้อน) โดยมีค่า ID50 พอๆกับ 344 ng/mL ตามด้วย nor-tiliacorinine A และก็ tiliacorine ตามลำดับ (ID50s พอๆกับ 558 และก็ 675 mg/mL เป็นลำดับ)
ฤทธิ์ยั้งเชื้อวัณโรค   สาร bisbenzylisoquinoline alkaloids 3 ประเภท ดังเช่นว่า tiliacorinine, 20-nortiliacorinine และก็ tiliacorine ที่แยกได้จากรากย่านาง รวมทั้งอนุพันธ์สังเคราะห์ 1 ชนิดเป็น13҆-bromo-tiliacorinine   สารทั้ง 4 จำพวกนี้ ได้เอามาทดลองฤทธิ์ต่อต้านเชื้อวัณโรคสายพันธุ์ดื้อยา multidrug-resistant Mycobacterium tuberculosis (MDR-MTB)  ผลการทดลองพบว่า สารทั้ง 4 ชนิด มีค่า MIC อยุ่ระหว่าง 0.7 - 6.2 μg/ml แม้กระนั้นที่ค่า MIC เท่ากับ 3.1 μg/ml เป็นค่าซึ่งสามารถยับยั้ง  MDR-MTB ได้เยอะมากที่สุด
ฤทธิ์ต้านมะเร็ง     การศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ยับยั้งเซลล์ของมะเร็งท่อน้ำดี ในหลอดทดลอง แล้วก็ในสัตว์ทดสอบ โดยเรียนผลของสาร tiliacorinine ซึ่งเป็นสาร กรุ๊ป alkaloid ที่เจอในย่านาง  สำหรับในการทดลอง in vivo ทำในหนูถีบจักร เพื่อมองผลลดการเจริญของก้อน   เนื้องอกในหนูที่ได้รับเซลล์ของมะเร็งท่อน้ำดี รวมทั้งสาร tiliacorinine  ผลการทดสอบพบว่า  tiliacorinine  มีความนัยสำคัญสำหรับการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็งท่อน้ำดีในหลอดทดลอง โดยมีค่า IC50 พอๆกับ 4.5-7 µM โดยกลไกการกระตุ้นวิธีการ apoptosis ซึ่งเป็นขั้นตอนสำหรับเพื่อการกำจัดเซลล์เปลี่ยนไปจากปกติ รวมทั้งเซลล์มะเร็งในร่างกาย รวมทั้งการทดสอบในหนูพบว่าสามารถลดการก้าวหน้าของก้อนเนื้องอกในหนูได้
การทดลองฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระของผักพื้นบ้านไทย จำนวน 6 ประเภท อย่างเช่น ผักกูด ผักติ้ว ผักปลังขาว ย่านาง ผักเหมียง และผักหวานบ้าน โดยการสกัดสารสำคัญด้วยแอลกอฮอล์จากผักแต่ละประเภท ทดสอบฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระของสารสกัดจากผักทั้งยัง 6 ประเภทเปรียบเทียบกับตัวควบคุม วิตามินซี รวมทั้งวิตามินอี สารสกัดจากย่านางส่วนที่ละลายน้ำและส่วนที่ไม่ละลายน้ำให้ค่า IC50 499.24 รวมทั้ง 772.63 ไมโครกรัม/มล. เป็นลำดับ เมื่อเทียบกับค่าที่ได้จากวิตามินซี แล้วก็วิตามินอีที่ IC50 9.34 รวมทั้ง 15.91 ไมโครกรัม/มล. เป็นลำดับ
งานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยอีกชิ้นหนึ่งในประเทศไทยตรวจดูฤทธิ์ระงับปวดและฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของพืชผักประจำถิ่นอีสาน 10 จำพวก การตรวจหาฤทธิ์หยุดปวดโดยใช้ writhing test รวมทั้ง tail flick test สำหรับในการตรวจฤทธิ์ต้านทานอักเสบ ใช้ rat hind paw edema model
ผลการทดสอบใช้สารสกัดพืชผักพื้นเมืองด้วยน้ำ ขนาด 1 กรัมต่อน้ำหนักตัวของหนูเพศผู้ 1 โล พบว่าสารสกัดจาก ใบตำลึง ใบย่านาง ผักติ้วแดง ผักกาดฮีน มะระขี้นก ผักชะพลู และผักชีลาว มีผลลดการเกิด writhing ในหนูปริมาณร้อยละ 35-64 (p<0.05)
การทดสอบฤทธิ์ระงับปวดด้วย tail flick test พบว่าสารสกัดจากใบตำลึงและก็ใบย่านางมีฤทธิ์หยุดปวด ต่อจากนั้นเลือกเฟ้นสารสกัดที่มีฤทธิ์มากที่สุด 4 ประเภท เช่น ใบตำลึง ใบย่านาง ผักติ้วแดง รวมทั้งผักกาดฮีนมากระทำการทดสอบฤทธิ์ต้านทานการอักเสบโดยใช้คาราจีแนนเป็นสารระตุ้น  พบว่าสารสกัดทั้งยัง 4 ชนิดไม่มีฤทธิ์ต้านอักเสบในสัตว์ทดสอบ ผู้ศึกษาวิจัยเชื่อว่าสารสกัดจากใบตำลึงแล้วก็ใบย่านางบางทีอาจจะออกฤทธิ์ยับยั้งปวดต่อระบบประสาท
ส่วนงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดลในห้องทดลองขั้นต้นพบว่า สารสกัดใบย่านางมีฤทธิ์กระตุ้นหลักการทำงานของรีเซ็ปเตอร์ที่ขนคอเลสเตอรอลเข้าสู่ตับ แต่ว่าไม่เคยรู้ว่าจะมีผลลดคอเลสเตอรอลในเลือดของระบบร่างกายไหม การค้นพบนี้บางทีอาจเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของย่านางที่ใช้รักษาโรคหัวใจมาแม้กระนั้นโบราณได้ ถ้าหากแต่ว่าควรจะมีการศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติมอีกถัดไป
จากการทดลองฤทธิ์ลดไข้ของสารสกัด 50% เอทานอลจากรากย่านาง เมื่อนำไปตรวจดูฤทธิ์สำหรับเพื่อการลดไข้ พบว่าไม่มีคุณลักษณะในการลดไข้แต่เป็นพิษต่อสัตว์ทดลอง การศึกษาเรียนรู้วิจัยทางเคมีได้แยกอัลคาลอยด์ ออกมาสองประเภทเป็นอัลคาลอยด์ที่ไม่ละลายน้ำ(water-insoluble alkaloids) และอัลคาลอด์ที่ละลายน้ำ (water-soluble quarternary base) เมื่อวิเคราะห์ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของอัลคาลอยด์ที่แยกได้ พบว่าการเกิดพิษต่อสัตว์ทดสอบเกิดขึ้นได้เนื่องมาจาก water-soluble quarternary base ซึ่งมีฤทธิ์คล้าย curare จากการตรวจค้นสูตรโครงสร้างสรุปได้ว่า water-soluble quarternary base นี้บางทีอาจอยู่ในพวก aporphine alkaloids
การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา พิษทันควัน แล้วก็ครึ่งหนึ่งเรื้อรังของย่านาง 
          เล่าเรียนพิษเฉียบพลันของสารสกัดน้ำจากทุกส่วนของย่านาง โดยการป้อนสารสกัด ในหนูเพศผู้ และเพศภรรยา ประเภทละ 5 ตัว ในขนาด  5,000 mg/kg เพียงครั้งเดียว พบว่าไม่มีอาการแสดงของสภาวะเป็นพิษเกิดขึ้น และก็  ไม่มีการแสดงความประพฤติที่เปลี่ยนไปจากปกติ รวมถึงไม่มีการเสียชีวิต หรือการเปลี่ยนแปลงของเยื่อภายใน สารสกัดใบย่านางด้วยแอลกอฮอล์จำนวนร้อยละ 50 ฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังของหนู จำนวน 10 กรัม ต่อน้ำหนักตัวของหนู 1 กิโล (คิดเป็นจำนวน 6,250 เท่าของปริมาณที่คนได้รับ) ไม่แสดงความเป็นพิษ   การเรียนรู้พิษเรื้องรัง ทดสอบโดยป้อนสารสกัดแก่ตัวทดลอง เพศผู้ และก็เพศภรรยา จำพวกละ 10 ตัว ทุกวัน ในขนาดความเข้มข้น 300, 600 และ 1,200 mg/kg ติดต่อกันเป็นเวลานาน 90 วัน   ไม่เจอความไม่ปกติทางด้านพฤติกรรม รวมทั้งสุขภาพ หนูในกลุ่มทดลอง และกรุ๊ปควบคุม จะมีการทดสอบในวันที่ 90 รวมทั้ง 118 โดยตรวจร่างกาย และมีกลุ่มที่ติดตามผลต่อไปอีก 118 วัน ผลการทสอบพบว่า น้ำหนักของอวัยวะ ค่าชีวเคมีในเลือด และเยื่ออวัยวะภายใน ไม่พบการเกิดพิษ  ผลการค้นคว้าชี้ให้เห็นว่า สารสกัดย่านางด้วยน้ำ ไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดพิษรุนแรง แล้วก็พิษครึ่งเรื้อรังในตัวทดลอง ทั้งยังในหนูเพศผู้ และเพศเมีย
ข้อเสนอแนะ/ข้อควรปฏิบัติตาม

