รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Topics - waanbotan_

หน้า: [1]
1
การเตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น อุบัติเหตุ การบาดเจ็บ หรือเหตุร้ายอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน ประกันชีวิตเป็นเครื่องมือที่สามารถให้ความคุ้มครองได้เหมาะสมทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิงทุกวัย โดยช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายในหลาย ๆ ด้าน เมื่อถึงเวลาตัดสินใจซื้อประกันชีวิต คนมักมีคำถามเกี่ยวกับประเภทของประกัน และว่าควรเลือกประกันชีวิตแบบไหนที่เหมาะสมกับรูปแบบชีวิตของตนเอง ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกันชีวิตแต่ละประเภทจึงเป็นสิ่งสำคัญ


ประกันชีวิตผู้สูงอายุ ข้อดีก็คือไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ เหมาะกับผู้สูงวัยที่ต้องการมีเงินก้อนให้แก่ลูกหลานยามเสียชีวิต และผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพซึ่งกำลังมองหาความคุ้มครองที่คุ้มค่า

ประกันชีวิตแบบควบคู่ไปกับการลงทุน ข้อดีของประกันประเภทนี้ คือนอกจากจะได้รับความคุ้มครองในส่วนของประกันแล้ว ก็ยังได้ลงทุนในกองทุนรวมต่าง ๆ โดยประกันประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนได้ ต้องการได้รับผลตอบแทนและความคุ้มครองจากการทำประกันชีวิตไปพร้อม ๆ กัน

ประกันชีวิตตลอดชีพ ข้อดีของประกันประเภทนี้ คือไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันไปตลอดจนเสียชีวิต ซึ่งทางประกันจะมีเงื่อนไขให้จ่ายประกันไปตามจำนวนปีที่กำหนด เมื่อจ่ายครบก็ไม่ต้องจ่ายต่อ แต่จะได้รับความคุ้มครองไปจนถึงอายุที่กำหนดตามเงื่อนไขประกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมมีหลักประกันและมีเงินก้อนให้กับลูกหลาน

ประกันชีวิตแบบช่วงระยะเวลา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความคุ้มครองในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ต้องการชำระเบี้ยที่ไม่สูง ยังไม่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ ข้อดีคือผู้ทำประกันสามารถเลือกระยะเวลาในการคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการได้ เช่น  5 ปี 10 ปี เป็นต้น ทั้งนี้ในส่วนของประกันมีการคุ้มครองที่สูง โดยค่าเบี้ยประกันแต่ละช่วงระยะเวลาการคุ้มครองที่เลือก ก็จะมีความแตกต่างกันออกไป

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ถือเป็นประกันที่เหมาะสำหรับผู้ที่คิดจะออมเงินไว้เพื่ออนาคต และมีแพลนว่าจะออมเงินตั้งแต่ระยะสั้นไปจนถึงระยะยาว โดยข้อดีของประกันแบบนี้ก็คือ เมื่อจ่ายเบี้ยประกันไปจนครบเงื่อนไขที่บริษัทประกันกำหนด ก็จะได้รับผลตอบแทนตามที่ระบุไว้ ซึ่งในระหว่างการออมนั้น ผู้ทำประกันก็ยังได้รับความคุ้มครองจากทางประกันชีวิตไปด้วย ได้ประโยชน์หลากหลายต่อเลยทีเดียว

จากข้อมูลนี้เราสามารถเห็นได้ว่าประกันชีวิตแต่ละประเภทมีข้อได้เปรียบที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ใครๆ ก็สามารถเลือกประกันชีวิตที่ตรงกับความต้องการของตนเองได้ตามต้องการ เช่น การทำประกันชีวิต ประกันโรคมะเร็ง ประกันเดินทางต่างประเทศ หรือ ประกันสำหรับรถยนต์ และนอกจากนี้ประกันของธนาคารกรุงไทย ที่มีแบบประกันให้เลือกหลากหลายประเภท แนะนำให้ลองไปปรึกษากับทางสถาบันการเงินโดยตรงไหนเลย

2
ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมลูกทําไงดี ? นับเป็นประโยคยอดฮิตของผู้ปกครองที่พูดถึงช่วงเปิดเทอมให้เราได้ยินกันเป็นประจำ ด้วยเหตุนี้เราจึงนำทางออกดังกล่าวง่าย ๆ มาฝากพ่อแม่ ผู้กำลังเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจได้รับมืออย่างถูกต้องเหมาะสม ซึ่งจะมีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไรบ้างนั้นมาดูกันเลยดีกว่า

รวมแหล่งสินเชื่อช่วยแก้ปัญหา ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม
   หากกำลังมองหาเงินก้อนเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอมด่วน คงหนีไม่พ้นกับการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน เพราะอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินกู้นอกระบบ และช่วยให้คุณมีเงินมาหมุนเวียนกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ด้วย ซึ่งมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำน่าสนใจดังนี้
สินเชื่อเพื่อการศึกษาในประเทศ
   สินเชื่อสำหรับผู้มีหลักทรัพย์ประกัน เช่น เงินสด, หลักทรัพย์จำนอง โดยให้วงเงินตามค่าใช้จ่ายจริง อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดของสินเชื่อดังกล่าวเริ่มต้นที่เรท MRR-0.75% และยื่นกู้ได้ตั้งแต่ชั้นระดับอนุบาลจนถึงระดับบัณฑิตศึกษากันเลยทีเดียว
สินเชื่ออนุมัติด่วน กรุงไทยใจป้ำ
   สินเชื่อวงเงินสูงที่ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือแม้แต่คนค้ำ เงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาท ก็ยื่นกู้ได้แล้ว ให้วงเงินกู้ฉุกเฉินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ และอนุมัติไวผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ไม่ต้องทำเรื่องขอสินเชื่อผ่านธนาคารให้ยุ่งยาก ไม่ต้องเป็นหนี้นอกระบบ

ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมทําไงดี ? รวมวิธีหาเงินเพิ่มยอดฮิตที่ทุกคนควรรู้
   1.ใช้บัตรเครดิต
   บัตรเครดิตเป็นช่องทางหาเงินด่วนที่ได้รับความนิยม เพราะเพียงรูดบัตรเครดิตก็มีค่าเทอมให้ลูกแล้ว แต่ทั้งนี้อย่าลืมว่าเมื่อพ่อแม่ใช้บัตรเครดิต ก็ควรผ่อนชำระให้ตรงเวลา มิเช่นนั้นต้องเจอกับค่าปรับ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงถึงร้อยละ 16 ต่อปีอีกด้วย ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมให้ปัญหาการเงินร้ายแรงยิ่งขึ้น
   2.โรงรับจำนำ
   การเข้าโรงรับจำนำช่วยให้ผู้ปกครองได้รับเงินสดอย่างรวดเร็ว เพียงนำทรัพย์สิน เช่น คอมพิวเตอร์ ทองคำ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ก็แปรเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ เมื่อหาเงินได้แล้วค่อยมาไถ่ของคืนจากโรงรับจำนำภายหลัง แต่ทั้งนี้โรงรับจำนำก็มีอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน กล่าวคือ หากเป็นโรงรับจำนำของรัฐ จะคิดอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 0.5 บาทต่อเดือน และอัตราดอกเบี้ยก็ปรับเพิ่มขึ้นตามเงินต้น จึงควรหมั่นติดตามข่าวสารเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยตามประกาศของโรงรับจำนำอยู่เสมอ
   3.ขอเงินทุนจากทางโรงเรียน
   หาก ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ขึ้นมาจริง ๆ แต่ละโรงเรียนจะมีทุนให้ ซึ่งมีทั้งทุนเรียนดี หรือทุนทางด้านกีฬา แถมบางโรงเรียนเป็นทุนให้เปล่าไม่จำเป็นต้องรักษาเกรดด้วย ทำให้นักเรียนมีเวลาไปหางานทำช่วงหลังเลิกเรียน และนอกจากทุนการศึกษาแล้ว ก็สามารถขอกู้จากช่องทาง กยศ. หรือ กรอ. เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับการศึกษาเล่าเรียนต่อด้วย

   นอกจาก 3 วิธีหาเงินที่ได้แนะนำไปแล้วข้างต้น พ่อแม่ผู้ปกครองยังสามารถหาเงินเพิ่มจากการทำงานเสริม เช่น ขับไรเดอร์, ขายของออนไลน์ หรือแม้แต่รับงานฟรีแลนซ์ตามที่ตนเองถนัด ก็จะช่วยให้สร้างรายได้ในระยะยาว แถมหากการทำงานเสริมเป็นไปด้วยดี ก็อาจออกมาทำธุรกิจส่วนตัวได้เลย ดังนั้นแล้วอย่าลืมพัฒนาทักษะใหม่ ๆ เพื่อให้มีรายได้มากพอมาจ่ายค่าเทอมให้ลูกด้วย

3
   การลงทุนในกองทุนรวมเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาในการติดตามข้อมูลข่าวสารและต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล กองทุนรวมมีผลิตภัณฑ์หลากหลายสามารถกระจายการลงทุนได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนที่สูง  นอกจากนั้นกองทุนรวมยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ เช่น  ssf กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Saving Fund) ที่เหมาะกับผู้ที่สนใจลงทุนระยะยาวตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
   
สำหรับกองทุนรวมเพื่อการออม ssf ลดหย่อนภาษี ได้ และยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง คือ
เป็นการลงทุนที่ไม่กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ
ไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี จึงมีความยืดหยุ่นในการลงทุนมากกว่า สามารถเลือกซื้อเฉพาะปีที่ต้องการลดหย่อนภาษีได้
ลงทุนได้ทุกประเภทสินทรัพย์ และมีให้เลือกระดับความเสี่ยงหลายระดับ
มีให้เลือกทั้งแบบจ่ายเงินปันผลเพื่อรับผลตอบแทนก่อนครบกำหนดขายคืนหน่วยลงทุน หรือเลือกแบบไม่มีการจ่ายเงินปันผลเพื่อให้ผลตอบแทนทบกับเงินต้นไปเรื่อย ๆ จนครบกำหนดขายคืน
ไม่กำหนดอายุของผู้ลงทุนเมื่อต้องการขายคืนหน่วยลงทุน

ssf มีเงื่อนไขเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีดังนี้
ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท แต่เมื่อรวมกับเงินเพื่อการเกษียณอื่น ๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินประกันชีวิตบำนาญ และอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ยกตัวอย่างเช่น ถ้าปีนี้มีรายได้ 1,000,000 บาท สามารถซื้อกองทุน ssf ได้สูงสุด 200,000 บาท แต่หากซื้อกองทุน ssf ไปแล้ว 200,000 บาท มีเงินประกันชีวิตบำนาญ 200,000 บาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีก 200,000 บาท จะสามารถลดหย่อนภาษีจาก ssf ได้เพียง 100,000 บาท เนื่องจากเงินเพื่อการเกษียณทั้งหมดเมื่อรวมกับ ssf แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท เป็นต้น
ลดหย่อนภาษีได้จนถึงปี พ.ศ. 2567
ต้องถือครองหน่วยลงทุนนั้นไว้อย่างน้อย 10 ปี โดยการนับปีชนปี

