รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ที่ดิน ส.ป.ก ต้องเสียภาษีที่ดินหรือไม่?  (อ่าน 580 ครั้ง)

ruataewada

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 552
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่อง
Re: ที่ดิน ส.ป.ก ต้องเสียภาษีที่ดินหรือไม่?
« ตอบกลับ #90 เมื่อ: เมษายน 26, 2024, 10:07:56 AM »

**พันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยง**

การเลี้ยงปลาเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมของคนทุกเพศทุกวัย เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ให้ความเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย และยังสามารถเป็นแหล่งอาหารที่ดีอีกด้วย การเลือกพันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยงนั้น จะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

* **วัตถุประสงค์ในการเลี้ยง** ว่าต้องการเลี้ยงปลาเพื่อความสวยงาม เพื่อการบริโภค หรือเพื่อการศึกษา
* **ขนาดของสระเลี้ยง** หากเลี้ยงในสระขนาดใหญ่ ก็สามารถเลี้ยงปลาที่มีขนาดใหญ่ได้ หากเลี้ยงในสระขนาดเล็ก ควรเลี้ยงปลาที่มีขนาดเล็ก
* **อุณหภูมิของน้ำ** ปลาแต่ละสายพันธุ์จะทนต่ออุณหภูมิของน้ำที่แตกต่างกัน
* **ปริมาณออกซิเจนในน้ำ** ปลาแต่ละสายพันธุ์ต้องการปริมาณออกซิเจนในน้ำที่แตกต่างกัน
* **ความเค็มของน้ำ** ปลาแต่ละสายพันธุ์ต้องการความเค็มของน้ำที่แตกต่างกัน
* **พฤติกรรมของปลา** ปลาแต่ละสายพันธุ์มีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน เช่น ปลาบางชนิดชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ปลาบางชนิดชอบอยู่ตามลำพัง

**พันธุ์ปลาที่นิยมเลี้ยง**

พันธุ์ปลาที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยมีมากมาย ดังนี้

* **ปลาสวยงาม** เช่น ปลาทอง ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลาหมอสี ปลากัด เป็นต้น
* **ปลาเศรษฐกิจ** เช่น ปลานิล ปลาดุก ปลาตะเพียน ปลาช่อน เป็นต้น
* **ปลาอื่น ๆ** เช่น ปลากะพง ปลาเก๋า ปลาหมอทะเล เป็นต้น

**ตัวอย่างพันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยง**

* **ปลาทอง** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดเล็ก
* **ปลาหางนกยูง** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดเล็ก
* **ปลาสอด** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดเล็ก
* **ปลาหมอสี** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดใหญ่
* **ปลากัด** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในภาชนะขนาดเล็ก

**ข้อควรระวังในการเลี้ยงปลา**

* ควรหมั่นทำความสะอาดสระเลี้ยงปลาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดโรคในปลา
* ควรให้อาหารปลาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป
* ควรสังเกตพฤติกรรมของปลา หากพบปลาที่มีอาการผิดปกติ ควรรีบแยกเลี้ยงและรักษา

การเลือกพันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยงนั้น มีความสำคัญต่อความสำเร็จในการเลี้ยงปลา หากเลือกพันธุ์ปลาที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และวัตถุประสงค์ในการเลี้ยง จะช่วยให้ปลาเจริญเติบโตได้ดีและลดความเสี่ยงในการเกิดโรค

โปรโมชั่นสำหรับคุณ ลวดหนาม รั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย ลวดหนาม
บันทึกการเข้า

ruataewada

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 552
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่อง
Re: ที่ดิน ส.ป.ก ต้องเสียภาษีที่ดินหรือไม่?
« ตอบกลับ #91 เมื่อ: เมษายน 26, 2024, 10:13:13 AM »

ทำไมที่ดินถึงมีราคาสูงขึ้น



ที่ดินแปลงหนึ่งมีแค่ที่เดียว
นี่เรียกว่าเป็นจุดเด่นของที่ดินเลยก็ว่าได้ ที่ดินหนึ่งแห่งนั้นมีคุณสมบัติเฉพาะในตัวมันเอง และมีเพียงชิ้นเดียว ไม่สามารถผลิตเพิ่มได้ หากอยากได้มาครอบครองก็ต้องซื้อต่อสถานเดียวครับ

จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น
เมื่อประชากรมีจำนวนมากขึ้น ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยก็เพิ่มขึ้น ยิ่งในปัจจุบันคนต้องการมีพื้นที่ส่วนตัว และต้องการมีครอบครัวเดี่ยวด้วยแล้ว ราคาที่ดินจึงลดลงได้ยาก เมื่อ Demand กับ Supply มาเจอกัน ราคาที่ดินย่อมดีดตัวสูงขึ้น เนื่องจากทรัพยากรมีจำกัดนั่นเองครับ

ความเจริญของเมือง
แน่นอนว่าเมื่อสังคมเมืองมีการขยายตัว มีห้างสรรพสินค้า รถไฟฟ้า และการขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบาย ราคาที่ดินในละแวกนั้นย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย ยิ่งใกล้สถานที่ที่เป็นทำเลทองมากเท่าไร แปลว่าคนที่อาศัยอยู่บนที่ดินนั้นจะสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากขึ้น ดังนั้น ที่ดินบริเวณนั้นจึงแพงและมิอาจประเมินราคาที่ดินได้เลย ส่วนมากคนที่ซื้อต่อจึงเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง

เงินเฟ้อ
ถึงแม้ว่ามูลค่าที่ดินจะเท่าเดิม หรือหยุดนิ่งไปบ้าง แต่ถ้าเกิดปัญหาเงินเฟ้อ ราคาที่ดินย่อมมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย ตามเศรษฐกิจโดยรวมนั่นเองครับ

ข้อสังเกต
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ราคาที่ดินมีราคาสูงขึ้นกว่ามูลค่าของมัน เป็นเพราะช่วงภาวะฟองสบู่ สังคมหันมาลงทุนซื้อที่ดิน สร้างอสังหาฯ เพื่อเก็งกำไร ซึ่งราคาที่ดินที่สูงเกินความเป็นจริง จริงๆ แล้วได้ผสมรวมกำไรที่คาดหวังในอนาคตด้วย ดังนั้น หากมีผู้ซื้อเพื่อเอาไว้ลงทุนในอนาคตมากเท่าไร ราคาที่ดินก็ยิ่งแพงหูฉี่มากเท่านั้นครับ
แต่ถ้าฟองสบู่แตก มูลค่าผสมรวมกำไรที่คาดหวังในอนาคตก็จะลดลงไปด้วย ราคาที่ดินก็อาจจะลดลงเท่ากับมูลค่าที่แท้จริงของมันครับ
ลวดหนาม
รั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม

บันทึกการเข้า

ruataewada

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 552
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่อง
Re: ที่ดิน ส.ป.ก ต้องเสียภาษีที่ดินหรือไม่?
« ตอบกลับ #92 เมื่อ: เมษายน 30, 2024, 02:12:09 AM »

ลวดหนาม มีกี่ประเภท

ลวดหนามมี 2 แบบ
ลวดหนาม ที่เราพอจะนึกออกและเคยเห็น มีอยู่ 2 ประเภทที่เห็นได้ชัดๆ คือ