  • เมื่อทำน้ำย่านางเสร็จแล้วควรจะดื่มทันที เพราะถ้าเกิดทิ้งเอาไว้นานเกินไปจะเกิดกลิ่นเหม็นเปรี้ยวหรือเกิดการบูดขึ้นได้ แต่สามารถนำมาแช่ตู้แช่เย็นได้ แล้วก็ควรจะดื่มให้หมดภายใน 3 วัน
  • สำหรับในการดื่มน้ำย่านาง ควรดื่มก่อนรับประทานอาหารหรือตอนท้องว่างโดยประมาณครึ่งแก้ว 3 ครั้งต่อวัน
  • บางคนที่รู้สึกว่าน้ำย่านาง เหม็นเขียว รับประทานยากสามารถนำน้ำย่านางไปต้มให้เดือดแล้วนำมาดื่มหรือจะผสมกับน้ำสมุนไพรประเภทอื่นๆก็ได้ อาทิเช่น ขิง ตะไคร้ ขมิ้น หรือจะผสมกับน้ำมะพร้าว น้ำมะนาว น้ำตาล หรือแม้แต่น้ำหวานก็ได้ด้วยเหมือนกัน
  • ควรดื่มปริมาณแต่พอดี ถ้าดื่มแล้วรู้สึกแพ้ พะอืดพะอม ก็ควรลดความเข้มข้นของสมุนไพรที่ใส่ลงไปให้ลดน้อยลง
เอกสารอ้างอิง

  • Dechatiwongse T, Kanchanapee P, Nishimoto K. Isolation of active principle from Ya-nang (Tiliacora triandra Diels). Bull Dept Med Sci. 1974;16(2):75-81.
  • อัจฉราภรณ์  ดวงใจ , นันทีทิพ ลิ้มเพียรชอบ, ขนิษฐพร  ไตรศรัทธ์ .คุณสมบัติคลอเรสเตอรอลของสารสกัดใบย่านางในเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่เลี้ยงต่อเนื่อง Caco-2.คอลัมน์บทความวิจัย.วารสารนเรศวรพะเยา.ปีที่8.ฉบับที่2.พฤษภาคม-สิงหาคม 2558.หน้า87-92
  • รศ.ดร.กรณ์กาญจน์ ภมรประวัติธนะ.มหัศจรรย์ย่านาง จากซุปหน่อไม้ถึงเครื่องดื่มสุขภาพ.คอลัมน์บทความพิเศษ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่370.กุมภาพันธ์.2553
  • Sireeratawong S, Lertprasertsuke N, Srisawat U, Thuppia A, Ngamjariyawat A, Suwanlikhid N, et al. Acute and subchronic toxicity study of the water extract from Tiliacora triandra (Colebr.) Diels in rats. Sonklanakarin J Sci and Technol. 2008;30(5):611-619.
  • ย่านาง...อาหารที่เป็นยา.บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Pavanand K, Webster HK, Yongvanitchit K, Dechatiwongse T. Antimalarial activity of Tiliacora triandra Diels against Plasmodium falciparum in vitro. Phytotherapy Research. 1989;3(5):215-217.
  • ย่านาง.ฐานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์.มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
  • ชุตินันท์ ประสิทธิ์ภูริปรีชา.เอกชัย ดำเกลี้ยง,พยุงศักดิ์ สุรินต๊ะ , วสันต์ ดีล้ำ, ฤทธิ์ปรับ ภูมิคึ้มกัน ต้านออกซิเดช

12

มะนาว
ชื่อสมุนไพร มะนาว
ชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน ส้มมะนาว (ภาคกลาง),ส้มนาว (ภาคใต้) ,สีมานีปีห์ (มลายู) ,หมากฟ้า (ไทยใหญ่) , โกรยชะม้า (เขมร) , มะเน้าเลย์ , มะนอเกละ , ปะนอเกล (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน) , ปะโหน่โลภลยาน (กะเหรี่ยง จังหวัดกาญจนบุรี)
ชื่อสามัญ  Common lime, Lime , Sour lime
ชื่อวิทยาศาสตร์  Citrus aurantifolia (Christm. et Panz.) Swing.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Limonia aurantifolia Christm. & Panzer.
สกุล  Rutaceae
ถิ่นกำเนิด เช้าใจกันว่ามะนาวเป็นพืชท้องถิ่นในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์เนื่องจากว่าผู้ที่อยู่ในภูมิภาคนี้ รู้จักการใช้คุณประโยชน์จากมะนาวกันอย่างดีเยี่ยมมาตั้งแต่อดีตแล้ว ซึ่งหนึ่งในซึ่งก็คือเมืองไทย แต่ว่ามีการศึกษาและทำการค้นพบอีกชิ้นหนึ่งที่มั่นใจว่ามะนาวมีต้นกำเนิดในประเทศอินเดียตอนเหนือ และก็เขตเชื่อมต่อกับประเทศพม่า รวมทั้งทางตอนเหนือของมาเลเซีย (แต่ว่าน่าแปลกที่ไม่เจอมะนาวในป่าของไทย) เดี๋ยวนี้มีการปลูกมะนาวทั่วไปในเขตร้อน และก็เขตอบอุ่นครึ่งหนึ่งร้อนทั่วทั้งโลกเนื่องจากว่ามะนาวสามารถขึ้นได้ในที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ รวมทั้งทนต่อดินเนื้อละเอียดได้ดีมากว่าส้ม
ลักษณะทั่วไป มะนาวเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดเล็กมีลักษณะเป็นพุ่มมีความสูงเฉลี่ย 2-5 เมตร ลำต้นมีลักษณะโค้งงอไม่ค่อยแข็งแรง เปลือกของลำต้นมีสีน้ำตาลคละเคล้าเทา กิ่งอ่อนของมะนาวมีสีเขียวอ่อน เมื่อแก่ สีจะเข้มขึ้นจนถึงเป็นสีน้ำตาลส่วนกิ่งที่แก่มากมายจะเป็นสีเทา การออกของกิ่งไม้ไม่ค่อยเรียบร้อย บนลำต้นรวมทั้งแขนงจะมีหนาม หนามมีลักษณะแหลมมีหนามสั้นแล้วก็หนามยาวมีสีเขียวเข้มและก็สีเขียวอมเหลือง ส่วนรอบๆปลายหนามีสีน้ำตาล เมื่อแก่ขึ้นหนามจะแห้งตามไป
                ใบของมะนาวมีลักษณะเป็นใบคนเดียว เป็นมีแผ่นใบอันเดียว ใบมีขนาดเล็กกว้างประมาณ 3-6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 6-12 ซม.รูปร่างเป็นแบบรีหรือทรงไข่ ฐานใบมีลักษณะกลม ปลายใบมีรูปแหลม ป้าน ขอบของใบเป็นคลื่น หรือเป็นหยักละเอียด ก้านใบสั้นและก็มีปีกใบแคบหรืออาจไม่มีปีกใบก็ได้ ดังนี้ขึ้นอยู่กับจำพวกมะนาว ใบอ่อนมีสีเขียวจางเกือบจะเป็นสีขาว ใบแก่มีสีเขียวเข้ม ผิวใบด้านบนละเอียดวาวส่วนผิวใบด้านล่างออกจะหยาบคายรวมทั้งมีสีจางกว่า เมื่อทำขยี้ใบจะมีกลิ่นฉุน
                ดอกมะนาวอาจเกิดเป็นดอกผู้เดียวหรือช่อก็ได้ มีทั้งที่เป็นดอกบริบูรณ์และไม่สมบูรณ์ ดอกจะออกรอบๆซอกใบและก็ปลายกิ่ง ดอกมะนาวมีขนาดเล็ก ดอกที่ตูมจะมีขนาดความยาว 1-2 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมีสีเขียวเป็นรูปถ้วยมี 4-6 หยัก ส่วนกลีบมีสีขาว และก็ด้านท้องกลีบดอกอาจมีสีม่วงอมแดงเจืออยู่ด้วย กลีบดอกไม้มีลักษณะเป็นรูปถ้วย มีจำนวน 4-5 อัน ปริมาณกลีบในแล้วก็กลีบนอกมีปริมาณเท่าๆกัน แต่ละกลีบมีขนาด 0.8-1.2 เซนติเมตร ดอกมะนาวมีเกสรตัวผู้เยอะแยะถึง 20-40 อัน เชื่อมติดกันเป็นกลุ่ม กรุ๊ปละ 4-8 อัน เกสรตัวเมียมีรังไข่รูปร่างเป็นทรงกระบอก ใน 1 ดอก จะมีรังไข่ราวๆ 9-12 อัน
                ผลมะนาวมีรูปร่างต่างๆนาๆตามชนิดของจำพวก มีทั้งยังรูปร่างยาวรี รูปไข่ และก็รูปร่างกลม ที่ตูดผลมีลักษณะเป็นจุกหรือปุ่มเล็กๆผลโดยธรรมดามีขนาดความยาว 3-12 ซม. เปลือกมักษณะตะปุ่มตะป่ำ และก็มีต่อมน้ำมันเปลือกผิว ผิวเปลือกเมื่อแหลม บรรจุอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เนื้อมะนาวมีสีเหลืองอ่อน มีรสเปรี้ยวแล้วก็มีกลิ่นหอมยวนใจเมล็ด ขนาดเล็กเหมือนรูปไข่ ด้านปลายหัวจะแหลม ด้านในเม็ดมีเนื้อเยื่อสีขาว
การขยายพันธุ์  มะนาวเป็นพืชซึ่งสามารถปลูกเจริญในดินเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ดินเหนียว ดินทราย แม้กระนั้นถ้าเกิดต้องการจะปลูกมะนาว ให้เจริญงอกงามดี มี ผลเยอะ รวมทั้งคุณภาพดี ก็น่าจะปลูกไว้ในพื้นที่ที่เป็นดินร่วนซุย มีการระบาย น้ำดี มีอินทรียวัตถุผสม อยู่มาก และก็ควรที่จะทำการเลือกพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ
ส่วนการขยายพันธุ์มะนาวนั้นสามารถทำได้หลายแนวทาง ดังเช่น การทำหมันกิ่ง การทาบกิ่ง รวมทั้งการติดตา แต่วิธีที่เป็นที่นิยมสำหรับเพื่อการแพร่พันธุ์มะนาวมากที่สุดคือ การทำหมันกิ่ง โดยมีวิธีดังนี้

