รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 341 ครั้ง)

แสงจันทร์5555

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 77
    • ดูรายละเอียด


โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ (Viral hepatitis)

  • โรคไวรัสตับอักเสบเป็นอย่างไร ตับนับเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโล อยู่ข้างหลังเครื่องกั้นลมรวมทั้งมีบทบาทที่สำคัญต่างๆดังต่อไปนี้ เป็นคลังสะสมอาหาร ดังเช่น แป้ง ไขมัน โปรตีน เอาไว้ใช้ และก็ปล่อยเมื่อร่างกายต้องการ สังเคราะห์สารต่างๆดังเช่น น้ำดี สารควบคุมการแข็งตัวของเลือด ฮอร์โมน กำจัดสารพิษ รวมทั้งสิ่งปลอมปน ดังเช่นว่าเชื้อโรค หรือยา แม้กระนั้นในตอนนี้ชาวไทยมีอัตราการตายด้วยโรคที่เกี่ยวกับตับสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นโรคโรคตับแข็ง โรคมะเร็งตับ ภาวการณ์ไขมันสะสมในตับ และก็โรคตับอักเสบ ผู้ที่เจ็บป่วยซึ่งเป็นผลมาจากการเป็นโรคตับอักเสบพบได้ทุกวัย อีกทั้งชายและก็หญิง ส่วนใหญ่เป็นโรคตับอักเสบรุนแรง ส่วนน้อยเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังและก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนของโรคตับแข็ง ตับวาย โรคมะเร็งตับ

    ตับอักเสบ เป็นสภาวะทางด้านการแพทย์ที่มีการอักเสบของตับรวมทั้งเกิดการทำลายของเซลล์ตับ ทำให้วิธีการทำหน้าที่ต่างๆของตับผิดปกติ ร่างกายอาจออกอาการไม่สบายเล็กน้อยหรือไม่แสดงอาการเลยแต่ชอบนำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการโรคตับเหลือง อาการไม่อยากกินอาหาร แล้วก็ลักษณะของการมีไข้ 
    สาเหตุของโรคตับอักเสบ ที่พบมากที่สุดคือ การตำหนิซุกซนไวรัส รองลงมามีต้นเหตุมาจาก พิษเหล้า เชื้อแบคทีเรีย เชื้อโปรโตซัวเลปโตสไปโสสิส พยาธิ ยาบางประเภท สารเคมี โดยส่วนมากจะมีต้นเหตุจากการตำหนิดเชื้อไวรัสจำพวกต่างๆซึ่งมีอยู่หลากหลายประเภทร่วมกัน คือ ไวรัสตับอักเสบประเภท อี ซึ่งแต่ละจำพวกมีความแตกต่างกันในรายละเอียดโดยปกติเมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัสตับอับเสบ ระบบภูมิต้านทานจะสามารถกำจัดเชื้อรวมทั้งจะหายเองได้ แม้กระนั้นมีบางรายร่างกายไม่อาจจะกำจัดเชื้อได้หมด เปลี่ยนเป็นตับอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่ภาวการณ์โรคตับแข็งแล้วก็โรคมะเร็งตับถัดไป
    ยิ่งกว่านั้นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส (Viral Hepatitis) เป็นโรคติดเชื้อที่มีความรุ่นแรงสูงและก็คือปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญปัญหาหนึ่ง หน่วยงานอนามันโลก หรือ WHO นับว่าโรคนี้เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของโลกทีเดียว เพื่อให้ราษฎรโลกตระหนักถึงภัยจากโรคตับอักเสบ องค์การอนามัยโลกก็เลยประกาศให้วัน ที่ 28 ก.ค.ของทุกปีเป็น “วันโรคตับอักเสบโลก (World hepatitis day)”