ลวดหนามล้อมบ้านทั่วไป
ลวดหนามหีบเพลง
1. ลวดหนามล้อมบ้านทั่วไป
ลวดหนามประเภทนี้ก็คือลวดหนามล้อมที่ดิน ล้อมบ้าน ล้อมส้วน ล้อมที่ดินทั่วไปของเรานั่นเอง โดยมากจะแบ่ง ตามลักษณะของปมหนาม หรือ รูปแบบวิธี หรือ คุณภาพการพันนั่นเอง

  1.1 ลักษณะของหนามปมลวดหนาม
ลวดหนามในปัจจุบัน มีรูปแบบการพันปมหนามอยู่ 2 แบบ คือ

1.1.1 การพันเกลียวหนามแบบธรรมดา (Conventional)
เป็นการพันเกลียวลวดหนามแบบเก่า มีโอกาสที่หนามจะหลุด หรือเกลียวหนามอาจคลายได้ในส่วนของตัวเส้นลวดจะมีการพันเกลียวแบบหลวมๆ ไม่แน่น มีโอกาสที่ติดตั้งแล้วจะทำให้ลวดหนามหย่อนในอนาคต ตัวอย่างมีให้เห็นตามทั่วไป (ตามรูปด้านล่าง)
ลวดหนามทั่วไป

ลวดหนามประเภทนี้เราผมเห็นกันได้มากตามพื้นที่ทั่วไป เส้นลวดมักมีขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับลวดหนามประเภทอื่น แต่ค่อนข้างหาซื้อได้ง่าย ซึ่งมีข้อดีคือเป็นลวดหนามที่ราคาถูก มักขายเป็น ชั่งกิโลขาย ข้อเสียหนึ่ง คือเมื่อเป็นการชั่งกิโลขาย 5 กิโลบ้าง 10 กิโลบ้างจะ
 ทำให้ความยาวลวดแต่ละม้วน จะไม่เท่ากันเป็นเหตุผลให้การทำงานยากมากขึ้น เนื่องจากการที่ต้องทำการต่อลวดหลายรอบ

อีกหนึ่งปัญหาที่พบเจอกับการล้อมรั้วลวดหนามคือ ขึ้นสนิมง่าย เพราะลวดหนามทั่วไป จะเป็นการชุบแบบไฟฟ้า (Electroplating) ซึ่งการชุบซิงค์แบบนี้ปริมาณซิงค์ที่ชุบค่อนข้างที่บางมาก ๆ ทำให้อายุการใช้งานของลวดหนามทั่วไปเกิดสนิมเร็ว ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี
เริ่มขึ้นสนิมแล้ว หรือจะเป็นปัญหาล้อมรั้วลวดหนามทั่วไปจะขาดง่าย  ขึงไม่ตึง หย่อน  รวมถึงตัวเกลียวหนาม ที่ถักมาไม่แน่นทำให้เป็นสาเหตุของลวดหนามไม่ตึง และหย่อนง่าย ซึ่งถ้าสังเกตการล้อมรั้วลวดหนามทั่วไปที่ติดตั้งตามท้องตลาด ติดตั้งไปได้ 1-2 เดือน รั้วลวดหนามทั่วไปจะเริ่มหย่อนเป็นท้องช้าง ไม่สวยงาม
หรือเห็นรั้วลวดหนามขาดเป็นบางช่วง  ทำให้เปลืองงบประมาณในการซื้อลวดหนามมาติดตั้งใหม่ เสียทั้งเวลา เสียทั้งค่าแรง


โปรโมชั่นของคุณ รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง
ลวดหนาม ตาข่ายถัก
บันทึกการเข้า

ruataewada

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 552
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่อง
Re: ที่ดิน ส.ป.ก ต้องเสียภาษีที่ดินหรือไม่?
« ตอบกลับ #93 เมื่อ: เมษายน 30, 2024, 02:38:37 AM »

พ่นกันสนิม!!จำเป็นจริงหรือ?

ในอดีตปัญหาเรื่องสนิมมักเป็นชวนสยองของเจ้าของรถ ทำให้เกิดวัฒนธรรมที่ว่าการซื้อรถใหม่ต้องพ่นกันสนิม แต่ในปัจจุบันเริ่มเลือนรางหายไป จะมีก็แต่คำถามที่ว่า จำเป็นจริงหรือต้องพ่นกันสนิม “รู้ก่อนเหยียบ” จึงขอนำทุกท่านมาไขปัญหาดังกล่าว

สนิม เกิดจากการทำปฏิกิริยากันระหว่าง ออกซิเจนและธาตุเหล็ก เกิดเป็นรอยของการเกิดการผุกร่อน ซึ่งมักเกิดกับโลหะจำพวกเหล็ก
 
ปฏิกิริยาการเกิดสนิมเหล็ก

เป็นปฏิกิริยาที่พบเห็นได้ง่ายๆ กับสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่มีเหล็กเป็นองค์ประกอบ แต่จะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อมีเหล็กสัมผัสกับน้ำและความชื้น โดยจะค่อย ๆ สึกกร่อน กลายเป็นเหล็กออกไซด์ มีชื่อทางเคมีว่า ไฮเดรตเฟอริกออกไซด์ หรือที่เรารู้จักกันว่า สนิมเหล็ก มีลักษณะเป็นคราบสีแดง ซึ่ง สามารถหลุดออกออกไปได้ไม่ยากนัก ทำให้เนื้อเหล็กที่อยู่ชั้นในสามารถเกิดสนิมต่อจนกระทั่งหมดทั้งชิ้น กระบวนการเกิดสนิมค่อนข้างซับซ้อน โดยมีปัจจัยคือ น้ำและออกซิเจน ซึ่งมีอยู่ทั่วไปใน บรรยากาศโลก เหล็กจะเกิดสนิมเร็วขึ้นในบางสภาวะ เช่น สภาวะที่เป็นกรด ตามชายทะเลที่ไอเกลือเข้มข้น เป็นต้น

การป้องกันสนิมของผู้ผลิตรถยนต์

 หลังปี 1996 ผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายหันมาให้ความสำคัญกับปัญหาสนิมอย่างจริงจัง สรรหาสารพัดวิธีเพื่อปกป้องรถไม่ให้เกิดสนิม โดยวิธียอดนิยม  เริ่มต้นด้วยการชุบสารฟอสเฟต ที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการเคลือบบนผิวเหล็กเป็นผลึกที่แข็งแรงสามารถช่วยปกป้องการเกิดอ๊อกไซด์บนผิวเหล็กแถมช่วยให้เนื้อสีเกาะตัวได้ดี จากนั้นนำไปอบไล่ความชื้นอีกรอบ ก่อนชุบเคลือบในบ่อสีด้วยกระแสไฟฟ้า เพื่อให้การป้องกันสนิมได้ทุกซอกทุกมุม สุดท้ายอบด้วยความร้อนอีกครั้ง ก่อนพ่นสีรองพื้นและสีจริงต่อไป
 