  • เลือกกิ่งที่ไม่แก่หรืออ่อนเหลือเกินและไม่เป็นโรคหรือมีแมลงกัดรับประทาน ยาวราวๆ 30-50 ซม. แล้วก็มีเส้นผ่าศูนย์กลางโดยประมาณ 0.5 ซม.ขึ้นไป
  • ตัดหนามและก็ใบในรอบๆที่จะควั่นกิ่งออกราว 5 เซนติเมตร
  • ควั่นกิ่งออกเป็น 2 รอยให้ลึกถึงแก่นไม้ห่างกัน 1-2 เซนติเมตร
  • ขูดเยื่อเจริญรุ่งเรืองออกให้หมด
  • ห่อด้วยขุยมะพร้าวที่มีความชุ่มชื้นหรือใช้ตุ้มตอนเสร็จ มัดเปาะหัวด้านหลังให้แน่น แล้วทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 30-45 วัน เมื่อรากออกมาแล้วใช้กรรไกรตัดกิ่งตัดเพื่อนำไปแช่น้ำจนอิ่มตัว
  • นำไปชำต่อในถุงดำขนาด 5x8 นิ้ว ที่ผสมดิน 1 ส่วน แกลบ 1 ส่วน และก็เมื่อกิ่งที่ชำเดินรากก้าวหน้าในถุงสีดำแล้วก็แข็งแรงแล้วจึงนำไปปลูกถัดไป
การเตรียมพื้นที่ปลูก

  • พื้นที่ลุ่ม เตรียมพื้นที่โดยทำคันนาให้มีความกว้างโดยประมาณ 6-8 เมตร ส่วนสูงให้พินิจจากปริมาณน้ำที่เคยท่วมสูงโดยให้อยู่สูงยิ่งกว่า แนวระดับน้ำท่วม 50 เซนติเมตร แทงร่องหรือซอยร่องทำคะแนนน้ำเพื่อ ระบายน้ำเข้าออก ขนาดร่องน้ำกว้าง 1.5 เมตร ลึก 1 เมตร พื้นที่ร่องกว้าง 0.5-0.7 เมตร ใช้ระยะปลูก 5X5 เมตร
  • พื้นที่ดอน ควรไถลูกพรวนเพื่อกำจัดวัชพืช แล้วก็ทำให้ดินร่วนซุย ใช้ระยะปลูก 4 x 4 – 6 x 6 เมตร ดังนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน
แนวทางการปลูก
ควรจะปลูกภายในตอนต้นหน้าฝน ควรจะขุดหลุมปลูก ให้มีขนาดกว้างรวมทั้งลึกประมาณ 50 เซนติเมตร ผสมดิน ปุ๋ยมูลสัตว์ และปุ๋ยร็อคฟอสเฟตเข้าด้วยกัน ในหลุมให้ สูงราว 2 ใน 3 ของหลุม ยกถุงกล้า ต้นไม้วางในหลุม โดยให้ระดับของดินในถุงสูงขึ้นมากยิ่งกว่า ระดับดินปากหลุมเล็กน้อย ใช้มีดที่คม กรีดถุง จากก้นถุงขึ้นมาถึงปากถุงทั้ง 2 ด้าน (ช้ายแล้วก็ขวา) ดึงถุงก๊อบแก๊บออก โดยระวังไม่ให้ดินแตก กลบดินที่เหลือลงในหลุม กดดินรอบๆโคนต้นให้แน่น ปักไม้หลักแล้วก็ผูกเชือกยึด เพื่อป้องกันลมพัดโยก หาวัสดุคลุมดินบริเวณโคนต้น ดังเช่น ฟางข้าว ต้นหญ้าแห้ง รดน้ำให้โชก ทำร่มเงา เพื่อช่วยอำพรางแดด
การกระทำรักษา การให้น้ำ ควรมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะ ในช่วง ที่ปลูกใหม่ๆควรจะให้น้ำวันละครั้งเป็นอย่างต่ำ (กรณีฝนไม่ตก) หลังจากปลูกราวๆ 15 วัน มะนาวสามารถตั้งตัวได้แล้ว ให้น้ำเดือนละ 2-3 ครั้ง รวมทั้งควรหา อุปกรณ์มาคลุมดินบริเวณโคนต้น เพื่อช่วยรักษาความชื้น                ควรจะเริ่มงดเว้นให้น้ำ ตั้งแต่ตอนมีนาคม เป็นต้นไป จนถึงตอนออกดอก เพื่อมะนาวสะสม อาหารให้สูงถึงระดับที่สามารถสร้างตาดอกได้ ธรรมดามะนาวจะมีดอก เมษายน-พ.ค. ภายหลังจากมะนาวมีดอก รวมทั้งกำลังติดผลอ่อน เป็นช่วงที่มะนาวอยากน้ำมาก เพื่อใช้เพื่อการเจริญวัย ของผล

     ส่วนประเภทมะนาวที่มีการปลูกกันมากมายในไทย เช่น

  • มะนาวไข่ ผลกลม หัวท้ายยาวเหมือนมะนาวหนัง เมื่อโตเต็มกำลังผลมีลักษณะกลมมน เปลือกบางผลโต กว่ามะนาวหนัง
  • มะนาวแป้น ผลใหญ่ ออกจะกลมแป้น เปลือกบาง มีน้ำมากมาย นิยมใช้บริโภคมากกว่าจำพวกอื่นๆเชิงการค้าจะปลูกมะนาวประเภทแป้นดกพิเศษ สามารถบังคับให้ออกหน้าแล้งได้ง่าย
  • มะนาวหนัง ผลอ่อนกลมยาวหัวท้ายแหลม เมื่อโตเต็มกำลังผลจะมีลักษณะกลมค่อนข้างจะยาว มีเปลือกหนา ทำให้เก็บรักษาผลประโยชน์นาน


ส่วนประกอบทางเคมี น้ำจากผลมีกรด citric acid, malic acid, ascorbic acid,  ผิวมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยที่มาจากการกลั่นผิวผล ปริมาณร้อยละ 0.3-0.4 มีสารต่างๆดังเช่นว่า  d-limonene (42-64%), alpha-berpineol (6.81%), bergamotene ผสมกับ terpinen-4-ol (3%),  alpha-pinene          citric acid       
(1.69%), geraniol (0.31%), linalool,  terpineol, camphene, bergapten (furanocoumarin)    ใบมะนาวเมื่อนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยโดยการ    camphene
ต้มกลั่น (hydrodistillation) ได้น้ำมันหอมระเหยจำนวนร้อยละ 0.27  ส่วนประกอบทางเคมีของน้ำมันมีสารต่างๆได้แก่  6-methyl-5-hepten-2-one (3.19), limonene (44.82), neral (4.95), geranial (7.66) , geranyl acetate (8.98), caryophyllene oxide (2.31) ส่วนข้อมูลทางโภชนาการของมะนาวมีดังนี้