  • ที่มาของโรคไวรัสตับอักเสบ โรคไวรัสตับอักเสบนั้นนับยอดเยี่ยมในกรุ๊ปโรคตับอักเสบ ที่มีมูลเหตุมมาจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส 5 จำพวก คือ Hepatitis A virus (HAV), Hepatitis B virus (HBV), Hepatitis C virus (HCV), Hepatitis D virus (HDV) Hepatitis E virus (HEV) นอกจากนั้นอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยอื่นหรือไวรัสตัวอื่นอีก ซึ่งยังไม่สามารถตรวจเจอได้ เชื้อไวรัสตับอักเสบ ดังที่กล่าวมาแล้วสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ


  • กลุ่มที่ติดต่อทางการรับประทาน ดังเช่น HAV แล้วก็ HEV โดยปกติอาการไม่ร้ายแรงมากเท่าไรนัก และไม่มีผลใกล้กันตามมา ผู้เจ็บป่วยที่หายจากการต่อว่าดเชื้อกลุ่มนี้ในระยะเฉียบพลันแล้วจะไม่มีอาการตับอักเสบเรื้อรัง โรคตับแข็ง และก็โรคมะเร็ง
  • กลุ่มที่ติดต่อทางเลือด แล้วก็เซ็กซ์ ได้แก่ HBV และ HCV ไวรัสกลุ่มนี้มีลักษณะแทรกตามมาได้สูง เนื่องด้วยคนไข้มากมายมีลักษณะติดเชื้อโรคเรื้อรัง รวมทั้งอาจแปลงเป็นโรคตับแข็ง หรือ โรคมะเร็งตับได้
  • ลักษณะโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ อาการ ที่แน่ชัดหมายถึงอ่อนล้า โรคดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง ฉี่เหลืองราวกับขมิ้น) โดยมักไม่มีอาการไข้ (ตัวร้อน) ร่วมด้วย บางบุคคลอาจมีลักษณะของการปวดเสียด หรือจุกแน่น แถวลิ้นปี่ หรือชายโครงขวา (ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับ) ในบางบุคคลอาจพิจารณาได้ว่า ก่อนมีอาการโรคดีซ่าน จะมีลักษณะโรคดีซ่าน จะมีอาการเป็นไข้ หมดแรง เบื่ออาหาร เหมือนไข้หวัดใหญ่ อาจมีอาการอ้วก อ้วก ถ่าย เหลว หรือท้องร่วงร่วมด้วย เมื่อไข้ลด (อาจมีไข้อยู่ 4-5วัน) ก็มองเห็นปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้ม แล้วมองเห็นอาการตาเหลือง ตัวเหลืองตามมา