แต่สำหรับการพ่นสีใต้ท้องรถ เมื่อสีรองพื้นแห้งสนิทจะถูกพ่นด้วยสาร PVC เพื่อเป็นการป้องกันการกัดกร่อน และการกะเทาะหลุดล่อน จากการกระแทกของเศษหินหรือวัสดุต่าง ๆ  ซ้ำยังเป็นการช่วยลดเสียงรบกวนได้อีกด้วย  ทั้งนี้จากขั้นตอนต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทุกเจ้ายืนยันว่าสามารถป้องกันการเกิดสนิมได้โดยไม่จำเป็นต้องพ่นกันสนิมอีก ยกเว้นรถยนต์ที่ใช้ริมทะเลเป็นประจำ หรือรถที่เกิดอุบัติเหตุ จนต้องเคาะพ่นสีใหม่ จึงควรพ่นกันสนิม
 
เทคนิคควรรู้

แม้ว่าการพ่นกันสนิมจะมีข้อดีที่สามารถป้องกันสนิมได้ก็จริงอยู่ แต่น้ำยาพ่นกันสนิมส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของ ปิโตรเคมี ในเกรด แอสฟัลท์ หรือยางมะตอย ซึ่งมีคุณสมบัติไม่พึงประสงค์ในการกัดและทำลายวัสดุที่เป็นยาง หรือมีส่วนผสมของยาง ดังนั้นหากผู้พ่นไม่ชำนาญหรือไม่ระวังอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับวัสดุที่เป็นยาง อาทิ ยางหุ้มเพลา บู๊ช ปีกนก และชิ้นส่วนอื่น ๆ ได้
 
ต่างคนก็ต่างเหตุผลต่างความคิด ก็ลองชั่งใจกันดูครับว่า พ่นกันสนิม!!จำเป็นจริงหรือ?? คำตอบอยู่ที่คุณ…
โปรโมชั่นของคุณ รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง
ลวดหนาม ตาข่ายถัก

ขอบคุณข้อมูลจาก บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด
บันทึกการเข้า

ruataewada

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 552
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่อง
Re: ที่ดิน ส.ป.ก ต้องเสียภาษีที่ดินหรือไม่?
« ตอบกลับ #94 เมื่อ: เมษายน 30, 2024, 03:26:53 AM »

ทำไมที่ดินถึงมีราคาสูงขึ้น



ที่ดินแปลงหนึ่งมีแค่ที่เดียว
นี่เรียกว่าเป็นจุดเด่นของที่ดินเลยก็ว่าได้ ที่ดินหนึ่งแห่งนั้นมีคุณสมบัติเฉพาะในตัวมันเอง และมีเพียงชิ้นเดียว ไม่สามารถผลิตเพิ่มได้ หากอยากได้มาครอบครองก็ต้องซื้อต่อสถานเดียวครับ

จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น
เมื่อประชากรมีจำนวนมากขึ้น ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยก็เพิ่มขึ้น ยิ่งในปัจจุบันคนต้องการมีพื้นที่ส่วนตัว และต้องการมีครอบครัวเดี่ยวด้วยแล้ว ราคาที่ดินจึงลดลงได้ยาก เมื่อ Demand กับ Supply มาเจอกัน ราคาที่ดินย่อมดีดตัวสูงขึ้น เนื่องจากทรัพยากรมีจำกัดนั่นเองครับ

ความเจริญของเมือง
แน่นอนว่าเมื่อสังคมเมืองมีการขยายตัว มีห้างสรรพสินค้า รถไฟฟ้า และการขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบาย ราคาที่ดินในละแวกนั้นย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย ยิ่งใกล้สถานที่ที่เป็นทำเลทองมากเท่าไร แปลว่าคนที่อาศัยอยู่บนที่ดินนั้นจะสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากขึ้น ดังนั้น ที่ดินบริเวณนั้นจึงแพงและมิอาจประเมินราคาที่ดินได้เลย ส่วนมากคนที่ซื้อต่อจึงเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง

เงินเฟ้อ
ถึงแม้ว่ามูลค่าที่ดินจะเท่าเดิม หรือหยุดนิ่งไปบ้าง แต่ถ้าเกิดปัญหาเงินเฟ้อ ราคาที่ดินย่อมมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย ตามเศรษฐกิจโดยรวมนั่นเองครับ

ข้อสังเกต
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ราคาที่ดินมีราคาสูงขึ้นกว่ามูลค่าของมัน เป็นเพราะช่วงภาวะฟองสบู่ สังคมหันมาลงทุนซื้อที่ดิน สร้างอสังหาฯ เพื่อเก็งกำไร ซึ่งราคาที่ดินที่สูงเกินความเป็นจริง จริงๆ แล้วได้ผสมรวมกำไรที่คาดหวังในอนาคตด้วย ดังนั้น หากมีผู้ซื้อเพื่อเอาไว้ลงทุนในอนาคตมากเท่าไร ราคาที่ดินก็ยิ่งแพงหูฉี่มากเท่านั้นครับ
แต่ถ้าฟองสบู่แตก มูลค่าผสมรวมกำไรที่คาดหวังในอนาคตก็จะลดลงไปด้วย ราคาที่ดินก็อาจจะลดลงเท่ากับมูลค่าที่แท้จริงของมันครับ
ลวดหนาม
รั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม

บันทึกการเข้า

ruataewada

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 552
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่อง
Re: ที่ดิน ส.ป.ก ต้องเสียภาษีที่ดินหรือไม่?
« ตอบกลับ #95 เมื่อ: เมษายน 30, 2024, 03:48:28 AM »

**พันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยง**

การเลี้ยงปลาเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมของคนทุกเพศทุกวัย เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ให้ความเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย และยังสามารถเป็นแหล่งอาหารที่ดีอีกด้วย การเลือกพันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยงนั้น จะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

* **วัตถุประสงค์ในการเลี้ยง** ว่าต้องการเลี้ยงปลาเพื่อความสวยงาม เพื่อการบริโภค หรือเพื่อการศึกษา
* **ขนาดของสระเลี้ยง** หากเลี้ยงในสระขนาดใหญ่ ก็สามารถเลี้ยงปลาที่มีขนาดใหญ่ได้ หากเลี้ยงในสระขนาดเล็ก ควรเลี้ยงปลาที่มีขนาดเล็ก
* **อุณหภูมิของน้ำ** ปลาแต่ละสายพันธุ์จะทนต่ออุณหภูมิของน้ำที่แตกต่างกัน
* **ปริมาณออกซิเจนในน้ำ** ปลาแต่ละสายพันธุ์ต้องการปริมาณออกซิเจนในน้ำที่แตกต่างกัน
* **ความเค็มของน้ำ** ปลาแต่ละสายพันธุ์ต้องการความเค็มของน้ำที่แตกต่างกัน
* **พฤติกรรมของปลา** ปลาแต่ละสายพันธุ์มีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน เช่น ปลาบางชนิดชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ปลาบางชนิดชอบอยู่ตามลำพัง

**พันธุ์ปลาที่นิยมเลี้ยง**

พันธุ์ปลาที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยมีมากมาย ดังนี้

* **ปลาสวยงาม** เช่น ปลาทอง ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลาหมอสี ปลากัด เป็นต้น
* **ปลาเศรษฐกิจ** เช่น ปลานิล ปลาดุก ปลาตะเพียน ปลาช่อน เป็นต้น
* **ปลาอื่น ๆ** เช่น ปลากะพง ปลาเก๋า ปลาหมอทะเล เป็นต้น