  • พลังงาน 30 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 10.5 กรัม
  • น้ำตาล 1.7 กรัม
  • เส้นใย 2.8 กรัม terpineol
  • ไขมัน 0.2 กรัม
  • โปรตีน 0.7 กรัม
  • วิตามินบี 1 0.03 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 0.02 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 3 0.2 มก.
  • วิตามินบี 5 0.217 มก.
  • วิตามินบี 6 0.046 มก.
  • วิตามินบี 9 8 ไมโครกรัม
  • วิตามินซี 29.1 มิลลิกรัม
  • แคลเซียม 33 มิลลิกรัม
  • เหล็ก 0.6 มิลลิกรัม
  • แมกนีเซียม 6 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 18 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม 102 มิลลิกรัม
  • โซเดียม 2 มิลลิกรัม ที่มา : Wikipedia
ผลดี/สรรพคุณ
น้ำมะนาวมีคุณค่าสำหรับการเป็นสารให้ความเปรี้ยว ผิวมะนาวมีกลิ่นหอมสดชื่นจากน้ำมันหอมระเหย มะนาวเป็นเครื่องปรุงรสอาหารไทยที่ขาดเสียมิได้ เป็นส่วนประกอบรสเปรี้ยวหลักของน้ำพริก ส้มตำ ยำทุกประเภท ลาบแล้วก็ของกินไทยอีกอีกเพียบเลย ต่างชาติใช้มะนาวในของคาวหวาน ตัวอย่างเช่น ในพายมะนาวของเมืองฟลอริด้า อเมริกา
น้ำมะนาวเว้นแต่ใช้ปรุงรสเปรี้ยวในของกินหลาย ชนิดแล้ว ยังประยุกต์ใช้เป็นเครื่องดื่ม ผสมเกลือ และน้ำตาล เป็นน้ำมะนาว ซึ่งมีชื่อเสียงกันดีในประเทศไทย และต่างถิ่นทั้งโลก นอกนั้นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์บางจำพวกยังนิยมฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆแทงไว้กับขอบแก้ว เพื่อใช้แต่งรส
โดยข้างในผลมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยถึงปริมาณร้อยละ 7 น้ำมะนาวจึงมีคุณประโยชน์สำหรับใช้เป็นส่วนผสมน้ำยาที่ใช้สำหรับเพื่อการทำความสะอาด เครื่องหอม การบำบัดด้วยกลิ่น (aromatherapy) หรือน้ำยาล้างจาน
นอกจากนี้ยังมีการใช้ประโยชน์จากมะนาวด้านอื่นๆอีกตัวอย่างเช่น หุงข้าวให้ขาวและอร่อยขึ้น ด้วยการใช้น้ำมะนาวราวๆ 2-3 ช้อนนำไปซาวข้าว  ทอดไข่ให้ฟูรวมทั้งนุ่ม มะนาว 4-5 หยดจะช่วยได้  มะนาวช่วยลดกลิ่นคาวจากปลาเมื่อทำอาหารรวมทั้งทำให้ปลาอาจจะรูปไม่เละ เมื่อใช้มีดผ่าปลี มีดจะมีสีม่วงหมู่ ล้างออกลำบาก เอามานาวที่ผ่าแล้วมาถูตามใบมีด จะช่วยทำให้มีดสะอาดดังเดิม  การเชื่อมกล้วยหักมุกให้น่ากิน เมื่อน้ำตาลเดือดเป็นยางมะตูมแล้ว ให้บีบมะนาวครึ่งส่วนลงไป จะช่วยทำให้กล้วยใส น่ารับประทานมากเพิ่มขึ้น  มะนาว 2-3 ลูกใส่เอาไว้ข้างในถังข้าวสารช่วยป้องกันมอดได้  ส่วนการเปลี่ยนรูปมะนาว มะนาวแปรรูปได้ อย่างเช่น น้ำมะนาวทำกับข้าว มะนาวแช่อิ่มตากแห้ง น้ำมะนาวเข้มข้น มะนาว ผง เครื่องดื่มผสมน้ำมะนาว แยมมะนาว เยลลีมะนาว แยมเปลือกมะนาว แยมนะทุ่งนาวดอง มะนาวดองเค็ม มะนาวหวาน กิมจ้อมะนาว เปลือกของมะนาวสามรส เปลือกของมะนาวเส้นปรุงรส เปลือกมะนาวเชื่อม เปลือกของมะนาวแช่อิ่ม มาร์มาเลดมะนาว เป็นต้น
ส่วนสรรพคุณทางยานั้นระบุว่า ตำราเรียนยาไทยผิวมะนาวจัดอยู่ใน “เปลือกส้ม 8 ประการ” มี ผิวส้มเขียวหวาน ผิวส้มจีน ผิวส้มซ่า ผิวส้มโอ ผิวส้มตรังกานู ผิวมะงั่ว ผิวมะกรูด และผิวมะนาว (หรือผิวส้มโอมือ) มีคุณประโยชน์แก้ลมกองละเอียด กองหยาบคาย แก้เสลดโลหะ ใช้ปรุงยาหอม แก้ทางลม
           ยิ่งกว่านั้นบัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เริ่มแรก ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ปรากฏการใช้ผิวมะนาว ในยารักษาอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) ปรากฏตำรับ”ยาหอมเทวดาจิตร” มีส่วนประกอบของผิวมะนาว อยู่ใน ”เปลือกส้ม 8 ประการ” ร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์ในการแก้ลมเวียนหัว แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียนอาเจียน อ้วก แก้ลมจุกแน่นในท้อง
                ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันระบุถึงสรรพคุณของมะนาวว่า สารดี-ลิโมนิน (d-limonin) เป็นสารที่นำมาซึ่งความขมในน้ำมะนาว น้ำมันผิวมะนาว (lime oil) พบได้มากรอบๆผิวเปลือกมะนาวมีสารดี-ลิโมนิน เป็นองค์ประกอบหลักเกินกว่าปริมาณร้อยละ 90 พบว่าน้ำมันผิวมะนาว มีคุณลักษณะป้องกันแล้วก็รักษามะเร็งหลายชนิด
ชาวต่างประเทศทั่วไปมักกินน้ำส้ม หรือน้ำจากผลพืชเครือญาติส้ม เช่น ส้มโอ หรือมะนาว ประกอบกับอาหารเช้า น้ำผลไม้กลุ่มนี้มีวิตามินซี และมีสารกรุ๊ปฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ประกอบด้วยสารเฮสเพอริดิน (hesperidin) รูทิน (rutin) และก็ท้องนาริงจิน (naringin) แล้วก็ลิโมนิน เป็นฟลาโวนอยด์หลักของพืชเชื้อสายส้ม จากนี้จะเรียกสารกลุ่มนี้ว่าฟลาโวนอยด์ส้ม (citrus bioflavonoid)
สารกรุ๊ปฟลาโอ้อวดนอย์ส้มนี้มีรายงานทางด้านการแพทย์ตะวันตกว่าใช้สำหรับการรักษาไข้จับสั่น โรครูมาติสม์เรื้อรังรวมทั้งโรคเกาต์ ใช้สำหรับในการปกป้องโรคเลือดออกตามไรฟัน คุ้มครองป้องกันการตกเลือดข้างหลังคลอด แล้วก็ช่วยบรรเทาอาการระคายคอจากการติดเชื้อรวมทั้งโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งโรคจากการได้รับวิตามินซีในของกินไม่เพียงพอ ซึ่งอาจก่อให้มีลักษณะของโรคเกิดขึ้นข้างใน 8-12 สัปดาห์ ผู้เจ็บป่วยมักมีอาการคล้ายไม่สบาย อ่อนเพลีย ง่วงซึม โลหิตจาง ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บกระดูก มีแผลฟกช้ำดำเขียวหรือบวมง่าย มีจุดเลือดออกแดงๆตามผิวหนัง เกิดโรคทางปริทันต์ เป็นแผลแล้วหายยาก อารมณ์ปรวนแปร หรือมีสภาวะเหงาหงอย สำหรับประโยชน์ซึ่งมาจากน้ำมะนาวต่อโรคนี้ มีงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยเมื่อนานมาแล้วที่ให้คนเจ็บโรคนี้รับประทานส้มกับมะนาวเหลือง พบว่าคนไข้สามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์และก็เร็ว เมื่อเทียบกับคนเจ็บอีกกรุ๊ปที่กินอาหารประเภทอื่น นอกเหนือจากนั้นในน้ำมะนาวยังมีกรด citric ซึ่งมีรสเปรี้ยว จะกระตุ้นให้มีการขับน้ำลายออกมาทำให้เปียกคอ จึงช่วยทุเลาอาการเจ็บคอได้
รูปแบบ/ขนาดการใช้
อาการไอ  ระคายคอจากเสลดใช้น้ำจากผลที่โตเต็มกำลัง  เพิ่มเกลือบางส่วน  จิบเสมอๆหรือ จะทำน้ำมะนาวเพิ่มเกลือและก็น้ำตาลเล็กน้อย           อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด   ใช้เปลือกผลสด 1/2-1 ผล ฝานเป็นชิ้นเล็กๆบางๆชงด้วยน้ำเดือด ปิดฝาทิ้งไว้ 5-10 นาที ดื่มแต่ว่าน้ำขณะมีลักษณะอาการ หรือหลังรับประทานอาหาร 3 เวลาใช้มะนาว 1 ผล บีบเอาน้ำมะนาวมาชงกับน้ำร้อนดื่มหรือใช้มะนาวฝานบางๆจิ้มเกลือกินจะช่วยขับเสลดได้รุ่งเช้าหลังตื่นนอน ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว บีบมะนาว 1/4 ผล (หรือใส่เกลือบางส่วน) จะช่วยบรรเทาอาการท้องผูก แล้วก็ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกายน้ำมะนาวผสมผงกำมะถันใช้ทาก่อนนอน แก้อาการขี้กลาก โรคเกลื้อน หิดใช้น้ำมะนาวทาที่ตุ่มคัน ทิ้งเอาไว้ให้แห้ง ล้างน้ำสบู่แล้วขัดให้แห้ง แล้วก็ใช้แป้งทาตุ่มคัน แก้น้ำกัดเท้าในด้านความงดงาม ผลัดเซลล์ผิว ลดรอยด่างดำ ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ คนจะกว่าจะเข้ากัน ทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งเอาไว้สักประเดี๋ยว ล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วซึมซับให้แห้ง ทำอาทิตย์ละครั้ง ผิวหน้าจะมองสดใส หรือใช้น้ำมะนาวผสมน้ำแช่อาบใช้สำหรับการแก้ไข้ทับเมนส์ ด้วยการเอาใบมะนาวประมาณ 100 ใบมาต้มกินช่วยแก้ลิ้นเป็นฝ้า ด้วยการใช้สำลีชุบน้ำมะนาวเช็ดถูที่ลิ้นวันละ 2-3 ครั้ง
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา การเล่าเรียนสัตว์ทดลองในหนู พบว่าเมื่อให้สารเฮสเพอริดินซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์หลักจากเปลือกในพืชตระกูลส้มกับหนูไขมันสูง มีผลเพิ่มไขมันที่ดี (เอชดีแอล-คอเลสเตอรอล) ลดไขมันไม่ดี (แอลดีแอล-คอเลสเตอรอล) ลดปริมาณไขมันรวมรวมทั้งไตรกลีเซอไรด์ ในหนูดังที่กล่าวถึงแล้ว และก็ส่งผลลดระดับความดันเลือดรวมทั้งขับฉี่ในหนูความดันสูง การทดลองในห้องปฏิบัติในแคนท้องนาดาการพบว่า ฤทธิ์ดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วของฟลาโวนอยด์ส้มมีต้นเหตุจากผลการกระตุ้นแนวทางการทำงานของยีนรีเซปเตอร์ไขมันไม่ดี (แอลดีแอล) ในตับ ณ ตำแหน่งที่ควบคุมโดยสเตอคอยล (sterol regulatory element, SRE)
ในสหรัฐฯ งานค้นคว้าวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า ฟลาโวนอยด์ส้มสองกลุ่ม ดังเช่นว่ากรุ๊ปเฮสเพอริดิน แล้วก็กรุ๊ปโพลีมันข้นทอกซิเลตฟลาโวน (PMFs) มีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอลในพลาสม่าของสัตว์ทดสอบ ซึ่งเกื้อหนุนผลที่ได้รับจากงานวิจัยในหนูถีบจักรของแคนาดา
เมืองจีน การค้นคว้าวิจัยพบว่า ที่นาริงจิน และก็เฮสเพอริดินซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์ส้มมีฤทธิ์กระตุ้นแนวทางการทำงานของยีนอะดีโพเนกทิน (adiponectin) ซึ่งเป็นยีนสำคัญในเมตาบอลิซึมของเดกซ์โทรสแล้วก็ไขมันที่เกี่ยวกับการสร้างพลัคอุดตันของเส้นเลือดและก็ขั้นตอนการอักเสบ ผลการศึกษาเรียนรู้บอกว่าฟลาโวนอยด์ส้มอีกทั้ง 2 จำพวกแสดงผลต่อต้านการเกิดพลัคโดยกระตุ้น perovisome proliferator-activated receptor (PPAR) รวมทั้งยีนอะดีโพเนกทินในเซลล์ไขมันอะดีโพไซต์
นอกจากนี้ สารทั้งสองยังมีฤทธิ์เอสโทรเจนอย่างอ่อน ส่งผลต่อการสร้างไนตริกออกไซด์ในเซลล์ฝาผนังหลอดเลือดผ่านการกระตุ้นรีเซปเตอร์ของเอสโทรเจน จึงมีฤทธิ์ปกป้องการเกิดโรคเส้นโลหิตหัวใจ ส่งผลให้ช่วยเหลือการกินมะนาว แล้วก็ฟลาโวนอยด์ส้มเพื่อลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด ปกป้องโรคเส้นเลือดหัวใจ โดยเฉพาะในหญิงวัยทอง
งานศึกษาเรียนรู้วิจัยหนึ่งพบว่า น้ำมะนาวเข้มข้น (concentrated lime juice, CLJ) มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์โมโนปรมาณูในระบบภูมิต้านทาน และโปรตีนในน้ำมะนาวเข้มข้นมีฤทธิ์ต้านการแบ่งตัวของเซลล์ของมะเร็ง การเรียนในห้องแลปในมลรัฐเท็กซัสและก็แคลิฟอเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า สารกรุ๊ปฟลาโวนอยด์ส้มมีฤทธิ์ต่อต้านออกซิเดชั่นพอสมควร แต่ต่ำลงมากยิ่งกว่าฟลาโวนอยด์ในพืชเชื้อสายขิง มีบทความทางการแพทย์บอกว่า ฟลาโวนอยด์ส้มยั้งการเจริญของเซลล์ของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ปอด ช่องปาก กระเพาะอาหาร รวมทั้งโรคมะเร็งเต้านมจากการทดลองในห้องทดลองแล้วก็ในสัตว์ทดสอบหลายอย่าง แม้กระนั้นยังไม่เจอผลวิจัยทางสถานพยาบาล
ส่วนฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของมะนาวที่เกี่ยวกับแก้เจ็บคอมีดังต่อไปนี้  ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย มีการทำการศึกษาเรียนรู้ผลของทั้งยังน้ำมันหอมระเหยและก็สารสกัด พบว่า น้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Bacillus cereus และ E. coli สารสกัด 80% เอทานอลจากเปลือกผิว มีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus รวมทั้ง Bacillus cereus สารสกัดจากเม็ดมีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Bacillus subtilis, E. coli. Pseudomanas cichorii และก็ Salmonella typhimurium สารสกัดเอทานอลจากส่วนกิ่ง (branches) ความเข้มข้น 20 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ไม่มีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus, Bacillus subtilis และ Streptococcus faecalis
การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา การทดสอบความเป็นพิษ  เมื่อให้น้ำสกัดจากใบมะนาวทางปาก หรือฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนูเม้าส์ ด้วยขนาด 10 กรัม/โลน้ำหนักตัว (เท่ากันกับ 1,852 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน) ไม่พบความแปลกอะไรก็ตามเมื่อป้อนสารสกัดรากมะนาวด้วยน้ำครั้งเดียวทางปาก ในขนาด 5 กรัม/โลน้ำหนักตัว ให้หนูแรทไม่พบว่าเป็นพิษอีกทั้งแบบกะทันหันแล้วก็กึ่งเรื้อรัง แม้กระนั้นพบว่าในหนูที่ได้รับสารสกัด 1.2 กรัม/กิโลน้ำหนักตัว/วัน  มีเอ็นไซม์ในตับมากขึ้นแต่ยังอยู่ในช่วงปกติ และไม่เจอความผิดปกติของอวัยวะภายใน  ส่วนสารสกัดจากเปลือกผิวมะนาวส่งผลยั้งฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์  แล้วก็การทดสอบฤทธิ์ระคายเคืองโดยแนวทางการ Patch test พบว่าสารสกัดจากมะนาวให้ผล positive
ข้อแนะนำ/ข้อควรตรึกตรอง