นอกเหนือจากนี้ ถ้าหากผู้เจ็บป่วยได้รับการเจาะเลือดตรวจจะพบว่า ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีทรานซามิเนส เป็นต้นว่า เอสจีโอที (SGOT) และเอสจีพีที (SGPT) ขึ้นสูงยิ่งกว่าคนธรรมดา ทำให้วินิจฉัยได้แน่ๆว่า อาการโรคตับเหลืองที่เกิดขึ้นมาจากโรคตับนั้น เป็นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส คนป่วยจะรู้สึกสบายขึ้น หายเหน็ดเหนื่อย หายเบื่ออาหาร ผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง จะมีอาการเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้าง่าย บางคราวมีอาการตาเหลืองน้อย นานเป็นปีฯ ถึงสิบๆปี ก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกอื่นๆตามมา ส่วนผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอับเสบบีหรือซี จะไม่มีอาการเปลี่ยนไปจากปกติใดๆให้เห็นจะรู้ต่อเมื่อตรวจเลือดพบเชื้อเท่านั้น ซึ่งหากจะแยกอาการตามประเภทของไวรัสที่ทำให้มีการเกิดโรคตับอักเสบนั้นสามารถแยกได้ดังนี้
ไวรัสตับอักเสบเอ จะกำเนิดอาการตับอักเสบกระทันหันเป็น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร โรคดีซ่าน โดยในผู้ใหญ่จะมีลักษณะมากกว่าในเด็ก เชื้อไวรัสตับอักเสบเอเป็นไวรัสที่เป็นทันควัน หายแล้วหายสนิทในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันแล้วจะไม่เป็นซ้ำอีก
ไวรัสตับอักเสบบี การตำหนิดเชื้อจากเชื้อไวรัสชนิดนี้มักจะทำให้มีการแฝงตัวเป็นไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง โดยผลที่เกิดในระยะยาวของการติดเชื้อไวรัสบีนั้นคือ ผู้ป่วยมีการเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะตับแข็ง แล้วก็มะเร็งตับได้ในระยะยาว แม้มิได้รับการตำหนิดตามรักษาที่เหมาะสม
ไวรัสตับอักเสบ ซี ไวรัสจำพวกนี้มักไม่ทำให้มีการเกิดอาการไม่ปกติใดๆก็ตามจากภาวการณ์ตับอักเสบกระทันหัน แต่ว่าจะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของตับ เมื่อมีการอักเสบไปนานๆก็จะเกิดพังผืดสะสมในตับจนถึงแปลงเป็นตับแข็งท้ายที่สุด
ไวรัสตับอักเสบ ดี ลักษณะของเชื้อไวรัสประเภทนี้จะมีผลให้เกิดตับอักเสบซ้ำไปซ้ำมาขึ้นมา เช่นเดียวกับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบี
ไวรัสตับอักเสบ อี การเกิดโรคของไวรัสประเภทนี้จะมีผลให้เกิดตับอักเสบฉับพลัน ตัวเหลืองตาเหลือง คนเจ็บหลายๆรายอาจมีอาการเหลืองนานเป็นต้นตย์ หรือ สองสามเดือนได้

  • กลุ่มบุคคลที่เสี่ยงจะเป็นโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ


เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ ฝูงชนที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบจำพวกเอสูงเป็น กรุ๊ปที่มีสุขอนามัยหรือการสุขาภิบาลไม่ดี ดังเช่นว่า ทานอาหารครึ่งดิบครึ่งสุกรับประทานอาการหรือน้ำที่ไม่สะอาดรวมทั้งคนที่อยู่ในสถานที่แออัด
ไวรัสตับอักเสบชนิดบี เพราะเหตุว่า ไวรัสชนิดนี้พบได้บ่อยในสารคัดเลือกหลั่งของมนุษย์ เช่น เลือด นม อสุจิ น้ำลาย ด้วยเหตุดังกล่าวกรุ๊ปเสี่ยงสำหรับเพื่อการติดเชื้อเชื้อไวรัสประเภทนี้ ก็เลยได้แก้คนที่จำเป็นต้องสัมผัสกับสารคัดหลั่งเหล่านี้ ยิ่งกว่านั้นยังสามารถติดเชื้อจากแม่สู่ลูกได้อีกด้วย
ไวรัสตับอักเสบชนิดซี กลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงสำหรับในการติดเชื้อ อาทิเช่น บุคคลที่ใช้เข็มหรือของมีคมร่วมกัน ตัวอย่างเช่น ผู้ติดผงขาว กรุ๊ปผู้ที่ชอบสักตามร่างกาย เป็นต้น
เชื้อไวรัสตับอักเสบประเภทดี ไวรัสประเภทนี้เป็นไวรัสที่มักจะพบว่าเกิดขึ้นพร้อมทั้งเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ด้วยเหตุนี้กรุ๊ปเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบดีก็เลยเป็นกลุ่มที่มีความประพฤติเสี่ยง เหมือนกันกับผู้ที่เสี่ยงจะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ไวรัสตับอักเสบชนิดอี ไวรัสชนิดนี้สามารถเจอได้ในคนและสัตว์ ตัวอย่างเช่น หมูรวมทั้งสัตว์อื่นๆและกรุ๊ปบุคคลที่เสี่ยงตายดเชื้อไวรัสประเภทนี้ดังเช่นว่าบุคคลที่รับประทานอาหารสุบๆดิบๆหรือคนที่สีสุขภาวะไม่สะอาดฯลฯ

  • กรรมวิธีการรักษาโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ หมอวินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบได้จาก ความเป็นมาลักษณะของผู้ป่วย เรื่องราวสัมผัสโรค (ดังเช่นว่า การกินของกิน การได้รับเลือด การระบาดของโรคในที่ทำงาน การมีเซ็กส์สำส่อน หรือการใช้ยาเสพติด) การตรวจร่างกาย ถ้าเกิดมีลักษณะชัดเจนหมายถึงมีอาการเมื่อยล้า โรคดีซ่าน โดยมีลักษณะอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่นำมาก่อน ไม่มีความเป็นมาดื่มสุราจัด น้ำหนักลดบางส่วน (เพียงแต่ 1-2 กิโลกรัม) ยังรับประทานอาหารได้ ดื่มน้ำได้ ไม่คลื่นไส้ หมอจะวินิจฉัยโดยการตรวจร่างกายเพิ่มเติม ได้แก่ ตรวจเจอตับโตน้อย ลักษณะนุ่ม ไม่เจ็บมาก โดยไม่พบสิ่งผิดปกติอื่นๆรวมถึงไม่พบอาการไข้ (ตัวร้อน) ก็อาจวิเคราะห์ว่าเป็นโรคตับอักเสบจากไวรัส และให้การรักษาขั้นต้นได้ แม้กระนั้นถ้าเกิดมีลักษณะอาการไม่แน่ชัด หรือเป็นเรื้อรัง หรือสงสัยมีต้นเหตุที่เกิดจากต้นเหตุอื่น แพทย์จะทำตรวจการดำเนินงานของตับ โดยการหาระดับ SGOTAST,SGPT ALTค่าธรรมดาน้อยกว่า 40 IU/L ถ้าเกิดค่ามากกว่า 1.5-2 เท่าให้สงสัยว่าตับอักเสบ แม้พบว่าแตกต่างจากปกติหมอจะขอตรวจเดือนละครั้งติดต่อกันอย่างต่ำ 3 เดือน การตรวจค้นตัวเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ ตรวจหา Ig M Anti HAV ไวรัสตับอักเสบ บี ตรวจหา HBsAg ถ้าบวกแสดงว่ามีเชื้ออยู่   Anti HBs ถ้าบวกหมายความว่ามีภูเขามิต่อเชื้อ  HBeAg ถ้าเกิดบวกแปลว่าเชื้อมีการแบ่งตัว HBV-DNA เป็นการตรวจเพื่อหาปริมาณเชื้อ ไวรัสตับอักเสบ ซี Anti-HCV เป็นการบอกว่ามีภูมิต่อเชื้อ  HCV-RNA ดูปริมาณของเชื้อ การตรวจทานส่วนประกอบของตับ เป็นต้นว่าการตรวจคลื่นเสียงเพื่อดูว่ามีตับแข็งหรือโรคมะเร็งตับหรือเปล่า การตรวจชิ้นเนื้อตับ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะนำชิ้นเนื้อตับเพื่อวินิจฉัยความรุนแรงของโรค    เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส แพทย์จะเสนอแนะการกระทำตัวต่างๆหากไม่มีอาการอะไรเยอะมากก็จะไม่ให้ยา เนื่องเพราะโรคนี้ไม่มียารักษาเฉพาะ และก็นัดผู้เจ็บป่วยมาตรวจทานอาการทุก 1-2อาทิตย์ จนกว่าจะแน่ใจว่าหายดี  คนเจ็บโรคตับอักเสบเชื้อไวรัสส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรง ไม่ได้รับการรักษาเป็นพิเศษก็หายได้เอง คนเจ็บที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเป็นคนที่มีลักษณะอาการเมื่อยล้ามาก กินอาหารมิได้ คลื่นไส้คลื่นไส้มากมาย เจ็บท้องมาก ตัวเหลืองจัด ปวดมึนหัวรุนแรง พูดไม่รู้เรื่อง หรือเปล่ารู้สึกตัว และก็หญิงมีครรภ์แล้วก็คนเจ็บที่เป็นโรคอื่นอยู่เดิม  บางโอกาสอาจให้ยาทุเลาตามอาการ ดังเช่น ยาแก้คลื่นไส้ วิตามินบำรุง (ถ้าไม่อยากกินอาหารมากมาย) ฉีดเดกซ์โทรสหรือให้น้ำเกลือ (ถ้ากินได้น้อย หรือคลื่นไส้มาก) เป็นต้น ถ้าเกิดตรวจเจอว่าเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง (ซึ่ง มักมีต้นเหตุจากไวรัสตับอักเสบบีหรือซี) ซึ่งจะมีลักษณะอาการอักเสบนานเกิน 6 เดือน หมอบางทีอาจจำต้องกระทำตรวจพิเศษ ได้แก่ เจาะเนื้อตับออกมาพิสูจน์ ตรวจเลือดเพื่อมองสาเหตุของความรุนแรงแล้วก็ภาวะแทรกซ้อนเป็นระยะการดูแลและรักษาบางทีอาจฉีดยาอินเตอร์เฟียรอน (interferon) อาทิตย์ละ 3 ครั้ง นาน 4-6 เดือน ยานี้จะช่วยลดจำนวนเชื้อไวรัส และก็ลดการอักเสบของตับ ส่วนผู้ที่ตรวจเจอว่าเป็นพาหะ ของเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี แพทย์จะชี้แนะการปฏิบัติตัว รวมทั้งนัดตรวจทุก 3-6 เดือน ไปเรื่อยๆเพื่อเฝ้าอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
  • การติดต่อของโรคไวรัสตับอักเสบ
  • เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ (hepatitis A virus ย่อว่า HAV) สามารถติดต่อทางระบบทางเดินอาหาร โดยการกินของกิน ดื่มนมหรือน้ำที่แปดเปื้อนอุจจาระของมีเชื้อโรคนี้ (เหมือนกับโรคบิด อหิวาตกโรค ไข้รากสาดน้อย) ด้วยเหตุนั้นก็เลยสามารถแพร่กระจายได้ง่าย บางคราวบางทีอาจเจอการระบาดในค่ายทหาร โรงเรียน หรือ หมู่บ้าน