**ตัวอย่างพันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยง**

* **ปลาทอง** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดเล็ก
* **ปลาหางนกยูง** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดเล็ก
* **ปลาสอด** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดเล็ก
* **ปลาหมอสี** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดใหญ่
* **ปลากัด** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในภาชนะขนาดเล็ก

**ข้อควรระวังในการเลี้ยงปลา**

* ควรหมั่นทำความสะอาดสระเลี้ยงปลาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดโรคในปลา
* ควรให้อาหารปลาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป
* ควรสังเกตพฤติกรรมของปลา หากพบปลาที่มีอาการผิดปกติ ควรรีบแยกเลี้ยงและรักษา

การเลือกพันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยงนั้น มีความสำคัญต่อความสำเร็จในการเลี้ยงปลา หากเลือกพันธุ์ปลาที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และวัตถุประสงค์ในการเลี้ยง จะช่วยให้ปลาเจริญเติบโตได้ดีและลดความเสี่ยงในการเกิดโรค

โปรโมชั่นสำหรับคุณ ลวดหนาม รั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย ลวดหนาม
บันทึกการเข้า

ruataewada

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 552
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่อง
Re: ที่ดิน ส.ป.ก ต้องเสียภาษีที่ดินหรือไม่?
« ตอบกลับ #96 เมื่อ: เมษายน 30, 2024, 03:58:43 AM »

**พันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยง**

การเลี้ยงปลาเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมของคนทุกเพศทุกวัย เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ให้ความเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย และยังสามารถเป็นแหล่งอาหารที่ดีอีกด้วย การเลือกพันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยงนั้น จะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

* **วัตถุประสงค์ในการเลี้ยง** ว่าต้องการเลี้ยงปลาเพื่อความสวยงาม เพื่อการบริโภค หรือเพื่อการศึกษา
* **ขนาดของสระเลี้ยง** หากเลี้ยงในสระขนาดใหญ่ ก็สามารถเลี้ยงปลาที่มีขนาดใหญ่ได้ หากเลี้ยงในสระขนาดเล็ก ควรเลี้ยงปลาที่มีขนาดเล็ก
* **อุณหภูมิของน้ำ** ปลาแต่ละสายพันธุ์จะทนต่ออุณหภูมิของน้ำที่แตกต่างกัน
* **ปริมาณออกซิเจนในน้ำ** ปลาแต่ละสายพันธุ์ต้องการปริมาณออกซิเจนในน้ำที่แตกต่างกัน
* **ความเค็มของน้ำ** ปลาแต่ละสายพันธุ์ต้องการความเค็มของน้ำที่แตกต่างกัน
* **พฤติกรรมของปลา** ปลาแต่ละสายพันธุ์มีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน เช่น ปลาบางชนิดชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ปลาบางชนิดชอบอยู่ตามลำพัง

**พันธุ์ปลาที่นิยมเลี้ยง**

พันธุ์ปลาที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยมีมากมาย ดังนี้

* **ปลาสวยงาม** เช่น ปลาทอง ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลาหมอสี ปลากัด เป็นต้น
* **ปลาเศรษฐกิจ** เช่น ปลานิล ปลาดุก ปลาตะเพียน ปลาช่อน เป็นต้น
* **ปลาอื่น ๆ** เช่น ปลากะพง ปลาเก๋า ปลาหมอทะเล เป็นต้น

**ตัวอย่างพันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยง**

* **ปลาทอง** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดเล็ก
* **ปลาหางนกยูง** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดเล็ก
* **ปลาสอด** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดเล็ก
* **ปลาหมอสี** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดใหญ่
* **ปลากัด** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในภาชนะขนาดเล็ก

**ข้อควรระวังในการเลี้ยงปลา**

* ควรหมั่นทำความสะอาดสระเลี้ยงปลาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดโรคในปลา
* ควรให้อาหารปลาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป
* ควรสังเกตพฤติกรรมของปลา หากพบปลาที่มีอาการผิดปกติ ควรรีบแยกเลี้ยงและรักษา

การเลือกพันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยงนั้น มีความสำคัญต่อความสำเร็จในการเลี้ยงปลา หากเลือกพันธุ์ปลาที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และวัตถุประสงค์ในการเลี้ยง จะช่วยให้ปลาเจริญเติบโตได้ดีและลดความเสี่ยงในการเกิดโรค

โปรโมชั่นสำหรับคุณ ลวดหนาม รั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย ลวดหนาม
บันทึกการเข้า

ruataewada

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 552
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่อง
Re: ที่ดิน ส.ป.ก ต้องเสียภาษีที่ดินหรือไม่?
« ตอบกลับ #97 เมื่อ: วันนี้ เวลา 01:56:32 AM »

ปลูกกล้วยในพื้นที่ว่างเปล่าสร้างผลผลิตและรายได้


หลายคนมีพื้นที่ดินว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยวัชพืชนานาชนิดและไม่ได้จัดการอะไร ช่วงฤดูแล้งอย่างนี้หญ้าเริ่มเหี่ยวแห้ง มาจัดการพื้นที่รกร้างที่มีอยู่ แล้วมา ” ปลูกกล้วย ” กันดีกว่า
กล้วยเป็นผลไม้พื้นบ้านที่คนไทยรู้จักกันมานาน เพราะทุกส่วนของกล้วยทั้งลำต้น ใบ ดอก ผล เหง้า และยังขยายพันธุ์ง่ายด้วยการแบ่งหน่อ หรือผ่าเหง้าไปปลูกต่อ จึงพบกล้วยขึ้นอยู่ทั่วไปในบ้านเรา และเป็นผลไม้ที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญกันมากนัก ทั้ง ๆ ที่กล้วยมีประโยชน์มากมาย

ช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา ผลกล้วยน้ำว้ามีราคาสูงขึ้น เนื่องจากมีการปลูกลดลง อีกทั้งสภาพแห้งแล้ง ทำให้หลายคนหันกลับมาปลูกกล้วยเป็นอาชีพ สร้างรายได้ให้กับครอบครัว แต่การปลูกอย่างไรให้ได้ผลผลิตดีๆ มาเรียนรู้กัน

สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือ “สภาพพื้นที่และดินในบริเวณนั้น” แม้ว่ากล้วยจะเป็นพืชที่ทนทาน แต่การปลูกกล้วยให้ได้ผลผลิตที่ดี ดินปลูกควรมีอินทรีย์วัตถุและความชุ่มชื้นเพียงพอ “แสงแดด” เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง กล้วยชอบแสงแดดจัด หากพื้นที่ดีแต่แสงแดดน้อยมักไม่ออกเครือ หรือคุณภาพผลผลิตไม่ดีพอ

นอกจากนี้ “น้ำ” ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปลูกกล้วย แม้กว่ากล้วยเป็นพีชที่กักเก็บน้ำในลำต้นได้ดี แต่ถ้าได้รับน้ำไม่เพียงพอ ต้นจะเติบโตได้ไม่ดีนัก จึงควรติดตั้งระบบให้น้ำไว้บ้างเพื่อต้นกล้วยเติบโตอย่างสมบูรณ์ ให้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ

โปรโมชั่นสำหรับคุณ
 รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง
ลวดหนาม จำหน่ายลวดหนามหลากหลายประเภท คุณภาพดี ราคาประหยัด
ตาข่ายถัก จำหน่ายตาข่ายถักหลากหลายประเภท แข็งแรงทนทาน ติดตั้งง่าย
ที่มา