นอกจากกองทุนรวม ssf แล้วยังมีกองทุนรวม rmf กองทุนรวผลตอบแทนจากกองทุนรวม มเพื่อการเลี้ยงชีพที่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเช่นกัน   แต่ทั้งสองกองทุนมีความแตกต่างกันดังนี้
ระยะเวลาการถือครองหน่วยลงทุน rmf กำหนดให้ถือครองอย่างน้อย 5 ปี ในขณะที่ ssf ต้องถือครองอย่างน้อย 10 ปี
rmf กำหนดให้ผู้ลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่อมีอายุ 55 ปีขึ้นไปเท่านั้น แต่ ssf ไม่ได้กำหนดอายุของผู้ลงทุน
rmf ไม่ได้กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดสิทธิการลดหย่อนภาษี แต่ ssf ในปัจจุบันสามารถลดหย่อนภาษีได้จนถึงปี พ.ศ. 2567 หลังจากนั้นต้องรอมาตรการจากภาครัฐ
rmf มีเฉพาะแบบไม่มีการจ่ายเงินปันผล แต่ ssf มีทั้งแบบไม่มีการจ่ายเงินปันผลและจ่ายเงินปันผล
rmf เหมาะกับผู้ที่ต้องการออมเงินเพื่อใช้ในวัยเกษียณ เนื่องจากเงื่อนไขของ rmf คือผู้ลงทุนสามารถขายคืนกองทุนเมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป ในขณะที่ กองทุน ssf ลดหย่อนภาษี และต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวที่สามารถเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงได้ เนื่องจากการลงทุนระยะยาวสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้

ผู้ลงทุนที่มีอายุไม่มาก คือไม่เกิน 45 ปี การเลือกลงทุนในกองทุนรวม ssf คือ ทางเลือกที่เหมาะสมกว่า rmf เพราะไม่ต้องรอจนอายุครบ 55 ปี ก่อนจึงสามารถขายคืนกองทุนได้ รวมถึงได้มีโอกาสเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อโอกาสที่ได้รับผลตอบแทนที่สูงด้วย
   

4
Swift Code คืออะไร

แม้การโอนเงินต่างประเทศ จะมีระบบการโอนอยู่หลายรูปแบบ ซึ่งการโอนเงินผ่านระบบ Swift  ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะธนาคารหลายประเทศเลือกใช้ระบบการโอนนี้ เนื่องจากมีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือมากกว่าการโอนเงินระบบอื่น โดย Swift ย่อมาจากคำว่า Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication เป็นรหัสของธนาคารที่ใช้ในการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งธนาคารบนโลกมีมากกว่า 1 หมื่นแห่ง ในแต่ละวันมีปริมาณการทำธุรกรรมมหาศาล ระบบ Swift สามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว และมี Swift Code อันเป็นรหัสบ่งบอกธนาคารของผู้รับโอน เช่น เมื่อต้องการโอนเงินจากประเทศไทยเพื่อส่งค่าเล่าเรียนของบุตรในต่างประเทศที่ธนาคาร ABBEY NATIONAL TREAURY SERVICE PLC จะมีตัวอักษรและตัวเลขทั้งหมด 11 ตัว ได้แก่
 
ANTSGB2LXXX  “ANTS” คือชื่อย่อของธนาคารนี้ “GB” คือประเทศอังกฤษ ส่วน “2L” ระบุที่ตั้งของธนาคารคือลอนดอน สุดท้ายตัวอักษร “XXX” 3 ตัว บ่งบอกว่าเป็นธนาคารสาขาใหญ่ ส่วนใหญ่แล้วธนาคารในประเทศไทยจะไม่ใช้ตัวอักษร XXX เพื่อบอกว่าเป็นธนาคารสาขาใหญ่ จะละไว้เป็นฐานที่เข้าใจ เช่น KRTHTHBK เป็นตัวย่อ Swift Code ของธนาคารกรุงไทยสาขาใหญ่ เลขที่ 35 ถนนสุขุมวิท หรือถ้าเป็นเลขที่สาขาจะเป็น KRTHTHBKSRP ตัวอักษร 3 ตัวท้ายบ่งบอกว่าเป็นธนาคารกรุงไทยสาขาเสียมเรียม ประเทศกัมพูชา ดังนั้น โอนเงินไปต่างประเทศ แต่ละประเทศจะยังใช้ Swift Code บนพื้นฐานของ 8 – 11 ตัวอักษร  สามารถดูเพิ่มเติมที่โอนเงินต่างประเทศ   https://sunroomsmd.com/index.php?topic=12008.new#new

ค่าธรรมเนียมและระยะเวลา โอนเงินแบบ swift code กรุงไทยใช้เวลากี่วัน
ค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างประเทศ จะมีการคิดทั้งผู้รับและผู้โอน โดยฝั่งผู้รับธนาคารไทยส่วนใหญ่จะคิดค่าธรรมเนียม 400 บาท แต่ธนาคารกรุงศรีจะคิดค่าธรรมเนียมอยู่ราว 350 บาท ส่วนผู้โอนจะเสียค่าธรรมเนียมสูงกว่าผู้รับ และแต่ละสกุลเงินจะมีการคิดค่าธรรมเนียมแตกต่างกันออกไป เช่น ธนาคารกรุงไทยจะคิดค่าธรรมเนียม 400 + 1,200 บาท สำหรับสกุลเงินยูโรและปอนด์สเตอร์ลิง ในขณะที่ค่าธรรมเนียมของธนาคารกรุงศรีจะอยู่ที่ 1,150 บาท หรือธนาคารกรุงเทพและธนาคารออมสินจะคิดค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างประเทศ กรุงไทยผู้โอนเป็น 400 + 0.05% ของจำนวนเงินที่โอนในสกุลเยน อย่างไรก็ตามระยะเวลาในการโอนจะแตกต่างกันออกไป แม้จะโอนเงินด้วยแอปโมบายแบงก์กิ้งยังต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงสำหรับบางสกุลเงิน และช้าสุดจะเป็นสกุลเงินโซนยุโรปที่กว่าเงินจะเข้าอาจใช้เวลาราว 5 วัน  ดูข้อมูลค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างประเทศ   https://sunroomsmd.com/index.php?topic=12008.new#new