ระยะฟักตัวของโรคตับอักเสบจากไวรัสเอ 15-45 วัน (เฉลี่ย 30 วัน)

  • เชื้อไวรัสตับอักเสบบี (hepatitis B virus ย่อว่า HBV) เชื้อนี้จะมีอยู่ในเลือด แล้วก็ยังอาจพบมีอยู่ในน้ำลาย น้ำตา น้ำนม ปัสสาวะ น้ำอสุจิ น้ำเมือกในช่องคลอด เชื้อสามารถไปสู่ร่างกายโดยทางเพศสโมสร หรือถ่ายทอดจากแม่ที่มีเชื้อนี้ไปยังเด็กแรกเกิดขณะคลอด ยิ่งกว่านั้นยังสามารถติดต่อโดยทางเลือด ได้แก่ การให้เลือด การฉีดยา การฝังเข็ม การสักตามร่างกาย กระบวนการทำฟัน การใช้เครื่องมือหมอที่แปดเปื้อนเลือดของผู้ที่มีเชื้อโรคจำพวกนี้ ฯลฯ
ระยะฟักตัวของโรคตับอักเสบจำพวกบี 30-180 วัน (เฉลี่ย 60-90 วัน)

  • เชื้อไวรัสตับอักเสบซี (hepatitis C virus ย่อว่า HCV) เชื้อนี้สามารถติดต่อแบบเดียวกับไวรัสตับอักเสบบีทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งมีการดำเนินของโรคชนิดเดียวกันกับไวรัสตับอักเสบบี พูดอีกนัยหนึ่ง อาจจะเป็นผลให้เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง หรือคนที่ติดเชื้ออาจไม่มีอาการไม่ดีเหมือนปกติ แม้กระนั้นมีเชื้ออยู่ในร่างกายสามารถแพร่โรคให้บุคคลอื่นได้ เรียกว่าเป็นพาหะของโรค (carrier) ในที่สุดบางทีอาจกำเนิดโรคแทรกร้ายแรงหมายถึงตับแข็งกับมะเร็งตับ ลักษณะอาการกลุ่มนี้มักจะไม่เจอในติดเชื้อโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
  • เชื้อไวรัสตับอักเสบ ดี เป็นไวรัสที่แอบแฝงมากับไวรัสตับอักเสบ บี พบได้มากในกลุ่มประเทศยุโรป โดยเชื้อไวรัสตัวนี้ จะต้องอาศัยองค์ประกอบของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี สำหรับเพื่อการแบ่งตัว โดยเหตุนี้การต่อว่าดเชื้อจะเกิดขึ้นพร้อมทั้งเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือเกิดในคนไข้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีซ่อนเร้นอยู่ ภายในร่างกาย ฉะนั้นการติดต่อก็เลยมีลักษณะอย่างกับไวรัสตับอักเสบชนิดบี
  • ไวรัสตับอักเสบอี การเกิดโรคในคนนั้นผู้เจ็บป่วยหลายๆรายมีประวัติสัมผัสหรือทานอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบซึ่งเป็นเหตุของการต่อว่าดเชื้อได้ เพราะฉะนั้นการติดต่อของเชื้อไวรัสประเภทนี้จึงมีลักษณะดังเชื้อไวรัสตับอักเสบจำพวกเอ
  • การปฏิบัติตนเมื่อมีอาการป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ
  • ทำตามหมอและก็พยาบาลที่ดูแลรักษาเสนอแนะ
  • พักผ่อนเต็มกำลัง ควรหยุดงาน หยุดสถานที่เรียนตามแพทย์ชี้แนะ
  • ดื่มน้ำสะอาดให้มากมายๆอย่างต่ำวันละ 8 - 10 แก้วเมื่อไม่มีโรคจำต้องจำกัดน้ำกิน
  • กินอาหารมีสาระ 5 กลุ่ม แต่ควรจะเป็นอาหารอ่อนย่อยง่าย เพิ่มผัก ผลไม้ให้มากมายๆ
  • กินยาที่ช่วยบรรเทาอาการต่างๆตามหมอแนะนำ
  • ไม่ซื้อยารับประทานเองเพราะเหตุว่าอาจส่งผลให้ตับอักเสบเพิ่มขึ้น หรืออาจมีผลกระทบจากยามากขึ้น เพราะตับไม่สามารถที่จะกำจัดยาส่วนเกินออกมาจากร่างกายได้ตามธรรมดา
  • งดเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกประเภทเนื่องจากว่าจะเพิ่มการทำลายเซลล์ตับ
  • รักษาสุขอนามัยฐานราก (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อให้มีสุขภาพดี ลดความร้ายแรงของโรค และลดการกระจายเชื้อสู่คนอื่น
  • ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนอาหารและหลังการขับถ่าย
  • แยกเครื่องใช้สอย ของใช้ส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก้วน้ำรวมทั้งช้อน
  • พบหมอตามนัดเสมอ รวมทั้งรีบพบหมอก่อนนัดหมายเมื่อมีอาการเปลี่ยนไปจากปกติไปจากเดิม รวมทั้ง/หรือ เมื่ออาการต่างๆชั่วช้าสารเลวลง แล้วก็/หรือเมื่อหนักใจในอาการ
  • ควรจะรีบเจอหมอก่อนนัดหมายหรือเป็นการเร่งด่วนเมื่อรับประทาน/ดื่มมิได้ หรือเกิดอาการงง และ/หรือซึมลง เพราะเหตุว่าอาจเป็นอาการของตับวาย
  • การคุ้มครองตัวเองจากโรคไวรัสตับอักเสบ
  • รักษาสุขอนามัยรากฐาน (สุขข้อกำหนดแห่งชาติ) เพื่อลดโอกาสติดเชื้อโรคต่างๆ
  • ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนที่จะกินอาหารแล้วก็ข้างหลังการขับถ่าย
  • รับประทานแต่อาหารที่ปรุงสุกอย่างทั่วถึง สะอาด ดื่มแม้กระนั้นน้ำที่สะอาด ระวังการกินน้ำแข็ง และก็ของกินสุกๆดิบๆ
  • รักษาความสะอาดแก้วน้ำและช้อนเสมอ
  • ระมัดระวังการสัมผัสเลือดรวมทั้งสารคัดหลั่งของบุคคลอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เครื่องมือบาง อย่างด้วยกันเป็นต้นว่า เข็มฉีดยา วัสดุสักตามร่างกาย แล้วก็กรรไกรตัดเล็บ
  • ใช้ถุงยางชายเสมอเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • ฉีดยาป้องกันโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบจำพวกมีวัคซีน
  • การฉีดวัคซีนคุ้มครองป้องกัน เชื้อไวรัสตับอักเสบบเอ