ทีมา baanlaesuan.com
บันทึกการเข้า

ruataewada

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 552
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่อง
Re: ที่ดิน ส.ป.ก ต้องเสียภาษีที่ดินหรือไม่?
« ตอบกลับ #98 เมื่อ: วันนี้ เวลา 02:41:00 AM »


ปุ๋ยช่วยบำรุงต้นไม้ให้เจริญเติบโตและแข็งแรง ควรใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้อย่างน้อยเดือนละครั้ง เลือกใช้ปุ๋ยให้เหมาะสมกับชนิดของต้นไม้

**4. ตัดแต่งกิ่งไม้อย่างสม่ำเสมอ**

การตัดแต่งกิ่งไม้ช่วยให้ต้นไม้เจริญเติบโตอย่างสมดุล ตัดแต่งกิ่งไม้ที่เป็นโรคหรือแห้งตายออก และตัดแต่งกิ่งไม้ให้อยู่ในรูปทรงที่ต้องการ

**5. กำจัดวัชพืช**

วัชพืชแย่งสารอาหารและน้ำจากต้นไม้ ควรกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้มือถอนหรือใช้เครื่องตัดหญ้า

**6. ทำความสะอาดสวนหลังบ้าน**

ทำความสะอาดสวนหลังบ้านเป็นประจำ เก็บกวาดเศษใบไม้และเศษขยะต่างๆ ออก เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคและแมลง

**7. ป้องกันโรคและแมลง**

โรคและแมลงเป็นศัตรูของต้นไม้ ควรหมั่นสังเกตต้นไม้ หากพบโรคและแมลงควรรีบกำจัดให้ทันเวลา

**8. ตกแต่งสวนหลังบ้าน**

การตกแต่งสวนหลังบ้านช่วยให้สวนหลังบ้านสวยงามและน่าพักผ่อน สามารถเลือกตกแต่งสวนหลังบ้านได้ตามสไตล์ที่ชอบ เช่น ตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับ ปูสนามหญ้า ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับนั่งพักผ่อน เป็นต้น

การดูแลสวนหลังบ้านให้สวยงามอยู่เสมอไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใส่ใจและดูแลอย่างสม่ำเสมอ สวนหลังบ้านก็จะเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจและเพิ่มความสวยงามให้กับบ้าน

โปรโมชั่นสำหรับคุณ ลวดหนามรั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม
บันทึกการเข้า

ruataewada

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 552
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่อง
Re: ที่ดิน ส.ป.ก ต้องเสียภาษีที่ดินหรือไม่?
« ตอบกลับ #99 เมื่อ: วันนี้ เวลา 02:43:10 AM »


**ดูแลสวนหลังบ้านให้สวยงามอยู่เสมอ**

สวนหลังบ้านเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจและเพิ่มความสวยงามให้กับบ้าน การดูแลสวนหลังบ้านให้สวยงามอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญ สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

**1. รู้จักเครื่องมือและเลือกใช้ให้เหมาะสม**

เครื่องมือสำหรับดูแลสวนหลังบ้านมีหลายชนิด เช่น กรรไกรตัดแต่งกิ่ง จอบและเสียม ถังรดน้ำ เป็นต้น ควรเลือกเครื่องมือให้เหมาะสมกับงานที่ต้องการทำ เช่น กรรไกรตัดแต่งกิ่งสำหรับตัดแต่งกิ่งไม้ จอบและเสียมสำหรับพรวนดิน ถังรดน้ำสำหรับรดน้ำต้นไม้ เป็นต้น

**2. รดน้ำต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ**

ปริมาณน้ำที่ต้นไม้ต้องการขึ้นอยู่กับชนิดของต้นไม้ สภาพอากาศ และขนาดของต้นไม้ โดยทั่วไปควรรดน้ำต้นไม้วันละ 1-2 ครั้ง ในช่วงเช้าหรือเย็น

**3. ใส่ปุ๋ยบำรุงต้นไม้**

ปุ๋ยช่วยบำรุงต้นไม้ให้เจริญเติบโตและแข็งแรง ควรใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้อย่างน้อยเดือนละครั้ง เลือกใช้ปุ๋ยให้เหมาะสมกับชนิดของต้นไม้

**4. ตัดแต่งกิ่งไม้อย่างสม่ำเสมอ**

การตัดแต่งกิ่งไม้ช่วยให้ต้นไม้เจริญเติบโตอย่างสมดุล ตัดแต่งกิ่งไม้ที่เป็นโรคหรือแห้งตายออก และตัดแต่งกิ่งไม้ให้อยู่ในรูปทรงที่ต้องการ

**5. กำจัดวัชพืช**

วัชพืชแย่งสารอาหารและน้ำจากต้นไม้ ควรกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้มือถอนหรือใช้เครื่องตัดหญ้า

**6. ทำความสะอาดสวนหลังบ้าน**

ทำความสะอาดสวนหลังบ้านเป็นประจำ เก็บกวาดเศษใบไม้และเศษขยะต่างๆ ออก เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคและแมลง

**7. ป้องกันโรคและแมลง**

โรคและแมลงเป็นศัตรูของต้นไม้ ควรหมั่นสังเกตต้นไม้ หากพบโรคและแมลงควรรีบกำจัดให้ทันเวลา

**8. ตกแต่งสวนหลังบ้าน**

การตกแต่งสวนหลังบ้านช่วยให้สวนหลังบ้านสวยงามและน่าพักผ่อน สามารถเลือกตกแต่งสวนหลังบ้านได้ตามสไตล์ที่ชอบ เช่น ตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับ ปูสนามหญ้า ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับนั่งพักผ่อน เป็นต้น

การดูแลสวนหลังบ้านให้สวยงามอยู่เสมอไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใส่ใจและดูแลอย่างสม่ำเสมอ สวนหลังบ้านก็จะเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจและเพิ่มความสวยงามให้กับบ้าน

โปรโมชั่นสำหรับคุณ ลวดหนามรั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม
บันทึกการเข้า

ruataewada

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 552
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่อง
Re: ที่ดิน ส.ป.ก ต้องเสียภาษีที่ดินหรือไม่?
« ตอบกลับ #100 เมื่อ: วันนี้ เวลา 03:36:58 AM »

สนิมเกิดจากอะไร

สนิม (rust) คือ กระบวนการทางเคมีที่เหล็กทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ทำให้เกิดสารประกอบออกไซด์ของเหล็กที่เรียกว่า เฟอริกออกไซด์ (Fe2O3) มีลักษณะเป็นคราบสีน้ำตาลแดงเกาะอยู่บนผิวเหล็ก สนิมเป็นสาเหตุที่ทำให้เหล็กเสื่อมสภาพ เปราะบาง และสูญเสียความแข็งแรง

กระบวนการเกิดสนิมสามารถอธิบายได้ดังนี้

เหล็กสูญเสียอิเล็กตรอนให้กับออกซิเจนในอากาศ
อิเล็กตรอนที่เหล็กสูญเสียไปจะรวมตัวกับออกซิเจนกลายเป็นโมเลกุลของน้ำ
โมเลกุลของน้ำจะรวมตัวกับอะตอมเหล็กที่สูญเสียอิเล็กตรอนกลายเป็นสารประกอบเฟอริกออกไซด์
ปัจจัยที่เร่งให้เกิดสนิม ได้แก่