  • การทาน้ำมันมะนาวลงบนผิวหนังโดยตรงบางทีอาจไม่ปลอดภัยในผู้ที่มีผิวหนังแพ้ง่าย ซึ่งสามารถนำมาซึ่งการทำให้ผิวหนังไวต่อแสงอาทิตย์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวค่อนข้างขาว ภายหลังจากการใช้น้ำมันมะนาวทาลงผิวหนังจึงควรทาครีมที่มีไว้กันแสงแดดและก็สวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดเพื่อคุ้มครองก่อนออกไปพบเจอกับแสงแดด
  • รสเปรี้ยวของมะนาวอาจจะส่งผลให้กำเนิดท้องร่วงหรือท้องเสียได้ถ้ากินมากเกินความจำเป็น
  • หลังจากดื่มน้ำมะนาวแล้วไม่ควรแปรงฟันโดยทันทีด้วยเหตุว่าอาจก่อให้สารเคลือบฟันตามธรรมชาติหลุดได้
  • ถ้าดื่มหรือรับประทานมะนาวเป็นประจำและก็เป็นระยะเวลานานต่อเนื่องกันอาจก่อให้ฟันผุร่อนได้
  • คนที่มีภาวการณ์โลหิตจางไม่สมควรกินมะนาว เพราะรสเปรี้ยวจะไปกัดฟอกเลือดก่อให้เกิดอันตรายได้
  • ยาบางจำพวกที่จะถูกเปลี่ยนด้านในตับ โดยมะนาวอาจส่งให้ช่วงเวลาสำหรับเพื่อการเปลี่ยนรูปของยาพวกนี้น้อยลง การกินน้ำมะนาวขณะกินยาบางชนิดที่เปลี่ยนรูปในตับจึงอาจก่อให้ส่งผลข้างเคียงมากขึ้น อาทิเช่น ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ไอทราโคนาโซล (Itraconazole) เฟกโซเฟนาดีน (Fexofenadine) ไตรอาโซแลม (Triazolam) ฉะนั้น ก่อนรับประทานมะนาวควรจะขอความเห็นหมอเกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่ด้วย
เอกสารอ้างอิง

  • วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. 2536. พจนานุกรมสมุนไพรไทย. กรุงเทพ ฯ : พิมพ์ครั้งที่ 2, สำนักพิมพ์สุริยบรรณ.
  • รวี เสรฐภักดี.2553.คู่มือประกอบการฝึกอบรมโครงการปลูกมะนาวและการผลิตมะนาวนอกฤดู:การสร้างสวนไม้ผลยุคใหม่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน.นครปฐม
  • Sethpakdee, R. 1992. Citrus aurantifolia (Christm. & Panzer) Swingle . In: L.P.A. Oyen and Nguyen Xuan Dung (Editors): Plant Resourses of South-East Asia No 2. Edible fruits and nuts. Prosea Foundation, Bogor, Indonesia. pp. 126-128.
  • รศ.สุธาทิพ ภมรประวัติ.มะนาว ลดคลอเรสเตอรอลป้องกันโรคหลอดเลือด.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่354.คอลัมน์บทความพิเศษ.ตุลาคม.2551.
  • มะนาว.ฐานข้อมูลเครื่องยาคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีธิราภา แสนเสนา นพดล กิตติวราฤทธิ์ มาลิน จุลศิริ รุ่งระวี เติมศิริฤกษ์กุล. ฤทธิ์ต้านเชื้อและฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ของสารสกัดจากผิวผลพืชตระกูลส้ม. โครงการพิเศษ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 2536.
  • มะนาว.สมุนไพรที่ใช้ในงานสาธารณสุขมูลฐาน.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.disthai.com/
  • อรรถศิษฐ์  วงศ์มณีโรจน์.2553.คู่มือประกอบการฝึกอบรมโครงการปลูกมะนาวและการผลิตมะนาวนอกฤดู ดินและปุ๋ยสำหรับการปลูกมะนาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน.นครปฐม.ไม้ผลเศรษฐกิจ.ฉบับที่102(251)/2552.วารสารเมืองไม้ผล.เทคนิคการปลูกมะนาวพันธุ์แป้นเกษตรดกพิเศษให้ออกในช่วงฤดูแล้ง.88-93 น.
  • Prabuseenivasan, S. et al. 2006. Invitro antibacterial activity of some plant essential oils. BMC Complement Altern Med 30(6):39
  • ประโยชน์ของมะนาวต่อการรักษาโรคได้ผลชัวร์หรือไม่.พบแพทย์ดอทคอม
  • อาจินต์ ปัญจพรรค์. ขุดทองในบ้าน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อนงค์ศิลป์การพิมพ์, 2524.
  • Ross SA, El-Keltawi NE, Megalla SE. Antimicrobial