o          ทารกแรกคลอดทุกราย โดยเฉพาะหากมารดาเป็นพาหะของเชื้อ
o          เด็กทั่วไป เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทาน
o          เด็กโต วัยรุ่น ผู้ใหญ่ บางทีอาจเคยติดโรคไวรัสตับอักเสบ เอ แล้ว
o         ผู้ที่จะเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการเป็นโรค

  • การฉีดยาคุ้มครองปกป้อง ไวรัสตับอักเสบบี


o       ทารกแรกคลอดทุกราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณแม่เป็นพาหะของเชื้อ
o         เด็กทั่วๆไป เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน
o         เด็กโต วัยรุ่น คนแก่ อาจเคยติดเชื้อเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี แล้ว ให้ตรวจเลือดก่อนพินิจฉีด วัคซีน

  • สมุนไพรที่ช่วยป้องกัน/รักษาโรคไวรัสตับอักเสบ

    ลูกใต้ใบ หรือ จูเกี๋ยเช่า เป็นหนึ่งสมุนไพรบำบัดตับ ต้นของลูกใต้ใบสามารถแก้ตับอักเสบ ต้นลูกใต้ใบประกอบด้วย สารไกลโคไซด์( Glycosides) ซาโพนิน (Saponin) แทนนิน (tannins) สารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ซึ่งเป็นกลุ่มสารพฤกษเคมี เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพืชนั้น ลูกใต้ใบช่วยบำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบ มีผลการวิจัยในสัตว์พบว่า สามารถป้องกันความเป็นพิษของยาพาราเซตตามอลต่อตับได้ และยังมีผลการวิจัยพบสารสกัดจากลูกใต้ใบสามารถป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลายจากสารพิษ อย่าง เหล้า ช่วยรักษาการอักเสบของตับทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง เช่น โรคไวรัสตับอักเสบบี และยังพบว่าทำให้การตับฟื้นตัวและยับยั้งเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ( HBV) ได้อีกด้วย
    โดยมีการทดลองและศึกษาวิจัยระหว่างคณะแพทย์จากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา และคณะแพทย์อินเดียแห่งเมืองมีคราสได้ศึกษาวิจัยพืชสมุนไพรชนิดต่างๆ ที่มีการใช้รักษาอาการดีซ่านมาตั้งแต่โบราณ โดยได้นำพืชสมุนไพรกว่า 1,000 ชนิดที่ใช้กันทั่วโลกมาทดสอบ
    จากการทดลองพบว่า พืชสมุนไพรหลายชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอของไวรัสชนิดนี้ และสารสกัดของ ลูกใต้ใบ มีฤทธิ์สูงสุด การทดลองทางคลินิกในเมืองมีคราสทำโดยให้แคปซูลยาสมุนไพร 200 มิลลิกรัมน้ำหนักแห้งแก่ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ บี 37 คน วันละครั้ง 30 วันติดต่อกันพร้อมกับให้ยาหลอกซึ่งภายในแคปซูลบรรจุน้ำตาลแล็กโทสแทน 23 คน หลังจากนั้นเจาะเลือดผู้ป่วยมาตรวจหาเชื้อไวรัส พบว่าผู้ป่วย 22 คน (ร้อยละ 59) ไม่มีเชื้อไวรัสในกระแสเลือด ในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกเพียง 1 คนที่ไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือด และภายหลังการติดตามผลการรักษาต่อไปอีก 9 เดือน พบว่า ผู้ป่วยทั้ง 22 คน ยังคงตรวจไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือดต่อไป