ความชื้นในอากาศ ยิ่งความชื้นในอากาศสูง สนิมก็จะเกิดขึ้นเร็วขึ้น
อุณหภูมิ ยิ่งอุณหภูมิสูงขึ้น สนิมก็จะเกิดขึ้นเร็วขึ้นเช่นกัน
สารเคมีบางชนิด เช่น เกลือ กรด ด่าง ก็สามารถเร่งให้เกิดสนิมได้
วิธีป้องกันสนิม ได้แก่

ทาสีหรือเคลือบผิวเหล็กเพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นและออกซิเจนสัมผัสกับผิวเหล็ก
เก็บเหล็กไว้ในที่แห้งและเย็น
หลีกเลี่ยงการใช้เหล็กในบริเวณที่มีความชื้นหรือสารเคมี
สนิมเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยกับวัสดุที่ทำจากเหล็ก หากไม่ป้องกันสนิม สนิมจะกัดกร่อนเหล็กจนเหล็กเสื่อมสภาพและอาจทำให้โครงสร้างหรืออุปกรณ์เสียหายได้
โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม
ลวดหนาม รั้วลวดหนาม
บันทึกการเข้า

ruataewada

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 552
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่อง
Re: ที่ดิน ส.ป.ก ต้องเสียภาษีที่ดินหรือไม่?
« ตอบกลับ #101 เมื่อ: วันนี้ เวลา 09:57:57 AM »

4 สัตว์เศรษฐกิจมาแรง สร้างรายได้งาม



เพื่อน ๆ รู้หรือไม่? หลังโควิด-19 เทรนด์สัตว์เศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เพราะราคาตลาดของเนื้อสัตว์ที่เราบริโภคกันปกติ อย่างหมู ไก่ เนื้อวัว มีราคาสูงขึ้นจากการระบาดของโรคอหิวาต์ แอฟริกา ใน สุกร หรือ African Swine Fever(AFS) ที่ระบาดไปทั่วทุกมุมโลก ทำให้ตลาดต้องการเนื้อไก่ และเนื้อวัวจำนวนมากทำให้ราคาสูงขึ้นตามไปด้วย

 

สำหรับมือใหม่ที่ต้องการให้มาเลี้ยงสุกรที่เป็นสัตว์เศรษฐกิจ ควรรู้! ยังมีสัตว์เศรษฐกิจมาแรงอื่นๆ ในปี 2023 ที่สร้างรายได้มากกว่าสุกร มีอะไรบ้าง? เราจะมาหาคำตอบกันในบทความนี้ครับ

ปูนา สัตว์เศรษฐกิจคู่บ้านคู่เมืองไทย เลี้ยงได้ทุกภาค
 
ทำไมปูนาถึงกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจ
ปูนา เป็นสัตว์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองคนไทยมาอย่างยาว และพบได้ทั่วทุกภูมิภาคของไทย มักอาศัยอยู่ตามคันนา แต่ปัจจุบันปริมาณของปูนาลดลง จากการใช้สารเคมีเพื่อการเกษตร ทำให้ปูนาขาดแคลนและมีราคาสูงอยู่ช่วงหนึ่ง จนต้องมีการทำฟาร์มไว้เพื่อจำหน่ายและกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจของไทย

เคล็ดลับวิธีการเลี้ยงปูนา
โดยปกติทั่วไป ปูนาเป็นสัตว์ที่มีนิสัยขี้หงุดหงิด อารมณ์ร้อน หากอยู่ในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับตัวเอง จะเริ่มทำร้ายตัวเองด้วยการหักแขน หักขาตัวเองทิ้ง การเลี้ยงปูนาจึงต้องเลี้ยงในบ่อดินที่คล้ายคลึงกับสภาพแวดล้อมเดิม เพื่อคลายความเครียด และในบ่อดินยังมีแร่ธาตุช่วยให้ปูแข็งแรง สามารถฟื้นตัวได้ดี นอกจากนี้ควรหมั่นเอาใจใส่ และสังเกตพฤติกรรมปูนาบ่อยๆ เพื่อคำนึงถึงสภาพแวดล้อม อาหาร อารมณ์ เพื่อให้ปูนาเจริญเติบโตได้ดีอยู่เสมอ

นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับอาหาร ซึ่งสามารถใช้อาหารเม็ดปลาดุก อาหารกบ หรือข้าวสวยเป็นอาหารมื้อหลัก งดให้อาหารที่มันๆ เพราะจะทำให้น้ำเสียงาน และเสริมด้วยอาหารเสริม เช่น แหนแดง จอก และสาหร่าย เป็นต้น

ราคาขายของปูนา
กิโลกรัมละ 120 บาทโดยประมาณ


กวางรูซ่า สัตว์เศรษฐกิจประโยชน์หลากหลาย
 
ทำไมกวางรูซ่าถึงกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจ
กวางรูซ่า เป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีประโยชน์หลากหลาย และสามารถนำทุกส่วนมาใช้ประโยชน์ได้ ทั้งเนื้อที่แสนอร่อยแถมยังไขมันต่ำ หนังที่เหมาะกับการทำเครื่องหนังและเครื่องประดับ เขากวางอ่อนที่เหมาะสำหรับการแปรรูปเป็นอาหารเสริมได้ ทำให้กวางรูซ่ากลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มาแรงของไทย เกษตรกรบางท่านสามารถสร้างรายได้สูงสุด 6,000,000 บาทต่อปีเลยทีเดียว

เคล็ดลับวิธีการเลี้ยงกวางรูซ่า
กวางรูซ่า เป็นสัตว์กินหญ้าเช่นเดียวกับวัว แต่ต่างกันตรงที่ กวางรูซ่าตัวเล็ก ใช้พื้นที่การเลี้ยงน้อยกว่า ต้านทานโรคได้ดี ไม่ป่วยง่าย และกินน้อยเพียงแค่ตัดหญ้าขนให้ทานก็สามารถเลี้ยงให้โตได้ เสริมด้วยแร่ธาตุ อาหารเสริมแบบเดียวกับวัวก็เพียงพอแล้ว งดการเสริมอาหารสำเร็จรูปเพราะจะทำให้กวางตัวอ้วนจนเกินไป เป็นอุปสรรคต่อการผสมพันธ์ุ เพียงแค่ปลูกหญ้าขนที่เจริญเติบโตง่ายและขึ้นโดยทั่วไปก็ให้โปรตีนที่เพียงพอต่อกวางได้แล้ว

ราคาขายของกวางรูซ่า
ส่วนเนื้อกวาง ราคากิโลกรัมละ 200-500 บาทโดยประมาณ, เขากวางอ่อน ราคา 5,000-10,000 บาทโดยประมาณ


จระเข้ สัตว์เศรษฐกิจสายแฟชั่น
 

ทำไมจระเข้ถึงกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจ
ทุกคนคนคุ้นชินกันอยู่นานหลายปีแล้วว่า จระเข้ เป็นสัตว์ที่กินได้ และหนังของมันก็เอาไปทำกระเป๋าได้ แต่ปี 2023 นี้ เนื้อจระเข้ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากว่า ไขมันน้อย รสชาติดี และมีเนื้อสัมผัสคล้ายๆ กับอกไก่ ทำให้เนื้อจระเข้เป็นที่แนะนำและน่าสนใจเป็นพิเศษ อีกทั้ง ส่วนของหนังจระเข้ก็สามารถนำไปทำเครื่องหนังส่งออกต่างประเทศได้อย่างดี โดยจระเข้ที่นำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เศรษฐกิจมีอยู่ 2 สายพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่ จระเข้น้ำจืดหรือจระเข้พันธุ์ไทย และจระเข้น้ำเค็ม