13

เห็ดหลินจือ
รู้เรื่องโรคมะเร็งโรคมะเร็งเป็นยังไงมีเหตุต้นสายปลายเหตุ กลไกลการกำเนิดลักษณะของอาการโรคมะเร็ง มะเร็งที่พบย่อยไม่ว่าจะเป็น ปากมดลูกมะเร็งตับ ปอด แล้วจะป้องกันได้ไหม รักษายังไง
สมุนไพร-เห็ดหลินจือ[/b] โรคมะเร็ง ( Cancer1 ) เจอได้ในทุกเพศทุกวัยตั้งแต่ตอนแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยมากจะพบในอายุตั้งแต่ 50 ขึ้นไปส่วนในเด็กพบน้อยกว่าคนแก่ราว 10 เท่า ปัจจุบันนี้ว่าหลายๆคนจะเริ่มหันมาใสหัวใจในสุขภาพร่างกายเห็ดหลินจือของตนกันเยอะขึ้น แม้กระนั้นเหล่าเชื้อโรคต่างๆก็พัฒนาตนเองขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้งเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็งที่เรียกว่าเป็นโรคยอดฮิตที่ผู้คนเป็นกันเยอะมากๆยิ่งกว่าโรคติดต่อ
โรคมะเร็งคือ โรคของเซลล์ ที่มีการเจริญวัยอย่างเปลี่ยนไปจากปกติแปลงเป็นก้อนมะเร็งที่สามารถบุกรุง ทำลายเยื่อใกล้เคียงแล้วก็กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆได้โรคซึ่ง (เห็ดหลินจือ)โรคซึ่งกำเนิดมีเซลล์กำเนิดมีเซลล์ผิดปกติในร่างกาย รวมทั้งเซลล์พวกนี้มีการเจริญวัยรวดเร็วทันใจเกินปกติ ร่างกายควบคุมมิได้ ฉะนั้นเซลล์กลุ่มนี้จึงเจริญลุกลามและก็แพร่ไปได้ทั่วร้างกายส่งผลให้เซลล์ธรรมดาของสมอง ไต กระดูก และก็ไขกระดูก
ต้นเหตุแล้วก็สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
เห็ดหลินจือ-สำหรับสาเหตุที่ทำให้ผู้คนต่างมีอาการป่วยเป็นโรคมะเร็งกันมากขึ้นเรื่อยๆมีสาเหตุมาจากอีกทั้งปัจจัยภายใน เป็น
1.ปัจจัยภายนอก
-คนที่ติดโรคไวรัสตับอักเสบบี  มักกำเนิดในไม่นิยมที่ไม่นิยมกินร้อนช้อนกลาง โดยบางทีอาจติดจากทางน้ำลายสำหรับการทานอาหารด้วยกัน
-การติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ ในเรื่องที่ถูกใจรับประทานอาหารแบบดิบๆหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ
-คนที่ถูกใจดื่มเครื่องดือแอลกอฮอล์เป็นชีวิตจิตใจ และคนที่ดูดบุรีเสมอๆ
-คนที่เคยผ่านการฉายรักสีเอกซเรย์
สารอะฟลาทอกซินที่แปดเปื้อนอยู่ในของกินรวมทั้งเครื่องดื่มที่เรารับประทานกันทุกวัน โดยเฉพาะในพวกพริกแห้ง ถั่ว
-สารก่อมะเร็งในอาหารพวกปิ้ง ย่าง ทอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อที่ปิ้งหรือปิ้งจนไหม้เกรียม หรือพื้นที่ทอดโดยใช้น้ำมันบ่อยๆทุกวัน
-สารไฮโดรคาร์บอน เป็นสารเคมีที่ประยุกต์ใช้สำหรับเพื่อการถนอมอาหารอย่างไนโตซามิน ซึ่งเป็นสีย้อมผ้าที่นำมาผสมอาร
2.ปัจจัยภายใน
-เห็ดหลินจือมีเหตุที่เกิดจากความคิดเปลี่ยนไปจากปกติในร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น เด็กพิการแต่กำเนิด ซึ้งเป็นความเปลี่ยนไปจากปกติทางพันธุกรรม
-ร่างกายมีภูมิคุ้มกันขาดตกบกพร่องหรือขาดสารอาหารบางอย่าง อย่างเช่น พวกวิตามินเอ หรือ ซี
ซึ่งจะเห็นได้ว่าโรคมะเร็งจำนวนมากนั้นเกิดจากปัจจัยภายใน นั้นแปลว่าเราสามารถป้องกันการก่อมะเร็งได้เยอะพอสมควร ดังนี้ ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและระเบียบวินัยการเลือกปฎิบัติของพวกเราเป็นหลัก รวมถึงความรู้ในเรื่องของสารก่อโรคมะเร็งด้วย
เห็ดหลินจือ-ไม่มีอาการเฉพาะโรคมะเร็ง แต่ว่าเป็นอาการเหมือนกันกับการอักเสบเยื่อ/อวัยวะที่เป็นมะเร็ง โดยที่แตกต่างเป็นมักเป็นอาการที่ห่วยแตกลงเรื่อยๆและก็เรื้อรัก โดยเหตุนั้นเมื่อมีลักษณะต่างๆนานเกิน 1 – 2 สัปดาห์ ควรต้องรีบเจอหมอ อย่างไร ก็ตาม อาการที่น่าสงสัยว่าเนมะเร็ง ได้
-มีก้อนเนื้อโตเร็ว หรือ มีแผลเรื้อรังไม่หายภายใน 1-2 สัปดาห์ ภายหลังการดูแลตนเองในพื้นฐาน
-มีต่อมน้ำเหลืองโต คลำเ ชอบแข็งไม่เจ็บ และโตขึ้นเรื่อยๆ
-ไฝ ปาน หูด ที่โตเร็วกว่าปกติ หรือเป็นแผลแตก
-หายใจ กรือ มีกลิ่นปากรุนแรงจากที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
-เลือดกำเดาออกเรื้อรัง มักออกเพียงแต่ข้างเดียว (บางทีอาจออกทั้งสองข้างได้)
-ไอเรื้อรัง เรือ ไอเป็นเลือด
-มีเสมหะ น้ำลาย หรือเสมหะผสมเลือดบ่อย
-อ้วกเป็นเลือด
-ฉี่เป็นเลือด
-ปัสสาวะบ่อยครั้ง ขัดลำ ปัสสาวะเล็ด โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
-อุจจาระเป็นเลือด  มูก หรือเป็นมูกเลือด
-ท้องผูก สลับท้อง โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
สมุนไพร เห็ดหลินจือ-มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ หรือ มีประจำเดือนแตกต่างจากปกติ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดในวัยหมดประจำเลือดหรือข้างหลังร่วมเพศในขณะที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
-ท้องเฟ้อ ท้องอืด แน่ อึดอัดท้อง โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
-เป็นไข้ต่ำๆหามูลเหตุมิได้
-เป็นไข้สูงบ่อยครั้ง หาต้นเหตุมิได้
-เป็นไข้สูงบ่อย หามูลเหตุมิได้
-ผอมบางลงมากใน 6 เดือน น้ำหนักลดจากเดิมเป็น 10%
-มีจ้ำห้อเลือดง่าย หรือ มีจุดแดงเหมือนไข้เลือดออกตามผิวหนังหลายครั้ง
-ปวดศีรษะรุนแรงเรื้อรัง หรือ แขน/ขาอ่อนแรง หรือ ชัก โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
-ปวดหลังเรื้อรัง รวมทั้งปวดเยอะขึ้นเรื่อยๆอาร่วมกับ แขน/ขาอ่อนแรง