แอปธนาคารโอนเงินต่างประเทศ กรุงไทย   
โอนเงินต่างประเทศผ่านแอพ สามารถทำได้ไม่ยุ่งยากเพียงใช้ชื่อ ที่อยู่ของผู้รับโอนเป็นภาษาอังกฤษ กรอก Swift Code ของธนาคารผู้รับโอนเพื่อให้ระบุธนาคารรับโอนได้อย่างถูกต้อง และระบุจำนวนเงินที่ต้องการโอน โดยปกติการโอนด้วยแอปธนาคารจะมีฟังก์ชันแปลงค่าเงินให้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้า 2 – 3 แอปเพื่อแปลงค่าเงินไปมาให้ยุ่งยาก โอนเงินแบบ swift code   https://sunroomsmd.com/index.php?topic=12008.new#new
   
สำหรับการโอนเงินไปต่างประเทศ swift code กรุงไทยจะเสียเวลาการโอนตั้งแต่ 1 ชั่วโมง – 5 วัน มีความผันผวนด้านเวลามาก และค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระหลัก ๆ จะเป็นค่าธรรมเนียมฝั่งผู้รับและผู้โอน ทั้งนี้ต้องศึกษากรณีอื่น ๆ ด้วยว่าจะเสียค่าธรรมเนียมอื่นแฝงด้วยหรือไม่ โอนเงินไปต่างประเทศ swift code   https://sunroomsmd.com/index.php?topic=12008.new#new

5
ไขข้อสงสัยที่หลายคนอยากทำความเข้าใจว่า “ปรับโครงสร้างหนี้” และ “รีไฟแนนซ์” แตกต่างกันอย่างไร หากเรากำลังผ่อนบ้านหรือผ่อนรถ แต่ดอกเบี้ยสูงเกินไป เราผ่อนชำระหนี้ในอัตราเดิมต่อไปไม่ไหว อาจแก้ปัญหาให้หนี้เบาลงด้วยวิธีใดได้บ้าง แนะนำให้อ่านเรื่องนี้ก่อนตัดสินใจว่าแบบไหนที่เหมาะกับเรา

1.การ ขอปรับโครงสร้างหนี้ เนื่องจากหนี้บ้านส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะยาวเป็น 10-30 ปี ถือเป็นภาระหนักสำหรับคนทำงานมีรายได้ระดับหมื่นต้น ๆ ดอกเบี้ยจะค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นในระยะถัดไป เมื่อติดขัดเงินขาดมือ ควรรีบปรึกษากับสถาบันการเงินที่เป็นหนี้อยู่โดยเร็ว อย่าผิดนัดชำระหนี้หรือชำระหนี้สินล่าช้ากว่ากำหนด พยายามอย่าให้เป็นหนี้เสียที่ก่อปัญหาใหญ่โตมากขึ้น ลูกหนี้ควรเจรจาต่อรองกับทางธนาคารหรือสถาบันการเงินขอปรับโครงสร้างหนี้เพื่อให้ลดอัตราดอกเบี้ยต่ำลง เช่น จากเดิมผ่อนเดือนละ 20,000 บาท ลดเหลือ 5,000-10,000 บาท และอาจจะกลับมาผ่อนเหมือนเดิมได้เมื่อผ่านพ้นปัญหาติดขัดไปได้แล้ว
จุดเด่นของการปรับโครงสร้างหนี้ คือรวมหนี้ทั้งหมดเป็นยอดเดียวกันแล้วผ่อนจ่ายแค่ดอกเบี้ยก่อนด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิม ช่วยให้หาทางออกในเวลานั้นสามารถยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีกหน่อย นับเป็นวิธีที่เหมาะกำลังคนที่มีกำลังจ่ายหนี้ไหว แต่เพราะติดขัดปัญหาบางอย่าง เช่น ตกงานกะทันหัน หรือเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เกิดอาการตึงมือชั่วคราวและหมุนเงินไม่ทันเวลานั้น การปรับโครงสร้างหนี้จึงเป็นคำตอบที่น่าสนใจ แต่ถ้าคนเป็นหนี้ไม่มีกำลังจะจ่ายไหวและมีปัญหาเรื่องการชำระเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การปรับโครงสร้างหนี้ไม่ใช่ทางออกแน่นอน เพราะถึงจะผ่อนจ่ายแค่ดอกเบี้ยไปก่อน แต่หนี้เงินต้นก็ยังบานปลายอยู่แบบนั้น อาจเพิ่มภาระให้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