เคล็ดลับวิธีการเลี้ยงจระเข้
การเลี้ยงจระเข้แน่นอนว่าควรจะมีบ่อเลี้ยงที่ปิดมิดชิดเพื่อป้องกันการหลุดลอดของจระเข้ออกสู่ธรรมชาติ ซึ่งมีความอันตรายสูง โดยพื้นที่รอบบ่อควรจะมีเสียงรบกวนน้อยที่สุด ไม่พลุกพล่านจนเกินไป มีแสงแดดส่องถึง และมีอาหารที่เพียงพอต่อจระเข้ตลอดเวลา การให้อาหารจระเข้ควรให้ 2-3 วันต่อครั้งด้วยเนื้อไก่สดติดกระดูกสำหรับจระเข้อายุไม่เกิน 1 ปี แต่หากเป็นสัตว์ชนิดอื่นควรให้สำหรับจระเข้ที่มีอายุมากกว่า 1 ปีไปแล้ว

การเตรียมบ่อจระเข้ควรเป็นบ่อแถวคู่ลักษณะ บกครึ่งหนึ่ง และน้ำครึ่งหนึ่ง ความยาวประมาณ 1.80 เมตร กว้าง 1 เมตร สูง 1.50 เมตร และส่วนที่เป็นบกสูง 50 เมตร พร้อมขัดมันพื้นบ่อและรอบบ่อเพื่อป้องกันลูกจระเข้ปีน และวางท่อระบายน้ำสองอัน สำหรับใต้น้ำควรใช้ท่อพีวีซี่ 2.5 – 3 นิ้ว และท่อบนน้ำใช้ควบคุมประมาณน้ำไม่ให้มากเกินไป ป้องกันน้ำท่วมนั่นเอง

การเลี้ยงจระเข้นั้น แน่นอนว่ามีต้นทุนสูงเพราะเนื้อไก่สดมีราคาสูง แต่เกษตรกรที่ต้องการประหยัดต้นทุนสามารถเลี้ยงลูกกบไว้สำหรับเป็นอาหารจระเข้เพื่อลดต้นทุนค่าอาหาร และหากมีพื้นที่ก็ควรจะเลี้ยงกบเพาะพันธุ์ควบคู่ไว้เพื่อเป็นอาหารให้จระเข้ได้อีกด้วย

ราคาขายของจระเข้
ส่วนเนื้อกวาง ราคากิโลกรัมละ 180 บาทโดยประมาณ,  ส่วนบ้องตัน ราคา 240  บาทโดยประมาณ, จระเข้ทั้งตัวราคาอยู่ที่ 900-1,500 บาทโดยประมาณ

สรุป
ในปี 2023 นี้ สัตวเศรษฐกิจหลายชนิดไม่คุ้นหูคุ้นตาเรามาก่อน หรือบางตัวก็เคยได้ยินชื่อมาบ้าง แต่เรียกได้เลยว่า 4 สัตว์เศรษฐกิจมาแรงที่เรานะนำมาในวันนี้ ทั้งปูนา กวางรูซ่า จระเข้ และกระต่าย ต่างสร้างรายได้งามให้กับเกษตรกรได้อย่างแน่นอน หลายๆ ท่านคงได้ไอเดียในการทำปศุสัตว์ที่ตอบโจทย์ตลาด แต่อย่าลืมที่จะศึกษาเทรนด์ตลาด และอัพเดตข่าวสารความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอนะครับ

ที่มา
https://www.technologychaoban.com/livestock-technology/article_247855
https://www.rakbankerd.com/agriculture/page.php?id=317&s=tblheight
https://www.palangkaset.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%9A%E0%B8%81/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%8B%E0%B9%88%E0%B8%B2-1/
https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_242362
บันทึกการเข้า

ruataewada

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 552
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่อง
Re: ที่ดิน ส.ป.ก ต้องเสียภาษีที่ดินหรือไม่?
« ตอบกลับ #102 เมื่อ: วันนี้ เวลา 10:02:34 AM »

โฉนดที่ดิน “3 ข้อ เข้าใจง่ายๆ ก่อนซื้อ-ขายที่ดิน”


>โฉนดที่ดิน ถือเป็นสินทรัพย์ที่สร้างเสริมมูลค่าได้ตลอดเวลา ทำให้หลายๆคนเลือกที่จะซื้อ-ขายโฉนดที่ดินเพื่อเก็งกำไร แต่ก่อนที่เราจะซื้อ-ขายโฉนดที่ดิน เราต้องรู้ก่อนว่าโฉนดที่ดินแบบใดซื้อ-ขายได้บ้าง และโฉนดมีกี่แบบ? แตกต่างกันอย่างไรบ้าง? เพื่อป้องกันข้อพิพาทหรือการฟ้องร้องกันในภายหลัง วันนี้เรารวบรวม 3 ข้อง่ายๆมาให้ทำความเข้าใจกันแล้ว…

โฉนดที่ดินมีกี่แบบ?



โฉนดที่ดินทั่วไปสามารถแบ่งได้ 4 ประเภท คือ โฉนดที่ดิน (นส. 4) หนังสือสิทธิรับรองการทำประโยชน์ (นส.3ก) หนังสือสิทธิรับรองการทำประโยชน์ (นส.3) และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) ซึ่งแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกันในลักษณะการถือครอง การใช้ประโยชน์ และการซื้อขาย ซึ่งจะแยกย่อยลงไปอีกและมีลักษณะแตกต่างกัน

โฉนดที่ดินแต่ละแบบต่างกันอย่างไร?


โฉนดที่ดินตราครุฑสีแดง หรือ นส.4
หนังสือที่ทางราชการหรือกรมที่ดินออกให้ตามประมวลกฎหมายเพื่อเป็นการแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินของผู้ที่เป็นเจ้าของ มีระวางรูปถ่ายทางอากาศชัดเจน และมีหมุดแสดงพื้นที่ชัดเจน หากผู้ใดมีโฉนดไว้ในครอบครองก็ถือได้ว่ามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินผืนนั้นอย่างสมบูรณ์

โฉนดที่ดินตราครุฑสีเขียว หรือ นส. 3 ก
หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือเอกสารที่แสดงสิทธิการครอบครองเพื่อทำประโยชน์ในพื้นที่ดินนั้นๆ เป็นหนังสือที่ทางราชการออกให้เพื่อรับรองว่าเจ้าของสามารถทำประโยชน์ในพื้นที่นั้นๆได้ โดยที่ดินจะมีระวางรูปถ่ายทางอากาศชัดเจน โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ครอบครองต้องทำให้ที่ดินนั้นเกิดประโยชน์ต่างจาก นส.4 ที่สามารถปล่อยพื้นที่ทิ้งว่างได้