สัญญาณอันตราย 7 ประการ ที่ควรจะรีบมาเจอหมอ
เห็ดหลินจือ-มีเลือดหรือเรื่องผิดปกติออกมาจากร่างกาย อย่างเช่น มีตกขาวมากเกินไป
-มีก้อนเลือดหรือตุ่ม เกิดขึ้นที่ไหนที่หนึ่งของร่างกายและก็ก้อนนั้นโตเร็วผิดปกติ
-มีแผลเรื้อรัง
-มีการอึ ปัสสาวะ เปลี่ยนไปจากปกติหรือเปลี่ยนไปจากเดิม
-เสียงแหบ ไอเรื้อรัง
-กลืนอาหารทุกข์ยากลำบาก ไม่อยากกินอาหาร น้ำหนักลด
สมุนไพร-มีการเปลี่ยนแปลงของหูด ไฝ ปาน อย่างเช่น โตผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์
รายนามโรคมะเร็งที่พบมาก
1.โรคมะเร็งตับ
2.มะเร็งปอด
3.มะเล็งเม็ดเลือดขาว
4.โรคมะเร็งสมอง
5.มะเร็งปากมดลูก
6.โรคมะเร็งไส้
7.โรคมะเร็งกล่องเสียง
8.มะเร็งผิวหนัง
9.มะเร็งรังไข่
10.มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
11.มะเร็งต่อมลูกหมาก
12.โรคมะเร็งเต้านม
13.มะเร็งกระเพาะ
14.โรคมะเร็งกระดูก
15.มะเร็งหลอดของกิน
16.มะเล็งลิ้น
17.โรคมะเร็งโพรงปากรวมทั้งคอ
18.มะเร็งท่อน้ำดีแล้วก็ถุงน้ำดี
19.มะเร็งหลอดลม
20.มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
21.มะเร็งตับอ่อน
22.มะเร็งไต
23.มะเร็งไทรอย์
24.มะเร็งโรงจมูก
สมุนไพร-เห็ดหลินจือ[/b] จะมองเห็นได้ว่าโรคมะเร็งนั้นเป็นโรคอันตรายซึ่งสามารถคุ้มครองปกป้องให้ไกลห่างจากโรคมะเร็งได้ ทั้งนี้ข้นอยู่กับความประพฤติปฏิบัติระเบียบวินัยของทุกคนเป็นหลักว่าจะสามารถยับยั้งชั่งใจในอ่อนอาหารกินได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากที่มาของโรคมะเร็งส่วนมากนั้นมีเหตุที่เกิดจากการทานอาหาร พวกเราจะต้องเลือกกินอาหารซึ่งมีก็แต่คุณประโยชน์และก็ค่าทางโภชนาการแล้วก็ความสะอาดโดยไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีต่างๆเพื่อให้ห่างไหลมายากลจากโรคร้ายอย่างมะเร็ง

Tags : เห็ดหลินจือแดง,เพาะเห็ดหลินจือ

14

[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ[/url][/size][/b]
เห็ดหลินจือมีผลเช่นไรต่อเซลล์ต่อมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันสูง และก็โรคอื่นๆอันแสนเพลียที่จะรักษา ติดตามผลการศึกษาเรียนรู้รับรองคุณประโยชน์ได้ในบทความนี้ค่ะ
บทความพวกนี้อ้างอิงคุณประโยชน์ของเห็ดหลินจือจากผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยรับรองจากที่ต่างๆเพื่อให้เพื่อนพ้องได้พินิจด้วยตัวเองว่ารักษาโรคได้ดีแค่ไหนแล้วก็น่าเชื่อถือเท่าใด ถ้าเกิดเพื่อนๆเคยอ่านบทความเกี่ยวกับสรรรพคุณหรืองานศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเห็ดหลินจือจากที่อื่นมาก่อน แล้วรู้สึกอ่านไม่ง่ายเยอะแค่ไหนไหมรู้เรื่อง บทความในเว็บแห่งนี้คนเขียนได้คัดเลือกและเก็บจากหลายที่และเขียนในภาษาที่อ่านง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อนฝูงๆชอบบทความนี้ก็จะเป็นอันมากหัวใจให้คนเขียนได้บทความดีๆให้สหายอ่านกันอีกต่อไปบทความเห็ดหลินจือรักษาโรคเด็ดๆที่สหายๆจำต้องชอบ
ระบบภูมิคุ้มกันเป็นกลไกการกำจัดเชื้อโรค สารเคมีแปลกปลอม เซลล์ของโรคมะเร็ง และก็สิ่งเจือปนอื่ๆที่จะเข้ามาทำอัตรายต่อร่างกายเรานั้นเอง โดยเหตุนั้นถ้าหากเพื่อนพ้องๆมีระบบภูมิคุ้มกันดีก็จะไม่เจ็บไข้ง่าย หรือถ้าเจ็บไข้ก็จะรู้สึกตัวเร็ว แต่ว่าถ้าระบบภูมิต้านทานไม่ดีก็จะเจ็บไข้บ่อยรวมทั้งเป็นหนักกว่าผู้ที่มีระบบูมิคุ้มกันแข็งแรง มาถึวนี้แล้วเพื่อนพ้องๆอาจมองเห็นจุดสำคัญของการมีระบบภูมิต้านทานที่แข็งแรงกันแล้ว
ชาวจีนโบราณใช้สมุนไพร เห็ดหลินจือมาเป็นเวลานานกว่า 2000 ปีแล้ว แม้กระนั้นในยุคนั้นยังไม่มีผู้ใดพิสูจน์ได้ว่าเพราะอะไรคนที่ทานเห็ดหลินจือถึงแก่ยืนแล้วก็แข็งแรงไม่ค่อยเป็นโรค ในช่วงเวลานี้เราสมารถพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสารกรุ๊ป Polysacchayide ในเห็ดหลินจือนั้นสามารถสร้างเสริมภูมิต้านทานให้กับพวกเราได้จริง สารกลุ่มดังที่กล่าวมาข้างต้นสามารถกระตุ้นการสร้าง Interleukin แล้วก็ Immuoglodulin ซึ่งส่งผลให้ระบบภูมคุ้มครองดีรวมทั้งแข็งแรงขึ้น
ระบบภูมิต้านทานที่ถูกเสริมด้วยสาร Polysaccharide ในเห็ดหลินจือจะสามารถต้านทานวรัส เซลล์ของโรคมะเร็ง รวมทั้งจำกัดสารอนุมูลอิสระก้าวหน้าขึ้น นอกนั้นยังช่วยทำให้ผู้ที่ถูกผลข้างเคียงที่โดนยาต้านทานโรคมะเร็งบางตัวแล้วก็การทำคีโมกดภูมิคุ้มกันให้มีระบบระเบียบภูมิคุ้มกันดีขึ้นอีก รวมทั้งเห็ดหลินจือยังมีสารออกฤทธิ์ต้านทานการแบ่งตัวของเชื้อ HIV อีกด้วย ซึ่ง กรุ๊ปดังที่กล่าวมาแล้วเป็นกรุ๊ป Bitter Triterpenoids
นักวิจัยได้ศึกษาและทำการค้นพบสารหลายอย่างในสมุนไพร เห็ดหลินจือที่ช่วยลดปริมาณไขมันในเส้นโลหิตหมายถึงGanoderic Acid รวมทั้ง Lucidenic Acid ซึ่งสาร 2 ชนิดที่ได้กล่าวมาแล้ว เว้นแต่ช่วยลดไขมันในเส้นโลหิตได้แล้ว ยังคุ้มครองป้องกันไม่ให้ไขมันตันเส้นเลือดได้โดยตรงอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีสารกรุ๊ป Nucleotide ซึ่งสามารถช่วยลดการอุดตันของลิ่มเลือดในเส้นเลือด และช่วยลดอัตราเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตได้อีกด้วย
ได้มีนักวิทยาศาสตร์ที่ประเทศญี่ปุ่นทดสอบให้สารสกัดเห็ดหลินจือกับคนที่เป็นโรคไขมันเส้นโลหิตสูง 70 ราย รวมทั้งกระทำการเก็บผลของการทดสอบหลังจากผ่านไป 3 เดือน พบว่าโคเรสเตอรอลของคนรับการทดสอบน้อยลงไปถึง 74% ซึ่งก็สอดคล้องกับผลที่เกิดจากการวิจัยจากทั้งโลก และยังพบว่าเห็ดหลินจือ เว้นแต่ช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นโลหิตแล้ว ยังทำให้โลหิตไหลเวียนอีกด้วย
ด้วยเหตุนั้น จึงอาจจะกล่าวว่า สิ่งที่ใช้พิสูจน์ทางคุณสมบัติแล้วก็ประโยชน์ที่ได้รับมาจากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง งานศึกษาวิจัยเป็นการทดสอบขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีคุณภาพพอเพียง หรือเป็นเพียงการทดลองในคนป่วยบางกรุ๊ปแค่นั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง ก็เลยยังคงเป็นเรื่องการค้นคว้าที่ควรจะทำงานทดลองต่อไป เพื่อได้ได้ผลลัพ์ที่แจ่มแจ้ง แล้วก็มีประโยชน์ในวงกว้างต่อการดูแลและรักษาคนป่วยโรคมะเร็งได้ในอนาคต
ภาวการณ์ต่อมลูกหมากโต รวมทั้งการเจ็บป่วยในระบบทางเดินปัสสาวะ
มีกรรมวิธีทดลองหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากสมุนไพร เห็ดหลินจือทดลองในคนป่วยเพศ 88 รายซึ่งแก่เกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีลักษณะอาการเยี่ยวติดขัด ข้างหลังการทดสอบกว่า 12 สัปดาห์ ผลที่ได้เป็น คนเจ็บต่างมีระดับคะแนน IPSS ที่ดียิ่งขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับการวัดปัญหาในระบบทางเท้าปัสวะของคนเจ็บจากการตอบคำถาม กลับไม่ปรากฏผลในเชิงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากแต่อย่างใด
เพราะฉะนั้น การทดลองดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วก็เลยยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่กระจ่างแจ้งพอเพียง จำเป็นที่จะต้องมีการค้นคว้าทดลองในด้านนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อค้นหาข้างหลังฐานที่กระจ่างแจ้งสำหรับการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการดูแลรักษาสภาวะต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาสุขภาพใดๆก็ตามที่เกี่ยวโยง

ลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลการทดลองด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานจำพวก 2 เข้าร่วมทดลองกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่มีผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพเพียงพอจะเกื้อหนุนผลทางการรักษาพวกนั้น และไม่มีข้อมูลที่พอเพียงในการรับรองด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือสิ่งเดียวกัน โดยหนึ่งในการค้นคว้าพวกนั้น ได้แสดงถึงผลกระทบจากการบริโภคเห็ดหลินจือในคนป่วยบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเดิน หรือท้องผูก
สมุนไพร ดังนั้นจึงควรมีการค้นคว้าทดสอบถึงความสามารถของเห็ดหลินจือสำหรับการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆกลุ่มนี้เพื่อคุ้มครองป้องกันและการดูแลและรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจถัดไป รวมถึงให้ได้เรื่องกระจ่างชัดดเจนในด้านดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเยอะขึ้น อันเป็นผลดีต่อวิธีการรักษาคุ้มครองป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจรวมทั้งอาการต่างๆที่เกี่ยวโยงถัดไปในอนาคต

15

เห็ดหลินจือ
สมุนไพร เพื่อนๆบางคนอาจสงสัยว่าโรคตับที่เห็ดหลินจือรักษาได้นี่หมายถึงโรคอะไรกันแน่ใช่ไหม โรคตับเป็นทองคำกว้างๆที่รวมโรคหลายอย่างเกี่ยวกับตับ เช่นตับแข็ง มะเร็งในตับ และไวรัสตับเป็นทองคำกวางๆที่รวมหลายอย่างเกี่ยวกับตับ เช่น ตับแข็ง มะเร็งในตับ และไวรัสตับอักเสบบี ก็ล้วนโรคตับทั้งสิ้น
ผลการวิจัยพบว่า เห็ดหลินจือ มีสารสามารถยับยั้งมะเร็งไดและโดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติ สารดังกล่าวมีอยู่มากที่สปอร์ที่กะเทาะผนังหุ้มสปอร์แล้วนอกนี้ผลงานวิจัยจากกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยพบว่าเห็ดหลินจือมีสารกลุ่ม Polysaccharide ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้ม และสารกลุ่ม Triterpenes (พบที่สปอร์ของเห็ดหลินจือ มากที่สุด ) ซึ่งกลุ่มหลังสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ โดยสปอร์กะเทาะผนังหุ้มจะให้ผลดีกว่าแบบไม่กะเทาะมาก
อย่างไรก็ตามฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งของมะเร็งของสารสกัดเห็ดหลินจือที่กล่าวไปนั้น ยังคงเป็นเพียงผลการทดลองในหลอดทดลองเท่านั้น ขณะนี้คณะแพทย์ศาสตร์ของมหาลัยเชียงใหม่กำลังวิจัยผลที่มีต่อผู้ป่วยโรคมะเร็วจริงๆและคาดว่าผลการศึกษานี้คงจะตีแผ่ให้เพื่อนๆได้ทราบกันในเร็วๆนี้ค่ะ แต่ตอนนี้มีรายงานการศึกษาจากประเทศจีนพบว่า เห็ดหลินจือสามารถเสริมภูมิคุ้มกันได้จริงในผู้ป่วยมะเล็กลำไส้ใหญ่ ปอด และผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งขั้นลุกลาม โดยไม่มีผลข้างเคียงและสามารถใช้ได้ติดต่อกันเป็นเวลานานได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามในประเทศไทย การใช้สมุนไพร เห็ดหลินจือในการรักษาโรคมะเร็งนั้นยังไม่ใช่ช่องทางหลักในการรักษา เน้นเรื่องเสริมภูมิต้านทานมากกว่า
ตอนนี้มีผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือขายมากมายตามท้องตลาด มีทั้งที่ผลิตในไทยและนำเข้าจากต่างประเทศ ถ้าเพื่อนๆอยากเลือกซื้อ ต้องดูให้ดี ว่าผลิตภัณฑ์ตัวนั้นมีที่มาและแหล่งผลิตน่าเชื่อถือหรือเปล่า มีการรับรองจาก อย. หรือไม่ และผลิตภัณฑ์ที่สามารถกันความชื้นได้ดีหรือป่าว
เห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรที่มีสาระสำคัญหลายกลุ่มที่มีฤทธิ์รักษาหรือบรรเทาโรคตับได้ครอบคลุมหลายตับ กลุ่ม Triterpenoid สารกลุ่มนี้มีสารออกฤทธิ์หลักๆคือ Ganoderic acid ซึ่งช่วยเสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาว ต้านสารพิษ และช่วยหยุดการเติบโตของมะเร็งตับ โปรตีน Lz-8 ช่วยรักษาโรคไวรัสตับอักเสบบีและกลุ่ม Germanium ซึ่งเป็นอีกตัวที่ช่วยรักษามะเร็งตับ
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่รายงานว่าเห็ดหลินจือสามารถรักษาโรคตับได้ และยังมีการจดสิทธิบัตรยาบำรุงตับตัวหนึ่งที่เกาหลีใต้ ซึ่งยาดังกล่าวมีส่วนประกอบของสารกาโนโดสเทอโรนในเห็ดหลินจืออีกด้วย
ถ้าไม่ได้เป็นโรคอะไรเกี่ยวกับตับแล้วจะยังทานเห็ดหลินจือได้หรือป่าว
คำตอบคือได้ เห็ดหลินไม่ได้รักษาโรคตับได้อย่างเดียว แต่ยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันลดน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคหัวใจ ได้อีกมามายตามที่เขียนไว้ในบทความเห็ดหลินจือรักษาโรคในเว็บไซต์นี้ หรือจะทานแบบถือคติ กันไว้ดีกว่าแก้ ก็ไม่ผิด
สมุนไพร โรคภูมิแพ้คือโรคที่ร่างกายแพ้สารบางอย่างที่คนทั่วไปไม่แสดงอาการแพ้ เป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดสนิทได้ ภูมิแพ้ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่ถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรมในเด็กอายุ 5-15 จะพบโรคนี้ได้มากที่สุดเมื่อร่างกายแสดงอาการแพ้ เช่น การเกิดผื่นคันหรือตุ่มตามตัว เพราะฉะนั้นถ้าเรายับยั้งการกล

เมื่อร่างกายได้รับสารที่ทำให้เกิดการแพ้สักอย่างหนึ่ง ร่างกายจะหลั่งสาร Histamine ออก ซึ้งสารตัวนี้จะไปทำให้ร่างกายแสดงอาการแพ้ เช่น การเกิดผื่นคันหรือตุ่มตามตัว เพราะฉะนั้นถ้าเรายับยั้งการหลั่งสาร Histamine นี้ ก็จะทำให้ร่างกายไม่แสดงอาการแพ้ออกมา
ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ เพื่อนๆที่กำลังอ่านอยู่คงเข้าใจและเห็นด้วยกันทุกคนใช่ไหม แต่เพื่อนอาจกำลังสงสัยกันอยู่ว่า แล้วจะต้องทำยังไงไม่ให้ป่วยละ
คำตอบคือ เห็ดหลินจือทำให้ตัวเพื่อนเองมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงไง ซึ่งก็จะเป็นผลพวงจาการดูแลสุขภาพ แล้วเห็ดหลินจือจะมีผลยังเดี๋ยววันนี้จะค่อยไขความกระจ่าง
สมุนไพร ระบบภูมิคุ้มกันคือกลไกการกำจัดเชื้อโรค สารเคมีแปลกปลอม เซลล์มะเร็ง และสิ่งแปลกปลอมอื่ๆที่จะเข้ามาทำอัตรายต่อร่างกายเรานั้นเอง ดังนั้นถ้าเพื่อนๆมีระบบภูมิคุ้มกันดีก็จะไม่ป่วยง่าย หรือถ้าป่วยก็จะฟื้นเร็ว แต่ถ้าระบบภูมิคุ้มกันไม่ดีก็จะป่วยบ่อยและเป็นหนักกว่าคนที่มีระบบูมิคุ้มกันแข็งแรง มาถึวตรงนี้แล้วเพื่อนๆคงเห็นความสำคัญของการมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงกันแล้ว
คนจีนโบราณใช้เห็ดหลินจือมานานกว่า 2000 ปีแล้ว แต่ในสมัยนั้นยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าทำไมคนที่ทานเห็ดหลินจือถึงมีอายุยืนและแข็งแรงไม่ค่อยเป็นโรค ตอนนี้เราสมารถพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสารกลุ่ม Polysacchayide ในเห็ดหลินจือนั้นสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเราได้จริง สารกลุ่มดังกล่าวสามารถกระตุ้นการสร้าง Interleukin และ Immuoglodulin ซึ่งส่งผลให้ระบบภูมคุ้มกันดีและแข็งแรงขึ้น
ระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกเสริมด้วยสาร Polysaccharide ใน[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ[/url]จะสามารถต้านวรัส เซลล์มะเร็ง และจำกัดสารอนุมูลอิสระได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้คนที่ถูกผลข้างเคียงที่โดนยาต้านมะเร็งบางตัวและการทำคีโมกดภูมิคุ้มกันให้มีระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้นอีก และเห็ดหลินจือยังมีสารออกฤทธิ์ต้านการแบ่งตัวของเชื้อ HIV อีกด้วย ซึ่ง กลุ่มดังกล่าวคือกลุ่ม Bitter Triterpenoids

Tags : สมุนไพรเห็ดหลินจือ

หน้า: [1] 2 3 ... 7