2.การรีไฟแนนซ์บ้าน เป็นการกู้เงินก้อนใหม่มาปิดหนี้ก้อนเดิม เรียกว่าเป็นการย้ายหนี้เก่าไปผ่อนกับสถาบันการเงินแห่งใหม่ เพื่อให้ยอดผ่อนชำระแต่ละเดือนลดลง ยกตัวอย่างง่าย ๆ กรณีที่คุณเป็นหนี้สินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อรถยนต์ แล้วต่อมาเกิดอาการชักหน้าไม่ถึง รู้สึกว่าผ่อนต่อไปไม่ไหวแล้ว การรีไฟแนนซ์ช่วยคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือรถยนต์ รวมถึงสามารถรีไฟแนนซ์ ปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิต ได้ด้วย เพียงแค่ย้ายสัญญาสินเชื่อเดิมไปเป็นสัญญาประเภทใหม่ ช่วยให้เราจัดการหนี้ได้ง่ายขึ้น
จุดเด่นของการรีไฟแนนซ์คือ ช่วยยืดระยะเวลาการผ่อนนานขึ้น ทั้งยังได้ลดดอกเบี้ยถูกลงกว่าเดิม หมายความว่ายอดผ่อนชำระต่อเดือนลดน้อยลงไปด้วย เหมาะกับช่วงที่ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างมาก

3.การรวมหนี้ เป็นขั้นตอนหนึ่งของ การปรับโครงสร้างหนี้ โดยนำสินเชื่อบ้านไปรวมกับสินเชื่อรายย่อยอื่น ๆ รวมทั้งโอนหนี้บัตรเครดิตมารวมไว้ในธนาคารเดียวกันได้ จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยและทำให้ลูกหนี้มีสภาพคล่องมากขึ้น หากรวมหนี้สำเร็จก่อนเป็นหนี้เสียก็จะไม่เสียประวัติหรือติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโรที่จะทำให้การกู้เงินต่าง ๆ ไม่ผ่าน
จุดเด่นของการรวมหนี้ ทำให้มีหนี้สินเหลือที่เดียว การจ่ายหนี้เพียงก้อนเดียวช่วยลดอัตราดอกเบี้ยถูกลง แต่ละงวดผ่อนจ่ายน้อยกว่าเดิมมาก ทั้งชำระหนี้ง่ายขึ้นและมีสภาพคล่องมากขึ้น สามารถทยอยผ่อนคืนเป็นงวด ๆ จนปิดหนี้ได้ทั้งหมด

สรุปว่า วิธีการ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผ่อนบ้าน    เป็นประโยชน์สำหรับคนที่มีหนี้สินเยอะ แล้วเกิดปัญหาไม่มีกำลังในการใช้หนี้คืนตามระยะเวลาที่กำหนด แนะนำให้คิดถึงการปรับโครงสร้างหนี้หรือการรีไฟแนนซ์ได้เลย เพราะเป็นวิธีแก้หนี้ที่ได้รับความนิยมและมีสถาบันการเงินให้บริการอย่างถูกต้อง

6
เด็กเป็นวัยที่เจ็บป่วยง่ายและมีโอกาสประสบอุบัติเหตุได้มากกว่าวัยอื่น ด้วยภูมิต้านทานที่ยังต่ำและด้วยร่างกายที่ยังบอบบางอยู่ เด็กจึงมีความเสี่ยงการเจ็บป่วยจากโรคติดต่อต่าง ๆ ได้ง่ายและรุนแรงกว่าผู้ใหญ่ รวมถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้งจากการเล่นซุกซนหรือจากการที่ร่างกายยังไม่แข็งแรง ซึ่งตามมาด้วยค่ารักษาพยาบาลที่สูง การ ทำประกันให้ลูก นอกจากจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแล้ว ยังช่วยให้พ่อแม่อุ่นใจว่าลูกจะได้รับการรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็วด้วย


ประกันเด็ก คือ ประกันสุขภาพสำหรับเด็กที่ให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล การ ซื้อประกันให้ลูก แม้จะเป็นการเลือกของพ่อแม่ว่าจะเลือกซื้อหรือไม่ แต่หากพิจารณาเหตุผลดังต่อไปนี้ พ่อแม่จะเห็นด้วยว่าการทำประกันสุขภาพให้ลูกนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็น
เพื่อรองรับค่ารักษาพยาบาลที่สูง เนื่องจากเด็กมีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่าย ได้บ่อย และได้นาน การมีประกันให้ลูกจึงช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ได้เป็นอย่างดี
เพื่อให้พ่อแม่ตัดสินใจได้ง่ายและเร็วขึ้นในการพาลูกไปโรงพยาบาลเมื่อเด็กเจ็บป่วย โดยเฉพาะเด็กเล็กอาจยังไม่สามารถบอกอาการเจ็บป่วยของตัวเองได้ เพียงแสดงอาการเซื่องซึมหรืองอแงออกมาเท่านั้น การพาลูกไปโรงพยาบาลเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติช่วยให้ลูกได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่อาการป่วยจะรุนแรงขึ้น


ด้วยเหตุผลตามที่กล่าวมาพ่อแม่คงมองเห็นแล้วว่าการ ทำประกันให้ลูก เป็นสิ่งจำเป็น และเห็นข้อดีของการมีประกันให้ลูก ได้แก่
ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อมีเหตุที่เด็กต้องได้รับการรักษาพยาบาล
ช่วยให้เด็กได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพ ด้วยความคุ้มครองจากประกัน
ช่วยให้เด็กได้รับการรักษาพยาบาลได้รวดเร็ว เพราะพ่อแม่ตัดสินใจได้ง่ายกว่า
ช่วยลดความวิตกกังวลของพ่อแม่เมื่อลูกเจ็บป่วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายหรือเรื่องการได้รับการดูแลรักษาพยาบาล