    เห็ดหลินจือ มีสารโพลีแซกคาไรด์ (polysaccharides) ออกฤทธิ์ยับยั้งสารพิษต่อตับ ไม่ให้ทำลายเซลล์ตับ เช่นสาร คาร์บอนเตตราคลอไรด์ ปรับปรุงการทำงานของตับ และยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีสารกลุ่มไตรเทอร์ปินนอยด์ (triterpenoids) ซึ่งมีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับ และสารเยอร์มาเนียม(germanium )ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายและยังมีกรดกาโนเดอลิก (ganoderic acid) กรดลูซิเดนิก (luci denic acid) เป็นสารต่อต้านสารพิษที่มีต่อตับ ยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติในตับ
    เอกสารอ้างอิง

  • โรคตับอักเสบ สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรคประจำปี 2555.สำนักระบาดวิทยา.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข.
  • ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์.ไวรัสตับอักเสบ(Viral hepatitis) .หาหมอดอทคอม.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • รศ.พญ.จันทพงษ์ วะสี. โรคตับอักเสบ จากเชื้อไวรัส.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่81.คอลัมน์โรคน่ารู้.มกราคม.2529
  • มารู้จักไวรัสตับอักเสบกันเถอะ.โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน.คณะเวชศาสตร์เขตร้อน.มหาวิทยาลัยมหิดล.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • รศ.นพ.สุรเกียรต์ อาชานานุภาพ.ตับอักเสบจากไวรัส.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่291.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.กรกฏาคม.2546
  • รศ.จันทร์เพ็ญ วิวัฒน์.การทดลองใช้ยาสมุนไพรรักษาไวรัสตับอักเสบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่121.คอลัมน์โลกกว้างและการแพทย์.พฤษภาคม.2541 http://www.disthai.com/
  • ศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อและพาหนะนำโรค กรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
  • Dienstag,J., and Isselbacher, K. (2001). Acute viral hepatitis. In Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, D., Hausen, S., Longo, D., and Jamesson, J. Harrrison’s: Principles of internal medicine. (p1721-1737). New York. McGraw-Hill.
  • สมพนธ์ บุณยคุปต์.(2538).ตับอักเสบ. งานการพยาบาลป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี.แผ่นพับ.
  • ทวีศักดิ์ แทนวันดี.(ม.ป.ป.).โรคตับอักเสบจากไวรัสซี. เชอริง-พราว จำกัด.
  • ชมรมตับอักเสบแห่งประเทศไทย (ม.ป.ป.).ไวรัสตับอักเสบมฤตยูเงียบ.เชอริง-พราว จำกัด.
  • ยง ภู่วรรณ.(2539).ไวรัสตับอักเสบและการป้องกัน. กรุงเทพฯ : ชัยเจริญ.



Tags : โรคไวรัสตับอักเสบ
บันทึกการเข้า