โฉนดที่ดินตราครุฑสีดำ หรือ นส. 3/นส. 3 ข
หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือเอกสารที่แสดงสิทธิการครอบครองเพื่อทำประโยชน์ในพื้นที่ดินนั้นๆ เหมือนกันกับ นส. 3 ก แต่ไม่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ ไม่มีการวัดพื้นที่โดยละเอียด ลักษณะเป็นรูปแผนที่ลอยๆ อาจะใช้การอ้างอิงวัตถุ หรือต้นไม้ในบริเวณนั้นๆเพื่อเขียนร่างแผนที่ ไม่มีการกำหนดตำแหน่งที่ดินแน่นอน หรือบางกรณีใช้ออกในพื้นที่ที่ไม่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ ซึ่ง นส. 3 เป็นเอกสารที่นายอำเภอท้องที่เป็นผู้ออกให้ และนส. 3 ข เป็นหนังสือที่เจ้าหน้าที่ที่ดินเป็นออกออกให้แต่ยังไม่ได้รับรองอย่างเป็นทางการ

โฉนดที่ดินตราครุฑสีน้ำเงินหรือสีแดง หรือ ส.ป.ก.4-01
เอกสารสิทธิ์ให้ประชาชนเข้าทำประโยชน์ในเขตปฎิรูปที่ดิน หรือเอกสารที่ออกให้เจ้าของมีสิทธิในการทำเกษตรกรรม และการจัดที่อยู่อาศัยเพื่อเกษตรกรรม เจ้าของมีเพียงสิทธิในการครอบครองเพื่อใช้ประโยชน์ในการเกษตรเท่านั้น ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน

ใบจอง หรือ นส.2
หนังสือที่ทางราชการออกให้ประชาชนเพื่ออนุญาตให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเป็นการชั่วคราว ซึ่งผู้ที่มีใบจองต้องทำประโยชน์ในพื้นที่ดินมากกว่า 75% ของที่ดิน ภายใน 6 เดือนหลังได้รับใบจองและจะต้องทำประโยชน์แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 3 ปี

สิทธิทำกิน หรือ สทก.
หนังสือที่ราชการออกให้เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิทำกินในพื้นที่เขตป่าไม้ ซึ่งทางกรมป่าไม้จะเป็นผู้ออกให้ โดยผู้ถือสิทธิ์จะต้องทำประโยชน์ โดยกรมป่าไม้สามารถยึดคืนพื้นที่ดินได้ทันทีหากปล่อยรกร้างติดต่อกันเกิน 2 ปี

ใบชำระภาษีบำรุงท้องที่ หรือ ภ.บ.ท.5
ใบชำระภาษีบำรุงท้องที่ของผู้ที่อยู่อาศัย หรือใช้ประโยชน์ในพื้นที่มาแต่เดิม ไม่ใช่เอกสารสิทธิแสดงการครอบครองที่ดิน ที่ดินลักษณะนี้มักเป็นที่ดินมือเปล่า ที่ไม่มีเอกสารสิทธิใดๆทั้งสิ้น เป็นลักษณะของการอยู่อาศัย หรือใช้ประโยชน์สืบทอดกันมาเป็นรุ่นต่อรุ่น แต่จะไม่มีสิทธิในการครอบครองที่ดิน เจ้าของที่ดินตัวจริงคือ รัฐ

ใบไต่สวน หรือ น.ส. 5
หนังสือที่แสดงการสอบสวนเพื่อออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือแสดงสิทธิ์ที่ดินและให้จดทะเบียนสิทธิ์และนิติกรรมในใบไต่สวนได้ ไม่ใช่หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ แต่สามารถจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายที่ดิน และโอนให้กันได้ถ้าที่ดินมีใบไต่สวนและมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือเป็นการจดทะเบียนโอนมรดก

โฉนดที่ดินแบบใดสามารถซื้อ-ขายได้?
โฉนดที่ดินที่ซื้อ-ขายได้

โฉนดที่ดินตราครุฑสีแดง หรือ นส.4 :
สามารถซื้อ ขาย โอน จำนอง หรือค้ำประกันได้ทั้งหมด ทำให้นิยมซื้อขายมากที่สุด และมีมูลค่าด้านราคาสูงที่สุด ราคาของโฉนด นส.4 มีราคาสูงเมื่อเทียบกับเอกสารชนิดอื่นๆ โดยหากมีการซื้อขาย ผู้ซื้อ-ผู้ขายจะต้องไปทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ ต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดินเท่านั้น มิฉะนั้นจะถือ เป็นโมฆะ

โฉนดที่ดินตราครุฑสีเขียว หรือ นส. 3 ก :
สามารถซื้อ ขาย โอน จำนองได้ โดยเมื่อมีการสอบเขตแล้ว เจ้าของสามารถนำหลักฐานไปขออกโนดได้ทันทีไม่ต้องรอรังวัดติดประกาศ 30 วัน

โฉนดที่ดินตราครุฑสีดำ หรือ นส. 3/นส. 3 ข :
สามารถซื้อ ขาย โอนได้ โดยการซื้อ-ขายจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินเข้ามาทำการรังวัดและติดประกาศเป็นระยะเวลา 30 วัน ถ้าไม่มีใครยื่นเรื่องขอคัดค้าน จึงจะสามารถทำเรื่องขอออกโฉนดได้

โฉนดที่ดินที่ซื้อ-ขายไม่ได้

โฉนดที่ดินตราครุฑสีน้ำเงินหรือสีแดง หรือ ส.ป.ก.4-01 :
ไม่สามารถซื้อ ขาย โอน จำนองได้ แต่สามารถใช้เป็นมรดกตกทอดได้ โดยทายาทจะต้องทำเกษตรกรรมเท่านั้น หรือให้เช่าเพื่อการเกษตรได้

ใบจอง หรือ นส.2 :
ไม่สามารถซื้อ ขาย โอน จำนองได้ แต่สามารถใช้เป็นมรดกตกทอดได้

สิทธิทำกิน หรือ สทก. :
ไม่สามารถซื้อ ขาย โอน จำนองได้ แต่สามารถใช้เป็นมรดกตกทอดได้

ใบชำระภาษีบำรุงท้องที่ หรือ ภ.บ.ท.5 :
ไม่สามารถซื้อ ขาย โอน จำนองได้ แต่สามารถใช้เป็นมรดกตกทอดได้

ใบไต่สวน หรือ น.ส. 5 :
ไม่สามารถซื้อ ขาย โอน จำนองได้ แต่สามารถใช้เป็นมรดกตกทอดได้

เป็นอย่างไรกันบ้างกับการทำความเข้าใจ 3 ข้อง่ายๆ ก่อนซื้อ-ขายโฉนดที่ดิน สำหรับใครที่ถือโฉนดที่ดินไว้อย่าลืมเช็คว่าตัวเองถือเอกสารลักษณะใด เพื่อใช้ประโยชน์จากที่ดินให้เต็มที่ หรือใครที่กำลังจะมองหาซื้อที่ดินก็อย่าลืมเช็คกันนะว่าที่ดินนั้นสามารถซื้อ-ขายได้หรือไม่เพื่อให้เรามีกรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของโดยปราศจากข้อพิพาทอีกด้วย หลังซื้อแล้ว ควรทำรั้วให้ชัดเจนเพื่อแสดงอาณาเขตบุกรุกที่ดิน

 

ที่มา kasetphan
บันทึกการเข้า