แนะนำการเลือกซื้อประกันให้ลูก


การเลือกซื้อประกันให้ลูกควรเลือกประกันแบบเหมาจ่ายที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายโดยไม่ต้องกังวลว่าวงเงินแต่ละรายการจะเพียงพอหรือไม่ ช่วยให้เบี้ยประกันที่จ่ายในแต่ละปีคุ้มค่ามากขึ้น ขอยกตัวอย่างประกันเด็กเหมาจ่ายอย่าง ประกันกรุงไทย สุขภาพสุขใจ ที่มีแผนความคุ้มครองทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ให้ความคุ้มครองเด็กเล็กอายุ 6 เดือน  – 6 ปี และเด็กโตอายุ 7 – 15 ปี สามารถเลือกความคุ้มครองได้เหมาะกับช่วงวัย การ ซื้อประกันให้ลูก แบบเหมาจ่ายเป็นการเหมาจ่ายค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องแจกแจงรายการ อุ่นใจเมื่อลูกเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บเพราะประกันครอบคลุมค่าใช้จ่ายรวมที่เกิดขึ้น


การทำประกันให้ลูกตั้งแต่ลูกอายุยังน้อยและยังไม่เจ็บป่วยช่วยให้ลูกได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่า กรุงไทย ประกันสุขภาพ กรุงไทยสุขใจ มีแผนความคุ้มครองให้เลือกถึง 4 แผน ประกันสุขภาพเหมาจ่าย กรุงไทย  ประกันอุบัติเหตุ กรุงไทย เลือกให้เหมาะกับความต้องการของพ่อแม่ได้แล้ววันนี้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา

7
ครอบครัวไหนที่มีลูกในวัยเรียนน่าจะทราบดีว่าเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นภาระที่หนักหน่วงเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะค่าเล่าเรียน เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าค่าเทอมแต่ละเทอมนั้นไม่ใช่ถูก ๆ แม้จะไม่ได้เลือกเรียนโรงเรียนนานาชาติแต่ก็ต้องหาเงินก้อนเพื่อจ่ายค่าเทอมรวมถึงค่าอุปกรณ์การเรียน นั่นทำให้หลายครอบครัวประสบปัญหาติดหนี้นอกระบบ ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ซึ่งแน่นอนว่ากลายเป็นปัญหาใหญ่ หากไม่จ่ายลูกรักก็จะไม่ได้เรียนหนังสือ แต่จะดีกว่าไหมหากมีหนทางหาเงินค่าเทอมแบบไม่ต้องยืมเงินคนอื่น

ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมทำไงดี บอกลาปัญหานี้ด้วย 3 วิธีนี้
ขายอาหารออนไลน์
ใครเคยขายอาหารจะทราบดีว่าการขายอาหารสามารถสร้างกำไรได้อย่างดีเยี่ยม ยิ่งหากเป็นการขายอาหารผ่านช่องทางออนไลน์ยิ่งได้เปรียบ เพราะไม่จำเป็นต้องแบกรับต้นทุนค่าพื้นที่ ทำอาหารส่งให้ลูกค้าได้จากที่บ้าน ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายแพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ เพียงสมัครเป็นร้านค้าของแพลตฟอร์มนั้น ๆ จากนั้นรอคำสั่งซื้อ หากรสมือดีและทำขายสม่ำเสมอ แน่นอนว่าเงินค่าเทอมลูกรักจะอยู่ไม่ไกล
หาอาชีพเสริม
หากอาชีพหลักยังสร้างรายได้ไม่พอค่าเทอมแนะนำให้ทำอาชีพเสริม โดยอาชีพเสริมที่สามารถทำเสริมจากงานประจำได้มีหลายอย่าง เช่น รับทำข้าวกล่องตามโอกาสต่าง ๆ งานเขียนบทความ งานติวเตอร์ออนไลน์ ฯลฯ ต้นทุนน้อย เลือกเวลาทำงานเองได้ เพียงแต่ต้องมีระเบียบวินัยเพื่อให้มีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอ
กู้สินเชื่อจากธนาคาร
ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมทําไงดี นี่คืออีกหนึ่งทางออกสำหรับคนที่หาเงินก้อนแบบเร่งด่วน ปัจจุบันการกู้สินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อนำมาเป็นค่าเทอมนับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะได้เงินก้อนทันที ไม่ต้องลงทุนก่อน เพียงแต่ต้องเตรียมเอกสารและมีคุณสมบัติพร้อมตามที่สถาบันการเงินกำหนด ซึ่งหากสินเชื่อได้รับการอนุมัติ ผู้กู้จะต้องชำระเงินกู้ทุกเดือนตามเงื่อนไข โดยต้องชำระดอกเบี้ยเงินกู้ร่วมด้วย  หากการหาอาชีพเสริมนั้นได้เงินช้าเกินไป นี่กลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ห้ามพลาดเลยทีเดียว

ทั้ง 3 วิธีที่นำมาบอกต่อกันนั้นสามารถแก้ปัญหา ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ได้เป็นอย่างดี แม้ต้องอาศัยระยะเวลาแต่หากคุณพ่อคุณแม่วางแผนมาอย่างดีพอ รายได้เสริมเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนมาเป็นค่าเทอม แต่หากไม่สามารถหารายได้เสริมทัน อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ปกครอง นั่นคือการขอกู้สินเชื่อจากธนาคาร ตอบโจทย์เรื่องเงินก้อน ยิ่งปัจจุบันใช้เวลาอนุมัติไม่นานทำให้หาค่าเทอมมาจ่ายได้รวดเร็วขึ้น แต่ต้องชำระให้ตรงเวลาไม่อย่างนั้นจะเสียค่าปรับและทำให้เสียเครดิต หากอนาคตต้องการกู้เพิ่มอาจไม่สามารถทำได้ ใครเลือกวิธีนี้ต้องมีระเบียบวินัยในการผ่อนชำระคืนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง

8
หากคุณเป็นคนที่มีบัญชีกรุงเไทยอยู่ น่าจะมีแอปกรุงไทยติดอยู่ในเครื่องกัน โดยปัจจุบัน Krungthai Next ได้รองรับบริการอื่นนอกเหนือจากธุรกรรมการเงินกับทางภาครัฐ อย่างเช่น รับเงินจากโครงการภาครัฐ ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล การรีไฟแนนซ์บ้าน    เปิดบัตรเดบิตออนไลน์ หรือสมัครเข้าโครงการคนละครึ่ง หรือไทยชนะ นั่นคือมีธุรกรรมด้านการลงทุนด้วย  เช่น ลงทะเบียนสำหรับการเริ่มซื้อขายกองทุน    เป็นต้น ซึ่งขั้นตอน การซื้อขายกองทุน นั้นทำได้ง่าย วันนี้เรานำขั้นตอนการซื้อขายกองทุนรวมผ่านแอพ Krungthai Next มาแนะนำกัน
อยากเริ่มต้นซื้อกองทุนรวมผ่านแอพพลิเคชั่น Krungthai Next ทำอย่างไร
   1.เข้าสู่แอพพลิเคชั่น เลือกเมนูบริการ จากนั้นเลือกรายการกองทุนรวม (หากซื้อขายบ่อยครั้งแนะนำให้ตั้งค่าหน้าทางลัด เพื่อให้เห็นเมนูได้สะดวกขึ้น)
   2.เมื่อเข้าสู่รายการกองทุนรวมแล้ว คุณจะเห็นหน้าบัญชีกองทุนที่ประกอบด้วยชื่อเจ้าของบัญชีและจำนวนเงิน (คล้ายกับหน้าบัญชีออมทรัพย์) จากนั้นเลือกรายการ “ซื้อ”
   3.ระบบจะให้คุณเลือกกองทุนที่คุณต้องการซื้อ ซึ่งจะเป็นกองทุนจากหลักทรัพย์ KTAM เท่านั้น และก่อนซื้อควรอ่านหนังสือชี้ชวนเกี่ยวกับกองทุนนั้นเข้าใจ และแต่ละกองทุนจะมีขั้นต่ำในการซื้อไม่เท่ากัน โดยมีราคาตั้งแต่หลักร้อย – หลักหมื่นต่อหน่วยลงทุน หากคุณกรอกจำนวนเงินมากกว่าขั้นต่ำเรียบร้อยแล้ว ให้กดยอมรับเงื่อนไขของความเสี่ยงกองทุน จากนั้นใส่รหัสยืนยัน เพียงเท่านี้ขั้นตอนในการซื้อก็เป็นอันเสร็จสิ้น
หากต้องการขายกองทุน สามารถทำตามขั้นตอนนี้เลย
   1.เลือกแถบเมนูขาย ซึ่งอยู่แถบเดียวกับเมนูซื้อ
   2.เลือกชื่อกองทุนที่ต้องการขาย ซึ่งก่อนเลือกทุกครั้งควรสังเกตให้ดีว่าเป็นกองทุนที่ต้องการขายจริงหรือไม่ เพราะชื่อแต่ละกองทุนค่อนข้างคล้ายคลึงกัน อย่างไรก็ตาม Krungthai Next ได้ออกแบบระบบให้ผู้ขายสามารถยกเลิกธุรกรรมที่ผิดพลาดได้ง่ายๆ ผ่านการยกเลิกรายการย้อนหลัง
   3.กรอกข้อมูลที่ต้องการขาย ได้แก่ จำนวนหน่วยลงทุน และบัญชีรับเงินขายกองทุนคืน
   4.ตรวจสอบข้อมูล กดยืนยัน และกระบวนการขายก็เป็นอันเรียบร้อย
สับเปลี่ยนกองทุนคืออะไร จำเป็นไหมที่ต้องใช้รายการนี้?
   หลายๆ คนอาจจะเข้าไปแล้วไม่เข้าใจเรื่องของการสับเปลี่ยนกองทุน เป็นฟังก์ชันที่จะช่วยให้เราสามารถซื้อกองทุนใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องขายกองทุนเดิมออกมาทั้งหมดก็ได้ เพียงแต่การสับเปลี่ยนต้องอยู่ภายใต้กลุ่มกองทุนเดียวกัน และไม่ต้องรอรับเงินขายกองทุนคืนแบบการขายปกติ ซึ่งมีขั้นตอนการสับเปลี่ยนกองทุนดังนี้
   1.กดเลือกรายการสับเปลี่ยนกองทุน ซึ่งอยู่แถบเดียวกับเมนูซื้อ-ขาย
   2.เลือกกองทุนรวมที่ต้องการสลับสับเปลี่ยน
   3.กรอกรายละเอียดวิธีของการสับเปลี่ยนกองทุน ได้แก่ หน่วยลงทุน และจำนวนเงิน เป็นต้น
   4.กดยอมรับความเสี่ยงทั้งหมด
   5.ใส่รหัสยืนยัน เพียงเท่านี้ขั้นตอนการสับเปลี่ยนกองทุนก็เป็นอันเสร็จสิ้น
   ทั้งหมดนี้คือ วิธีการซื้อ-ขาย และสับเปลี่ยนกองทุนรวมที่ทุกคนสามารถเริ่มต้นทำได้ ซึ่งกระบวนการซื้อกองทุนรวมจะไม่ซับซ้อนมากนัก แต่ขั้นตอนการขายจะไม่สามารถดึงเงินออกจากบัญชีกองทุนได้ทันที เพราะการรับเงินขึ้นอยู่กับระยะเวลาตามกองทุนนั้นกำหนด เช่น กองทุน KT-mai ที่ลงทุนกับบริษัทในตลาด MAI ใช้ระยะเวลา T+3 หมายถึงใช้เวลาถอนเงิน 3 วันนับแต่ขายกองทุนออกไป ซึ่งจะเห็นได้ว่า กองทุนรวมถอนได้ ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเงินจะไม่เข้าบัญชีของคุณ โดยจะใช้ระยะเวลาในการคืนเงินไม่เกิน 5 วันทำการสูงสุด

9
เศรษฐฏิจแบบนี้ ถ้าใครเป็นสายไม่ชอบความเสี่ยงการเก็บเงินในรูปแบบของการออมจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมั่นใจได้ว่าเงินจะไม่สูญหายไปไหนอย่างแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันดอกเบี้ยเงินฝากซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่สูงเท่าไหร่ ถ้าออมไม่เยอะเงินตอบแทนก็คงไม่เยอะเหมือนกัน
ช่องทางการออมเงินมีทั้งแบบบัญชีเงินฝากออมทรัพย์และ เงินฝากประจำ โดยการฝากประจำนั้นผู้ฝากจะต้อง เปิดบัญชี เงินฝากกับทางธนาคารและมีสัญญาผูกพันว่าจะไม่ถอนเงินจนกว่าจะถึงช่วงเวลาตามที่ได้ตกลงกันไว้ เช่น 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน 24 เดือน หรือมากกว่านั้น อัตราดอกเบี้ยของเงินฝากประจำจะสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์และมีการจ่ายทุก 6 เดือน หรือ 12 เดือน ตามข้อตกลงที่ระบุในสัญญา ยิ่งมีระยะเวลาในการฝากนานอัตราดอกเบี้ยก็ยิ่งสูง ดังนั้น เงินฝากประจำ จึงมีลักษณะผสมผสานระหว่างการออมและการลงทุน เนื่องจากเป็นการเก็บออมเงินไว้กับธนาคารแต่ก็ได้รับผลกำไรจากการฝากนั้นด้วย แต่ก็ไม่ต้องกลัวเรื่องความเสี่ยง

เงินฝากประจำแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
เงินฝากประจำแบบทั่วไป เป็นการฝากเงินก้อนโดยไม่มีการกำหนดวงเงินหรือจำนวนครั้งในการฝากขึ้นอยู่กับความสะดวกของเจ้าของบัญชี ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะคิดจากอายุเงินฝากแยกเป็นแต่ละก้อนกรณีไม่ถอนก่อนครบสัญญา ซึ่งบัญชีเงินฝากประเภทนี้มีการหักภาษีจากดอกเบี้ย 15% หนึ่งคนสามารถเปิดได้หลายบัญชี

เงินฝากประจำแบบปลอดภาษี เป็นการฝากเงินจำนวนเท่า ๆ กันทุกเดือน ในระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่มีการถอน วงเงินฝากต่อเดือนตั้งแต่ 1,000 - 25,000 บาท เงินฝากประเภทนี้ได้รับการยกเว้นภาษี ดังนั้น 1 คน จึงเปิดได้เพียง 1 บัญชีเท่านั้น 
อัตราดอกเบี้ยของเงินฝากประจำทั้งสองประเภทอยู่ที่ 0.4 – 3% ต่อปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและระยะเวลาในการฝากซึ่งยิ่งฝากนานดอกเบี้ยยิ่งสูง ในขณะที่บัญชีออมทรัพย์ให้ผลตอบแทนประมาณ 0.2%ต่อปีเท่านั้น การฝากประจำจึงเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและได้รับผลที่งอกเงยจากดอกเบี้ยเงินฝากซึ่งถึงแม้จะให้ผลตอบแทนน้อยกว่าการลงทุนแบบอื่นในระยะเวลาเท่ากันแต่ก็อุ่นใจกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีเงินเก็บเป็นแหล่งเงินทุนสำรองโดยไม่คาดหวังผลตอบแทนจำนวนมาก ทั้งยังเป็นการสร้างวินัยการออมที่ดีและช่วยเพิ่มเครดิตทางการเงินซึ่งจะส่งผลดีต่อการขออนุมัติสินเชื่อในอนาคต

สำหรับใครที่กำลังสนใจเปิดบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง แบบฝากประจำสามารถทำได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้วสัมผัส ด้วยการเปิดบัญชี เงินฝากออนไลน์ กับธนาคารกรุงไทย โดยการดาวน์โหลดแอป Krungthai NEXT แล้วเลือกบริการที่ต้องการ จากนั้นกดเปิดบัญชีด้วยบริการ NDID ซึ่งเป็นการ ยืนยันตัวตนเปิดบัญชีออนไลน์ กดยอมรับเงื่อนไข กรอกข้อมูลส่วนตัว ปิดท้ายด้วยการใส่ PIN เพื่อยืนยันการลงทะเบียน เป็นการเปิดบัญชี เงินฝากออนไลน์ ที่ง่ายและรวดเร็ว ทั้งยังไม่ต้องไปยืนยันตัวตนที่ธนาคาร สามารถเปิดได้หลายบัญชีในแอปเดียว หรือจะลองเลือกเปิดบัญชีเงินฝากประจำกับ Krungthai NEXT ก็มีให้เลือกตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้เงินเลย

หน้า: [1]